การเดินทางของผมในการมาเที่ยว จ.แม่ฮ่องสอน ครั้งแรกนี้
ต้องบอกเลยว่าทำการบ้านมาดีมาก ทั้งพาหนะในการเดินทาง และที่พัก
เป้าหมายของเรา คือ ปางอุ๋ง และ อ. ปาย

ในหลายๆ รีวิวที่อ่านเจอส่วนมาก จะเป็นการเดินทางจาก
เชียงใหม่ - ปาย - ปางอุ๋ง แต่การเดินทางของผมจะตรงกันข้ามกับรีวิวอื่นๆ
คือจะไป ปางอุ๋ง - ปาย - เชียงใหม่

แผนการเดินทางของผมคร่าวๆ มีดังนี้
#Day1 ออกเดินทางด้วยรถทัวร์ ในตอนเย็น จาก กทม. ไปยัง แม่ฮ่องสอน

#Day2 นั่งรถสามล้อ หรือวินมอเตอไซค์ ไปยังตลาดสดสายหยุด เพื่อขึ้นรถสองแถว ไปยัง ปางอุ๋ง ประมาณ 11 โมงก็จะถึงปางอุ๋ง มีเวลาเที่ยวถ่ายรูปได้เต็มที่

#Day3
- ถ่ายรูปยามเช้า ณ อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง
- 11.00 น. ขึ้นรถสองแถวกลับไปยัง สถานีขนส่งแม่ฮ่องสอนเพื่อต่อรถตู้ ไป อ. ปาย
- 13.00 น. ขึ้นรถตู้ไปยัง อ. ปาย
- 15.00 น. ถึง อ. ปาย เก็บของเข้าที่พัก และหาเช่ารถมอเตอไซ เที่ยว อ. ปาย

#Day4
- ตื่นแต่เช้าไปดูหมอก และเที่ยวใกล้ๆ และกลับไปเก็บของเตรียมตัวกลับ
- 12.00 น. ขึ้นรถตู้มุ่งหน้าไปยัง จ. เชียงใหม่ เพื่อต่อรถทัวร์กลับ กทม.

รายละเอียดอื่นๆ ต้องไปอ่านในรีวิวนะจ้ะ !!!
เริ่มออกเดินทางไปกับเราได้เลยยยยยยยยย.....!


DAY 1

การเดินทางสู่ จ. แม่ฮ่องสอน กำลังจะเกิดขึ้น เราเลือกใช้บริการของ "สมบัติทัวร์" ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เราหาได้จากเว็บไซต์ โดยจะออกจาก กทม. ในเวลา 17.00 น. และถึงในเวลา 8.00 น. เป้าหมายของเราคือไปให้ทัน รถสองแถว รอบ 9.00 ที่จะไป ปางอุ๋ง


(รถที่จะใช้เดินทาง 15 ชม. น่าจะใช้รถที่ดีกว่านี้ เช่น มีเบาะนวด หรือจอดูหนัง แต่รถที่เดินทางไปครั้งนี้ เบาะก็นั่งไม่ค่อยสบาย และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ นอกจากห้องน้ำ )


DAY 2


หลังจากผ่านมาเป็นร้อยพันโค้ง ทั้งเวียนหัว เมารถ และฟังเสียงคนอ้วก ในที่สุดเราก็มาถึง สถานีขนส่ง จ. แม่ฮ่อนสอน ในเวลา 8.00 น. และนี่คือบรรยากาศสถานีขนส่ง ได้เห็นธรรมชาติก็ทำให้หายเหนื่อยไปบ้าง หลังจากนี้ก็ไปล้างหน้า แปรงฟัน ให้เรียบร้อย เพือเตรียมเดินทางไปต่


ที่เห็นอยู่นั่นคือ รถตู้เปรมประชา และสิ่งที่จะบอกต่อไปนี้สำคัญมาก...
เมื่อถึงยังสถานีขนส่งให้ไปซื้อตั๋วรถตู้ล่วงหน้า มิเช่นนั้น วันที่เราจะเดินทางต่อไป อ. ปาย และ เชียงใหม่นั้น เราจะไม่มีที่ว่างให้นั่งแน่นอน ถ้าจะไปต่อที่ อ. ปาย ให้ซื้อตั๋วตั้งแต่รอบ 12.00 น. เป็นต้นไป เวลาจะกำลังดี



จากสถานีขนส่ง เราก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์ มายังตลาดสายหยุด ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งเร็วมาก โดนค่าโดยสารไปคนละ 40 บาท รงข้ามกับตลาดสดจะเห็นวินรถสองแถวที่จะไปปางอุ๋ง และรักไทย
รถที่จะเดินทางไปปางอุ๋งจะออกในเวลา 9.00 น.




