สวัสดีค่ะ ทู๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกคน
จริงๆเรากลับมาจากอินเดียมาหลายเดือนแล้วนร้า
แต่เพิ่งมาเขียนนร้า
ทริปของเราคือ เดลี >> อากรา >> พาราณสี >> เดลี >> กลับไทย
พาราณสี เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสีในสมัยพุทธกาล ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ห่างจาก รัฐลัคเนาซึ่งเป็นเมืองหลวงของอุตตรประเทศ พาราณสีเมืองที่คนไทยหลายคนรู้จักจดจำว่าเป็นเมืองแห่งแม่น้ำคงคา แต่ในอินเดียจะเรียก "คงคา" ว่า "กังก้า" และพาราณสี ก็ออกเสียงว่า "วาราณสี" ถ้าพูดถึงอายุของเมืองเมืองนี้จริงๆ ก็มีมากกว่า 4,000 ปีละค่ะ และใน4,000ปีที่ผ่านมา เมืองๆนี้ไม่เคยร้างผู้คนเลย ถือว่าเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกด้วย
การเดินทางวันที่ 4 .......... วันที่ 2 มกราคม 2561
การเดินทางไปที่นี้ ชมเลือกรถไฟ โดยโดนหลอกให้ไปซื้อกับบ.ทัวร์ ที่ชื่อ D.T.T.D.C ซึ่งชาร์จราคาสูงเวอร์ ถึงแม้จะต่อรองก็ให้ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลเราก็ว่ายังแพงอยู่ดี จริงๆอยากไปจองเอง แต่พลาดไปแล้ว ก็ช่างมัน แต่พลาดทั้งๆที่ทำการบ้านไปแน่นแล้วนี้ซิโครตจะเจ็บใจ งั้นเราขอแชร์ความรู้ที่เรามีให้แก่คนที่สนใจจะไป สนใจรถไฟนะ คือในสถานีรถไฟ คุณไม่ต้องไปกังวลว่าคนจะเยอะ เราไม่ต้องไปต่อแถวแย่งกับคนอินเดีย สถานีรถไฟจะมีช่องจำหน่ายตั๋วสำหรับชาวต่างชาติ เออ! ถ้ามีใครมาบอกวันนี้คนเยอะ ให้ไปที่อื่น หรือมีที่อื่นราคาถูกกว่า อย่า!!!ไป!!!เชื่อ!!!! ไม่งั้นคุณจะรู้สึกเสียดายเงินเช่นเรา
เริ่มต้นจากการย้ายร่างจากที่พักในอากรา มาที่สถานีรถไฟ ซึ่งมีคนบอกว่าให้ไปก่อน 3 ชั่วโมง แต่ !! จะให้กูไปก่อนทำเพื่อ ???? ในเมื่อรถไฟบ้านคุณเรทเป็น 3 - 4 ชั่วโมง เอ่อเห่อ นั่งหนาวกันไปดิเห้ยยยยย!!!!
