ครั้งแรกกับการตะลุยเดี่ยวเที่ยว " ส มุ ย " สี่วันสามคืน ด้วยงบประมาณไม่เกินสี่พัน

  • เริ่มต้นจากการจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย วางแผนข้ามปีเลยได้ราคาไปและกลับ 780 บาท

และก็ซื้อตั๋วเรือ+รถ online ผ่านทางเว็ปไซด์ www.phantiptravel.com

ได้โปรโมชั่น Calling the sun @เกาะสมุย ไปกลับเพียงคนละ 699 บาท เท่านั้น จากราคาปกติคนละ 800 บาท

  • ชำระเงินค่าตั๋วเรือไปสมุยและรถจากสนามบินไปท่าเรือ ทั้งขาไปและขากลับ รวม 721.37 บาท
  • ค่าที่พักที่ The Pier Hostel 2 คืน คืนละ 350 บาท รวม 700 บาท และพักที่อุทยานหมู่เกาะอ่างทอง 1 คืน 500 บาท รวมค่าที่พัก 3 คืน 1,200 บาท
  • ซื้อทัวร์ไปหมู่เกาะอ่างทองกับคุณโจ (สวัสดีสมุย) ราคาคนละ 890 บาท ถ้าต้องการข้อมูลโปรแกรมท่องเที่ยวเพิ่มเติม สามารถโทรติดต่อคุณโจ ได้เลยค่ะ ที่เบอร์ 083-395-1235 ให้คำแนะนำดีมาก จนต้องบอกต่อเลย
  • ค่ารถสองแถวจากท่าเรือไปที่พัก เที่ยวละ 60 บาท ไป-กลับ รวม 120 บาท

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 3,711 บาท ยังไม่รวมค่าอาหาร ซึ่งเราไปคนเดียวก็กินอาหารตามสั่งง่ายๆ ทริปนี้เลยเที่ยวด้วยงบสี่พัน

เดินทางไปกับสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD 3239 ออกจาก กทม. เวลา 11.40 น. และจะถึงสุราษฎร์ธานี 12.50 น.

ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที ก็มาถึงยังสนามบินสุราษฎร์ธานีแล้ว

พอเดินออกจากประตูก็จะเห็นเคาน์เตอร์ของบริษัทพันทิพย์ นำเอกสารที่ได้ซื้อตั๋วเรือ+รถ ผ่าน online

มาแลกบัตรโดยสารได้เลยค่ะ

บัตรโดยสารรถและเรือทางบริษัทจะนำให้เราทั้งขาไปและขากลับ ต้องรักษาไว้ให้ดีๆเลย

ได้ตั๋วแล้วก็นำมาขึ้นรถที่ประตูทางออกจากสนามบิน รถออกเวลา 13.30 น. ใช้เวลาเดินทางไปยังท่าเรือ 1 ชั่วโมง 30 นาที

บ่ายสามโมงเดินทางมาถึงท่าเรือ ซึ่งจากท่าเรือไปเกาะสมุยก็ใช้เวลาเดินทางอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที

ชมวิวบนเรือไปเรื่อยๆ ภายในเรือมีห้องโดยสารติดแอร์ด้วย แต่แอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ เราเลยเลือกออกมารับลมด้านนอกดีกว่า

เดินทางมาถึงเกาะสมุยแล้ว จะเห็น Taxi และ มอเตอร์ไซด์รับจ้างยืนรอลูกค้าอยู่มากมาย

แนะนำว่าให้เดินออกมาจนสุดทางจะเห็นสองแถวจอดรออยู่ ซึ่งราคาจะถูกกว่า Taxi และ มอเตอร์ไซด์รับจ้างแน่นอน

เรานั่งสองแถวจากท่าเรือไปยังหมู่บ้านชาวประมง ที่หาดบ่อผุด ราคา 60 บาทเท่านั้น

ซึ่งจากท่าเรือมาที่หมู่บ้านชาวประมง หาดบ่อผุด ใช้เวลา 30 นาที

เราพักที่ The Pier Hostel ซึ่งอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านชาวประมงเลย

