สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมได้ไปเที่ยวที่ แพ500ไร่ เมื่อไม่นานมานี้ สำหรับใครที่หาที่เที่ยวฤดูฝนอยู่ตามมาให้ดีเลย ที่นี่ทางเจ้าถิ่นบอกเองเลยว่าฤดูฝนสวยที่สุด
สำหรับผมแล้ว ถ้าพูดถึงการเที่ยวเขื่อนผมก็นึกถึงที่แพ500ไร่เป็นอันดับแรก อาจด้วยเพราะผมหมายตากับที่นี่มานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้มา ครั้งนี้ผมเป็นผู้โชคดีจากการร่วมกิจกรรมทางเพจของ แพ500ไร่ ก็เลยได้มาสมใจอยากแล้ว เอาแบบเน้นๆไม่ต้องยืดยาวมากละกันมาเริ่มกันเลย
เช้าผมก็ขึ้นไปสันเขื่อนก่อนเลยหวังจะเจอหมอกแต่ก็แห้ว
จากนั้นก็หาของกินอะไรไปเรื่อยเปื่อยรอเวลา สำหรับท่านที่ขับรถมาเอง ออฟฟิตของทางแพ500ไร่มีที่จอดสำรองไว้ให้ ไม่ต้องห่วงเรื่องรถเลย จากนั้นก็จะมีรถตู้ไปส่งที่ท่าเรือแล้วก็ลงเรือออกเดินทางกันได้
วิวระหว่างทางก็จะประมาณนี้ไปตลอดทาง
แวะดูเขาสามเกลอ จุดสำคัญของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ ฟ้าครึ้มมาเชียว
พอมาถึงแพที่พักก็กินมื้อเที่ยง อาหารของที่นี่รสชาติดีเลย จากนั้นก็เข้าห้องพัก ห้องสวยน่านอนมากๆ มองออกไปนอกบ้านวิวดีมากกก สำหรับที่นี่ในตอนกลางวันจะมีไฟให้ใช้ชาร์ตกล้อง เปิดพัดลม ได้ตลอดเวลายกเว้นแอร์นะครับ
กิจกรรมแรกที่ผมไปคือ ชมถ้ำปะการัง ซึ่งอยู่จุดที่เรียกว่าทะเลใน เพราะเป็นทะเลสาบในหุบเขา เราจะต้องเดินข้ามเขาไป แล้วไปนั่งแพไม้ไผ่ต่อไปยังถ้ำ ทางเดินก็ไม่ชันมากเดินสบายๆครับ ท่านใดที่ร่างกายยังไหวอย่าไปกลัวครับมาแล้วต้องไปให้ถึง เดินช้าเดินเร็วไม่มีใครว่า แถมน้องไกด์ยังดูแลเราอย่างดีตลอดทางด้วยครับ
เราจะนั่งแพกันแปปเดียวก็ถึงถ้ำละครับ ระหว่างทางฝนก็ตกข้างหน้าเราเลย แต่เราถึงถ้ำก่อนแบบเฉียดฉิวเลยรอดไป
ภายในถ้ำไกด์ก็จะอธิบายให้เราฟังถึงหินงอกหินย้อยต่างๆ สวยงามแปลกตา ไม่ต้องกลัวว่าจะมืดนะครับเพราะมันมืดอยู่แล้ว 555 ไกด์จะมีไฟนำทางให้เรา และส่วนมากโทรศัพท์ของพวกเราที่ตอนนี้ไม่มีสัณญาณเนี่ยก็มีไฟฉายกันอยู่แล้ว ส่วนตัวผมเองจะพกไฟฉายคาดหัวไว้ในกระเป๋ากล้องเสมออยู่แล้วสบายไป
ใช้เวลาประมาน 30-45 นาทีก็กลับออกมาฝนก็ไปละครับ โชคดีจริงๆไปกลับไม่โดนฝนเลย สำหรับแพไม้ไผ่ที่เรานั่งต่อมาได้สมดุลดี สามารถเดินบนแพ ไปยืนถ่ายรูป ยืนโพสที่ด้านหน้าแพได้สบายๆเลยครับ
จากนั้นก็เดินข้ามเขากลับทางเดิมต่อเรือกลับที่พักกินอาหารเย็น บรรยากาศหลังฝนตกนี่มันสุดๆเลยครับ
