..“หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง
ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม”...
ใช่แล้วค่าา จากคำขวัญ..คราวนี้เรามีโอกาสได้มาเที่ยว
เมืองแพร่กัน เมืองที่เราจะได้สโลวไลฟ์ไปกับวัฒนธรรม
และผู้คนใจดี รวมไปถึงการได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ
ที่ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตไปพร้อมๆกัน
ทริปนี้เราได้ไปเที่ยวหลายที่เลยน้าา.. ไม่ว่าจะเป็น
คุ้มเจ้าหลวง,วัดพงษ์สุนันท์,บ้านวงศ์บุรี,กาดสามวัย
ร้านก๋วยเตี๋ยวห่อตอง,วัดจอมสวรรค์,วัดพระธาตุดอยเล็ง
กาแฟบ้านเบ้ววว,ถ้ำผานางคอย,อ่างเก็บน้ำแม่ถาง
แพะเมืองผี,ทุ่งปอเทือง,กาดกองเก่า,ประตูชัย
บ้านทุ่งโฮ้ง,คำมีสตูดิโอ,ร้านกาแฟแห่ระเบิด,วัดพระธาตุช่อแฮ
กับทริป 3วัน 2 คืนจะสนุกแค่ไหนไปดูกันน:)
"ติดตามภาพถ่ายอื่นๆได้ที่^^
เพจ>>https://www.facebook.com/wejourneys
Instagram>> https://www.instagram.com/ou.wejourney
Day1Day1
เราเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ 8.30น. โดยรถยนต์จาก จ.เชียงใหม่ เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข11 ตัดเข้าเส้น 1023 ผ่านอำเภอลอง จากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงตัวเมืองแพร่ค่ะ
เราเข้าไปเช็คอินที่พักกันก่อนเลย เราพักกันที่ Chatawan homestay เราโทรมาจองที่พักกันไว้ก่อนแล้วค่ะ ราคาคืนละ 400 บาท(รวมอาหารเช้า) ป้าเจ้าของโฮมเสตย์เป็นกันเองน่ารักมากเลย แถมยังช่วยแนะนำที่ท่องเที่ยวในเมืองแพร่ให้เราอีกด้วย
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกัน ที่แรกที่เราไปกันคือ "คุ้มเจ้าหลวง" ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากที่พักค่ะ จากที่พักประมาณ 900เมตร
คุ้มเจ้าหลวง เดิมเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2435 โดยเจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย คือ เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทยผสมยุโรป ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้น เรียกอีกอย่างว่าสถาปัตยกรรมทรงขนมปังขิง ที่นี่ไม่มีค่าเข้านะคะ
ด้านในคุ้มเจ้าหลวงถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงห้องของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต โมเดลจำลอง สถานที่ต่างๆของเมืองแพร่ฯลฯ
วันนี้ที่นี่ค่อนข้างคึกคักเพราะมีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษากันเยอะแยะเลย
หลังจากที่เราเดินเล่นรอบๆแล้วก่อนกลับออกมา เราได้แวะเข้าไปชมด้านล่างของคุ้มเจ้าหลวงที่ที่เคยเป็นคุกใต้ดินมาก่อน **คนแพร่จริงๆแล้วอาจจะทราบกันดีว่า เราจะเข้าประตูนี้โดยการถอยหลังเข้า เพราะคือประตูของผี คนธรรมดาไม่สามารถเข้าได้ เพราะจะเจอกับสิ่งเร้นลับอยู่ก็เป็นได้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
