แม่สะเรียง

เมืองเดียวเขียวจับใจ เลี้ยวซ้ายก็ทุ่งนา เลี้ยวขวาก็ป่าเขา

------

ชีวิตคนเมือง หันไปทางไหนก็มีแต่ตึก มีแต่คน

จะหาพื้นที่ว่างๆ โล่งๆ และสีเขียวๆ ให้มันชุ่มช่ำหัวใจนี่แทบไม่มี

ทำไมทุกวันนี้คนถึงโหยหาธรรมชาติกันนัก ?

ทั้งที่เมื่อก่อน ทุกคนพยายามทำบ้านของเราและความเป็นอยู่ของเราให้มันดูทันสมัยที่สุด ดีที่สุด และโคตรล้ำที่สุด

สุดท้ายเมื่อเราพยายามกับชีวิตแบบนั้น

จนเรา #เหนื่อย

เราจะโหยหาความธรรมดาที่สุดในชีวิตกลับคืนมา

จนบ่อยครั้งที่เรารู้สึกว่า...

ขอได้มั้ยธรรมชาติแบบนี้

ขอสักที่ที่กินอยู่ง่ายๆ ก็พอ

ขอสักมุมให้ได้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปตามกาลเวลา และผ่านไปอย่างช้าๆ

ที่ไหนก็ได้...ที่จะทำให้รู้สึกแบบนี้

.

.

.

เมื่อชีวิตถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางอีกครั้ง ผมจึงพาความรู้สึกเหล่านี้ยัดลงกระเป๋าและพามันไปปลดปล่อยที่เมืองเล็กๆ เมืองนึงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นี่เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ผมรู้สึกว่า หมุนไปตามโลกช้าที่สุด ไม่ว่าจะด้วยระยะทาง หรือความห่างไกล หรืออะไรก็แล้วแต่ ทั้งวิถีชีวิตและสิ่งต่างๆ กลับเลือกที่จะ เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล แทนการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อาจจะมีบ้างบางที่ที่วันนี้กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว แล้วเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าคุณชอบอะไรเดิมๆ และเรียบง่ายที่สุด... แม่สะเรียง คือ สิ่งที่บอกเลยว่า ใช่ และต้องพาใจออกมาสัมผัส...


ทริปแม่ฮ่องสอนยาวๆ ของผมที่เริ่มต้นการเดินทางไปกับสายการบินสีเหลืองสดใสเหมาะกับเช้าวันเดินทางอย่างสายการบิน นกแอร์ โดยผมจะลงที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วเช่ารถขับไปยังแม่ฮ่องสอนขับรถเล่นกินลมชมวิว แวะเที่ยวไปตามทาง...


ได้เวลาต้องขึ้นเครื่องแล้ววว ตัวอยู่ดอนเมือง แต่ใจไปอยู่แม่ฮ่องสอนแล้วตอนนี้ 5555+






นั่งกันมาแป๊บบบบเดียว โผล่มาอีกทีก็เชียงใหม่แล้ว มาถึงก็ไปรับรถที่ทำการจองกันไว้เลยครับ ที่ Thai Rent a Car บริการดีๆ กับรถมากมายหลายแบบให้เลือก สบายใจหายห่วง แถมราคาก็ไม่แพง มีโปรดีๆออกมาอยู่บ่อยๆด้วยนะครับบบ



สำหรับใครที่สนใจอยากเช่ารถ ผมก็มีโปรโมชั่นดีๆมาแนะนำกัน โปรโมชั่นวันธรรมดาน่าเที่ยวไปอี๊กกกกกก

สำหรับการเดินทางในวันธรรมดา (อาทิตย์-พฤหัส)

ราคารถเริ่มต้นแค่วัน 550 บาท เท่านั้นเอง แล้วยังมีรถหลายรุ่นให้เลือกได้ตามใจชอบเลย สำหรับใครที่มีบัตรเครดิตของ Kbank / KTC / BBL / Krungsri ก็ยังมี code ส่วนลดให้อีก

ตามมาดูรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติม และ code ส่วนลดของแต่ธนาคารได้ที่นี่เลยครับบบ >> https://goo.gl/YXsPzh