ตั้งแต่มาผมก็หวังว่าจะดวงดีได้เห็นทางช้างเผือกแต่ก็ไม่เห็นเพราะมีเมฆมาบัง พอหมดหวังจะดูดาวก็ปิดไฟนอนเอาแรงมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแทน บรรยากาศยามเช้าของที่นี่สวยมาก แค่ลุกจากเตียงที่นอนสบายสุดๆให้ได้ เปิดประตูมาก็เจอแบบนี้เลยครับ
วันที่ 2 ตอนเช้ามีนัดไปนั่งเรือดูหมอกส่องสัตว์กัน ก็ได้เห็นนกอยู่หลายชนิด ชะนี ก็มีแต่ผมถ่ายมาไม่ได้ครับ ได้นกเหล็กมาแทนเห็นกันไหม
จากนั้นก็เป็นมื้อเช้า แล้วก็พักผ่อนตามสบายจะนอนจะเล่นน้ำพายเรืออ่านหนังสือ อีกกิจกรรมนึงที่มีให้เราทำคือไปจุดชมวิว เรียกว่า
ทารซานวิวพอยท์ ซึ่งกลุ่มผมมีผมไปคนเดียวครับ จุดนี้มีทากด้วยผมก็โดนไป 3-4 ที ใจนึงก็ไม่อยากโดนใจนึงก็อยากรู้มานานแล้วว่าตอนโดนกัดมันจะเป็นยังไงก็สมใจละครับ
การเดินของเส้นทางนี้ก็จะชันประมาณนึงจนมาถึงช่วงท้ายสุดที่จะต้องปีนหินกันนิดหน่อยหินก็จะมีคมบ้างก็ต้องระวังกันด้วยแต่วิวที่ขึ้นไปนั้นก็สวยเลยทีเดียวเห็นวิวเขื่อนได้เต็มๆ
ขึ้นไปถึงแล้วก็นั่งพักซักแปปพอหายเหนื่อยก็เก็บภาพเป็นที่ระลึกซักหน่อย อยากจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ แต่ไม่ใช่อยู่จนค่ำมืดนะครับ
จบการเดินขึ้น ทาร์ซานวิวพอยท์ไปตอนเย็น ก็มีไปดูสัตว์อีกครับรอบนี้จะเน้นไปดูสัตว์ใหญ่อย่าง กระทิง ช้าง ล่องเรือไปได้ซักพักก็เจอกระทิงกินหญ้าอยู่เราต้องต้องดับเครื่องเรือให้เงียบ กระทิงจะได้ไม่ตกใจเข้าป่าไป
มีได้สบตากันนิดหน่อย
วิวระหว่างทางครับ
กลับมาจากดูสัตว์ก็เตรียมตัวลงแพไปดินเนอร์กัน
หลายท่านคงไม่ทราบว่าที่นี่มีบริการ ดินเนอร์บนแพด้วยนะครับ ท่ามกลางแสงเทียนกันเลย แถมพระอาทิตย์ตกฟ้าสวยสุดๆตรึงตามาก
กิจกรรมทั้งหมดของผมก็มีเท่านี้ ทั้งอิ่มทั้งเพลียจากการกิจกรรมทั้งวันแต่รู้สึกผ่อนคลายมาก สำหรับผมแล้วที่นี่ทำให้ลืมโลกภายนอกไปเลย
อีกอย่างนึงครับพนักงานที่นี่บริการดีมากครับขากลับก็มายืนส่งกันถึงเรือเลย
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เขามาชมกะทู้แรกของผมครับ
ลาไปด้วยภาพบรรยากาศแถมๆครับ
เพื่อนๆชอบเที่ยวชอบถ่ายภาพพุดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/Free-ways-1878362915745487/ เลยครับ
ขอบคุณครับ
Atip Rungsirisap
วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.10 น.