บรรยากาศด้านในค่อนข้างจะเย็นและวังเวงหน่อยๆ
ถ่ายรูปกันเสร็จเราเดินต่อไปที่ วัดพงษ์สุนันท์ อยู่ห่างจากคุ้มเจ้าหลวงประมาณ 300 เมตร ภายในวัดประดับประดาด้วยโคมสีสันสวยงาม
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อว่า "พระเจ้าแสนสุข" มีอายุราว 568 ปี และด้านบนฝาผนังยังมีภาพวาดปีนักษัตรต่างๆ
และภายในบริเวณวัดจะมีพระนอนองค์ใหญ่สีทองอร่าม วิหารแก้วองค์พระธาตุเจดีย์ 108 ยอด ที่เป็นวิหารสีขาวทั้งหลังสวยงามมากค่ะ
เดินมาอีกหน่อยจะเป็น "คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี" เป็นอาคารสีชมพูโดดเด่นสวยงามมากๆ บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2440 โดยช่างชาวจีนมาจากมณฑลกวางตุ้ง เป็นบ้านแบบยุโรปประยุกต์ ที่นี่เป็นบ้านของแม่เจ้าบัวถา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เพื่อเป็นของกำนัลในการเสกสมรส ระหว่างเจ้าสุนันตา ผู้เป็นบุตรีเจ้าบุรีรัตน์ และหลวงพงษ์ ที่นี่มีค่าเข้าคนละ 30฿นะคะ
หลังจากชมความงามรอบๆแล้วก็เข้าไปดูด้านในกัน ภายในบ้านตกแต่งด้วยสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ของตระกูลที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุ ได้แก่ เครื่องเรือน เครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา เอกสารที่สำคัญต่างๆ
จากบ้านวงศ์บุรีเราเดินหาอะไรกินกันสักหน่อย เรามากันที่ร้านนี้ค่ะ "ร้านก๋วยเตี๋ยวคงห่อตอง" เราไปถึงประมาณ 3 โมงเย็น ร้านกำลังจะปิดดีที่มาทัน55
เอกลักษณ์ของที่นี่ก็นอกจากใช้ใบตองห่อก๋วยเตี๋ยวแห้งแล้ว ในเรื่องของรสชาตินั้นก็ถือว่าอร่อยแบบไม่ต้องปรุง ราคาชามละ 30บาทค่ะ
หลังจากกินกันเสร็จแล้วเราเดินเล่นดูบรรยากาศในเมืองจนไปถึงที่จอดรถ จากนั้นก็ขับรถไปที่ "วัดจอมสวรรค์" วัดนี้สร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นศิลปะล้านนาผสมกับศิลปะพม่าตัวอาคารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีหลังคาเล็กใหญ่ลดหลั่นกันเป็นชั้นรวม 9 ชั้น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวเงี้ยวซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในพม่าและเดินทางเข้ามาค้าขายที่เมืองแพร่ พอเกิดเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่ วัดนี้เลยจึงถูกปล่อยร้าง ทรุดโทรม และต่อมาได้รับการบูรณะจากชาวไทยใหญ่ นับเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆเลยค่ะ
บรรยากาศภายในวัดมีชาวบ้านแวะเวียนมาไหว้พระกันอยู่ตลอด
และด้านในยังมีการประดับตกแต่งด้วยกระจกสีตรงด้านบนเพดานและเสาทุกต้นสวยงามมากค่ะ
ที่ต่อไปก็ที่เราจะไปกันคือวัดพระธาตุดอยเล็ง ระหว่างทางขึ้นวัดเราผ่านร้านกาแฟร้านนึงชื่อว่า ร้านม่อนกล่ำcoffee เห็นป้ายหน้าร้านเขียนว่า วันนี้เปิดเป็นวันแรก เราเลยลองแวะกินน้ำกินขนมกันสักหน่อย