เอาละครับ เมื่อเรื่องรถเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราก็มาถึงเรื่องที่พักกันบ้าง นี่คืออีกหนึ่ง Application ที่ผมนั้นใช้งานเป็นประจำ ไม่ว่าจะจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก ก็เข้าเเอปเดียวสะดวกมากๆ

ครั้งนี้ผมก็ทำการจองที่พักที่แม่สะเรียงเอาไว้ เป็นที่พักริมน้ำบรรยากาศดีๆ โดยจองผ่าน Traveloka นี้เเหละ จองผ่านแอปก็ว่าราคาคุ้มแล้ว แถมยังมี Promotion Code ให้ใส่อีก ได้ส่วนลดเพิ่มอีก ดี๊ย์ดีนะเนี่ยยยย

จองห้องพักผ่านทาง website Traveloka >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel

หรือโหลด Application มาไว้ใช้จองผ่านมือถือง่ายๆก็ได้ครับ

iOS https://goo.gl/NRNfLm

Android https://goo.gl/kD5SRp



ถ้าบอกว่าจังหวัดไหนที่โคตรรรรธรรมชาติที่สุด เขียวที่สุด และมีโอกาสมาได้ยากที่สุด ก็คงต้องบอกว่าคือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน นี่แหละครับ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องระยะทางค่อนข้างจะไกลมาก และเส้นทางคือมีแต่ป่าเขา และโค้งอีกนับพัน

เสน่ห์ของการมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนช่วงสิงหา-กันยา คือ ความเขียวของทุ่งนาในทุกพื้นที่ และหมอกที่ลอยทั่วจังหวัด ซึ่งจะเป็นหมอกที่เกิดฝน ทำให้เราเห็นหมอกได้ตลอดทั้งวันจริงๆ หมอกที่ลอยคลุ้งทุกๆเส้นทาง ไม่ว่าถนนสายไหน มันคือความสุขใจอย่างนึง

กลายเป็น เส้นทางสายหมอก ที่ผมยินดีจะหลงเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้อย่างเต็มใจที่สุด


สำหรับการเดินทางมาที่แม่สะเรียงนั้น สามารถมาได้หลายทางนะครับ ถ้าอยากมาแบบไวๆ ขับรถน้อยหน่อย ก็มาทาง อ.ฮอด แล้วเข้าสู่แม่สะเรียงได้เลย

แต่ด้วยความที่ผมตั้งใจจะค่อยๆมา แล้วก็ขอแวะไปพักที่ บ้านลีไวน์รักไทย สักคืน ระยะทางก็เลยคูณสองเข้าไปอีก 5555+

เล็กๆไม่ ใหญ่ๆพี่ชอบ ต้องเล่นใหญ่เล่นเต็ม ขับวนรอบเขากันให้สุดไว้ก่อนนนน ทำให้วันแรกของผมคือการเดินทางไปที่บ้านรักไทยล้วนๆ แล้วเริ่มเข้าสู่แม่สะเรียงในวันที่ 2 ของทริป ซึ่งกว่าจะมาถึงก็ขับรถขาตึงอยู่เหมือนกัน 5555+ แต่สนุกมากครับ แล้ววิวก็สวยมาก แวะเล่นตลอดทางเลยจริงๆ

วันนี้มาถึงแม่สะเรียงก็เย็นๆแล้ว ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่แม่สะเรียง ก็บังเอิญเห็นสะพานอยู่ไกลๆ เลยขอวนรถเข้าไปถ่ายรูปซะหน่อย วิวดีไปอีก

ดูรีวิว บ้านลีไวน์รักไทย >> https://goo.gl/7ZsHLv



001 : Riverhouse Hotel

Fanpage >> Riverhouse Hotel, Mae Sariang

------

เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองแม่สะเรียงแล้ว สิ่งแรกที่รู้สึกคือ ดีใจ๊ดีใจจจจจ ถึงเป้าหมายแล้ววว ขับรถกันสู้ตายมาก 555+

เมื่อมาถึงแล้ว ก็รีบมุ่งหน้าไปที่พักกันเลย ผมก็จองที่พักนี้ผ่าน Traveloka เอาไว้ ราคาคืนละ 600 กว่าบาท

