สวัสดีปีใหม่ 2558 กับการทำรีวิวกระทู้แรกของปี เป็นกระทู้เกี่ยวกับภาพถ่ายล้วน ๆ เลย ไม่ได้พาไปเที่ยวกันที่ไหนหรอก อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง กับการเดินถ่ายรูปรอบ ๆ เกาะรัตนโกสินทร์กันใน 1 วัน มาดูกันว่าผมได้อะไรจากการไปเดินถ่ายรูปครั้งนี้บ้าง พร้อมแล้วก็ไปกันเลยครับวันที่ไปเดินถ่ายเป็นวันที่ 2 มกราคม เป็นทริปที่ผมตั้งใจไว้ก่อนสิ้นปีแล้ว เพราะว่าไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน อยู่เฝ้ากรุงเทพฯ เพราะไม่ชอบที่จะไปแออัดกันตามที่ท่องเที่ยวต่างจังหวัด เลยอยากลองเที่ยวกรุงเทพฯ ตอนคนน้อย ๆ ดูบ้าง เลยถือโอกาสไปเดินถ่ายรูปแล้วก็ทำบุญตาม ที่ต่าง ๆ รอบเกาะรัตนโกสินทร์ดู


ที่แรกที่เราไปกัน ก็คือ "วัดพระแก้ว" ที่ ๆ ใครมาแถวนี้ก็ต้องมากัน แล้วก็สมใจอยากครับ ฟ้ากรุงเทพฯ หน้าหนาว สวยอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นกันในฤดูอื่น ๆ เลย


แต่ก็ต้องแลกกับ มวลมหาประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวต่างชาติ...เยอะจริง ๆ ยิ่งช่วงนี้หลักๆ เลยคือ จีน มาเลย์ รัสเซีย ซึ่งแต่ละชนชาตินี่ วัฒนธรรมก็แตกต่างกันไป ทำใจแล้วก็ระวัง กันนิดนะครับ ท่าน ๆ ทั้งหลาย ไม่ค่อยสนใจคนอื่นเท่าไหร่หรอก ถ่ายรูปอยู่ดี ๆ ก็เดินมาสะกิดให้หลบ ทั้ง ๆ ที่เรายังถ่ายไม่เสร็จก็มี ก็อย่าคิดมากครับ เค้าถ่ายเสร็จเราค่อยถ่ายต่อก็ได้ คิดเสียว่า เราอยู่ที่นี่จะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ เค้านาน ๆ มากันทีนึง


จากตรงนี้ก็ไปชมรูปกันเรื่อย ๆ เลยแล้วกันนะครับ


คนเยอะขนาดไหนดูกันเอาเองนะครับ แถบจะเรียกได้ว่า ไหลกันเข้าไปนมัสการพระแก้วมรกต กันเลยทีเดียว อ้อ...สำหรับด้านในห้ามถ่ายรูปนะครับ เค้าห้ามก็อย่าทำ จะได้ไม่มีปัญหากัน เดี๋ยวจะไม่สนุกกันซะเปล่า ๆ


จริง ๆ แล้วศิลปะวัฒนธรรมของไทยนี่ก็สวยงามไม่แพ้ชาติอื่นเลยนะ แล้วก็ดีใจจริง ๆ วันนี้ฟ้าสวยมาก ๆ


ต่อมา เราก็เดินต่อกันไปที่ "พระบรมมหาราชวัง" ครับ


ช่วงเวลาที่ผมถ่ายเป็นตอนใกล้ ๆ จะเที่ยงแล้วครับ พระอาทิตย์อยู่ไปทางด้านหลังจนเกือบอยู่ด้านบนพระบรมมหาราชวังแล้ว ถ่ายแล้วจะย้อนแสงกันสักหน่อย เลยต้องลองหามุมอื่นดูบ้าง ก็ได้มาอย่างที่เห็นครับ ฟ้าออกจะจ้าไปเล็กน้อย


หลังจากนั้นก็เดินไป สักการะที่ศาลหลักเมืองกัน แต่ด้วยจำนวนคนที่ค่อนข้างเยอะ และพิธีกรรม ที่ไม่ค่อยเหมาะกับการเอากล้องมาถ่ายสักเท่าไหร่ เลยไม่ได้เก็บภาพตรงนี้มาครับ แต่ไปเก็บภาพกันต่อที่ "เสาชิงช้า" Landmark อีกที่นึงของกรุงเทพมหานคร


อยากเก็บภาพวัดสุทัศน์ กับเสาชิงช้า แต่น่าจะย้อนแสงน่าดู ก็เลยลองถ่ายทั้ง ๆ ที่ย้อนแสงดู เอาให้เห็นแฉกพระอาทิตย์กันชัด ๆ ไปเลยดู.. ก็ดูแปลกตาดีนะ โอกาสหน้าคงต้องมาลองถ่ายตอนแสงสวย ๆ ดู


ต่อจากนั้นก็จะไปที่ "ภูเขาทอง" กัน แต่เราเดินผ่าน "อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย" กันอยู่แล้ว ก็เลยขอสักรูป เสียดายที่ ถนนไม่ได้โล่งอย่างที่คิดนะครับ แถวนี้รถเยอะ แต่ไม่ได้ติดขัดอะไร