ก็อนอนรถไฟไปอ่ะนะ (ปล.2รูปล่างนี้ถ่ายจากมือถือนะอาจไม่คมชัดสวยมากนักนะค่ะ)
นั่งกันข้ามวันข้ามคืนเลยละค่ะ นั่งยันเช้ายันเย็นของอีกวัน ตลอดทั้งวันจะมี Chai (จัย แต่ถ้าฟังเสียงคนขายมันจะออกว่า ไช) ซึ่งมันคือชาอินเดียที่หอมและอร่อยมาก ลองกินดูนะค่ะ เรากินเยอะกินทั้งวัน ไม่มีท้องเสียค่ะ
(คนไทยมักจะกลัวอาหารอินเดียซึ่งบางเมนูโครตอร่อยค่ะและนี้กินยับมากจบทริปท้องยังไม่เสียเลยค่ะ)
หลายคนไปพาราณสี เพราะ แสวงบุญ บ้างก็ไปเที่ยว บ้างก็ไปซึบซับอารยธรรม เช่นเรา เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบอารยธรรม วัฒนธรรมของเขา แต่เหตุผลหลักที่ไปคือ เราอยากไปถ่ายรูป แนว Life จริงๆจะถ่าย Life ที่ไหนก็ได้อ่ะแหระ แต่อยากถ่ายที่นี้ไง ก็อนอนรถไฟไปอ่ะนะ (ปล.2รูปล่างนี้ถ่ายจากมือถือนะอาจไม่คมชัดสวยมากนักนะค่ะ)
สำหรับเราอินเดียไม่เหม็นนะค่ะ บ้างคนบอกเราปกป้องอินเดียมากๆๆๆ คือไม่ได้ปกป้องนะ แต่เราพูดความจริงอ่ะ ไปถามเพื่อนที่ไปกับเราก็ได้ แต่เขาก็ไม่ฟังกัน เหมือนเขาพูดความคิดเขามาเสร็จ แล้วเขาก็ปิดหูตัวเองไม่ฟังความจริง???? เรารู้สึกว่าเวลาสนทนากับเพื่อนต่างชาติ มันได้รับการแลกเปลี่ยนความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตจริงมากกว่าสนทนากับคนไทยด้วยกัน ก็ไม่ใช่ว่าคนไทยทุกคนจะเป็นประเภทไม่ฟังอะไรนะ บางคนก็ใจกว้างอยู่ รับฟังแลกเปลี่ยนได้ แต่บางคนนี้ไม่ไหวเลย ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เคยไปแต่ยึดติดแต่ภาพเก่าๆหรือสิ่งที่อ่านเจอมาโดยไม่ฟังเรื่องใหม่ๆ
คงพูดลำบากอ่ะ....เพราะเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจ ใจคุณเป็นลบ ต่อให้พาไปเจอความจริงตรงหน้าคุณก็คงไม่มอง แต่ถ้าใจคุณกว้างพอ ถ้าใจคุณเป็นกลาง ใจคุณพร้อมจะเรียนรู้และเปิดรับต่อความจริง ต่อสิ่งใหม่ ให้มีภาพลบในหัวอยู่แล้ว มันก็จะถูกลบด้วยความเป็นจริงตรงหน้า ใช่มั้ยละ
เราไปถึงพาราณสี ในช่วงค่ำๆ ประมาณทุ่มเกือบสองทุ่มได้ ออกจากสถานีก็จัดการเรียกริชอร์ เออ!! ไม่ใช่ว่าเรียกดิ....เขากรูเข้ามาหาพวกเรามากกว่า พวกริชอร์ถามจะไปที่ไหน พักที่ไหนแย่งกันถามเลยละ ชื่อที่พักของคุณคืออะไร เรายื่นใบจองที่พักไป ก็มีรายหนึ่ง โอเค ไปกับไอๆ เออไปก็ไป ค่ารถก็คนละ 100 รูปี จากสถานีรถไฟไปที่พักไกลเอาเรื่อง ก็เลยไม่รู้สึกว่าค่ารถแพงเกินไป ถึงที่พักก็อาบน้ำ เอนกายพักร่าง นั่งรถไฟตั้งแต่ 22.30 น. ของวันที่ 2 มกราคม ถึง ราวๆ สองทุ่มของวันที่ 3 มกราคม เมื่อยก้นกันเลยละค่ะ ถ้ารู้ว่าจะเรทขนาดนี้คงยอมจ่ายเอาเฟิร์สคลาสอ่ะค่ะ
