สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนที่แล้ว (พ.ย. 60) ทรายมีโอกาสได้ไปทำงานทางโซนภาคอีสาน รอบนี้ ทรายได้ไปที่ จังหวัด ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาทาง 3 จังหวัดนี้เลยนะคะ หลังจากที่ได้เดินทาง ทราย จึงอยากมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้เห็นว่า 3 จังหวัดนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอะไรบ้าง แต่เป็นเพียงส่วนน้อยนะคะ
เราเริ่มต้นที่ "จังหวัดขอนแก่น"
ณ บ้านหนองบัว ต.โสกนกเต็น อ.พล จ.ขอนแก่น สมาชิกส่วนใหญ่ มีอาชีพเลี้ยงหนอนไหมและทอผ้าค่ะ
ใครสนใจเกี่ยวกับเรื่องผ้า หรือวัฒนะธรรมพื้นบ้าน ติดต่อไปได้นะคะ
"ผ้าไหมโบราณบุญราศี 12 ฮีตประเพณีอีสาน" หมายถึง ผ้าไหมลายโบราณสาวผู้ดีอีสานมัดหมีลายประจำงานบุญทาน วัฒนะธรรมชุดเครื่องแต่งกายนุ่งห่ม ไปวัดทำบุญประเพณี 12 เดือนของชาวอีสาน
ประวัติ "ผ้าไหมโบราณบุญราศี 12 ฮีตอีสาน" ค่ะ อธิบายแต่ละเดือนเลยนะคะ มีทั้งหมด 12 เดือน
มาต่อกัน "บ้านขนมบ้านภัทรา"
เหมาะสำหรับแวะซื้อของฝาก นั่งจิบกาแฟ ทานขนมอร่อยๆ
บรรยากาศภายในร้านดีค่ะ นั่งชิวๆ ได้ ขนมอร่อยค่ะ
พิกัด ซอย มิตรภาพ 4 ตำบล บ้านไผ่ อำเภอ บ้านไผ่ ขอนแก่น 40110 โทรศัพท์: 089 569 4394
มุ่งหน้าสู่ "จังหวัดร้อยเอ็ด" ค่ะ
Street Art Roi-Et
ใครไปเที่ยวร้อยเอ็ด ชอบถ่ายรูป แอดมินแนะนำนะคะ ว่าห้ามพลาด !!!!
สถานที่แห่งนี้ ถือว่าเป็นสถานที่ที่อินเทรนด์สุดๆ!!! Street Art บนผนังกำแพงโรงงานเก่าเลียบคลอง
ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ สี่แยก ตรงข้ามเยื้องๆกับตลาดถนนคนเดิน กลายเป็นจุด Landmark และจุดถ่ายภาพที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งในร้อยเอ็ด
และจังหวัดสุดท้ายของทริปนี้ คือ "จังหวัดมหาสารคาม"
"วัดป่าหนองชาด" อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม
เป็นวัดที่มีอุโบสถที่สวยงามผสานกับศิลปะขอม ซึ่งมีจุดเด่นของพระอุโบสถแห่งนี้คือ ผนังของพระอุโบสถ ประดับด้วยพระสมเด็จมาต่อเรียงกันนับหมื่นองค์ จึงได้ชื่อว่า “วิหารคตหมื่นสมเด็จ” เป็นสถานที่ที่ "ต้องห้ามพลาด" ถ้าใครมีเวลาหรือผ่านมา จ.มหาสารคาม อย่าลืมแวะนะคะ
"วัดป่าบ้านหนองซอน"
สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ปฏิบัติะรรมที่มีผู้คนแวะเวียนเข้ามามากมาย เจ้าอาวาสจึงได้ดำริสร้างสิม*** หลังนี้ขึ้นมา โดยได้นำแบบมาจากประเทศลาวเป็นสิมศิลปะแบบล้านช้าง สร้างจากคอนกรีตผสมไม้ลวดลายวิจิตรงดงาม ภายในประดิษฐานองค์จำลองพระพุทธชินราช สิมหลังนี้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง จากโบสถ์ทั่วๆ ไป หาชมได้ยาก เหมาะแก่การเยี่ยมชม
*** "สิมอีสาน" หรือ โบสถ์อีสาน มาจากการที่ทางอีสานเรียกโบสถ์ว่า “สิม”
"คณะหมอลำหุ่นเด็กเทวดา" ณ บ้านหนองโนใต้ ต.พระธาตุ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม
ถือเป็นสถานที่ "ต้องห้ามพลาด" เพราะที่แห่งนี้มี หมอลำหุ่นกระติ๊บหนึ่งเดียวในโลก