ที่พักที่นี่สะอาด และพนักงานต้อนรับให้บริการดีมากๆ

โดยทั่วไปแล้วที่พักแบบ Hostel จะนอนกันหลายคน ต่อห้อง แต่ที่นี่ห้องนึงจะนอนได้ 2 คน

แต่วันที่เรามาเข้าพักเป็นวันที่ห้องพักที่นี่ไม่เต็มเราเลยได้นอนห้องนี้คนเดียว :-)

Hostel จะเป็นห้องน้ำรวม ซึ่งเดินออกมาจากห้องนิดเดียวก็ถึงแล้ว

ห้องอาบน้ำที่นี่จะมีสบู่เหลวและแชมพูให้บริการ มีน้ำอุ่นด้วยนะคะ

ส่วนห้องน้ำก็มีสายชำระไว้ให้บริการด้วย

เดินออกมาชมวิวยามเย็นที่หาดบ่อผุด

หาดนี้เป็นหาดที่สงบเงียบมากๆเลย

เช้าวันที่สองเตรียมตัวออกเดินทางไปยังหมู่เกาะอ่างทอง ได้จองทัวร์ไว้กับคุณโจ (สวัสดีสมุย) ราคาคนละ 890 บาท

ซึ่งจะมีรถตู้มารับที่หน้าโรงแรมเวลา 7 โมงครึ่ง เพื่อเดินทางไปยังท่าเรือ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ถึงท่าเรือแล้ว

มื้อเช้าบนเรือจะมีให้บริการกาแฟ-ขนมปัง และกล้วย รับประทานได้แบบไม่จำกัดเลย

นั่งเรือใหญ่ไปเรื่อยๆ ประมาณสองชั่วโมงก็ถึงหมู่เกาะอ่างทองแล้ว จะมีเรือเล็กหางยาวมารับขึ้นฝั่ง


ถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองแล้ว

คืนนี้เราพักที่อุทยานหมู่เกาะอ่างทอง ห้องพักราคาคืนละ 500 บาท ภายในห้องกว้างมาก

ห้องนอนมี 2 เตียง เข้าพักได้ 2 คนค่ะ

ภายในห้องพักมีมุมห้องนั่งเล่นด้วย


มีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพัก

เราเข้าพักที่นี่มีเวลามากพอที่จะเดินขึ้นไปจุดชมวิวที่ผาจันทร์จรัส และ ดำน้ำดูปะการังก็ได้ มีถ้ำบัวโบกให้ไปชมด้วยแต่ทางเดินค่อนข้างลำบาก เราเลือกขึ้นจุดชมวิว 500 เมตร ค่อยๆเดินขึ้นไป เจ้าหน้าที่บอกว่าเพิ่งทำเส้นทางเดินใหม่ เพิ่งเสร็จห้าเดือนเอง ทำให้เดินง่ายขึ้น

เราเลือกเดินขึ้นไปช่วงเวลาสี่โมงเย็น กะว่าจะไปชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

ระหว่างทางที่เดินเราก็ได้ชมวิวมาเรื่อยๆ และก็นั่งพักให้หายเหนื่อยบ้างเป็นระยะๆ

จุดพักชมวิวแรกที่ "100 เมตร"

จุดพักชมวิวที่ "200 เมตร"

จุดพักชมวิวที่ "350 เมตร"



และเราก็เดินทางมาถึงจุดชมวิวสูงสุด 500 เมตร

ระหว่างทางที่เดินขึ้นมา เราก็ได้เก็บขยะที่เห็นระหว่างทางเดินด้วย แหล่งท่องเที่ยวสะอาดได้ด้วยสองมือเรา

เป็นความภูมิใจที่เก็บขยะใส่ได้เกือบเต็มขวดน้ำเลย ขยะส่วนใหญ่ก็เป็นพวกทิชชู่ พลาสติก และสติ๊กเกอร์

ตั้งใจจะรอชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่ดูเหมือนว่าท้องฟ้าจะไม่เป็นใจซักเท่าไหร่


