สวัสดีค่ะ วันนี้ ทราย มีเรื่องราวการเดินทางไปเที่ยว "ระนอง" แบบไม่ได้ตั้งใจ ให้เพื่อนๆ ฟัง ทริปนี้ เดินทางตั้งแต่ช่วงเดือน กันยายน 2560 (ดองรีวิว...อิอิ) ทริปนี้ ทรายเดินทางร่วมกัน ททท. ชุมพร - ระนอง ทริปนี้ เราเดินทางจากสนามบินดอนเมือง >>> ไปยังสนามบินสุราษฎร์ธานี

หลังจาก ลงเครื่องบิน ที่สนามบินสุราษฎร์ธานีแล้ว ก็นั่งรถตู้ มาที่จังหวัดระนอง ใช้เวลาในการเดินทาง 3 - 4 ชั่วโมง หนังจากนั้น เราก็ออกเดินทาเที่ยวรอบๆ ระนอง กันเลย

เราเริ่มกันที่ " สุสานเจ้าเมืองระนอง " เป็นสุสานของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) อดีตเจ้าเมืองระนอง บริเวณสุสานเป็นที่ดิน ที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5

เรามาต่อกันที่ " บ้านเทียนสือ " ในภาษาจีน "เทียน" แปลว่า สรรค์ " สือ " แปลว่าของขวัญ รวมกันแล้ว แปลว่า " บ้านของขวัญจากสวรรค์ " สถานที่แห่งนี้ ถือเป็น พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต เล่าถึงเรื่องราวในอดีตของผู้คน เชื่อสายจีน ในระนอง

ประวัติ " ท่านเทียนสือ " เป็นหลานเขยและยังเป็นมือขวาของ " พระยารัษฎานุประดิษฐ์ "


โกศุภ ( นายศุภพรพงศ์ชัย พรพงษ์) เจ้าของบ้านเทียนสือ

" ครัวเจริญ @ระนอง " ร้านนี้มีแต่ของอร่อยค่ะ อยากให้เพื่อนๆ ลองแวะทาน

เมนูที่เราเลือกทานวันนี้ ส่วนมากเป็นอาหารจีน

ครัวเจริญ ระนอง เปิดบริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 22.00 น.
สนใจ สำรองโต๊ะได้ที่ 077-821592 , 077-880123
หรือติดต่อ 080-5195219 คุณแบท ผจก.ร้านอาหาร

หลังจากของคาวแล้ว แวะทานของหวานสักหน่อย เราไปกันที่ " ร้าน My Bake " (มายเบ้ค)


ทานเสร็จ มีแรง เราก็เที่ยวกันต่อค่ะ >>>> " โรงงานซีอิ๊ว ตรานกแก้ว "

" ซีอิ๊ว ตรานกแก้ว " ถือเป็นของดี เมืองระนอง

เที่ยวกันมาทั้งวัน แวะเก็บของ เช็คอินที่พักคืนนี้สักหน่อย

" The ele Hotel Ranong " เป็นโรงแรมเปิดใหม่ ค่ะ ห้องพักกว้างมาก นอน 2 คน ยังรู้สึกเหงาเลย ... 555

ราคาไม่แพง บริการดี มีอาหารเช้า สำรองห้องพักได้ที่ 077-828564 , 086-9469456

หลังจากพักเหนื่อยแล้ว เราก็ออกไปทานข้าวเย็น กันที่ "จันทร์สมบีชรีสอร์ท"

บรรยากาศหาดชาญดำริก่อนพระอาทิตย์ตก ถือว่าดีมากเลยค่ะ ให้ 10 คะแนนเต็ม แต่ก็เสียดายว่า วันนี้ ฟ้ามืดไปหน่อย

บรรยากาศบริเวณที่ทานอาหาร วิวสวยมากๆ

หน้าตาอาหารของเรา คืนนี้

เช้านี้ ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน หน่อยๆ ทำไงได้ ก็ระนองเขาได้ชื่อว่า " เมืองฝนแปด แดดสี่ " นี่เนอะ ... 555

มื้อเช้าของที่นี่ เป็นอาหารท้องถิ่นค่ะ เมนูนี้สิ ทราย จัดไป 3 ลูก ... 555

หลังจากทานข้าวเช้าอิ่ม เราก็มาเดินย่อย ที " วัดสุวรรณคีรี หรือ วัดหน้าเมือง "

น่าสนใจ : พระเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบพม่าอายุนับ 100 ปี มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมยกฐาน สูงจากพื้นประมาณ 80 เซนติเมตร ตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยม จากฐานถึงยอดฉัตรสูงประมาณ 13 เมตร และมีกำแพงโดยรอบทั้งสี่ด้านสูงประมาณ 1 เมตร แต่ละด้านของกำแพงมีประตูทางเข้ากว้างประมาณ 2 เมตร ตัวเจดีย์และกำแพงฉาบด้วยปูนทาสีขาว ส่วนยอดฉัตรของเจดีย์ทำด้วยทองเหลืองและประดับเพชรที่ฉัตรตามศิลปะแบบพม่า ทั้งนี้ ผู้สร้างเจดีย์องค์นี้คือนางพั่วไซ่ข่าย ผู้เคารพศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงได้สร้างเจดีย์นี้ถวายโดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว และปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนจาก กรมศิลปากรเรียบร้อยแล้ว


และมาต่อกันที่ " แหล่งน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง " เช้านี้ มากันแบบน้ำไม่อาบ กะว่าจะมาอาบที่นี่... 555

มีสปาปลา ด้วย แบบธรรมชาติมากๆ

หลังจากนั้น ก็แวะมาเยี่ยมชม " พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) " ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลาง จ.ระนอง) สถานที่ดังกล่าว เป็นพระราชวังที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรม จ.ระนอง ของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

" ตลาดศาลเจ้าไหหลำ หรือ ตลาดพม่า " ที่นี่ ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนระนอง ที่นี่ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในระนอง โดยมีพ่อค้า แม่ค้า ทั้งชาวไทย และชาวพม่า

เมนู แบบพม่า

อาหารทะเลสดๆ ราคาไม่แพ

ดอกไม้สวยๆ ก็มีขาย

ก่อนกลับ กทม. เราแวะทานอาหารที่ " ร้านคุ้นลิ้น " ร้านดังของจังหวัดระนอง

ร้านนี้ มีอาหารให้เลือกมากมาย นอกจากนั้น เพื่อนๆ ยังสามารถ ทำตุ๊กตาไล่ฝน ถ่ายรูป ชมการเต้นของพนักงานได้ด้วย

สำหรับใครที่คิดไม่ออกว่าจะทานอะไรดี ที่นี่ ก็มีเซียมซีให้เลือกเมนูด้วยค่ะ

มื้อนี้ จัดกันหนักหน่วงมาก เจ้าของร้านใจดีสุดๆ ค่ะ ยังไงก็ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มีโอกาสเราจะแวะไปอีกแน่นอนค่ะ

หลังจากทานของคาวแล้ว เราเเวะกันที่ " ร้านวัชรี " ร้านนี้ นอกจากจะเป็นร้านกาแฟ ที่ร่มรื่นแล้ว ที่นี่ยังถือเป็นร้านขายของฝากที่ขึ้นชื่อของระนองค่ะ

หลังจากกินอิ่มแล้ว เราก็นั่งรถตู้ มุ่งหน้าสู่สนามบินสุราษฎร์ธานี เพื่อไปขึ้นเครื่องบินกลับ กทม.

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ ททท. ชุมพร - ระนอง และทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเดินทางครั้งนี้




ความคิดเห็น