ใครว่าหน้าฝนเที่ยวไม่มันส์.....





เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีรถไฟบางซื่อค่ะ

ก่อนเดินทางก็เติมพลังตุนเสบียงกันกับก๋วยจั๊บ ตรงสถานีรถไฟนี่แหละค่ะ

หลังจากนั้นก็รอรถไฟ....เป็นฤกษ์งานยามดีวันนี้รถไฟไม่เลท เย้!!!





เดินทางด้วยรถไฟ ชั้น 2 กรุงเทพฯ - นครพิงค์ เป็นเบาะนั่งปรับเอนได้นิดหน่อย

แต่โดยส่วนตัวเราชอบนะ มีที่ยืดเท้ากว้างดี เราได้ที่นั่งหลังสุด เดินไปห้องน้ำไม่ไกลมาก

เราอาจเป็นคนไทยเพียง 2 คนก็ได้ที่อยู่บนขบวนรถไฟตู้ที่ 6 เพราะส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติกันหมดเลย


---------------------

ถึงแล้วสถานีรถไฟเชียงใหม่...... เลทไปนิดหน่อยแค่ 15 นาที ลงจากรถไฟ เราเดินไปขึ้นรถสองแถวแดง

เพื่อเดินทางต่อไปหาพาหนะคู่ใจกับการเดินทางของเราในครั้งนี้



จุดหมายปลายทางแรกของเราในวันนี้คือเดินทางไปที่พัก บ้านแม่กลางหลวง

ขับออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหางดง มุ่งหน้าดอยอินทนนท์ ใช้เวลาไม่นานมากค่ะ



และแล้วก็ถึงซะที เราจองห้องพักไว้ล่วงหน้า เป็นบ้านทิวไผ่

และนี่คือภาพที่มองออกมาจากห้องพักค่ะ แทบจะไม่อยากออกไเที่ยวที่ไหนเลย ด้านหน้าเป็นเขาและนาขั้นบันได มีหมอกบางๆ ได้บรรยากาศสุดๆ

วันนี้ฝนตกเหมือนที่คิดไว้ล่วงหน้า เราเก็บข้าวของ อาบน้ำแต่งตัว และนั่งชิวๆกับเก้าอี้ไม้หน้าห้องซักพัก

ก็ออกไปทานอาหารที่ร้านค้าในหมู่บ้าน เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปดอยอินทนนท์กันต่อ


-----------------------------
ตลอดทางขึ้นดอยอินทนนท์ เราเจอกับฝนตกตลอดทาง และมีหมอกลงจัดจนแทบมองไม่เห็นทาง

เข้าใจคำว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวเลยล่ะค่ะ ขับไปซักพักต้องจอดพักรถและพักร่าง ที่กิ่วแม่ปาน พักเข้าห้องน้ำ

ยืดเส้นยืดสาย ก่อนที่จะกัดฟันลุยกันต่อเพราะเหลือแค่ไม่กี่กิโลเท่านั้น



เมื่อมาถึงด้านบน สิ่งแรกที่คิดคือต้องการมาม่าร้อนๆซักถ้วย หรือชาร้อนๆซักแก้ว ด้านบนปิดทำการไปแล้ว น้ำตาไหลพราก แต่โชคดีที่ร้านกาแฟด้านบนยังเปิดอยู่ มอคค่าร้อนๆ 2 แก้ว ช่วยชีวิตเราไว้ มันหนาวจริงๆนะคะ หนาวจนมือนี่แทบไม่รับความรู้สึกอะไรเลย


สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ หาซื้อเสื้อกันฝน เพราะลมแรงมากขับลงไปต้องหนาวตายแหง่ๆ โชคที่มีกร็ปของชาวต่างชาติที่มาดูนกที่นี้

เราเลยไปอ้อนๆ ขอเสื้อกันฝน เค้าก็ใจดีมากให้มา 2 ตัว เค้าพกมาเยอะ แทบกราบ เพราะถ้าไม่มีเส้ื้อกันฝนจากพวกเค้า เราก็ท้อที่จะขับลงไปเหมือนกัน