การเดินทางวันที่ 5 .......... วันที่ 3 มกราคม 2561
วันนี้ตื่นสาย สายของเราคือ 8-9 โมง อาบน้ำเสร็จ เกือบ 10 โมง จะไปหาข้าวเช้ากิน ปรากฎว่าที่นี้เป็นเมืองที่เปิด ที่ทำอะไรต่อมิอะไรกันตอน 11โมง แล้วกูจะกินข้าวเช้ายังไงฟร๊ะ เรื่องกินเรื่องใหญ่นะเนี่ย ก็เดินๆหาร้านที่เปิดเช้าๆ ก็ไปเจอร้านๆหนึ่ง กำลังเตรียมข้าวของ ก็ถามว่าเปิดยัง เขาบอกเปิดแล้วเลยเข้าไปนั่งไปสั่งอาหาร เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไร อาหารก็เสิร์ฟเกือบๆ 11โมง =..= จะบอกว่านอกจาก โดซา ชิ้กเก้น เคอร์รี่ ชิ้กเก้นบิยานี้ ก็โมโมชิลลี่นี้ละที่โครยจะอร่อย
โมโมชิลลี่
ชิ้กเก้น เคอร์รี่+แป้งนาน
โดซา มาซาร่า
มิลล์ คอฟฟี่
หลังจากนั้นก็กลับที่พัก มันจะชิวๆหน่อยนะช่วงเวลาที่อยู่ที่พาราณสีอ่ะ แฮร่ๆ ออกไปท่าน้ำอีกที่ ตอน3โมงเย็น ก็ต้องการชมพระอาทิตย์ตกที่แกทกังก้า ต้องการแค่นั้นแหระ ที่มาที่นี้อ่ะ หลังจากพักกันเต็มอิ่มแล้วเราก็ออกจากที่พักไปแกทต่อ
เราก็เดินไปตามแกทเรื่อยๆอ่ะนะ คือดีย์อ่ะ ตอนแรกคิดว่าจะโทรมๆกว่าที่พบเจอซะอีก แต่ก็ไม่ใช่ คือเป็นเมืองที่โครตจะมีเสน่ห์อ่ะ รักเลยอ่ะ
((ขอโทษจริงๆตอนถ่าย ก็ว่ามันเป็นมุมที่สวย ก็ไม่ได้มองพี่ข้างกำแพง แต่มันไกลไม่ชัดเอาลงคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง))
ก็เดินๆ ใจอยากลงเรือนะ แต่เพิ่งเอาเฝือกที่เข่าออกก่อนจะมา กลัวเดินผิดท่าเขาเดาะร่วงลงน้ำกล้องพักยุ่งเลย ไม่ได้ห่วงจมน้ำอะไรนะห่วงกล้อง แต่มาแล้วบวกกับคนพายเรือตามตื้อ บวกพี่ที่มาด้วยอยากนั่งก็เลย เอาลงก็ลง ขาลงทางมันชัน ข้าละกลัวตัวเองจะกลิ้งลงน้ำแทนลงเรือ
หลังจากขึ้นจากเรือ ที่ท่าน้ำคือเหมือนจะมีพิธีอะไรสักอย่าง อันนี้คือไม่ได้อ่านมาจริงๆ โดยพิธีเขาจะเริ่มค่ำๆหน่อย เราเลยไปหาอะไรกินกันก่อน เดินๆเจอร้านพิซซ่า เออ!!ก็เลยกินกัน เป็นพิซซ่าหน้าเห็ด ชีส หัวหอม อะไรอีกไม่รู้จำไม่ได้
กินเสร็จแล้ว รอจนถึงเวลา เริ่มพิธีด้วยเสียงระฆัง มันคล้ายๆพิธีลอยกระทงบ้านเรา แต่ดูขลังกว่า
หลังจากนั้นก็เดินกลับห้อง ตอนมาคือ มีคนบอกอย่าเดินกลางค่ำกลางคืนน่ากลัว แต่2คนนี้ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ไม่เห็นจะน่ากลัว ผู้คนเขาออกจะใจดี น่ารัก เป็นมิตร นี้ไปเดินตัดหน้าเขา แล้วเขาเซแล้วรถสวนมาทางเขา เขาหันมายิ้มให้ ไม่มีต่อว่าหรือทำหน้าหงุดหงิดเลย พี่ที่มาด้วยบอกนึกว่าจะด่า ยิ้มให้เฉยเลย (หรือเขาด่าในใจ เออแต่ก็ช่างเหอะ ข้าไม่ได้ยิน)