บรรยากาศร้านน่ารักดีค่ะเป็นร้านกาแฟเล็กๆที่เน้นการตกแต่งเหมือนบ้าน เมนูทางร้านมีทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็น ที่นั่งมีทั้งโซนด้านในที่เป็นห้องแอร์ และโซนด้านนอกที่เป็นบรรยากาศสวน
เรานั่งเล่นสักพักก็ได้เวลาไปไหว้พระกันที่วัดกัน "วัดพระธาตุดอยเล็ง" เป็นวัดพระธาตุเก่าแก่ ที่จัดเป็นปูชนียสถานที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ค่ะ
และจุดชมวิวด้านบนของที่นี่สามารถชมวิวสวยๆได้แบบพาโนรามา บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่เยอะมากเราเลือกมาเวลาเย็นเพราะจะมาเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินกัน
ก่อนกลับที่พักเราแวะเดินเล่นกันที่ "กาดสามวัย" ตลาดนี้มีมีจุดเด่นด้านอาหารการกิน และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ที่สำคัญบนเวทียังมีการแสดงและการประกวดต่างๆให้ชมอีกด้วย ส่วนพื้นที่ด้านล่างที่เป็นลานโล่ง มีการนำเสื่อมาปู มีขันโตกเปล่า ๆ มาวางไว้เป็นจุด ๆ เพื่อให้ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อของกินสามารถนั่งกินกันกลางลานที่จัดไว้ให้ได้เลย พร้อมชมการแสดงบนเวทีได้อีกด้วย ตลาดมีทุกวันศุกร์นะคะ
Day2
เราตื่นกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแต่งตัวเสร็จลงมาข้างล่าง คุณป้าทำอาหารเช้าเตรียมไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว หน้าตาน่าทานมากก
กินข้าวเสร็จเราก็ออกเดินทางกันเลย เราไปแวะกินกาแฟกันที่ "Slope coffee บ้านเบ้ววว" กันก่อน เบ้ว ในภาษาเหนือแปลว่า เบี้ยว ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนนคำลือ ตรงข้ามวัดพงษ์สุนันท์เป็นวัดที่เรามาเมื่อวานนั่นแหละที่เราไม่ได้แวะเมื่อวานเพราะว่าร้านปิดจ้า
มุมสุดฮอตคือการมาถ่ายรูปหน้าร้านและจิบกาแฟหอมๆ เดิมร้านนี้เป็นบ้านเก่าที่มาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์ ที่นี่มีที่นั่งเพลินๆ ชิลๆทั้งโซนในร้านและในสวนใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นหลังร้าน
ที่ต่อไปที่เราไปกันคือ "ถ้ำผานางคอย" ที่นี่จะอยู่ไกลจะตัวเมืองประมาณ 36 กม.ตั้งอยู่ในอำเภอร้องกวาง ทางเข้าถ้ำมี 2 ทาง คือทางด้านหน้าถ้ำ สามารถจอดรถแล้วเดินขึ้นบันไดไปจนถึงปากถ้ำ หรืออีกจุด คือ ทางเข้าด้านหลัง สามารถขับรถยนต์ขึ้นไปถึงปากทางถ้ำได้เลย จุดนี้ไม่ต้องเดินขึ้นบันได เราเลือกวิธีขับรถไปด้านหลังสะดวกดี ที่นี่ไม่มีค่าเข้านะคะ
ถ้ำผานางคอยเป็นถ้ำที่สวยที่สุดของจังหวัดแพร่ ภายในถ้ำ จะมีจุด หินงอก หินย้อย รูปแบบต่างๆ มากมาย และที่เป็นไฮไลท์ จะมีหินรูปร่างคล้ายหญิงสาวนั่งอุ้มลูกน้อยรอคอยคนรัก ชาวบ้านเรียกหินก้อนนี้ว่า หินนางคอย ตามตำนานพื้นบ้านของถ้ำแห่งนี้
"หินนางคอย"
เราเดินจากด้านหลังถ้ำจนมาถึงทางเข้าทางด้านหน้าถ้ำค่ะ
หลังจากเดินสำรวจถ้ำเรียบร้อยแล้วกลับออกมา เราแวะกินข้าวที่ "ร้านมะนาวแป้นสวนคูม่า" อยู่ไม่ไกลจากถ้ำผานางคอยค่ะ