จริงๆนี่ไม่ใช่การขึ้มาบนดอยอินทนนท์ครั้งแรกของเรา 2 คน แต่เป็นการเดินทางขึ้นมาแบบแทบร้องขอชีวิตเป็นครั้งแรก

-------------------------------------

หลังการเดินทางสุดโหด ท้องก็เริ่มหิว เราทานอาหารเย็นกันที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อยู่ระหว่างทางกลับที่พัก เมนูวันนี้คือ แกงเลียงกุ้งสดผักรวม กะหล่ำผัดน้ำปลา เห้ดผัดน้ำมันหอย เป็ดอบกาแฟ และเบียร์บางๆ



-----------------------------


ยินดีต้อนรับหน้าฝนอย่างเป็นทางการ....

[ วันที่ 2 ]

วันนี้เราตั้งใจจะเดินทางไปน้ำตกรักจัง (น้ำตกผาดอกเสี้ยว) แต่ฝนฟ้าก็ไม่เป็นใจเท่าไหร่ แต่เอาเถอะตั้งใจไว้แล้วก็ต้องลุย!!! ก่อนเดินทางเราไปทานข้าวเช้ากันที่ร้านในหมู่บ้านอีกเช่นเคย ต้มจืดเต้าหู้ไข่ร้อนๆ ไข่เจียวหอมๆ และสุกี้นี่ผัดไข่ (เราเพิ่งเคยกินครั้งแรก รสชาติก็เหมือนแตงกวา แต่กรอบอร่อยกว่า)


เราติดต่อไกด์นำเที่ยวจากหมู่บ้าน และจ้างรถกะบะไปส่งตรงทางขึ้น เพราะระยะทางไกลพอสมควรจากที่พัก

พี่เค้าบอกว่าเก็บแรงไว้เดินกลับดีกว่า


เส้นทางเดินไปน้ำตก คนที่ชอบต้นไม้ ชอบสีเขียวต้องชอบมากแน่ๆ เพราะตลอดเส้นทาง มีต้นมอส เห็ด และต้นไม้เขียวๆครึ้มตลอดเส้นทาง


ระหว่างทางเราเดินไปเจอแปลงดอกไม้ของชาวเขาเผ่าหม๊ง ที่กำลังเก็บดอกเบญมาศ เพื่อนำจำหน่ายในกรุงเทพฯ คุณลุงที่นำเที่ยวบอกว่า ชาวเขาเราไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าแม๊ว อย่างที่เราเห็นอยู่นี่เป็นชนเผ่าม้ง ส่วนคุณลุงเป็นชนเผ่าปะปากญอ เครื่องแต่งกายก็จะไม่เหมือนกัน


ด้วยความที่ทางค่อนข้างลื่น และเราต้องใส่รองเท้าบูทซึ่งไม่ชินเลยจริงๆ มันดุมากค่ะ เราโดนกัดทั้ง 2 คนเลยต้องถอดรองเท้าเดินเป็นกิโล แต่ก็สนุกไปอีกแบบ


เดินไปเพลินๆ ก็ถึงกับต้องร้องกรี๊ดดดดดด ถึงแล้วโว๊ยยยยยยยย น้ำตกรักจัง ที่เคยดูในหนังตอนมัธยม

ใช้เวลาอยู่ที่น้ำตกซักพัก สูดหายในลึกๆ เก็บภาพได้พอสมควรก็ออกเดินทางกันต่อ เส้นทางที่เราจะเดินกลับ จะเป็นเดินเลาะหลังหมู่บ้านที่เราพักอยู่



--------------------------------------

กลับจากเดินทางขึ้นเขา เราก็กลับที่พักเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวเดินทางต่อ

เพราะจุดหมายปลายทางของเราที่ตั้งใจไว้คือ บ้านปงเปียง อ.แม่แจ่ม

เราจึงเริ่มเดินทางออกจากที่พัก ที่สำคัญคือหาซื้อเสื้อกันฝน เพราะถึงตอนนี้ ฝนก็ยังคงตกอยู่

