กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่

อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตรง กม.ที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เป็นวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จาก ระดับน้ำทะเล


ฟังเสียงคลื่นที่ "กิ่วแม่ปาน"

DAY 3

08 JAN 2017


เช้ามืดตี 4 ครึ่ง เราลุกจากที่นอนในเต้นท์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังกิ่วแม่ปาน ซึ่งปีนี้ ถือเป็น Highlight ประจำต้นปี 2017 เลยก็ว่าได้ มีกระแสมาตั้งแต่ปลายปี 2016 แล้ว เราเลยรอช่วงเวลา ทั้งดินฟ้า อากาศ และรอทุกคนมีวันว่างตรงกันเพื่อเดินทางมาเที่ยวชมทะเลหมอกที่กิ่วแม่ปาน

ก่อนเดินทางคุณป้าก็ใจดีลุกมาต้มน้ำร้อน หาขนมและกาแฟ โอวัลตินให้ทาน และน่าเสียดายมากที่วันนี้เราต้องจากี่พักวิวสวยไปตั้งแต่ฟ้าจะสว่าง เลยไม่เห็นธรรมชาติทุ่งนา ภูเขารอบๆบ้านพักของที่นี่เลย

แมวน้อยก็มารอส่งพวกเราแต่เช้ามืด


จากที่พักถึงที่ทำการเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ประมาณชั่วโมงครึ่ง และคนก็เริ่มเย่อะพอๆกับรถที่เริ่มเต็มลานจอดรถตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ซึ่งตอนนั้นเกือบ 6 โมงเช้าแล้ว โดยที่ทำการเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามา ได้ตั้งแต่ เวลา 6 โมง แต่ตอนนี้ ทุกคนมารอจุดที่พระอาทิตย์ขึ้นกันอย่างเนื่องแน่น









ทุกคนต่างเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้น


: แสงแรกที่กิ่วแม่ปาน :

ทุกคนต่างเฝ้ารอและชื่นชมแสงแรกของวัน ส่วนเรามีความสุขตั้งแต่เห็นทะเลหมอกในความมืดสลัวของเช้ามืดแล้ว เพราะคิดว่าวันนี้ที่กิ่วแม่ปานเราจะได้เห็นคลื่นทะเลหมอกลอยเหนือขุนเขาต้อนรับพวกเราขึ้นไปชมความงาอยู่ด้านบน





ถ่ายรูปกันสนุกสนาน


มัวแต่ถ่ายรูปเล่นกันเพลิน หันหลังไปมองอีกที !...โอ้ววววว!!! แม่จ้าววว !!!! คนไปรอต่อคิวเพื่อลงทะเบียน กันยาวเหยียดแล้ว และก็ยังมีอีกหลายๆคนที่มัวแต่ถ่ายรูปเล่นเหมือนพวกเรา 555

ก่อนที่แถวจะยาวไปมากกว่านี้ ก่อนที่หมอกจะหายไปตอนสายๆ ถ้าเราขึ้นสาย หมอกจะจะค่อยๆหายไป จะไม่สวยเท่าตอนเช้า เราเลยหยุดกิจกรรมถ่ายรูปเล่นไปต่อแถวกันดีกว่า ฮ้าๆ เห็นแถวยาวแล้วท้อใจ 55




เดินไปเรื่อยๆเพื่อหาปลายแถว..555


ในช่วงระหว่างที่รอเข้าคิว ต่างคนต่างผลัดกันออกไปซื้อเสบียงกินตอนเช้า มีทั้งลูกเด็กเล็กแดง คุณตาคุณยาย มารอเข้าคุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข



บริเวณรอบๆที่ทำการจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟเปิดบริการตั้งแต่เช้ามืดแล้ว


นั่งจิบกาแฟ กินโจ๊คร้อนๆและไข่ลวกในอากาศหนาวๆแบบนี้คงจะฟินไม่เบา แต่พวกเราซื้อนลูกชิ้นกินในแถวรอไปพลางๆก่อน ก็ไม่นานมาก ก็เกือบชั่วโมง ฮ้าๆ