ที่นี่บรรยากาศร่มรื่นด้านในเป็นลำธารมองเห็นวิวภูเขา อากาศดี อาหารก็อร่อยอีกด้วยนะ
ต่อมาเรามากันที่ "อ่างเก็บน้ำแม่ถาง"ค่ะ ด้านในบรรยากาศเย็นสบาย และมีธรรมชาติที่เต็มไปด้วยภูเขาสีเขียวที่ล้อมรอบ
ขับรถเข้าไปด้านในเขื่อนจะมีร้านอาหารเป็นแพอยู่หลายร้าน แต่เราไม่ได้แวะค่ะเพราะกินข้าวมาแล้ว เราเลยไปเดินเล่นถ่ายรูปแถวๆสันเขื่อนกัน นั่งเล่นชมวิวกันสักพัก
เราก็ออกเดินทางต่อไปที่ แพะเมืองผี ก่อนที่เราจะเข้าไปด้านในเราแวะกินข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารด้านหน้ากันก่อน มีอาหารขายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง ส้มตำไก่ย่าง เครื่องดื่มต่างๆ
กินอิ่มแล้วก็ไปสำรวจด้านในกัน "แพะเมืองผี" เป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในวนอุทยานแพะเมืองผี ที่เกิดการจากการที่หินทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติ ทำให้มีรูปร่างลักษณะต่างๆ คำว่าแพะ แปลว่า ป่าละเมาะ ส่วนคำว่าเมืองผี แปลว่า วังเวงเหมือนเมืองผี
ที่นี่ตอนกลางวันอากาศค่อนข้างร้อนแนะนำให้มาตอนเช้าๆ เดินเข้าไปทางด้านบนจะเป็นจุดชมวิวมุมสูงค่ะ เราจะเห็นแพะเมืองผีได้ในมุมที่กว้างขึ้น
ใกล้จะเย็นแล้วเราไปต่อกันที่ "ทุ่งปอเทือง" บ้านนาตม ต.น้ำชำ อ.สูงเม่นค่ะ ที่นี่คุณป้าเจ้าของโฮมเสตย์ที่เราพักแนะนำมา จากแพะเมืองผีเราขับรถมาประมาณ 30 นาทีก็ถึง ที่นี่เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่ะ เค้าบอกว่าจะบานจนถึงประมาณเดือนมีนาคม พอเราขับรถไปถึงที่จอดรถจะมีชาวบ้านที่นั่นเอารถซาเล้งมาคอยรับส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปด้านในทุ่ง ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะหรือใครอยากจะเดินเข้าไปเองก็ได้นะเพลินดี
เรานั่งรถซาเล้งเข้ามาแป๊ปเดียวก็ถึงทุ่งปอเทืองสีเหลืองทองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับแสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินโรแมนติกมากๆที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปชมความงามกันอยู่ตลอดค่ะ ใครที่อยากมาชมทุ่งปอเทืองสวยๆต้องมาแค่ช่วงนี้นะคะ 1 ปีมีครั้งเดียวเท่านั้น
ตกเย็นแล้วเรากลับเข้าเมืองมาเดินเล่นหาของกินกันที่กาดกองเก่า เราเอารถจอดไว้ที่พักแล้วเดินมาได้เลยใกล้ๆสะดวกมาก
ที่นี่จะมีทุกวันเสาร์ตอนเย็น ตั้งอยู่บนถนนแถวหน้าบ้านวงศ์บุรี มีขนมอร่อย ๆ อาหารพื้นเมือง ของที่ระลึก เสื้อผ้าสวย ๆขาย และที่สำคัญบรรยากาศน่ารักมากๆ
Day3
วันนี้เราเช็คเอาท์ออกจากที่พักกันตั้งแต่ 8.30 เพื่อไปเดินเล่นประตูชัยกัน ที่นี่ตอนเช้าๆจะมีผู้คนมาใส่บาตร จับจ่ายซื้อของที่ตลาดสด นั่งกินโจ๊กจิบกาแฟตอนเช้าๆชมบรรยากาศชิลๆของเมืองแพร่ไปพร้อมกัน