อย่างงนะบางที่เราก็ใช้คำว่าพี่บางที่ก็เพื่อน ที่มาด้วยเขามาเป็นเพื่อนร่วมทริปแต่เขาอายุเป็นพี่เราอ่ะ มากัน2คนนี้ละ ญ คู่
การเดินทางวันที่ 6 .......... วันที่ 4 มกราคม 2561
เช้าๆก็เหมือนเดิมๆคือตื่นมาตอนเช้า อาบน้ำแต่งตัวเก็บข้าวเก็บของ เช็คเอาน์ ฝากกระเป๋า กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เกือบๆเที่ยงแล้ว ก็เดินออกไปหาอะไรกินก็ไปเจอคาเฟ่หนึ่งก็ขึ้นไปกินกัน อาหารธรรมดาๆนะ แต่ร้านสวยเลยให้อภัย มันเป็นร้านกาแฟอ่ะแน่นอนว่ากระเพาะช้างแบบเราไม่อิ่มหรอก
แล้วก็กลับไปที่พักที่นี้ตั้งแต่มาพาราณสีเนี่ย ลุงที่รับมาจากสนามบินเขาเสนอว่าจะพานั่งรถเที่ยวโดยราคาแล้วแต่เรา ในวันแรกที่มาพาราณสีก็ยกเลิกลุงไปรอบแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ขาดลุงก็มาตามนัดอีก เรารู้สึกว่าเงินเราเริ่มเหลือน้อยจะยกเลิกลุง เหลือเพียงมารับในตอนเย็นเพื่อไปส่งสถานีรถไฟ แต่ลุงตื้อว่าราคาแล้วแต่คุณเลย ยังไงก็ยังอยากพาเที่ยวเมือง เพื่อนเราก็ย้ำกับลุงว่า เราไม่มีตังแล้ว เขาก็บอกไม่ต้องกังวลเขาคิดราคาพิเศษ ราคาแล้วแต่คุณเลย เออก็สลัดลงไม่หลุดเลยไปก็ได้ว่ะ
แล้วมันก็กลายเป็นทริปแสวงบุญเฉยเลย ลุงพาไปวัด!!!! ก็บอกแล้วว่าไม่ได้อยากไปวัด อัลไลว่ะ แต่เหนื่อยจะเถียงเลยช่างมัน เลยตามเลยยังไงก็ราคาแล้วแต่กูนิ! 2 ข้างทางอินเดียเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากสำหรับเรา ชีวิต วิถีชีวิต สุดยอด รักค่ะ
แล้วก็ไปต่อ อันนี้อะไรไม่รู้จำไม่ได้ มันต้องเสียค่าเข้า เราเลยไม่เข้ากัน ก็บอกว่าตังส์ใกล้หมดแล้วที่เหลือจะเอาไว้ซื้อของฝาก
แล้วก็ไปวัดสารนาถ
จบจากวัดไทยก็ไปวัดจีน
ต่อที่วัดญี่ปุ่น
ไปวัดเกาหลีและฮินดูแต่ไม่ได้ถ่ายเริ่มเหนื่อยแหระ และ จบที่วัดทิเบต
หลังจากนั้น เราเคยบอกลุงว่าเราอยากซื้อผ้าคลุม เพราะบนรถไฟหนาวมาก จะแวะตลาดข้างทางเราว่ามันน่าจะถูก ลุงบอกไม่ต้องๆไอแอมเฮีย (ซึ่งตอนหลังจากจะด่าลุงมาก) ลุงไม่ให้เราแวะข้างทางลุงบอกจะพาไปแหล่งขายถูกๆมาจากโรงงานเลย ซึ่งพอไปถึงราคาอยู่ที่ 1000รูปีและพยายามบอกว่านี้ถูกแล้วข้างนอกแพงกว่านี้ เราทั้งคู่ไม่เชื่อและก็ไม่เอาด้วย และสุดท้ายก็บอกลุงไม่ได้พาไปไหนแล้วพากลับที่พักเลย
หลังจากนั้นอ่ะนะเราไปเดินหาซื้อกับเอง ละก็เจอ ความหนาเท่ากัน ความสวยไล่ๆกัน ความอุ่นเหมือนกัน ราคา 150รูปี อีผี!!!!!!!! ตอนเขาบอกราคาคือห๊ะ ดังมากแล้วกรูเข้าร้านแบบไม่ต้องคิด มองหน้ากัน2คน ไอเชี้ย วันเทาว์ซัน ไม่มีถูกกว่านี้หรอก ...กูอยากเอาไปขว้างหน้า ดีกูไม่หลงกล พ่อค้าผีบ้า!!!