เวลา 9.00 น. ก็ได้เวลาที่รถสองแถวจะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านรวมไทย หรือปางอุ๋ง นั่นเอง
ค่าโดยสารอยู่ที่ราคา 80 บาท



ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 1.15 - 1.30 ชม. เราก็เดินทางถึงยังหมู่บ้านรวมไทยในเวลา 10.30 น. และนี่คือบรรยากาศในหมู่บ้าน เราได้บอกคนขับว่าพักที่ "บ้านลุงยอ" เขาก็มาจอดยันหน้าที่พักเลย




ลุงยอโฮมสเตย์ ราคา 500 บาทต่อคืน เป็นบ้านปูน ติดแอร์ธรรมชาติ สาเหตุที่เราเลือกพักที่นี่ เพราะใกล้กับอ่างเก็บน้ำ ราคาถูก และใกล้แหล่งของกิน ที่สำคัญเจ้าของบ้านเคยมาโพสโปรโมทที่พักในเพจของผม ซึ่งโดยรวมแล้วที่นี่ค่อนข้างโอเค บริการดีมาก เบอร์ติดต่อ : 099 143 7700

หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พัก ต่อไปก็ได้เวลาออกไปชมความสวยงาม ถ่ายรูปเท่ๆ วิวสวยๆ

จุดนี้ คือประตูระบายน้ำ ที่จะไหลลงสู่ชุมชนให้ได้กินได้ใช้



และที่เห็นอยู่นั่นคือ สันเขื่อนอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง ที่คนมักนิยมไปถ่ายรูปกันตรงนั้น




จุดนี้เป็นจุดให้บริการล่องแพเที่ยวชมบรรกาศของอ่างเก็บน้ำ อัตราค่าบริการอยู่ที่ 150 บาทต่อสองคน เห็นแล้วอยากนั่งเลยมั้ยล่ะ แต่ยังไม่ใช่วันนี้ ถ้านั่งตอนเช้าๆ ที่หมอกลงเหนือผิวน้ำ น่าจะสวยกว่าล่องในตอนบ่ายๆ นี้



เดินมาเรื่อยๆ ก็มาถึงยังด่านเก็บเงินเข้าอุทยาน 20 บาท สำหรับผู้ใหญ่ เล็กๆ น้อยๆ เพื่อนำไปบำรุงรักษาธรรมชาติต่อไป



เดินเข้ามาเรื่อยๆ มีจุดให้ถ่ายรูปวิวเยอะเลย ที่เห็นศาลาอยู่ไกลๆ นั่นก็คือ จุดที่ให้บริการล่องแพ ที่เราเดินผ่านมานั่นแหละ


ถัดมาก็จะเป็นสะพานไม้ หรือท่าเรือ บางคนก็ล่องแพมาขึ้นตรงนี้ จุดนี้ก็เป็น #จุดถ่ายรูปยอดฮิต อีกหนึ่งจุดเช่นกัน





ใครมาถึงปางอุ๋ง แล้วไม่เจอ "หงส์คู่พระราชทาน" จากสมเด็จพระราชินี เป็นหงส์ดำ และหงส์ขาว อย่างละ 1 คู่ ถือว่าพลาดมากๆ ซึ่งเขามักจะไม่ปล่อยออกมาพร้อมกัน เราก็บุกไปยังเล้าเลย เจอทีเดียว 3 ตัวเลย เป็นการเห็นหงส์ครั้งแรกในชีวิต



ระหว่างทางที่เราจะเดินไปยังอีกฝั่งหนึ่งของอ่างเก็บน้ำ ก็วิวนาขั้นบันไดที่เขียวขจีมากๆ เพราะช่วงนี้เป็นหน้าฝน มันถึงได้เขียวแบบนี้



เอ๊ะ ! นั่นมันหงส์ดำ ไม่ใช่หงส์แดง นี่หน่า แอบมาจู่จี๋กันอยู่สองตัว ซึ่งขนาดตัวของหงส์ดำนั้นเล็กว่าหงส์ขาวที่เราเห็น