ซึ่งปกติแล้วทาง Traveloka นั้นก็จะมีโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆ ผมเลยคลิกเข้าไป ก็เจอส่วนลดสำหรับการจองที่พักภายในประเทศอยู่ด้วย ใส่ code ลงไป นั่นไง! ได้ลดไปอีก 300 บาท

รวมๆแล้วก็จ่ายไป 1000 ตกคืนละ 500 บาทเอ๊งงง ราคานี้พร้อมอาหารเช้า แถมห้องยังวิวแม่น้ำ ห้องแอร์ บรรยากาศเป็นไม้ๆ ฟีลลิ่งมันด้ายยยย ความ slow life จะมาแน่นอน 5555+


ที่นี่จะเป็นที่พักที่เป็นไม้ทั้งหลัง บอกเลยว่าสวยมากกก ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่บ้านตัวเอง เป็นที่พักเล็กๆ ที่อบอุ่นมากครับ เจ้าของ พนักงาน เป็นกันเอง แถมอยู่ติดริมแม่น้ำเลยด้วย โลเคชั่นดีมาก


มาแล้วก็จอดรองเท้าไว้ด้านล่างให้เรียบร้อยนะครับบบ บอกแล้วว่าที่นี่คืออารมณ์เหมือนบ้าน ปกติเราก็ไม่ใส่รองเท้าขึ้นบ้านกันหรอกใช่ม๊าาา ก็จอดไว้ตรงนี้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วเดินเอาเท้าค่อยๆสัมผัสไม้ขึ้นไป มันรู้สึกดีจริงๆ


เอาละครับบบ ถึงห้องกันเเล้ว เปิดเข้ามาคือตื่นเต้นมาก เป็นห้องไม้ ตัดกับที่นอนสีขาว ดูอบอุ่น ดูสบายตา มีระเบียงด้านนอก ให้ชมวิว ชมแม่น้ำ นี่ถ้ามาฤดูหนาว ก็เปิดระเบียงออกไปสัมผัสหมอกด้านนอกได้เลย


แม่น้ำที่ติดกับบ้านพักก็จะเป็น แม่น้ำยวม นะครับ คิดดูว่าเช้าๆ เปิดประตูออกมา ยืนจิบกาแฟ มองวิวที่ระเบียง มันฟิ๊นนนฟินนนน


002 : ถนนคนเดินแม่สะเรียง

------

ตกกลางคืนที่นี่ก็จะมีถนนคนเดินให้ได้เดินเล่นหาของกินกัน แต่จะมีเฉพาะบางวันนะครับ แล้วก็ย้ายที่ไปตลอดด้วย 5555+ เท่ไปอีก ทำให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศตลาดไปในตัว




003 : แม่สะเรียงบาร์

------

เมื่อร่างกายนั้นหิวโซ ก็ต้องพาร่างไปหาร้านอาหารกันสักหน่อย แม่สะเรียงบาร์ เป็นที่ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมา hang out เบาๆ สไตล์ slow life ฟังเพลงชิล อิ่มใจไปกับบรรยากาศเรื่อยๆ แต่จริงๆแล้วที่แม่สะเรียงบาร์เองก็เป็นร้านอาหารอีกร้านหนึ่ง มีรสชาติดีและไม่แพง

ผมเองมาแบบหิวมากกก เลยมานั่งสั่งกับข้าวกินจริงจังแบบจัดเต็ม ที่นี่จะเป็นร้านอาหารกึ่งๆ บาร์ คือจะมากินข้าว หรือจะมา hang out กับเพื่อนก็ได้



004 : แม่สะเรียงในยามค่ำคืน

------

ตอนกลางคืนที่แม่สะเรียงนี้จะคึกคักเป็นโซนๆไปนะครับ อารมณ์เหมือนเมืองในต่างจังหวัดทั่วไป แถวไหนมีร้านค้า ร้านข้าวก็คึกคักหน่อย แต่ถ้าตรงไหนเป็นแหล่งบ้านพักอาศัยก็จะนอนกันไวนิดนึงครับ




005 : รุ่งอรุณที่แม่สะเรียง

------

วิถีชีวิตชาวแม่สะเรียง ยังคงเป็นอะไรที่เดิมๆ และเรียบง่าย ยังคงมีภาพของพระที่เดินบิณฑบาตร และชาวบ้านที่ตื่นเเต่เช้า ออกมารอทำบุญตักบาตกัน เป็นภาพที่เห็นทีไรก็รู้สึกดีบอกไม่ถูก


