น่าน : ลำธาร – ขุนเขา – ทุ่งข้าวสีทอง
น่าน เมืองเล็กๆ เงียบสงบ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยว ที่พัก หรือแม้แต่อัธยาศัยของผู้คน
ทริปนี้อดิอยากมานอนฟังเสียงน้ำกับที่พักริมลำธารที่บ่อเกลือ
มาตามหาทุ่งข้าวสีทอง ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆก่อนเกี่ยวเท่านั้น
การวางแผนทริปแต่ละครั้งอดิเน้นเที่ยวแบบชิลๆ
คือแบบวางแผนไว้คร่าวๆ แล้วมาดูเวลาตอนเที่ยวอีกที
หลังจากจองที่พักเรียบร้อยก็มาถึงแพลนการเดินทาง
โปรแกรมของเราเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพ
Day 1 : กรุงเทพ – ปัว – บ่อเกลือ
ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ
เราจองรถของ สมบัติ ทัวร์ สายกรุงเทพ – ทุ่งช้าง ลงที่ อ.ปัว ราคาคนละ 790 บาท
จากนั้นเราจะต่อรถสองแถวจาก อ.ปัว ไปทื่ อ.บ่อเกลือ
นี่คือเป้าหมายคร่าวของการเดินทางในวันแรกของเรา
เรามารอขึ้นรถที่สมบัติทัวร์ โดยเรานั่งสายกรุงเทพ-ทุ่งช้าง ไปลงที่ อ.ปัว เพื่อต่อรถไป อ.บ่อเกลือ
ตั๋วพร้อมกระเป๋าพร้อมรอรถเตรียมออกเดินทาง
รถของสมบัติทัวร์แบบ Supreme บริการอาหารว่างบนรถ และแวะทานข้าวต้มรอบดึกที่ จ.พิษณุโลก
เราลงที่จุดจอด บขส. ปัว รถสองแถวจะวนเข้าไปรับที่ท่าใน บขส. แต่เรามาแล้วไม่เห็นรถ เลยกลัวไม่ทันรถรอบแรก เลยนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้าง 30 บาท ให้มาส่งที่ท่ารถสองแถวไปบ่อเกลือจอดอยู่หลังตลาดสด อ.ปัว ตรงข้ามปั๊ม ปตท. เรามาทันรอบ 7.30 น. เป็นรอบแรกพอดี รถวิ่งถึงประมาณบ่าย 2 แต่ถ้าคนน้อยรถก็จะหมดเร็ว แนะนำรอบเช้าๆ ชัวร์สุด
พร้อมแล้วออกเดินทางสู่ บ่อเกลือกันดีกว่า ระยะทาง 48 กม. ด้วยเส้นทางเป็นภูเขา เลยใช้เวลาประมาณ เกือบ 2 ชม. รถจะไปถึงแค่บ่อเกลือเท่านั้นนะครับ เราเลยต้องเหมาให้ลุงคนขับไปส่งต่อที่พักของเราอีก 200 บาท อย่าลืมนัดลุงแกมารับตอนเช้าวันกลับด้วยนะครับ
สองข้างทางเป็นภูเขาสูงสวยงามมากๆ อากาศสดชื่นสุดๆ
ที่พักคืนแรก : บ่อเกลือ (อุ่นไอมาง ณ สะปัน)
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่เราไปเยือนเมืองน่าน
เลยเริ่มหาข้อมูลที่เที่ยวการเดินทางแต่สำหรับที่พักนั้น
มีปักหมุดไว้ในใจอยู่แล้วว่าต้องพักที่นี่ให้ได้
ที่นั่น ก็คือ อุ่นไอมาง ณ สะปัน ที่พักริมน้ำ ที่ บ.สะปัน อ.บ่อเกลือ
วันแรกที่เริ่มเปิดจองไม่รอช้ารีบโทรจองแต่เช้า