เดินมาจนสุดอ่างเก็บน้ำ ก็ไม่รอช้าที่จะเก็บภาพมุมนี้ ซึ่งเป็นมุมที่เห็นรายละเอียดของอ่างเก็บน้ำปางอุ๋งได้สวยที่สุด เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตอันดับหนึ่งของปางอุ๋งเลยก็ว่าได้
หลังจากนี้ฝนเริ่มโปรยลงมาต้องรีบวิ่งกลับที่พัก


เวลา 17.30 น. หลังจากที่ฝนหยุด ก็ได้เวลาออกเดินหาอาหารมื้อเย็น ซึ่งบางร้านก็ยังไม่เปิด เพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล คนค่อนข้างน้อย ทำให้เปิดเพียงไม่กี่ร้าน





สุดท้ายแล้ว เราก็มาจบกันที่หมูกระทะ ที่เห็นอยู่นี่ราคา 199 บาท มั้งนะถ้าจำไม่ผิด
สูญเสียเงินไปทั้งสิ้น 299 บาท ประกอบไปด้วย
- หมูกระทะ 1 ชุด - น้ำเปล่าขวดใหญ่ 1 ขวด - น้ำแข็ง 1 ถัง
ซึ่งถือว่าไม่แพงนะ


DAY 3

เช้าวันรุ่งขึ้น..เวลา 6.00 น. ก็ได้เวลาตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปดูหมอกที่ลอยเหลืออ่างเก็บน้ำ ระหว่างทางก็ได้พบกับพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาต หากใครอยากทำบุญก็สามารถซื้ออาหารที่ชาวบ้านทำขายไว้ในหมู่บ้าน




ตอนนี้เราก็มาอยู่ที่สันเขื่อน เพื่อมาดูไอหมอกเหนืออ่างเก็บน้ำ แต่ก็เป็นที่น่าผิดหวังเพราะอากศไม่เย็นพอบวกกับเมฆค่อนข้างเยอะ แดดเลยไม่ค่อยมี ทำให้เราได้ถ่ายแต่วิวยามเช้า





หลังจากที่เมื่อวานเรามาสำรวจแล้ว เช้านี้ก็ได้เวลาที่เราจะล่องแพชมอ่างเก็บน้ำ
แพนี้ถ้ามาเป็นคู่จะโรแมนติกมาก ต่อไปก็ถึงเวลาที่เราจะได้ล่องแพบ้างแล้ว ถ้ามาเป็นคู่จะโรแมนติกมากเลย ต่อไปก็ถึงเวลาที่เราจะได้ล่่องแพบ้างแล้ว

ล่องแพไปก็ทำให้นึกถึง MV คนละชั้น ของเจ้านายเลยล่ะครับ




เวลา 9.00 น. เราก็มาต่อกันที่ บ้านลุงปาละ ซึ่งเป็นร้านกาแฟร้านแรกของปางอุ๋ง
ทั้งปลูกเอง คั่วเอง ชงเอง ขอบอกเลยว่าใครมาไม่ควรพลาด
มอคค่า เย็น ในราคา 50 บาท หอม เข้มข้น รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
ขนมปังปิ้ง 4 แผ่น ในราคา 30 บาท รสชาติก็ปกติทั่วๆ ไปนั่นแหละ แต่กินคู่กับกาแฟอร่อยดี

เดินมาหลังบ้านลุงปาละ ก็จะพบกับ ต้นไผ่ที่สูงใหญ่ ซึ่งไม่ควรพลาดที่จะต้องถ่ายรูปเก็บไว้

ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านกาแฟร้านแรกของปางอุ๋ง แน่นอนว่าจะไม่มีต้นกาแฟก็เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นการเห็นต้นกาแฟครั้งแรกในชีวิต

หลังจากนี้เราต้องกลับไปยังที่พัก เพื่ออาบน้ำ เก็บของ แล้วมารอรถสองแถวรอบ 11.00 น. ที่ไปยัง บขส.แม่ฮ่องสอน

เวลา 12.15 น. เราก็มาถึง บขส.แม่ฮ่องสอน ค่ารถสองแถวเที่ยวนี้ เราเสียไปคนละ 90 บาท ปกติรถจะไปที่ตลาดสายหยุดในราคา 80 บาท แต่เนื่องจากเราบอกคนขับเขาจึงมาส่งเราที่ บขส. แม่่องสอน รถตู้ที่เราจองไว้ล่วงหน้าจะออกเดินทางไป อ.ปาย ในเวลา 13.00 น.


#สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้สำคัญมาก
หากใครลืมซื้อตั๋วรถตู้ไว้ล่วงหน้า ขอบอกไว้เลยว่าเต็มแน่นอน แต่ยังมีแผนสำรอง ให้บอกคนขับรถสองแถวเลย เดี๋ยวเขาจะไปส่งเราที่ทางแยกไปปางอุ๋งกับไป อ.ปาย จะมีรถสองแถวที่ไป อ.ปาย จอดรออยู่ แต่การนั่งสองแถวไปปาย 3 ชม. ความเมารถมากกว่าการนั่งรถตู้แน่นอน

ออกจาก บขส. แม่ฮ่องสอน มาตั้งแต่ 13.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. เราก็มาถึงยัง ท่ารถตู้เปรมประชา อ. ปาย ในเวลา 15.15 น. หลังจากลงรถปุ๊บ ก็ต้องเดินตามหาที่พักที่เราได้ทำการจองไว้ล่วงหน้า

ที่พักของเราในคืนนี้คือ " ปายในฝัน " ซึ่งต้องเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำปาย แต่ที่เห็นคือ สะพานพัง ! โคตรซวยเลย 555


ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ สุดท้ายเราก็ต้องเดินไปข้ามอีกสะพานนึง ซึ่งค่อนข้างไกลนิดๆ

แม่น้ำสายนี้เขาเรียกว่า " แม่น้ำปาย " ซึ่งไหลเชี่ยวมาก



หลังจากที่เดินมาข้ามอีกสะพาน ในที่สุดเราก็มาถึงยังที่พักของเรา นั่นคือ #ปายในฝัน นั่นเอง
เราพักในแบบ A-FRAME RIVERSIDE กระโจมสามเหลี่ยม ราคาอยู่ที่ 590 บาท
ข้อมูลอื่นๆ ที่เว็บไซต์นี้เลย http://www.painaifun.com/


เมื่อ checkin เข้าที่พัก และเก็บข้าของเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกตามหาพาหนะที่จะใช้ท่องเที่ยวใน อ. ปาย นั่นก็คือ " มอเตอร์ไซค์ " ราคาจะเริ่มที่ 100 บาทขึ้นไป ชอบคันไหน รุ่นไหนก็เดินหาเอาได้เลย แต่แนะนำให้หารถคันใหม่ๆนะ

สถานที่แรกที่จะไปนั่นก็คือ " วัดพระธาตุแม่เย็น " ซึ่งระยะทางอยู่ไม่ไกลจากตัว อ. ปาย ขี่มาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว


ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือ กราบไหว้องค์พระใหญ่ “ พระพุทธโลกุตระมหามุนี ” แห่งวัดพระธาตุแม่เย็น และชมวิวของตัวเมืองปายที่มองเห็นจะได้ด้านบนนี้

จุดหมายต่อไปของเราคือ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย สร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 โดยทหารญี่ปุ่นที่เอาไว้ใช้ลำเลียงอาหาร และอาวุธ ไปยังพม่า




มาที่เป้าหมายต่อไปนั่นคือ กองแลน หรือปายแคนยอน เขาแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของดินและการกัดเซาะด้วยลมและฝนในบริเวณกว้าง


ชาวต่างชาติเยอะมาก ไฮไลท์ของที่นี่คือ การมาดูพระอาทิตย์ตก


วิวมุมนี้แหละที่คนส่วนใหญ่จะมาดูพระอาทิตย์ตก




เมื่อมาเมืองปายแล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้คือการมาเดิน " ถนนคนเดิน " ยามค่ำคืนตลอดสองข้างทางจะเต็มไปด้วยของกิน เสื้อผ้า งานฝีมือ และของฝากต่างๆ ถนนคนเดินแห่งนี้ จะมีชาวต่างชาติประมาณ 80 % เลยก็ว่าได้ คือเยอะมากๆ เลย หลังจากนี้ก็ได้เวลาเขาที่พักเพื่อพักผ่อน


DAY 4


ยอมตื่นตั้งแต่ตี 5.30 น. เพื่อมาที่นี่เลย " ทะเลหมอกหยุนไหล " ขอบอกเลยว่าทีเด็ดสุดๆ ยกแห่งเป็นพระเอกของทริปเมืองปายเลย

คงไม่มีอะไรที่จะฟินมากไปกว่าการนั่งจิบกาแฟร้อนๆ ดูหมอกลอยผ่านยามเช้า



6.00 น. พระอาทิตย์เริ่มสาดแสง บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยทะเลหมอก 360 องศาเลยก็ว่าได้


มองมาทางนี้ก็ทะเลหมอก บางครั้งหมอกก็ลอยผ่านตรงจุดที่เรายืนอยู่ จนทำให้กล้องไอน้ำเกาะที่กล้อง และกล้องชื้นจนมีปัญหาเลย แง !!!!