เดินกันมาถึงทางขึ้น "ภูเขาทอง" ก็มีจุดแวะพักก่อนขึ้น พักเหนือยกันสักนิดก่อนขึ้น พระพุทธรูป องค์นี้อยู่ตรงบันได้ทางขึ้นครับ เห็นฐานของภูเขาทองอยู่ไกล ๆ


เดินกันขึ้นมาสักระยะก็จะเห็น องค์ภูเขาทอง หรือ "พระบรมบรรภต" กันแล้วครับ เวลาตอนนั้นประมาณ บ่าย 2 นิด ๆ ฟ้ายังสวยอยู่


ตรงนี้ คือส่วนด้านบนก่อนที่จะขึ้นไปด้านบนสุด เป็นที่บรรจุ "พระทันตธาตุ" หรือ "พระเขี้ยวแก้วของพระพุทธองค์" รูปนี้ ต้องอาศัยความไวนิดนึง เพราะมีคนต่อแถวกันมาสักการะอยู่ รีบถ่ายรีบเดินครับ จะได้ไม่รบกวนคนอื่นมากเกินไป แล้วให้ความเคารพสถานที่ด้วย


หลังจากนั้นก็ขึ้นมาด้านบน ต่อแถวกันขึ้นครับ เพราะคนเยอะจริง ๆ น่าจะมีทัวร์ทำบุญ เพราะเห็นคนไทยหลาย ๆ คนมากันเป็นหมู่คณะ น่าจะมาจากต่างจังหวัด อาศัยช่วงนี้คนกรุงเทพฯ ไม่ได้อยู่เมืองกัน


ขอบอกอีกครั้งว่า หน้าหนาวนี้ กรุงเทพฯ ฟ้าสวยจริง ๆ มองเห็นได้ไกล ๆ เลย ลมพัดเอื่อย ๆ ไม่ร้อนเท่าไหร่


เคยสงสัยว่าผิวขององค์พระบรมบรรพต เป็นทองผสมหรือเปล่า ก็เลยไปหาข้อมูลมา เลยรู้มาว่า เป็น โมเสคสีทองอร่ามจากอิตาลี สวยจริง ๆ ครับ


รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายแล้วครับ เป็นการลองถ่ายแฉกของพระอาทิตย์กับองค์ภูเขาทองเสียดายตรงกะเวลาผิดไปหน่อย เลยไม่ได้อยู่ถึงตอนเย็น คาดว่าใครรอถ่ายตอนเย็นคงจะได้ฟ้าที่สวยมากเหมือนกัน

คิดไว้ว่าคงจะหาโอกาสมาถ่ายกันอีกที เพราะวันทั่วไปคนคงจะไม่เยอะเท่านี้แน่ ๆ

จริง ๆ แล้วกรุงเทพฯ ก็เที่ยวได้นะครับตอนปีใหม่ เพียงแต่ร้านค้าหลาย ๆ ร้านก็อาจจะปิดกันไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากอะไร เดินทางสะดวกแบบอยากให้ถนนกรุงเทพฯ เป็นแบบนี้นาน ๆ เลย ขอให้ทุกคนโชคดีในปีใหม่ 2558 นี้นะครับ


สุดท้ายก็มีดราม่าอีกนิดตอนขากลับ ทั้ง ๆ ที่วันนี้มีแต่เรื่องดี ๆ ก็ตรงที่ วันนี้ผมเอารถเข้าเมือง (ธรรมดาไม่อยากเอาเข้าเพราะหาที่จอดรถยาก และรถติด) ผมเองจอดรถไว้ที่ "ท่ามหาราช" เป็น Community mall อยู่ริมแม่น้ำ เยื้อง ๆ กับ รพ. ศิริราช ถัดจากท่าพระจันทร์มานิดนึง มีที่จอดรถ คิดชั่วโมงละ 40 บาท ถือว่าดีครับเป็นอาคารจอดรถ ในร่มด้วย ก็ตั้งแต่เช้าเดินตั้งแต่วัดพระแก้ว มาจนถึง ภูเขาทอง ก็ไม่อยากเดินกลับแล้วหล่ะ ก็เลยจะลองนั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับ ถามคนขับดู บอกราคามาแล้วเบือนหน้าหนีเลย... 150 บาท.. เข้าใจเลยว่า อยากรับแต่แขกต่างชาติ ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นป้ายเลยดีกว่ามั้ยว่า Tourist Only จะได้ไม่เสียเวลา เสียความรู้สึก เลยเดินมาเรียก แท็กซี่ ด้านนอก ก็เปิดมิเตอร์วิ่งไป จนถึงหน้า ม.ธรรมศาสตร์ เพราะรถติดข้างในเลยลงเดินกันต่อ มิเตอร์ขึ้นมาแค่ 45 บาท เลยจ่ายค่าแท็กซี่ไป 50 บาทเลย



อย่างที่บอกครับว่ากระทู้นี้ เป็นกระทู้ถ่ายภาพซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรตรงไหน ก็ฝากข้อความได้ทาง inbox หรือจะติดตามที่แฟนเพจของผมได้ที่ http://www.facebook.com/naisoop กันได้นะครับ เป็นเพจของ "มนุษย์เงินเดือนที่รักการท่องเที่ยวถ่ายรูป" ครับ



ขอขอบคุณที่สละเวลามาเยี่ยมชมนะครับ ติชมกันได้นะครับ ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น