สถานที่ต่อไปที่เราไปกันคือ”บ้านทุ่งโฮ้ง"ขับรถจากประตูชัยมาประมาณ 5กม.ค่ะ ที่นี่มีชื่อเสียงในการทำผ้า “ม่อฮ่อม” และเป็นแหล่งรวมของฝากเมืองแพร่ หลักๆเลยก็จะมีเสื้อหม้อห้อมทั้งย้อมธรรมชาติและเคมี ผ้าฝ้ายธรรมชาติ ไปจนถึงเสื้อยืดมัดย้อม พ่อค้าแม่ค้าที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ^^
หลังจากที่เราเดินดูเสื้อผ้าน่ารักๆกันแล้ว เราก็อยากลองทำผ้ามัดย้อมเองดูบ้างว่าเค้ามีวิธีการทำยังไง เราเลยสอบถามคนแถวนั้นค่ะว่ามีที่ไหนรับสอนการมัดย้อมบ้างมั้ย ทำให้เราได้รู้จักกับที่นี่ "บ้านป้าเหงี่ยม" ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนการย้อมผ้าหม้อห้อม
ที่นี่สามารถให้นักท่องเที่ยวทดลองทำผ้ามัดย้อมด้วยตัวเอง ซึ่งมีทั้งเสื้อ กางเกง รวมไปถึงผ้าเช็ดหน้า มีวัสดุอุปกรณ์ให้เราได้ทดลองทำมัดย้อมกันในราคาไม่แพง
คุณป้าได้สาธิตวิธีการมัดย้อม โดยการจุ่มผ้าเข้าไปในหม้อสีครามที่ได้จากต้นห้อมนั้นเอง ซึ่งถูกที่จัดเตรียมไว้แล้วเรียบร้อยค่ะ
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆของนวัตกรรมพื้นบ้านจากต้นห้อม สู่การมัดย้อมยอดฮิตและที่สำคัญมีชิ้นเดียวในโลกก
หลังจากที่เราสนุกสนานกับการทำผ้ามัดย้อมกันแล้วเราก็เดินทางต่อไปที่ “คำมีสตูดิโอ” ทีนี่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะเลยนะ เพราะนอกจากที่นี่จะมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเครื่องปั้นดินเผาขายแล้ว ยังมีสอนการปั้นดินเป็นผลิตภัณฑ์อีกด้วย
ใครชอบเที่ยว ถ่ายรูป และเสพงานอาร์ต ในบรรยากาศที่ร่มรื่นกลางสวนแนะนำเลย และที่สำคัญที่นี่ยังมีพิซซ่าโฮมเมดอร่อยๆขายอีกด้วย
ต่อมาเรามากันที่ วัดพระธาตุช่อแฮ มาเมืองแพร่ที่พลาดไม่ได้เลยคือการได้มาสักการะ "พระธาตุช่อแฮ" ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองแพร่ เป็นวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี
ภายในวัดก็จะมีรั้วเหล็กรอบองค์พระธาตุ 4 ทิศ มีประตูเข้าออก 4 ประตู แต่ละประตูได้สร้างซุ้มแบบปราสาทล้านนาและฝาผนังวัดยังมีลวดลายดูสวยงามอลังการ ในตัวพระธาตุก็จะเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วย และที่สำคัญที่นี่ยังมีพระเจ้าทันใจให้ผู้คนได้มากราบไหว้ขอพรกันค่ะ
และที่สุดท้ายที่เราจะแวะกันในทริปนี้คือ ร้านกาแฟแห่ระเบิด จากวัดขับรถประมาณ45นาทีค่ะ ซึ่งเป็นทางกลับของเราพอดี^^ที่นี่ตั้งอยู่ที่ อ.ลอง
ร้านเป็นเรือนไม้ ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติบ้านปิน การแห่ระเบิดมหากาฬ งานศิลปะ ภาพเก่าๆภายในชุมชนและภาพกิจกรรมในอดีต ของเมืองแพร่
ในส่วนของเครื่องดื่มก็จะมี กาแฟแห่ระเบิด โกโก้แห่ระเบิด ชาเขียวมะกรูด มะนาว และยังมีนี่เลยโยเกิร์ตบลูเลมอน รสชาติจะออกละมุนๆหน่อยอร่อยดีต้องลอง
หลังจากที่อิ่มอร่อยกันแล้วก็เดินทางกลับกันค่ะ
::::ขอบคุณทุกคนที่ติดตามการเดินทางและภาพถ่ายของเรานะคะ◡̈แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ:::
we journey
วันพฤหัสที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.01 น.