บรรยากาศด้านบนนี้ คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะวิวกำลังสวยมากๆ


แสงแดดส่องแสงทะลุก้อนเมฆ บวกกับทะเลหมอกด้านล่าง ทำให้ออกมาเป็นภาพที่น่าประทับใจภาพนึงเลย


หลังจากนั้นก็ขี่รถลงจากทะเลหมอกหยุนไหล ก็จะมาพบกับหมู่บ้านศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน (บ้านสันติชล) จริงๆ ก่อนขึ้นไปดูทะเลหมอกเราก็ขี่ผ่านแหละ แต่มันเช้ามืดอยู่ เขายังไม่เปิด


พาโนรามาให้เห็นภาพแบบกว้างๆ ซึ่งที่แห่งนี้ก็ไม่ใหญ่มาก แต่มีกิจกรรมให้เราได้ทำหลายอย่าง


ชิงช้าสวรรค์แบบชาวเขา ค่าบริการคนละ 25 บาท


ยิงธนูก็มีนะ 8 ดอก 50 บาท


ปืนหน้าไม้ ก็มี 8 ดอก 50 บาท เหมือนกันแต่คนน้อยเขาแถมให้อีก 3 ดอกด้วยนะ


ศาลากลางน้ำ บรรยากาศเย็นๆ ทำให้นึกถึงหนังจีนเลยแหละ

เดินเข้าด้านในก็จะพบกับปราสาท เหมือนพระราชวังในหนังจีนมาก ด้านล่างจำไม่ได้แล้วว่าเขาขายอะไร


เดินขึ้นมาด้านบนกำแพงวัง จะทำให้มองเห็นภาพรวมในมุมสูง


เวลา 8.00 น. เราก็ออกจากหมู่บ้านสันติชล เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยัง Coffee In Love สถานที่ชื่อดังของเมืองปาย


Coffee In Love. รู้สึกเฉยๆ มากกับที่นี่ จึงไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเยอะเท่าไหร่


มุมสวยสุดของ Coffee In Love ก็สวนดอกไม้ กับบ้านตรงนี้แหละ น่าถ่ายรูปมากๆ ดอกไม้สวยๆ เยอะเลย


ก่อนเดินทางกลับ กทม. ก็ขอเข้าวัดขอพรให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ กันสักหน่อย


วัดศรีดอนชัย วัดแห่งแรกของอำเภอปาย อายุมากกว่า 700 ปี


วิหารแห่งเรียกว่า "วิหารลายคำ"

พระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์เมืองปาย) เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของเมืองปาย องค์พระจริงจะอยู่ในตู้เล็กๆ หน้าองค์พระใหญ่ แต่ด้วยความที่หาข้อมูลวัดนี้มาน้อย จึงไม่ได้สังเกตเห็น

หลังจากนี้ต้องรีบกลับไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวขึ้นรถตู้มุ่งหน้าไปยัง อาเขต จังหวัดเชียงใหม่


ขึ้นรถตู้ในเวลา 12.00 น. จาก อ. ปาย ใช้เวลา 3 ชม. ในการเดินทางมาถึง อาเขต จ. เชียงใหม่ ในเวลา 15.00 น. แต่รถทัวร์ที่จะกลับ กทม. ออกเวลา 19.00 น.
ถ้าไม่รู้จะไปรอที่ไหนก็ไปรอที่นี่เลย " StarAvenue " มีทั้ง แมคโดนัล สเวนเซ่น ไปหาไรกินรอได้เลย


เวลา 19.00 น. รถทัวร์ก็มาถึง เที่ยวนี้เราใช้บริการของ บางกอกบัสไลน์ ขอบอกว่ารถดีมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ



แล้วพบกันในทริปต่อๆไป ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้

ขอบคุณครับ _/\_

ฝากติดตามเพื่อเปนกำลังใจให้ด้วยครับ

https://www.facebook.com/iwillgo.thailand/
https://www.instagram.com/iwillgo.thailand/

ความคิดเห็น