คนโทรจองเยอะมากเราโทรไปไม่ต่ำกว่า 200 สาย
แต่คติโบราณว่าไว้ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
เราจองได้เป็นห้องกระโจม ห้องน้ำรวม ราคา 900 บาท/คน พร้อมอาหาร เช้า-เย็น
ถึงแล้วครับที่พักที่ของเรา อุ่นไอมาง ณ สะปัน
เรามาถึงค่อนข้างเช้า ประมาณ 10 โมง ลูกค้าที่พักอยู่ยังไม่เช็คเอาท์ เลยขึ้นไปนั่งเล่น สั่งกาแฟดื่มกันก่อน
กาแฟของที่นี่จะชงแบบดริป แต่ก็ได้รสชาติทีเข้มข้น หอม ไม่แพ้แบบเครื่องแรงดัน
นั่งดื่มกาแฟสด หอมๆ กับวิวสวยๆ ฟินเว่อ
ห้องยังไม่เสร็จเราไปขี่จักรยานเล่นกันก่อนดีกว่า ที่นี่มีจักรยานให้ยืมขี่เที่ยวในหมู่บ้าน
สะพานตรงนี้วิวดีมาก มองเห็นอุ่นไอมาง และภูเขา ลำธารที่สายน้ำโดนโขดหิน
ถนนภายในหมู่บ้านเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน วิวภูเขาตรงหน้าสวยมาก
เราขี่ไปเที่ยวกันที่น้ำตกสะปัน ต้องจอดจักรยานไว้ด้านล่าง จากนั้นก็เดินขึ้นไป ไม่ไกลมากครับ ทางเดินร่มรื่น ต้นไม้อุดมสมบูรณ์ อากาศสดชื่น เห็นน้ำตกสวยๆ แล้วหายเหนื่อยเลย
เที่ยวน้ำตกสะปันเสร็จแล้ว เที่ยงพอดี ขาไปเราเล็งร้านอาหารที่ขี่ผ่านไป เลยแวะกลับมาฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารตามสั่ง ครูผึ้งกัน
มาแล้วอาหารตามสั่งของเรา มื้อนี้แค่ 110 บาท เท่านััน
อิ่มแล้วไปเช็คอิน เข้าห้องพักกันดีกว่า ห้องพักที่เราจองไว้เป็นแบบกระโจม ห้องน้ำรวมแยกชาย-หญิง ราคาคนละ 900 บาท รวมอาหารเช้า-เย็น ภายในกระโจมตกแต่งไว้อย่างสวยงาม อยู่ริมลำธาร นอนดูสายน้ำไหลในห้องไม่มีพัดลมนะครับ แต่กลางคืนที่นี่อากาศเย็น นอนหลับสบายมาก
นอนมองสายน้ำไหล จากหน้ากระโจมตรงนี้ชิลมาก
ใครอยากนั่งเล่นหาเครื่องดื่มเย็นมาจิบ รับรองบรรยากาศดีมาก
เดินเล่นถ่ายรูปบนสะพานไม้ กลางลำธาร ช่วงเย็นเปิดไฟแล้วยิ่งสวย
ถึงเวลาอาหารเย็น ใครทานไม่อิ่มเติมได้นะครับ อิ่มแล้วกลับไปนอนฟังเสียงคลื่นหน้าห้องต่อดีกว่า
Day 2 : บ่อเกลือ – ปัว
วันกลับเรานัดลุงรถสองแถวคันเมื่อวานมารับตอน 8.30 เลยรีบตื่นประมาณ 6.00 น. เพื่อจะได้มาดูบรรยากาศสวยๆ ยามเช้าและทานอาหารเช้า ให้ทันก่อนออกเดินทางไป อ.ปัว
ตื่นมายามเช้าก็มีหมอกสวยๆ มาให้เห็นจากหน้าห้องเลย
ใครอยากนั่งเล่นตรงนี้ก็ชมวิวหมอกสวยๆได้เหมือนกัน
ดื่มกาแฟยามเช้าพร้อมนั่งชมวิว ที่อุ่นไอมาง บรรยากาศดีสุดๆ
เราไปช่วงปลายเดือน ต.ค. อุณภูมิประมาณ 20 องศา อากาศดีมาก กำลังเย็นสบาย
