นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง...ไปเที่ยวช่วงไหนดี?

ช่วงที่แนะนำให้มาเที่ยวชม มี 3 ช่วง คือ

ช่วงดำนา (กรกฎาคม-ปลายเดือนสิงหาคม) ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มปลูกข้าว
ช่วงนาข้าวสีเขียว (ปลายเดือนสิงหาคม-กลางเดือนตุลาคม) ช่วงที่ข้าวเติบโตเขียวขจีขึ้นอัดแน่นเต็มท้องทุ่ง มองไปทางไหนก็ดูเขียวสบายตา รู้สึกสดชื่น ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีคนมาเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ
ช่วงนาข้าวสีทองอร่าม (กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน) เป็นช่วงที่ข้าวออกรวงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง พร้อมเก็บเกี่ยว

นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง ณ ปลายเดือนสิงหาคม
เมื่อพวกเราสองสาวไปนอนชิลล์ที่กระท่อมกลางนาขั้นบันได ณ บ้านป่าบงเบียง กับ บรรยากาศสุดฟิน! ถึงแม้พวกเราจะเป็นผู้หญิงแต่ทริปนี้ก็ไม่สามารถห้ามใจพวกเราไหว ด้วยความที่ "บ้านป่าบงเปียง" เป็นจุดหมายหนึ่งในลิสรายชื่อของเส้นทางที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งนึงของชีวิต พยายามเก็บข้อมูลรายละเอียดการเดินทางต่างๆ อีกทั้งดูรีวิวบ่อยมาก และเห็นเส้นทางดังกล่าว ค่อนข้างจะโหด และ เดินทางลำบากพอควร ยิ่งช่วงที่หน่้าเที่ยวของที่นี่ คือ "ฤดูฝน" (ช่วงมีต้นข้าว) ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเราสองสาวไปกัน แต่ด้วยสภาพอากาศฝนตก ทำให้สภาพเส้นทางที่โดนฝนกระหน่ำ จากทางลูกรัง ดินขรุขระ ก็ย่อมที่จะกลายสภาพเป็นดินโคลนเละๆ

แต่...เพราะความสวยงามของนาข้าวที่เขียวขจี ที่ไล่ระดับลงมา เป็นขั้นบันได และ วิวทิวทัศน์ที่มีภูเขาล้อมรอบ ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูด ให้ใครหลายคน พร้อมที่จะลุยกับสภาพการเดินทางแบบนี้ เพื่อมาเห็น และมาสัมผัสกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ

ที่พักบ้านป่าบงเปียง

แต่...เพราะความสวยงามของนาข้าวที่เขียวขจี ที่ไล่ระดับลงมา เป็นขั้นบันได และ วิวทิวทัศน์ที่มีภูเขาล้อมรอบ ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูด ให้ใครหลายคน พร้อมที่จะลุยกับสภาพการเดินทางแบบนี้ เพื่อมาเห็น และมาสัมผัสกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ

ที่พักบ้านป่าบงเปียง

บ้านป่าบงเปียง จะมีที่พักไม่กี่หลังเท่านั้น ซึ่งแต่ละหลัง...ก็จะเป็นกระท่อมบ้านพักแบบง่ายๆ ไร้ซึ่งเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ได้อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง สำหรับการเดินทางในครั้งนี้พวกเราสองสาวไปนอนที่ "มาฉิโพ" ของพี่ิวิชัย ราคาที่พักจะคิด เป็นคน คนละ 500 บาท (ที่พัก 1 คืน + อาหาร 2 มื้อ เย็น-เช้า) ถ้าต้องการมาพักควรจองล่วงหน้า เนื่องจากในหน้าท่องเที่ยวช่วงนาขั้นบันไดแบบนี้ ที่พักมักจะเต็มในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ไม่มีไฟฟ้า,ไม่มีทีวี,ไม่มีพัดลม,ไม่มีตู้เย็น,ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น
แต่มีคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ และ เนต (พอให้ได้เล่น) แต่เล่นได้แค่ระเบียงบ้าน ในห้องไม่มีสัญญาณ
เมื่อได้เวลาอาหารเช้า-เย็น จะมีคนหิ้วปิ่นโตอาหารมาให้ถึงหน้ากระท่อมที่พัก อยู่แบบง่ายๆอาจจะดูไม่สะดวกสบาย แต่บรรยากาศที่นี่ให้เต็มร้อยคะ

อาหารเย็น (วันแรก)