ขับรถไปหนาวตายแน่ๆเลยจ้าวววว



เราได้หาข้อมูลการเดินทางไปบ้านปงเปียง จากใน Pantip นี่แหละค่ะ เพราะมีพี่ๆกลุ่มนึงเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์ ทางก็โอเคนะ พอไหว เลยตกลงกันว่าเราจะใช้เส้นทางนี้แหละ เป็นเส้นที่ผ่านทางเข้า อช. ดอยอินทนนท์เข้ามา แล้วเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าสู่เขตอำเภอแม่แจ่ม เป็นทางลาดยาง หมอกลงเบาๆ เหมือนขับรถอยู่ในเมืองอะไรซักอย่าง ขับไปเรื่อยๆ ทางยิ่งเล็กลง เล็กลง เส้นทางดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนใช้เดินทางกันเท่าไหร่ เงียบมากๆ


จากทางที่เล็กลงเรื่อยๆ มันก็เริ่มเละลงเรื่อยๆ ลองนึกภาพทางลูกรังที่เป็นโคลนและแอ่งน้ำสิคะ เส้นทางข้างหน้า น้ำตาแทบร่วง ซึ่งคาดว่าระยะทางกว่าจะถึงจุดหมาย น่าจะไกลมากพอสมควร

(อ้าวเห๊ย!!! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า 5555555)



แต่เมื่อมาถึงบ้านปงเปียง ความเหนื่อยทั้งหมดมันก็หายไป เพราะภาพที่เห็นตอนนี้คือทุ่งนากว้างสุดตา กับต้นข้าวสีเขียวๆ

ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาถ่ายภาพแล้วถ้าไม่มีอะไรมากก็คงจะกลับ แต่ด้วยเส้นทางและความสงบของบ้านปงเปียงแห่งนี้ ถ้าไม่อยู่ต่อคงน่าเสียดาย แต่เราไม่ได้จองที่พักไว้ล่วงหน้า และนี่ก็ 16.30 แล้ว ภาวนาขอให้ผลบุญอันน้อยนิดที่มีอยู่ ช่วยดลบันดาลให้เรา 2 คน มีที่พักด้วยเถิดเพี้ยง!!!! อยู่ๆก็มีพี่เจ้าของ ที่พักอีกหลังนึงเดินมา พี่เค้าบอกว่ามีบ้านอีกหลังนึง ท้ายหมู่บ้านน่าจะยังว่างอยู่ และให้เบอร์ติดต่อเรามา


เรามีที่นอนแล้วค่ะคืนนี้ รอดตาย!!! บ้านพักของเราเป็นบ้านไม้ยกสูง มีห้องนอน 1 ห้อง นอกชานเป็นพื้นไม้ไผ่ ด้านล่างปูกผักเต็มไปหมดเลย ที่สำคัญหน้าบ้านมีน้ำตกเล็กที่ไหลมาจากเขาด้านหลัง เหมือนบ้านในแบบเรียนตอนประถมเลย ชอบสุดๆ


ลูกชายเจ้าของที่พักมาดูแลเรา น้องเค้ามาจุดไฟไล่ตัวคุ่นให้ เพราะน้องบอกว่าถ้ามันกัด หรือบางคนแพ้ ก็อาจเป็นแผลได้เลยล่ะค่ะ

ค่ำนี้กินข้าวท่ามกลางแสงจากตะเกียงไฟ และอาหารมื้อนี้ของเราคือไข่เจียว ยำปลากระป๋อง พร้อมกับของหวานคือกล้วยน้ำหว้าอีก 1หวี เราว่ามันเป็นอาหารธรรมดาๆแหละ

แต่ทำไมวันนี้รสชาติมันดีกว่าที่เคยเป็นก็ไม่รู้ คงเพราะบรรยากาศ ความเรียบง่ายและคนข้างๆมั๊งคะ ^^