ถึงเวลากลับแล้ว อดิว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมันเดินเร็วมาก ยังไม่อยากกลับเลย
ลุงรถสองแถวมารับตรงเวลามากเพราะแกต้องไปเข้าท่ารับคนที่ อ.บ่อเกลือ ตอน 9 โมง ลุงเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว กลัวมาไม่ถึงบ่อเกลือ เลยใจดีแวะไปส่งให้เราไปเที่ยว บ่อเกลือโบราณ และต้นกำเนิดแม่น้ำน่านด้วย
-บ่อเกลือโบราณ
เที่ยวชมบ่อเกลือโบราณ มีของฝากจากเกลือขายด้วย อดิลองซื้อเกลือสปามา 1 กระปุก มีให้เลือกหลายกลิ่น ราคากระปุกละ 60 บาท
เดินเลยบ่อเกลือโบราณมานิดเดียว เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน
บ๊าย บาย บ่อเกลือ สัญญาว่าจะกลับมาใหม่นะ อดิชอบบรรยากาศ ความสวยงามธรรมชาติ ความเงียบสงบ มาแล้วได้สัมผัสถึงธรรมชาติและการพักผ่อนอย่างแท้จริง
เดินทางถึงปัว รถจอดที่ท่าเดิม ท่ารถอยู่ใกล้วัดพระธาตุเบ็งสกัดและประตูเวียงวรนคร (เมืองพลัว) เราเลยเดินไปไหว้พระธาตุและถ่ายรูปกันก่อน
-วัดพระธาตุเบ็งสกัด
ไหว้พระธาตุเบ็งสกัด สรงน้ำพระธาตุทางวัดจะมีจุดเทน้ำให้และพ่นออกทางจากปากองค์พญานาค
-เวียงนคร เมืองพลัว
เวียงนคร เมืองพลัว อยู่ใกล้กับวัดพระธาตุเบ็งสลัด
ใกล้เที่ยงแล้วเริ่มหิว เราเลยเดินย้อนมากินก๋วยเตี๋ยวกัน ร้านนี้ชื่อ "ร้านก๋วยเตี๋ยวต้นหูกวาง" อยู่ข้างปั๊ม ปตท. ตรงข้ามท่ารถที่เราลงนั่นแหละครับ สั่งเกตุง่ายๆจะมีต้นหูกวางอยู่หน้าร้าน
-ร้านก๋วยเตี๋ยวต้นหูกวาง
ก๋วยเตี๋ยวหมู อร่อยดีครับมีทั้งกระดูหมู หมูแดง ลูกชิ้น ใครมา อ.ปัว ห้ามพลาดนะครับ อดิคอนเฟิม
จากนั้นเรามีเบอร์ของลุงขี่มอเตอร์ไซต์ที่ได้จากวันแรก เลยให้ลุงมารับไปส่งที่เที่ยว
สามารถโทรคุยสอบถามราคาจากลุงแกได้ ถ้าจะเหมาเที่ยวปัวลุงแกก็รับนะครับ
มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ปัว : ลุงวัน 061-845-3488
-วัดภูเก็ต
-ตูบนาไทลื้อ
อยู่ด้านข้างวัดภูเก็ต ใครอยากแต่งชุดของชาวไทลื้อ ถ่ายรูปที่นี่ก็มีบริการด้วยนะครับ
บรรยากาศภายในตูบนาไทลื้อ
แถวหน้าวัดภูเก็ต ชาวบ้านกำลังช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวกันด้วย
จากนั้นเราไปต่อกันที่กาแฟบ้านไทลื้อ อยู่ติดกับร้านลำดวนผ้าทอ ใครจะซื้อผ้าทอสวยๆ มาที่นี่ไม่ผิดหวัง
-กาแฟบ้านไทลื้อ
-ร้านลำดวนผ้าทอ
หลังจากนั่งดื่มกาแฟแบบชิลๆสักพัก และเดินเล่นดูผ้าที่ร้านลำดวน ผ้าทอ เสร็จแล้ว เราก็โทรให้ลุงวันมารับไปส่งที่พักของเรา