ที่ตลาดแม่สะเรียงนี้ จะคึกคักมากกกในช่วงเช้า เท่าที่สอบถามมา ก็คือจะเปิดแค่ถึงตอนสายๆ เท่านั้นครับ หลังจากนั้นก็ตลาดวาย พบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้

ที่นี่มีของกิน ผักสด อาหาร แล้วก็ขนมขายเยอะมากๆ แต่สิ่งที่มีขายเยอะมากที่สุด น่าจะเป็น #ขนมข้าวเหนียวสังขยาและปลาแห้ง สงสัยคนเเม่สะเรียงจะนิยมกินเป็นอาหารยามเช้ากันแน่ๆ ส่วนผมเองเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ จัดมาสัก 3 ห่อ ห่อละสิบบาทเองงง ไส้เยอะ อร่อยด้วยยย


เช้านี่ ที่นี่ก็กลายเป็นเมืองในหมอกไปเหมือนกันนะครับ ความชื้นจากฝน ทำให้หมอกขึ้นล้อมรอบตัวเมืองไว้เต็มไปหมด อากาศก็ดีมากกกกก หายใจคล่องจมูก



สำหรับใครที่มาทริปยาว หลายวันหน่อย ผมแนะนำให้นั่งรถสองแถวสีเหลืองลองไปเที่ยวแถวแม่สามแลบดูได้เลยนะครับ จะมีรถออกตามรอบเวลา เดินมาขึ้นได้ที่หน้าตลาด แถวๆร้านขายยานะครับ นี่ก็แอบเสียดายที่เวลาน้อยไปหน่อย ไม่งั้นไม่มีพลาดแน่นอนนน




006 : ทุ่งนาและวิถีชีวิต

------

มาแม่ฮ่องสอนทั้งที ถ้าคิดถึงทุ่งนาเขียวๆ สุดสายตา ใครๆ ก็ต้องคิดถึง 'แม่ลาน้อย' ใช่มั้ยครับ แต่บอกเลยว่า จริงๆแล้ว แม่ฮ่องสอนทั้งจังหวัด แทบทุกหย่อมหญ้า คือทุ่งนาล้วนๆ มาเหอะครับ ออกมาเที่ยวกัน รับรองความเขียวเหล่านี้ มันจะชาร์จพลังให้ใจคุณเต็มร้อยแน่นอน


บางคนสงสัย เอ๊ะ! ทำไมเคยไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนแล้ว ทำไมไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย ไม่เหมือนในรูป บลาๆๆ

ซึ่งจริงๆแล้วผมจะบอกว่า ของจริงที่ตาเห็น คือสวยอลังการกว่าภาพถ่ายหลายเท่า เพราะคนส่วนใหญ่นิยมเที่ยวแม่ฮ่องสอนแค่หัวปีท้ายปี สิ่งที่ได้คือความหนาว และหมอกยามเช้า แต่สิ่งที่จะไม่มีโอกาสได้เห็น คือความเขียวและอุดมสมบูรณ์ของทุ่งนาและต้นไม้ใบหญ้า...ถ้าอยากมาเจอแบบนี้ ควรจะมาตอนไหนล่ะ ??

ควรจะมาช่วง สิงหา-ตุลานี่แหละครับ ทุ่งนากำลังสวยมาก มาไวก็เห็นทุ่งนาสีเขียว มาช้าหน่อยก็เห็นทุ่งนาสีทอง แต่ถ้ามาช้ากว่านี้...คือเห็นแต่ดินแล้วครับ 555+


หมอกลอยเหนือทุ่งนาในยามเช้า...