คือตอนอยู่อากราอ่ะ พาทัวร์เมืองแบบนี้ละจบที่พาตะเวนช๊อปปิ้ง คือพวกนี้จะดิวกะร้านค้าแล้ว และถ้าเราซื้อนี้เขาได้เปอร์เซ็น ร้านกระเป๋าที่คนขับตุ๊กๆพาไปราคา 500อัพทั้งนั้น มาซื้อในตลาด 50รูปี สลัดเอ๊ยแต่เราไม่ได้ช๊อปไรหรอก ไม่ได้อะไรกลับมาเลย !!! เออนั่นแหระเพราะร้านบวกเปอร์เซ็นหั้ยนายหน้าที่พาไปไง นั้นแหระราคามันถึงแพงไง คนอินเดียใจดี นิสัยดียกเว้นย่านค้าขาย พ่อค้าแม่ค้านะค่ะ อย่าหลงกลเชียว
เรากลับไปนั่งพักที่ที่พักสักพัก แล้วก็ออกไปหามื้อเย็นกิน มื้อนี้ก็สั่ง ข้าวสวย ข้าวสวยอินเดียจะเม็ดเรียวเล็ก ผักรวมเคอร์รี่ (จำชื่อเมนูไม่ได้ แต่เหมือนชิกเก้อเคอร์รี่แต่ไม่มีไก่เป็นผักแทน) และมัชรูมชิลลี่(เห็ดเผ็ดๆ) และเราชอบกินเครื่องดื่มอินเดียเลยสั่งมิลล์ช็อคมาด้วย
และก็กลับมาเอาของที่ที่พักและรอลุงมารับไปส่งสถานีรถไฟ ระหว่างรอมีฝรั่งขอจอยรถไปด้วย และนั้นคือความโชคดีของพวกเราโครตๆ เมื่อไปถึงสถานี มันพีคตรงนี้ละครับ ไอ่ที่ลุงบอกว่าราคาแล้วแต่คุณ สลัด!! แล้วแต่กูบ้านลุงซิ !!!! เรากับเพื่อนให้ลุงทั้งหมด550 รูปี ลุงทำหน้าไม่พอใจเว่ย แล้วลุงก็อะรัมพบท สุดท้ายลุงขอ1000 บ้าบอครับ เรากับเพื่อนก็บอกว่าเราไม่มีตังแล้ว ไง เราบอกยูแล้วไงว่าเราไม่มีตังส์ แล้วยูบอกราคาแล้วแต่เราถ้ายูบอกราคาตั้งแต่แรกเราจะไม่มา ลุงไม่ยอมครับยังไงก็จะเอา1000
นี้อยากจะไฝว้กับลุงเองมากแต่ภาษาไม่เป๊ะขนาดนั้น เลยต้องให้พี่ที่ไปด้วยโซโล่เองซะส่วนใหญ่
และที่พีคยิ่งกว่านั้นก็คือ
ลุงบอกลุงรู้ว่าเรามีตังลุงเห็นเราซื้อของ สัส!มองเงินในกระเป๋ากูละเอียดขนาดนั้นเลย แต่เราเหลือ 1500 อีกคนเหลือ1000 คือลุงกะไม่ให้กูใช้ขากลับในเดลี เลย?