ปล. ก่อนจะเดินขึ้นไป พกน้ำไปด้วยนะ ถึงแม้เส้นทางจะเดินชิวๆ แต่ก็เรียกเหงื่อได้ตลอดเวลาเลย งานนี้มีหอบเบาๆ



ลงทะเบียนเข้าคิวรอไกด์มารับนำทางไป


เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วจะมีคนจัดคิวไกด์ท้องถิ่นนำทางให้เรา จ่ายไกด์ 200 บาทต่อ 1 กลุ่ม จ่ายกับไกด์เองเมื่อเดินทางกลับออกมาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาติให้ไปกันเอง

ไกด์ท้องถิ่นส่วนมากจะเป็นน้องๆนักเรียนมาหางานทำพิเศษ หารายได้ช่วยครอบครัวในช่วงวันหยุด


เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน

เมื่อเราเข้ามาสู่เส้นทางเดินป่าธรรมชาติเพื่อเดินขึ้นไปยังกิ่วแม่ปาน ในตอนเช้าแบบนี้ ช่วงแรกของเส้นทางจะชื้นและลื่น ใช้ความระมัดระวังในการเดินด้วย ป่าในช่วงนี้จะเขียวและทึบ แสงจะส่องมาไม่ค่อยถึง ต้นไม้เลยสูงใหญ่เป็นพิเศษ เพราะตามหลักการอยู่รอดทางธรรมชาติ ต้นไม้แต่ละต้นจะพยายามเติบโตขึ้นเพื่อให้ถึงแสงแดด ตามพื้นดินตลอดทางและต้นไม้ใหญ่ๆจะมีพวกพืชตระกูลเฟิร์น มอส ที่ชอบความชื้นมากและใช้แสงน้อย ขึ้นเป็นจำนวนมาก





บางช่วงเส้นทางที่ชันจะมีทางบันไดไม้ทำไว้ให้เดิน พอเดินขึ้นพ้นไปแล้วเราจะเจอกับ "น้ำตกลานเสด็จ"



น้ำตกลานเสด็จในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน


น้ำตกลานเสด็จ เป็นน้ำตกพบไในช่วงแรกของการเดินทางเข้าสู่เส้นทางเดินศึกษา ธรรมชาติกิ่วแม่ปาน บริเวณรอบๆน้ำตกล้วนถูกโอบล้อมไปด้วยป่าดิบเขา บรรยากาศร่มครึ้ม มีมอสสีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้ และริมห้วยรอบๆ น้ำตก ลานเสด็จ




ยิ่งเดินยิ่งสูงขึ้นเริ่มเห็นแสง ป่าช่วงนี้ก่อนจะเดินพ้นไปป่าเริ่มโปร่งขึ้น ได้รับแสงแดด มีลมเย็นๆพัดมาให้คลายร้อน ใส่เสื้อหนาวแต่เหงื่อก็ชุ่มเลย 55 เส้นทางขึ้น-ลง และขึ้นๆไปเรื่อยๆ เหนื่อยเหมือนกัน ใช้เวลาก่อนจะโผล่ที่กิ่วแม่ปานประมาณ 45 นาที

ภาพแรกที่โผล่พ้นป่าดิบชื้นๆ อยากจะร้องงงง โว้วววววววววว ตะโกนดังๆเลย

"โครตสวยยยยเลยโว้ยยยยยยยยยย!!! "

ทำได้แค่ตะโดนอยู่ในใจ 555








เมื่อพ้นจากป่าดิบชื้นแล้ว เราก็เจอกับทะเลหมอกแบบอลังการงานสร้างมากกกก


เห็นวิวทะเลหมอกแบบนี้หายเหนื่อยเลยที่เดินขึ้นมาเมื่อกี้ มองไปทางไหนก็เจอทะเลหมอก ภูเขา ท้องฟ้า ที่เราหลงรัก เหมือนได้อยู่ในที่ๆเรามีความหมาย อยู่ในที่ๆเราควรอยู่ 555