อาหารเช้า (วันที่ 2)


การเดินทางสู่บ้านป่าบงเปียง
มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ ระหว่างทางพวกเราสองสาวก็แวะเก็บภาพ ชมบรรยากาศที่ "บ้านแม่กลางหลวง"สักหน่อย ช่วงที่พวกเราไปกันเป็นหน้าฝนพอดี ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ช่วงนี้นาทุกที่ก็เริ่มจะเขียวแน่นเต็มท้องนา และ นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง นี่เอง...ก็ถือว่าเป็นนาขั้นบันไดอีกจุดหนึ่งที่มีความสวยงาม และ เดินทางมาได้ง่าย สักพักฝนก็เริ่มลงเม็ด อากาศก็เริ่มเย็น แต่มันก็ได้อารมณ์อีกแบบ
ผ่านอำเภอจอมทอง เลี้ยวขวามาตามเส้นทางสู่ยอดดอยอินทานนท์ เมื่อถึง ด่านจุดตรวจที่ 2 ก็เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอแม่แจ่ม ปะมาณ 6-7 กม.

จะมีทางแยกขวาไปทางน้ำตกแม่ปาน ซึ่งทางจะดูแคบ เป็นถนนเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีรถเข้าออกบ่อย บรรยากาศดูเงียบสงบ สองข้างเต็มไปด้วยป่าสน พอข้ามลำธารเล็กๆมาจะเจอ หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน

จะมีทางแยกขวาไปทางน้ำตกแม่ปาน ผ่านหน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน ซึ่งหลังจากนี้เส้นทาง จนถึง บ้านป่าบงเปียง จะค่อนข้างเละ และ ลำบาก ต้องอาศัยรถ 4WD เท่านั้น!!


โดยการเดินทางครั้งนี้พวกเราสองสาวเช่ารถเก๋งมาตั้งแต่สนามบิน แล้วพวกเราสองสาวก็เอารถขับมาจอดไว้ที่หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน หลังจากนั้นก็โทรให้ที่พักเอารถ 4WD ออกมารับเพื่อไปบ้านป่าบงเปียง ตรงจุดตรงนี้ สัญญาณเครือข่ายอื่นจะไม่สามารถใช้งานได้ นอกจาก AIS (เผื่อต้องโทรหาให้ที่พักออกมารับ สำหรับคนไม่ได้นัดล่วงหน้า) (ค่าบริการรถ 4WD ไป-กลับ 700 บาท/คัน นั่งได้ 5-6 คน) ซึ่งจะปลอดภัยมากกว่าเพราะคนขับจะชำนาญเส้นทาง หลังจากนี้เราจะเจอเส้นทางโหด ระยะทางที่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรกว่า บางช่วงถนนจะเป็นแอ่งน้ำ (ดูเส้นทางได้ในคลิป)

17:00 น. ถึงแล้ว...นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียงที่ "มาฉิโพ" เป็นที่เรียบร้อยแล้วคะ

มันเป็นภาพ...ที่เกินจะบรรยายมาก ที่เห็นแล้วรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย ในที่สุดพวกเราก็ดจอกันจนได้ นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง โดยที่ถนนทางเข้าหมู่บ้านนั้นจะเป็นเส้นทางบนเขาอยู่สูงกว่าผืนนา และผืนนาจะอยู่ลาดต่ำลงไป ดังนั้นเมื่อเข้าหมู่บ้าน นี่จะเป็นภาพแรกที่พวกเราได้เห็น เป็นภาพที่สวยงาม ดูสดชื่นมาก คุ้มค่ากับการเดินทางมารที่นี่จริงๆ ทุกอย่างดูเงียบสงบ ได้ยินแต่เสียงลม เสียงเพื่อนบ้าน เสียงน้ำไหลจากต้นน้ำธรรมชาติที่ไหลลงสู่ท้องนา เมื่อมาถึงที่พักพวกเราก็เอาเป้วางลงที่ระเบียงและรีบเดินออกไปรอบๆผืนนา เพราะฝนตกเลยต้องใส่เสื้อกันฝนลงไปเดินลัดเลาะตามนาขั้นบันได เพราะอีกไม่นานดวงอาทิตย์จะตกดิน และที่นี่จะมืดมาก ด้วยความที่ฝนตก ทำให้พวกเราเห็นหมอกลอยออกมาจากหุบเขา