เราก็บอกถ้าให้แล้วในเดลีเราจะใช้อะไร?? ลุงทำหน้าไม่พอใจ และเรียกความน่าสงสารจากชาวอินเดียคนอื่นที่เขามาเหมือนจะมาช่วยพวกเรา แต่เพราะเราไม่รู้ว่าลุงพูดอะไรกับพวกเขา จากที่จะช่วยพวกนั้นเลยยืนดูเฉยๆ ดีที่มีฝรั่งที่ขอจอยไปด้วยคอยช่วย
ฝรั่งพยายามแทรกบอกว่า : ก็เธอว่าเธอไม่มี
ลุงเหมือนยิ่งไม่พอใจใหญ่เลย ลุงพยายามบอกให้ฝรั่งหยุด อย่ามายุ่ง พวกเราจึงบอก ให้แค่นี้แหระจะเอามั้ย ถ้าไม่เอาคือไม่เอา จะไปแล้ว ลุงเงียบเว่ย !!! แต่เป็นเพราะเราก็ปฏิเสธลุงไม่ขาด ก็เลยเลือกที่จะหั้ย แต่ให้เท่าที่ไหว คือวางตังส์ไว้ที่เบาะรถแล้วออกมาเลย
แล้วเราก็มารอรถไฟ มาเจอเรื่องระทึกคือรถไฟเรทค่ะ เรท10ชั่วโมง แล้วกลับคืนพรุ่งนี้ ยังไงก็รอไม่ได้อ่ะเลยต้องหาขบวนเปลี่ยน ทัวร์ที่หลอกขายตั๋วมาเขาก็ช่วยหาข้อมูล บวกแฟนเราเป็นคนอินเดียก็ช่วยด้วยอีกแรง สุดท้ายก็ได้ขบวนใหม่ นั่งกลับเดลีก็เรทเหมือนเดิมแต่ก็ยังทัน พอถึงเดลีเรียกแฟนมารับละครับเพื่อความรวดเร็ว เป็นอันกลับไปเช็คอินขึ้นเครื่องทัน
สำหรับคนที่คิดจะไปด้วยรถไฟ รถไฟอินเดียเรทเป็นเรื่องปกติ เราบ่นกับแฟนว่าทำไมรถไฟบ้านยูขับช้าและเรทขนาดนี้ เขาตอบมาว่า เววคัมทูอินเดีย ที่นี้นั่นเป็นเรื่องปกติ !!!! O..O ฮาไปอีกแฟนกู
ก็เผื่อเวลากันหน่อยเน๊อะจะได้ไม่ระทึกแบบเรา มันใช้เวลานานถ้าจ่ายเฟิร์สคลาสไหว จ่ายเถอะเชื่อเรา แต่ถ้าคิดว่าทรหดพอ สลิปเปอร์คลาสก็มันส์ดีนะ
ขอทิ้งท้ายไว้นิสหนึ่งนะค่ะ
หลายคนมองอินเดียไม่ดี มองว่า เถื่อน มองว่าล้าหลัง มองว่าสกปรก มองว่าเหม็น หยีเขากัน แต่จริงๆไม่ใช่เลย ความเถื่อนที่คนไทยชอบว่า นี้คืออะไรหรอ ??? เราไปมา เราไม่เข้าใจจริงๆ เพราะ คนอินเดียใจดีมาก เฮฮา ตลกมาก น่ารักมาก
ถ้าพูดเรื่องล้าหลัง เราไม่คิดแบบนั้นนะ คุณจะเอาประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล แล้วตัดสินอินเดียคงไม่ได้ ทำไมนะหรอ??? ก็ไทยรับทุกอารยธรรม รับทุกวัฒนธรรม จนความเป็นไทยแทบจะหมดไปแล้ว ส่วน อินเดีย เขาเป็นจุดกำเนิดอารยธรรม กำเนิดศาสนา กำเนิดวัฒนธรรม เขารักษาความเป็นชาติบ้านเกิด ความเป็นอินเดียของเขา คนอินเดียสามัคคีกันรักษาความเป็นอินเดียไว้ไม่ว่าอังกฤษจะเข้ามาครอบครองแค่ไหน เขาก็ยังรักษาเอกลักษณ์ ความเป็นอินเดียของเขาไว้ได้ ซึ่งเรามองว่ามันน่านับถือมากกว่าไปเหยียด ไปว่าเขานะ