ตอนเด็กๆเราต่างฝันอยากเป็นโน่นเป็นนี่มากมาย แต่พอโตขึ้นเราจะเหลือไม่กี่อย่างที่เราอยากเป็น พอมาทุกวันนี้เราฝันแค่ " อยากเป็นนักเดินทาง " ไม่ต้องรอให้ใครมาหยิบยื่นโอกาสให้หรอก แค่เราก้าวเท้าออกมาออกจากโลกใบเดิมๆ หลบจากชีวิตประจำวัน แล้วเดินทางไปในที่ๆเราอยากไป ที่ไหนก็ได้....



ดอกไม้บนกิ่วแม่ปาน




เส้นทางด้านซ้ายมือเป็นทะเลหมอก เราจะเดินไปยังจุดชมวิวที่เป็นลานไม้กัน....

การที่จะได้รูปจากมุมนี้ต้องรอต่อคิวกัน ซึ่งจุดชมวิวลานไม้ จะมี สองจุด จุดแรกคือจะอยู่ด้านบนและจุดที่สอง จะเดินถัดลงไปด้านล่างอีกหน่อย ซึ่งด้านล่างคนจะไปถ่ายเย่อะเป็นพิเศษ เพราะจุดนี้ เป็นจุดที่หลายคนที่มาเที่ยวกัน ถ่ายไปลงรีวิวแบบ HIPSTER อิอิ




เพื่อนไปรอเข้าคิวให้ส่วนเราขอถ่ายเก็บบรรยากาศไปพลางๆก่อน








สามป้าสายฮิปปปปป (ฮิปโปมากกว่าเนี่ยย)

พวกเรามันแก่แล้วไม่มีท่าอะไรแผลงๆเหมือนเด้กๆวัยรุ่นเขาหรอก อีกอย่างกลัวความสูงด้วย .... เห็นชอบภูเขา ชอบขึ้นเขาแบบนี้ ร้องไห้ขี้มูกโป่งตลอด กว่าจะทำใจผ่านสันเขาแต่ละลูกได้ ปาดน้ำตาตลอด 5555

พอถ่ายได้รูปอันสวยสดงดงามกับทะเลหมอกฟินๆแล้ว ก็เดินเท้าต่อไป เป็นการดินเท้าตามเส้นทางไหล่เขา ข้างๆเป็นเหว แม้จะมีไม้ตีกั้นขอบเขต แต่บางช่วงก็อดขาสั่นไม่ได้

"กิ่วแม่ปาน สวรรค์บนดิน"




เส้นทางเดินลงเลาะไหล่เขา และสันเขาไปเรื่อยๆ






กวางผา ปลอดภัยในบ้านผาหิน กวางผาเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันตามทุ่งหญ้าบนภูเขา และหน้าผาในเทือกเขาสูง ปัจจุบันกวางผาดอยอินทนนท์เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว นักท่องเที่ยวมีโอกาสเจอได้ยาก ผืนแห่งนี้ยังมีสัตว์ป่า่หลายชนิดแต่มากสุดจะเป็นหมูป่า




เมื่อเดินลงมาและมองย้อนกลับไปจุดชมวิวทั้ง 2 จุดจะอยู่ไม่ห่างกันมากคนเย่อะพอกัน




เราเดินลัดเลาะไหล่เขาลงมาเรื่อยๆจะมองจเห็นจุดชมวิวอยู่ไกลลิบๆ


: เส้นทางแห่งดอกไม้ :

การเดินลงมาตามไหล่เขานั้น จะเดินตามเส้นทางที่เป็นวงกลมอ้อมไหล่เขาเพื่อไปยังทางออกอีกด้านนึง เส้นทางช่วงนี้จะเริ่มพบเจอดดอกไม้สวยๆมากมายหลายชนิด ที่ซ่อนอยู่ในผืนป่าแห่งนี้

ดอกไม้ที่เป็นราชินีแห่งผืนป่ากิ่วแม่ปานแห่งนี้ คือ แต่น แตนนน แต๊นนนน....