ที่พักคืนที่สอง : ปัว ( ตูบนาโฮมสเตย์ )
คืนที่สองเราจองที่ ตูบนาโฮมสเตย์ ที่ อ.ปัว เราจองในส่วนของที่เป็นตูบน่าน มีอยู่ 4 หลังเป็นเจ้าของเดียวกัน ราคาห้องละ 1,600 บาท พร้อมอาหารเช้า เราจองอาหารเย็นเพิ่มด้วย ราคา 400 บาท/ 2 คน
ปกติคนที่มาเที่ยว อ.ปัว ส่วนมากก็อยากจะมาชมทุ่งนาสีเขียว แต่ครั้งนี้ เราค่อนข้างที่จะโชคดีที่ได้เห็นอีกบรรยากาศสวยๆ นั่นก็ คือ ทุ่งข้าวสีทอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้น ที่ข้าวออกรวงแล้วมีสีเหลืองทองก่อนถึงเวลาเก็บเกี่ยว บรรยากาศจะฟินขนาดไหนตามมาดูกันครับ
ถึงแล้วครับที่พักของเราคืนที่ 2 ตูบนาโฮมสเตย์
ทางเดินไปห้องพักมีดอกไม้สวยๆ ประดับไว้สวยงามมากๆ
ทุ่งข้าวสีทองระหว่างทางเดินไปห้องพักก็สวยงามไม่แพ้กัน เดี่ยวขอเข้าไปเก็บของก่อนนะครับจะพามาชมวิวสวยๆของทุ่งข้าวสีทอง
ภายในห้องพักตกแต่งอย่างสวยงาม เปิดม่านออกมาก็เห็นวิวสวยๆของทุ่งข้าวสีทองแล้วครับ
เก็บของเสร็จก็มาซื้อกาแฟที่ตูบนา กาแฟสด ไปดื่มชิลๆ ชมวิวทุ่งน่าอีกสักหน่อย
นั่งดื่มกาแฟ กับวิวทุ่งข้าวสีทองสวยๆ แบบนี้ อดิไม่รู้จะบรรยายยังไงดี เพราะมันฟินมาก
ใครไม่ทานกาแฟสั่งสมูทตี้ มานั่งทานพร้อมชมวิวดอกไม้ก็ชิลสุดๆ ใครจองที่พักที่นี่ไม่ทันจะแวะมากินกาแฟแล้วเดินเล่นถ่ายรูปภายในรีสอร์ทก็ได้นะครับ
ทุ่งข้าวสีทองออกรวงเหลืองอร่ามตัดกับวิวภูเขา สวยมากๆ
เดินเล่นชมวิวทุ่งข้าวสีทองสวยๆจนเริ่มมืดเรากลับไปรอกินข้าวเย็นที่ห้องกันดีกว่า
อาหารเย็นมาเสริฟแล้วน่าทานไหมครับ น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ได้กินละมาถึงเหนือซะที อิ่มแล้วก็เตรียมเข้านอนได้พรุ้งนี้ต้องเตรียมตัวไปลุยเมืองน่านต่อ
Day 3 : ปัว – น่าน – กรุงเทพ
เราตื่นประมาณ 6 โมงเช้ากะว่าจะมานอนเล่นดูหมอก และอยากดูพระอาทตย์ขึ้นยามเช้า
มีเจ้าตูบน้อยเป็นเพื่อนชมหมอกยามเช้า
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากระทบกับรวงข้าวเป็นสีทองอร่าม เป็นช่วงเวลาที่พิเศษและอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกกับภาพที่อดิได้เห็น
"ประสบการณ์ดีๆมันไม่ได้เจอกันง่ายๆ
แต่มันก็เจอไม่ยาก ถ้าเราออกไปตามหามัน"
chillwithadi
หลังจากเดินเล่นชมวิวสวยๆยามเช้าเรียบร้อยเราก็รีบอาบน้ำไปทานอาหารเช้า โปรแกรมเช้านี้คือ ปั่นจักรยานที่ตูบนามีไว้บริการลูกค้า ฟรี เราจะปั่นไปสัดพระธาตุจอมทอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก
ปั่นมาทางหลังที่พักเลาะคลองชลประทางมาเรื่อยๆจนถึงถนนลาดยาง
จอดพักชมวิวสวยๆ ระหว่างทาง
ทางขึ้นด้านหลังค่อนข้างลาดชันเลยจอดไว้แล้วเดินเท้าขึ้นไป
บันไดทางขึ้้นมีมอสปกคลุม รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่นดี
สักการะพระธาตุจอมทองเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับ
ขากลับเราเดินอ้อมลงมาทางถนนด้านหลัง เดินรับลมชมวิวสวยๆจากที่สูง
ถึงเวลาเช็คเอาท์กลับแล้วขอเก็บภาพดอกไม้สวยๆยามเช้ามาฝากก่อนเดินทาง
ที่ตูบนามีบริการรับ-ส่งขึ้นรถที่ปัวให้ฟรี เราเลยให้พี่เขาออกมาส่งที่ปากทางมีศาลารอรถอยู่ รอไม่นานรถก็มาถึงต้องออกแรงโบกให้พี่คนขับเห็นหน่อยนะครับ เราขึ้นรถโดยสารประจำทาง ทุ่งช้าง-ปอน ไปลงที่บขส. น่าน ราคา คนละ 50 บาท
หน้าตา รถสายทุ่งช้าง-ปอน นั่งไปก็ชิลดีครับมองวิวข้างๆไปเรื่อยๆ
นั่งชมวิวไปเพลินประมาณ 2 ชม. ก็เดินทางถึง บขส. น่าน
เรามีเป้ที่ใส่ของเดินทางน้ำหนักก็เอาการอยู่ เลยวางแผนใหม่ขอหาโรงแรมใกล้ๆ บขส. น่าน เพื่อเอาของเก็บและอาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ เพราะว่าเราต้องมาขึ้นรถกลับตอน 1 ทุ่ม ที่ บขส.
ไม่รอช้าเราเปิดมือถือเซิสหาข้อมูลโรงแรม ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแผนใหม่นี้ "โรงแรมน่านสะบายดี" อยู่ไม่ไกลจาก บขส.น่าน ราคาปกติห้องละประมาณ 500 บาท แต่เรามาถึงก็เกือบบ่ายโมงแล้วและแค่เอาของเก็บไว้ไม่ได้อยู่ห้องแถม 6 โมงก็เช็คเอาท์แล้ว เลยขอพี่เขาลดราคาให้หน่อย พี่เขาใจดีมากลดให้เหลือ 300 บาท แถมมีจักรยานให้ยืมฟรีด้วย ใครมาเที่ยวเมืองน่าน "โรงแรมน่านสะบายดี" เป็นอีก 1 ตัวเลือกที่สะดวกในการเดินทาง และราคาไม่แพง อดิแนะนำเลยครับ
ล็อบบี้ของโรงแรมน่านสะบายดี
ห้องพักก็ตกแต่งไว้สวยงาม กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้
จักรยานให้ยืมขี่เที่ยวในเมือง ฟรี ด้วยครับ
เก็บกระเป๋าเรียบร้อยพร้อมไปตะลุยเมืองน่านละครับ โรงแรมตั้งอยู่ใกล้ที่เที่ยวในตัวเมืองเลยครับ เริ่มต้นที่วัดแรกเดินจากโรงแรมนิดเดียวก็ถึงละครับ
-วัดศรีพันต้น
เลยเที่ยงมาสักพักแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยแวะไปกินข้าวซอยกันที่ ร้านข้าวซอยชื่อดังประจำน่าน ร้านนั้นก็คือ "ร้านข้าวซอยต้นน้ำ" อยู่ใกล้ๆกับวัดมิ่งเมือง
อิ่มท้องแล้ว เตรียมเที่ยวต่อกันดีกว่า
ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เมืองน่าน ยอมทิ้งสีเขียวขาวแดง ที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ และตกแต่งร้านเป็นโทนสีน้ำตาลให้เข้ากับบรรยากาศของเมืองน่าน เป็นความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการและท้องถิ่นที่น่ายกย่องมากครับ
-วัดมิ่งเมือง
-วัดภูมินทร์
ภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน” ตำนานว่ากันว่าเป็น “ตำนานกระซิบรักบันลือโลก” เป็นภาพงานจิตรกรรมฝาผนังที่ถูกวาดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2410-2417 โดยหนานบัวผัน ศิลปินชาวไทลื้อ สิ่งสำคัญที่ต้องชมเมื่อมาเที่ยวเมืองน่าน
-ซุ้มลีลาวดี
-วัดหัวข่วง
-วัดพระธาตุช้างค้ำ
สำหรับพระธาตุแช่แห้งและพระ
-วัดพระธาตุแช่แห้ง
-วัดพระธาตุเขาน้อย
-วัดพญาวัด
จากนั้นเราให้ลุงจันมาส่งแถววัดภูมินทร์ ถ้าใครมาน่านช่วงวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตรงถนนด้านข้างวัดภูมินทร์จะจัดเป็นถนนคนเดิน มีของกิน ของฝากมาขายกัน เราเลยไปนั่งกินกาแฟ รอกันที่อเมซอน สาขาที่สวย ออกแบบให้เข้ากับเมืองน่านเช่นกัน
ประมาณสี่โมงกว่าๆ ร้านค้าเริ่มตั้งกันเยอะแล้ว เราเลยรีบออกไปเดินเพราะต้องกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ เดินแบบทำเวลาสุดๆ
-ถนนคนเดินน่าน
ด้านหน้าลานวัดภูมินทร์จะปูเสื้อและมีขันโตกให้คนซื้อของมานั่งทานกันด้วย
เรารีบกลับมาอาบน้ำที่โรงแรมและเดินมาขึ้นรถที่ บขส. น่าน ขากลับเราจองรถของนครชัยแอร์ แบบ Gold Class รถออก 19.00 น. ถึงกรุงเทพประมาณ ตี 5 ครึ่ง
ถึงเวลากลับแล้ว แต่ใจยังไม่อยากกลับจากน่านเลย ไม่รู้ว่ามาน่านแค่ 3 วัน แต่ทำไมหลงรักเมืองน่าน เมืองที่เหมือนจะดูเงียบๆ แต่แฝงไปด้วยสเน่ห์ ธรรมชาติ วัดวา ผู้คน ทุกสิ่งประกอบรวมกันแล้วทำให้เมืองน่าน เป็นเมืองที่อดิมาแล้วเหมือนกับต้องมนต์สะกดให้คกหลุมรัก เมืองเหนือเมืองนี้ ที่ชื่อ "เมืองน่าน" ไปแบบไม่รู้ตัว
อ่านรีวิวอุ่นไอมาง ณ สะปัน >>> https://th.readme.me/p/13450
อ่านรีวิว ตูบนาโอสเตย์ >>> https://th.readme.me/p/13511
เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi
แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวไปกับอดินะครับ
#chillwithadi
#อดิพาชิล
อดิพาชิล
วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.39 น.