นี่แหละแพะภูเขาตัวจริงเสียงจริง วิ่งอยู่ท่ามกลางภูเขา 555+ มันก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วเนอะ แค่แพะธรรมดา แต่วิ่งไปวิ่งมา เดินกันเป็นแถว น่ารักมากๆ





007 : วิ่งเล่นในตัวเมือง

------

แม่สะเรียงเป็นเมืองเล็กๆ ที่ผมภูมิใจมากว่าขี่รถวนมาวนไปแล้วไม่หลง เพราะทางทะลุกันได้หมดด้วยความที่เมืองไม่ใหญ่นัก บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเรียบง่าย มีกลิ่นอายความเป็นเหนือๆปะปนอยู่ทุกที่


Street art ที่อยู่ใจกลางตัวเมืองแม่สะเรียง...เพราะ ที่นี่คือเเม่สะเรียง ใครมาก็อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปกลับไปนะครับ


เดินเล่นไปได้สักพัก ก็เจอคุณยายกำลังนั่งทำขนมขายอยู่เลย ชื่อแปลกมากครับอันนี้ไม่เคยเห็น เรียกว่า ขนมกาบเกี๋ยง

แป้งของขนมผมไม่แน่ใจว่าทำมาจากอะไร แต่เห็นคุณยาย โรยผงแป้งลงไปบนเตาถ่านแบบโบราณ ถูๆวนๆ เป็นผงนั้นก็จับตัวกันเป็นแผ่นแล้วใส่ไส้ลงไป ไส้ข้างในก็เป็นไส้มะพร้าว รสชาติคล้ายๆ ขนมไทยหลายอย่างที่ข้างในเป็นไส้มะพร้าว อย่างพวกขนมใส่ไส้ แต่กาบเกี๋ยงแป้งจะบางและกินง่ายกว่า อร่อยเลยครับ




008 : ร้านลุ่มเวียง

------

มาที่นี่ ผมอยากให้ทุกคนปรับชีวิต เข้าสู่ Airplane mode กันเลยดีที่สุด ตัดชีวิตในเมือง เรื่องงาน เรื่องทุกอย่างออกไปจากชีวิตสักแปป แล้วทำใจให้ว่างๆ มองธรรมชาติ และพักผ่อนอย่างเต็มที่ที่สุด

ผมจึงจะพาทุกคนมาที่ร้านนี้กันเลยครับ ร้านลุ่มเวียง เป็นร้านอาหาร/กาแฟ เล็กๆ ตกแต่งน่ารักมากกก ความเด็ดอยู่ที่วิวทุ่งหน้า เอาเป็นว่าแค่เห็นวิวหน้าร้านก็คุ้มแล้วววว


ร้านจะเป็นสไตล์ loft ดูดิบๆหน่อย ตัดกับความเป็นไม้ และโทนสีเขียวของต้นไม้ที่ทำให้ร้านดูร่มรื่น


นี่แหละครับบ คือวิวทุ่งนาสวยๆจากหน้าร้าน มันสดชื่นดีมั้ยละ 😁



นั่งกินน้ำกินขนมดูวิว มันช่างเพลินนน











009 : พระธาตุสี่จอม

------

ทุกที่ในเมืองไทย ล้วนแล้วเเต่มีศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง เมื่อมีโอกาสได้ไปแล้ว เราก็ควรจะต้องแวะไปชมกันสักหน่อย

พระธาตุสี่จอมนั้น จะมีด้วยกัน 4 ที่คือ :

พระธาตุจอมทอง

พระธาตุจอมแจ้ง

พระธาตุจอมมอญ

พระธาตุจอมกิตติ

ซึ่งแต่ละจุดก็จะอยู่ใกล้ๆกัน สามารถขับวนเป็นวงกลมรอบเมืองแล้วแวะแต่ละที่ๆได้เลย และด้วยความที่พระธาตุเหล่านี้จะอยู่บนเขา ขึ้นไปก็สามารถชมวิวเมืองแม่วะเรียงมุมสูงได้ด้วย มองไปทางไหนก็มีแต่ทุ่งนา มีแต่ป่ามีแต่เขา มีแต่สีเขียวสวยมากๆ สบายตาสบายใจ



ทุกครั้งที่ผมกว่าจะพาตัวเดินขึ้นบันไดทีละขั้นๆ จนมาเจอกับความสวยงามเหล่านี้ พอมาถึงปุ๊บ ด้วยร่างกายอันชุ่มเหงื่อก็มีความสุขเป็นอย่างมาก ว่าคุ้มค่าที่เดินขึ้นมาต่อต้านสังขารแบบนี้เสียจริง แต่ครับ...สุขใจได้ไม่นาน หันหน้าไปนิดเดียว ไม่กี่องศา....