เดินลงมาเล่นที่ผืนนาด้านล่างเมื่อมองขึ้นไปและรอบๆจะเห็นที่พัก ที่กระจายตามมุมต่างๆ บางหลังเป็นหลังใหญ่มองดูแล้วสามารถพักได้หลายคน


เวลาตอนกลางคืนของที่นี่... กลางทุ่งนาและป่าเขาเช่นนี้ มันช่างคืบคลานมาไวนัก บรรยากาศรอบๆจะเต็มไปด้วยความมืดมิด ตกกลางคืนจะได้เสียงจิ้งหรีด กบ จะมียุง ควรเอายากันยุงพกไปด้วย แต่ที่นั่นจะมียากันยุงให้อยู่แล้ว ในช่วงเวลาที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ อาจจะทำอะไรลำบากนิดนึง ไฟฉายก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรจะพกติดกระเป๋าไว้ด้วย แต่ที่นี่เค้าจะให้เทียนไว้ เอาไว้จุดเพื่อเพิ่มแสงสว่างที่ระเบียง และ ใช้ในการเข้าห้องน้ำยามดึกดื่น ช่วงที่พวกเราไปฝนตก ทำให้ไม่เห็นดาวบนท้องฟ้าเท่าไหร่ อากาศตอนดึกจะหนาวเย็น ควรใส่เสื้อกันหนาว กางเกงขายาว ก่อนนอน ด้วยความที่พวกเราสองสาวตลุยแวะโน้นนี่นั่น ทำให้รู้สึกเพลีย ประกอบกับต้องเซฟแบตมือถือไว้ ก็เลยเข้านอนแต่หัวค่ำ

05:30 น. สวัสดียามเช้า...บ้านป่าบงเปียง!

เวลานี้ตื่นมาแทบยังมองไม่เห็นอะไร พวกเราสองสาวก็นั่งเล่นกันสักพัก

พอเริ่ม 06:30 น. พวกเราก็เดินลัดเลาะไปตามนาขั้นบันได แนะนำควรใส่รองเท้า เพราะมดเยอะมาก กว่าจะได้วิวสวย เพื่อไปชมท้องนาสีเขียว สบายตา อากาศข้างนอกเวลานี้ดีมาก เริ่มมีสายหมอกเคลื่อนออกมารอบๆหุบเขา สำหรับเราคือดีที่ได้เจอสายหมอกยามเช้า ที่เคลื่อนกาย อยู่เหนือนาขั้นบันได การได้เอาตัวเองมาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้...บอกได้เลยว่าวันเดียวไม่พอ และ ไม่อยากกลับเลยทีเดียว จุดนี้เป็นจุดที่ทุกคนต้องลงมาถ่ายรูป เพราะวิวดีมาก วิวหลักล้านบอกได้คำเดียว

10:00 น. พวกเราสองสาวก็อำลา...บ้านป่าบงเปียงกัน โดยรอคนขับรถมารับไปส่งที่หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน เพื่อที่จะเตรียมตัวเดินทางเข้าไปพักในตัวเมืองเชียงใหม่


การเดินทางมาเที่ยว นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์การเดินทางกันแค่สองสาวที่น่าจดจำครั้งหนึ่งเลย ด้วยความที่นี่เป็นที่ๆอยากจะมาเมื่อปีก่อน แต่ยังไม่ได้มา พอมีโอกาสเลยตั้งใจมาที่นี่ ถึงแม้ระยะทางช่วงท้าย จะดูลำบาก สมบุกสมบันไปหน่อย แต่ก็สนุกมาก และ ประทับใจมาก... ได้มาพักผ่อนชมบรรยากาศธรรมชาติสวยๆ อย่างนาขั้นบันได ได้ใช้ชีวิตท่ามกลางทุ่งนา อยู่กินอย่างง่ายๆ นอนกระท่อมกลางนา ทำให้ชีวิตมีสีสันไปอีกแบบ อยากแนะนำคนที่สนใจ และ อยากลองมาสัมผัสวิวหลักล้าน ก็อยากให้ลองมาสัมผัสดูสักครั้ง แล้วจะติดใจ ซึ่งสำหรับ พวกเราสองสาว "บ้านป่าบงเปียง" เป็นที่ๆพวกเราจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน

"ครึ่งหนึ่งของความสนุกในการเดินทาง คือความงดงามของการหลงทางมาอยู่ที่นี่"

ฝากกดไลค์ กดแชร์ เพจ trip2getherwithmary ไว้ในอ้อมอก ทุกคนด้วยคะ


ความคิดเห็น