" ดอกกุหลาบพันปี "

ดอกกุหลาบพันปี ราชินีแห่งขุนเขา


" กุหลาบพันปี "

กุหลาบพันปีที่พบบน ดอยอินทนนท์นั้น คือ Rhododendron Arborea เป็นชนิดเดียวกันบนหิมาลัย สามารถพบเจอได้ที่บริเวณอ่างกา กิ่วแม่ปาน และผาแง่ม ดอกสีแดงเข้ม หรือ"คำแดง"นับเป็นพืชหายากที่มีดอกงดงามมาก ชนิดหนึ่งของประเทศไทยและจะพบอยู่เฉพาะในเขตอากาศหนาวเย็นบนพื้นที่ ชุ่มชื้น สันเขาหรือหน้าผาระดับความสูงประมาณ 1,600 - 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล


กุหลาบพันปีได้รับยกย่องว่าเป็นราชินีแห่งเทือกเขาหิมาลัย


สาเหตุที่เรียกกันว่า กุหลาบพันปี ก็เพราะว่าไม้ชนิดนี้ยามออกดอกจะมีสีสันสวยงามเหมือนดอกกุหลาบ นอกจากนี้ลำต้นที่หงิกงอ มีมอส ไลเคนขึ้นปกคลุมจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดูเก่าแก่โบราณดังกุหลาบพันปี..

นอกจากดอกกุหลาบพันปีแล้ว ยังมีดอกไม้สวยๆที่ขึ้นแซมตามไหล่เขาอีกมากมาย เลยเอามาให้ชมกัน เท่าที่จะถ่ายรูปเก็บได้ระหว่างเส้นทางที่เดินลงมา...






เดินตามเส้นทางต่อไป ก็เจอดอกไม้นานๆชนิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ









ต้นกุหลาบพันปีนั้นจะขึ้นตามไหล่เขา อากาศเย็นๆ จะเห็นว่ามีให้เห็นตลอดทาง


ดอกหญ้าพลิ้วตามสายลม


เดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ เราจะมาโผล่ยังจุดชมวิวอีกด้านนึง ซึ่งจุดชมวิวตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวสุดท้าย ก่อนที่เราจะกลับ เดินลงผ่านป่าดิบชื้นเพื่อออกไปข้างนอกอีกครั้ง เหมือนช่วงขามา แต่จะเป็นเส้นทางที่ไม่ซ้ำกับขาเดินขึ้นมายังกิ่วแม่ปาน





: จุดชมวิวสองพระธาตุ :

สำหรับตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่เราจะสามารถ มองเห็น “พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ” ถ้าสามารถขึ้นมาตอนเช้า จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหลังพระธาตุสวยงามมาก










วิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา


พอสายๆทะเลหมอกก็จะเริ่มจางหายไป เสียดายแทนคนที่ขึ้นมาทีหลังจะไม่เห็นทะเลหมอกแบบอลังการ แสงสวยๆฟ้าใสๆก็เริ่มหายไป กลายเป็นเมฆ ครึ้มที่เริ่มปกคลุมเข้ามา เรียกได้ว่า ขึ้นมาแบบฟ้าใสๆ พอช่วงตอนขาลงเหมือนฝนจะตั้งเค้ามาแต่ไกลแร่ะ

ถึงเวลาโบกมือบ๊าย บาย ทะเลหมอกที่สวยงามแห่งกิ่วแม่ปานแล้ว เดินลงกลับด้วยใจอิ่มเอม วันดีๆแบบนี้ บางครั้งก็เอาแน่เอานอนกับธรรมชาติไม่ได้..เพราะธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่เสมอ



เส้นทางขาลงเป็นป่าดิบเขา มีพืชตระกูลพวกมอส เฟิร์นให้เห็นตลอดทาง


ตอนต่อไปหลังจากเดินลงมาจากกิ่วแม่ปานเราจะพาไปเที่ยว

  • พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
  • น้ำตกวชิรธาน (Wachirathan Waterfall)
  • ผาช่อ


ความคิดเห็น