อ้าวววว มีคนขับรถขึ้นมาาาาาาาาา

คืออะไรรรร สรุปคือ จริงๆขับรถขึ้นมาได้เลย ณ จุดนี้พูดไม่ค่อยออก มันจุกข้างในบอกไม่ถวก55555+





010 : ร้านตัดผมท่านชาย

------

เมื่อผมพาตัวขึ้นมาจนถึงจังหวัดที่อยู่ไกลที่สุดในประเทศไทยอย่างแม่ฮ่องสอนได้ทั้งที สิ่งที่ผมคิดก็คือ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในที่แห่งนี้ให้ได้มากที่สุด

ว่าง่ายๆคือคนที่นี่เค้ากินอะไร เค้าอยู่ยังไง เค้ามีอะไร ผมจะต้องไปสัมผัสให้ได้มากที่สุด ขับรถมาจนขาตึงขนาดนี้แล้ว จนมาเดินเล่นในเมืองแม่สะเรียงแล้วก็ไปเจอกับร้านทำผมสุดคลาสสิคร้านหนึ่ง เขียนป้ายไว้เท่ๆว่า ร้านตัดผมท่านชาย เอาวะ...ไหนๆก็มาถึงแล้ว ผมก็ยาวจนไม่ค่อยเป็นทรงพอดี ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปขอตัดผมกันเลย นี่จะเป็นการตัดผมในร้านที่ไกลที่สุด เก๋าที่สุดในชีิวิตของผมเลยจริงๆ 5555+

บรรยากาศร้านก็เรียบๆง่ายๆ แต่ดูเท่ตรงที่มีความเก่าในแบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งนี่แหละครับ

ร้านทำผมมากมายในกรุงเทพฯ มักจะทำร้านให้มีความวินเทจแบบที่ดูแล้วต้องพยายามเบอร์ไหนกัน เอารูปเก่าๆมาติดบ้างแหละ ตกแต่งด้วยของเก่าบ้างแหละ แต่นี่เลยครับ...ร้านนี้คือของจริง วินเทจจริงด้วยกาลเวลา ไม่ต้องพยายามสร้างกันเลย


นั่นแน่ นั่งไม่นานก็ตัดเสร็จแล้วววว หน้าตาผ่องแผ้วเลยมั้ยครับ 5555+

นี่ค่าตัดแค่ 70 บาทททท

นี่ไง ถูกและดีที่ทุกคนต้องมาลอง...แนะนำเลยครับ สำหรับใครที่อยากมองหาร้านตัดผม แหม...ตัดในกรุงเทพฯ อยู่บ่อยๆมันคงจะเบื่อ แล้วราคาก็แพ๊งงงแพงงง ต่อไปนี้ถ้าใครมาถามผมเรื่องทรงผมอีก ผมจะแนะนำให้มาตัดที่แม่สะเรียงกันให้หมด 55555+

อยากได้ทรงนี้ เชิญที่นี่จ้าาาา ถูกกว่าที่กรุงเทพฯตั้งเย๊ออออะ มาเถอะ คุ้ม!!!


รู้สึกภูมิใจกับการมาตัดผมที่แสนไกลแสนไกลครั้งนี้ ถูกทั้งเงิน ถูกทั้งใจ 😁



011 : ฝายชลประทาน

------

เรียกว่า เป็นจุดที่ผมค้นพบด้วยความบังเอิญ จากการลองขับมาเรื่อยๆ เพื่อหาที่กลับรถ

แถวๆ ฝายชลประทานนี้ เป็นเหมือนสวนสาธารณะย่อมๆของชาวเเม่สะเรียงเลยครับ ร่มรื่นมาก มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย มานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันริมน้ำ




012 : น้ำตกแม่สวรรค์น้อย

------

ในเช้าวันที่ 3 ที่ผมจะเดินทางกลับ ด้วยความที่เเม่สะเรียงกับเชียงใหม่นั้น ทางเดิมที่ผมมาคือไกลมว๊ากกกก ถ้าขับกลับทางเดิมคือก็คงตกเครื่องแน่นอน 5555+ ก็เลยต้องขับตรงออกไปข้าง มุ่งหน้าเข้าสู่ทาง อ.ฮอด และเข้าเชียงใหม่ ทำให้ลดเวลาจาก 10 กว่าชม. เหลือเพียง 4 ชม.กว่าๆ สำหรับสายแวะแบบผม