---------------------------

เช้านี้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศหนาวกำลังดี อาหารเช้าก็ถูกนำมาให้โดยน้องชายคนเดิม เรา 2 คนมีโอาสพูดคุยกับน้องที่นอกชานของบ้าน น้องอายุ 23 ปี เล่าให้เราฟังว่า หมู่บ้านมีอยู่กันไม่กี่หลัง ทุกคนรู้จักกันหมด ช่วงหน้าทำนาก็จะช่วยกัน ตอนเกี่ยวข้าวก็สนุกมากเลย เพราะต้องข้ามเขาลูกโน้นลูกนี้ เพื่อไปช่วยกันเกี่ยวข้าว เราว่ามันเป็นวิถีชีวิตชาวนาที่อบอุ่นและเป็นความเรียบง่ายที่ยังมีอยู่จริงโดยไม่ถูกปรุงแต่งใดๆ



ได้เวลาอำลาบ้านบงเปียงและมิตรภาพดีๆที่นี่แล้วล่ะ เราออกเดินทางกลับในช่วงสายๆ โดยใช้เส้นทางอีกเส้นทาง ที่น้องแนะนำมา เป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าผ่านอำเภอแม่แจ่มและไปสู่ดอยอินทนนท์ เส้นทางนี้ดีกว่าตอนขับเข้ามาค่ะ วิวก็สวยมาก ข้างทางเป็นไร่ข้าวโพด สลับกับการทำนาขั้นบันได


ขับไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับทางแยกสู่ถนนใหญ่ เกือบเที่ยงแล้วเลยพักทานก๋วยเตี๋ยวกันที่ร้านค้าเล็กๆ ตรงสามแยกพอดี เราว่าแม่ช้อยต้องไม่ได้มารำแถวนี้แน่ๆ เพราะก๋วยเตี๋ยวบ้านๆที่นี่อร่อยมาก น้ำซุปหอมอร่อย เราไม่ได้ปรุงรสชาติเพิ่มเติมเลย ที่สำคัญพอคิดค่าเสียหาย ราคาก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม กับบน้ำอัดลม 2 กระป๋อง 50 บาท หื้มมมมมมม ถูกและดีมันมีอยู่จริง


-------------------------

จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ค่อยๆขับไปเรื่อยๆ มีฝนตลอดเส้นทาง ถึงที่พักในตัวเมือง ก็สลบหมดแรงค่ะ เราไปทานอาหารเย็นกันที่ ร้านเจริญสวนแอก เป็นร้านประจำถ้ามาเชียงใหม่ก็จะชอบมาทาน อาหารเหนือรสชาติเยี่ยม แต่ด้วยสภาพที่ย่ำแย่และผสมกับเริ่มมีไข้ เรา 2 คนเลยตัดสินใจกลับที่พักทานยาแล้วนอนดีกว่า เพราะร่างกายไม่ไหวจริงๆ ราตรีสวัสดิ์เชียงใหม่ z z Z Z


วันสุดท้ายแล้วน๊า เช้านี้เราเก็บกระเป๋า และเตรียมตัวเอารถไปคืน ก่อนกลับก็ขับรถเล่นในเมือง เพราะต้องไปถึงสนามบินประมาณเที่ยง จบทริปนี้กันด้วยการเข้าวัดทำบุญ วัดพันเตา และวัดเจดีย์หลวงค่ะ เพราะผลบุญได้ใช้ไปหมดแล้วตอนที่ภาวนาขอที่พัก แฮ่ๆ



ก่อนเดินทางกลับ เราเขียนโพสการ์ดถึงตัวเอง เพื่อเป็นการบันทึกความทรงจำของการเดินทางสุดพิเศษนี้เป็นทริปท้าทายในหน้าฝน ที่ทำให้เรารู้ว่า...การออกเดินทางครั้งนี้มันคุ้มค่า เพราะสิ่งที่ได้รับมันมากกว่าความสุข ขอบคุณธรรมชาติสวยๆ บรรยากาศดีๆ ...ที่สำคัญขอบคุณคนข้างๆที่ร่วมเดินทางสุดโหดไปด้วยกัน




ความคิดเห็น