โดย "ครูเซียง" ได้เกิดไอเดียการทำหุ่นเชิดจากกระติ๊บข้าวเหนียว และวัสดุจักสาน ของชุมชน มาประดิษฐ์เป็นหุ่นเชิด และได้นำมาผสมผสานกับการร้องหมอลำ
เป็นกลุ่มเยาวชนที่มารวมตัวกันหลากหลายวัย โดยมีหุ่นกระติ๊บเป็นสื่อเชิญชวนนักกิจกรรมตัวน้อย ให้มารวมตัวกัน กว่า 8 ปี ที่เด็กๆ สร้างสรรค์หุ่นด้วยการนำเอาหัตถกรรมท้องถิ่น คือ กระติ๊บข้าวเหนี่ยว หรือ ก่องข้าว มาเป็นวัสดุสำคัญในการสร้างสรรค์ เเละยังใช้วัตถุดิบชั้นดีในชุมชนอย่างขี้ควายมาตกแต่ง บ่งบอกอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน เป็นสื่อกลางนำเสนอวัฒนะธรรมพื้นบ้านผ่านหมอลำกลอนที่แฝงไปด้วยคติธรรม
สามารถติดต่อครูเซียงได้ที่ โทร 093-0835298 , 093-5219049
และที่สุดท้ายของทริปนี้
"กาแฟขี้ช้าง กาแฟช้างทองคำ"
กาแฟขี้ช้าง มีกลิ่นหอมละมุน ต่างจากกาแฟทั่วไป เพราะบ่มและย่อยด้วยกระเพาะช้าง ทำให้หอมพิเศษ และทำให้ "รสขม" ลดลงและความเปรี้ยวน้อยกว่า ความพิเศษนี้ ทำให้ กาแฟขี้ช้าง หอมละมุนและ อร่อยเป็นพิเศษ
ตั้งอยู่ที่ สวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม 44120
เจตนารมย์ และปริธาน
"หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี" เป็นผู้ริเริ่มเลี้ยงช้างมาเป็นเวลาร่วม 9 ปี เพื่อช่วยเหลือ "ช้าง" และอนุรักษ์ช้าง อย่างจริงจังทุกประเภท เพื่อให้ช้างมีที่อยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค และการเลี้ยงดูที่ดี ไม่ต้องการให้ ช้างทำงานหนัก รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จากการนำผลิตภัณฑ์กาแฟขี้ช้าง กาแฟช้างทองคำ จะนำมา เป็นทุนทรัพย์ สำหรับช่วยเหลือช้างทั้งระบบ
กว่าจะได้กาแฟขี้ช้าง มีขั้นตอนการผลิต อย่างไร
- เริ่มจากการคัดเลือกเมล็ดกาแฟไทยอาราบิก้า กาแฟสุกแดงจัด (ผลเชอรี่) สายพันธุ์ อราบิก้า ที่ปลอดสารเคมี จากแหล่งเพาะปลูก จากดอยสวนยาหลวง บ้านสัน เจริญ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ที่ระดับความสูง 1,300 - 1,450 เมตร จากระดับน้ำทะเล
- แล้วนำมาให้ช้างกิน ซึ่งช้างต้องกินเมล็ดกาแฟ ประมาณ 33 กิโลกรัม เมื่อช้างขับถ่ายออกมาจะได้ ผลผลิต 1 กิโลกรัมแค่นั้น
- ควาญช้างจึงต้องคอยสังเกตดูว่าช้างจะขับถ่ายออกมาเมื่อใด เมื่อกระเพาะของช้างทำการย่อย ผิวเปลือกและเยลลี่ของผลกาแฟสุก แต่ไม่ได้ย่อยตัวเมล็ดกาแฟกะลา ควาญช้างก็จะนำไปตากแห้ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับพฤติกรรมการกินแบบปกติ แต่รอให้ช้างกินผลกาแฟโดยสมัครใจ - เมื่อช้างขับถ่ายออกมา จะทำการเก็บคัดแยกเมล็ดกาแฟ เพื่อนำไปผ่านกระบวนการผลิตในแต่ละ ขั้นตอนจนเป็นผลิตภัณฑ์ กาแฟขี้ช้าง - และขณะนี้ กาแฟขี้ช้างไทย ดังไกลทั่วโลก ที่สำคัญก็คือแพงที่สุดในโลกด้วย
สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดขอนแก่น
ที่ทำให้ทรายได้ไปเที่ยวอีสานนะคะ แล้วพบกันใหม่ รีวิวหน้านะคะ
S Travel My Story
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.17 น.