กว่าจะเดินลงมาถึงด้านล่าง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว

เดินลงมาถึงด้านล่างพร้อมกับการเก็บขยะระหว่างทางได้เต็มขวดน้ำเลย

นั่งชมจันทร์ในคืนวันที่สอง

เจ้าหน้าที่บอกว่าตอนเช้าหน้าหาดที่นี่พระอาทิตย์จะขึ้นสวยมาก ห้ามพลาดที่จะตื่นเช้ามาชม

เช้าวันที่สามขอทำตัวให้เป็นประโยชน์ซักนิด เราก็เดินเก็บเศษขยะที่ลอยมาอยู่บริเวณชายหาด

เก็บขยะได้หนึ่งถุงกลางๆ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าจะมีทหารมาทำความสะอาด กวาดขยะและเศษปะการังทุกเช้าอยู่แล้ว

อย่างน้อยๆวันนี้เจ้าหน้าที่ก็คงเหนื่อยน้อยลง

ระหว่างที่รอเรือมารับกลับประมาณเที่ยงครึ่ง ก็นั่งดื่มน้ำมะพร้าวรอ น้ำมะพร้าวที่นี่หวานมากแต่เนื้อนี่กินไม่ได้เลยแข็งสุดๆ

เจ้าหน้าที่บอกว่าใส่ชูชีพทุกครั้งก่อนขึ้นเรือเพื่อความปลอดภัย Highsea Tour ดูแลดีมาก คอยถ่ายภาพให้เราตลอดเลย

สำหรับใครที่ไม่อยากนั่งเรือเล็กขึ้นฝั่ง ก็สามารถเลือกพายเรือคายัคได้

มื้อเที่ยงบนเรือ วิวดี๊-ดี นั่งกินข้าวไปด้วย ชมวิวไปด้วย

บ่ายนี้มาทะเลใน ขึ้นจุดชมวิวเกาะแม่เกาะ

ค่อยๆเดินขึ้นไปจุดชมวิว

ทางเดินค่อนข้างชัน

ถึงจุดชมวิวทะเลในแล้ว สวยงามตามภาพที่เห็น

สำหรับใครที่ไม่อยากเดินขึ้นไปจุดชมวิว ก็สามารถที่จะดำน้ำดูปะการังได้

ได้เวลาเดินทางกลับขึ้นฝั่ง จะต้องนั่งเรือเล็กเพื่อไปต่อเรือใหญ่

จะมีเรือเล็กของเจ้าหน้าที่คอยรับ-ส่งนักท่องเที่ยว

ขึ้นเรือมาถึงเจ้าหน้าที่บนเรือมีให้บริการน้ำอัดลมและขนม

ชมวิวระหว่างทาง

ฟ้าหลังฝน ได้เจอรุ้งงามๆ

กลับถึงฝั่งสมุย ชมอาทิตย์ลับขอบฟ้าในคืนวันสุดท้าย

คืนนี้ที่มีถนนคนเดินที่หาดบ่อผุด เราเลยเดินเล่นหาซื้อของฝากก่อนกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้

ในเช้าวันที่สี่ ต้องเดินทางกลับแล้ว เราเลือกนั่งสองแถวจากหน้าปั๊มน้ำมันบ่อผุด มาถึงท่าเรือราคา 60 บาท

เราเลือกขึ้นไปนั่งชมวิวที่ชั้นบนสุดของเรือ

ทริปนี้โชคดีจัง มาเที่ยวหน้าฝนแต่ยังไม่เปียกฝนเลย

บันทึกเรื่องราวและความทรงจำดีๆผ่านโปสการ์ด

รอรถออกเดินทางจากท่าเรือไปยังสนามบิน

ชมวิวระหว่าทางกลับ

ชมแสงสุดท้ายบนเครื่องบิน

ถึงสนามบินดอนเมืองแล้ว นั่งรถโดยสารขึ้นทางด่วนเข้าเมือง ราคา 50 บาทเท่านั้น

Little Princess

 วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.30 น.

ความคิดเห็น