ถ้าเราขับกลับทาง อ.ฮอด ก็จะสามารถแวะเที่ยวได้หลายที่เลยครับ นี่ผมก็เลยขับแวะไปที่ น้ำตกแม่สวรรค์น้อย กันสักหน่อย คิดดูครับ ขนาดตลอดทางที่เข้ามา ทางก็มีอยู่ทางเดียวจริงๆ คือยังไงก็ต้องขับมาตามทางหลักเลย ก็ยังไม่วาย เจอรูเล็กๆ ก็ลังเลเลี้ยวมันเข้าไป คิดไปเองว่าน่าจะใช่ทางไปน้ำตก...แล้วทำไงละ ก็หลงอีกแล้วสิครับ วนรถออกมาใหม่ ไร้คำบรรยายครับ มีทางให้ไปอยู่เดียวยังหลงได้ 😂😂

ระยะทางที่ขับเข้ามาที่น้ำตกก็พอประมาณนะครับ 4-5 กม. ได้ แค่จะวนๆไปตามเขา ผ่านหมู่บ้านชาวเขาเข้าไป แรกๆ ทางก็จะเป็นทางคอนกรีต แต่พอใกล้ถึงตัวน้ำตกคือจะเป็นดินลูกรัง ประกอบกับช่วงนี้ฝนตก...ก็แหม เละสิครับ 55555+

ก็ต้องจอดรถไว้ที่สุดทางคอนกรีต แล้วเดินเท้าเข้ามาแทน ประมาณ 1 กม. ได้ ทางจะลื่นมาก เดินต้องระวังๆเลยทีเดียว


ถึงแล้วนะครับ น้ำตกแม่สวรรค์น้อย ต้องพยายามแค่ไหนในการเข้ามา 555+


ย้อนกลับมาให้ดูเส้นทางที่เข้าไปน้ำตกสักนิดนึงครับ ระหว่างทางก็จะมีวิวสวยๆ ภูเขาเขียวๆ กับหมอกลอยไปมา เห็นบรรยากาศแล้วมันน่าทิ้งตัวลงนอน ดูแล้วเย็น ชุ่มฉ่ำใจ






เดินเข้ามาจนถึงข้างใน ก็จะเจอกับน้ำตกแม่สวรรค์น้อย เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า มาที่นี่จะไม่มีเจ้าหน้าอุทยานหรืออะไรเลยนะครับ ต้องตั้งหน้าตั้งเดินเข้าไปด้วยตัวเอง มีเพียงทางเข้าและป้ายที่เขียนบอกไว้บ้างนิดหน่อยแค่นั้นเอง เดินมาตามบันไดเรื่อยๆ บรรยากาศคือป่าสุดๆ รอบๆตัว คือ ให้ความรู้สึกเหมือนมาเดินป่า 5555+ เดินไปเดินมาก็เจอน้ำตก แต่วันี้ที่ผมมาน่าจะน้ำน้อยกว่าทุกที เพราะเคยเห็นภาพจากในกูเกิ้ลแล้วน้ำมากกว่านี้ แล้วน้ำตกก็มีหลายชั้นให้เดินเข้าไป แต่ผมไปสำรวจมาคือ วันนี้ไม่มีน้ำ มีแค่ชั้นนี้เลยครับ เลยได้ชมน้ำตกจากจุดนี้จุดเดียว



ปิดท้ายทริปแม่สะเรียงกันที่น้ำตกสวรรค์น้อยแห่งนี้ หลังจากนั้นผมก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อเดินทางกลับกันแล้ว

ทุกๆการเดินทาง มันคือสิ่งที่คอยเติมเต็มประสบการณ์ให้เราเป็นได้ในแบบที่เราอยากจะเป็น สุดท้ายแล้วอย่างที่ผมบอกไว้ คือคนเรา เมื่อพยายามพาตัววิ่งเข้าไปสู่ความศิวิไลซ์จนชีวิตเราเหนื่อย ก็ลองมองย้อนกลับมาหาชีวิตที่เรียบง่าย และผมคิดว่า มันคือชีวิตที่น่าอิจฉา และมีความสุขที่สุดแล้วจริงๆ...

ความคิดเห็น