เราชอบ คือ ความเป็นอยู่ที่ง่ายๆ ไม่หวือหวา เขามีแค่ไหนเขาก็ใช้แค่นั้น ไม่ต้องไปพยายาม ไคว้คว้าอะไรเกิดตัว เป็นมิตร น่ารัก เอื้อเฟื้อ เออ!คุณอ่านไม่ผิดหรอก คนอินเดียน่ารัก ใจดี มีน้ำใจ คุณต้องแยกแยะนะว่าคนที่ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ขี้โกง ดูร้าย มีแค่คนจำพวกเดียว คือพ่อค้าแม่ค้า พวกธุรกิจย่านค้าขายนะค่ะ
โอเค เราก็ไม่เถียงนะ ว่าไปอินเดียแล้วจะเจอทุ่งลาเวนเดอร์สุดหอม แต่ไม่ใช่ทุกที่จะจะสกปรกค่ะ ไม่ใช่ว่าเหม็นทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่าเดิน3ก้าวเจอขี้ 2ก้าวเจอขี้ คุณค่ะ ในกรุงเทพมีวัว มีหมูมั้ยค่ะ แล้วชนบทในไทยมีควาย มีวัวมั้ยค่ะ ??? เวลาเรากลับบ้านต่างจังหวัดเจอย่านเลี้ยงวัวเยอะขี้ก็เยอะ เหมือนกันค่ะ
ในเดลีแทบไม่เจอกองขี้เลยค่ะ เจอปะปาย เหมือนกรุงเทพที่เจอขี้หมาบ้างอ่ะค่ะ ส่วนชนบทอย่างพาราณสี ก็ขี้เยอะหน่อย มันก็เหมือนกันป่ะ ?? แต่เพราะมันเป็นอินเดียไง คนเลยชอบว่าชอบหยี ???? ลองนึกดูดีดีก็เหมือนๆกับไทยป่าว?????
บางคนอาจมองว่าเราปกป้องอินเดีย
บางคนคิดว่ามีแฟนอยู่นั่นไงเลยมองบวก
แต่เราบอกเลยนะว่า เราชอบอินเดีย ก่อนจะมีแฟนอยู่อินเดีย ไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่อย่ายึดติดอะไรที่ไม่เคยสัมผัสจริงๆ อย่าไปว่าเขาถ้าตัวคุณเองก็ยังไม่เคยพิสูจน์อะไร แค่นี้แหระที่อยากจะฝากไว้
สำหรับเราอินเดีย มีดี กว่าที่คิดค่ะ
By.Solo Traveler
ดูกระทู้เที่ยววันที่ 1 และ 2 ในกรุงนิวเดลี คลิกนี้เลยจ้า >> https://pantip.com/topic/37260309
ดูกระทู้เที่ยววันที่ 3 และ 4 ในอากรา คลิกนี้เลยจ้า >> https://pantip.com/topic/37263717
ติดตาทเรื่องราวการเดินทางอื่นๆของเราได้ที่ เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวคนเดียว ตามลิงก์นี้เลยนร้า >> https://www.facebook.com/chommy.travel.alone/ นะค่ะ
กระทู้นี้ ชมจะพาไปเยือนพาราณสี ชีวิตเรียลๆ ชีวิตที่แท้จริง เป็นเมืองที่โครตจะมีเสน่ห์อ่ะคร้า
หญิงเถื่อน Solo Traveler
วันพฤหัสที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 13.12 น.