คิดอยู่นานเลยค่ะว่าจะรีวิวอะไร เพราะการไปเที่ยวมัลดีฟส์นั้น แทบไม่มีอะไรเลย T_T เปิดรูปที่ถ่ายมาพันกว่ารูป เฮือกกกกกก O_O รูปเสีย&รูปเบลอปาไปครึ่งนึง เพราะดันอินดี้ เอามือหมุนไปลองใช้ และยังมีมุมเดิมมุมซ้ำอีกหลายเติบ สรุปคัดรูปมาส่วนใหญ่ก็มีแค่ฟ้า, ทะเล, รีสอร์ต (ที่เว็บไซต์รีสอร์ตถ่ายสวยกว่าเราเยอะ) แต่คิดไปคิดมา Amari Maldives มีรีวิวน้อยอยู่ ก่อนเราเดินทางได้หาข้อมูลเกี่ยวกับมัลดีฟส์เยอะมาก มีข้อมูลหลายอย่างของมัลดีฟส์ที่น่าสนใจ น่าแปลกใจ และน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจ เราเลยพยายามรวบรวมมาไว้ให้ในกระทู้นี้ค่ะ ปิดท้ายไว้ด้วยการรีวิวที่พัก อามารีมัลดีฟส์ Amari Havodda Maldives ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่กำลังหาข้อมูลค่ะ
ข้อมูลมัลดีฟส์ (เยอะจุงแฮร่!)
1. มัลดีฟส์คือชื่อ “ประเทศ” ไม่ใช่ชื่อเมือง หรือชื่อเกาะ ตามที่หลายๆคนเข้าใจนะคะ (เอาจริงๆ เราก็เพิ่งรู้ก่อนไปนี่แหละค่ะ^^" ) ประเทศมัลดีฟส์มีชื่อจริงว่า “สาธารณรัฐมัลดีฟส์” อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศศรีลังกา
2. หมู่เกาะมัลดีฟส์ตั้งอยู่บนยอดของเทือกเขาใต้น้ำขนาดใหญ่ในมหาสมุทรอินเดีย โดยทั้งหมดมีระดับพื้นดินสูงจากน้ำทะเลเฉลี่ยแค่ 1.5 เมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นเป็นประเทศที่มีระดับพื้นดินสูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยที่สุดในโลก ซึ่งมีจุดที่สูงที่สุดในประเทศแค่เพียง 2.4 เมตรเท่านั้น ดังนั้นว่ากันว่าการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลอาจทำให้มัลดีฟจมได้ในอนาคต เอ้าาา มีข้ออ้างจัดทริปมัลดีฟส์แล้วนะคะ อิอิ
ถ้าเปิดแผนที่กูเกิ้ล ดูแบบภาพดาวเทียม จะเห็นแนวเทือกเขาใต้น้ำบริเวณประเทศมัลดีฟส์ชัดเจนค่ะ คลิ้กลิงค์เพื่อดู https://bit.ly/2KlKpHA
มัลดีฟส์ห่างจากจากไทยประมาณนี้ ถ้าเดินทางโดยเที่ยวบินตรงประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ
3. จริงๆแล้วลักษณะภูมิประเทศของมัลดีฟส์ เค้าจะไม่ได้เรียกกันว่าเกาะ แต่จะเรียกว่า “อะทอลล์ (Atoll)” เป็นภาษามัลดีฟส์ (ภาษาอินโด-อารยัน) อะทอลล์คือหมู่เกาะลักษณะพิเศษ เป็นเกาะประการังรูปวงแหวนที่ล้อมอยู่รอบๆลากูน เมื่อรวมกันเป็นหมู่เกาะ มองดูแล้วจะคล้ายๆพวงมาลัยสีเทอร์ควอยซ์ ซึ่งในอดีตชาวสิงหลจากเกาะศรีลังกาเคยขนานนามเรียกหมู่อะทอลล์ที่มัลดีฟส์ว่า “มหิลทวีปิกะ หรือพวงมาลัยแห่งเกาะน้อยๆ” ลักษณะเช่นนี้ มีให้เห็นเฉพาะในทะเลเขตร้อนและกึ่งร้อน ที่น้ำทะเลอบอุ่นเท่านั้นค่ะ
4. อะทอลล์ เหล่านี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำกลางมหาสมุทร เมื่อภูเขาไฟระเบิดและมีลาวาไหลลงมาสะสมจนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ กาลเวลาผ่านมีความอุดมสมบูรณ์ มีทรายมาทับถมเป็นเกาะ เกิดแนวปะการังอยู่โดยรอบ กลายเป็นแบริเออร์รีฟที่สวยงาม คืออะทอลล์นั่นเองค่ะชมคลิปนี้เพื่อให้ความเข้าใจง่ายขึ้น https://www.youtube.com/watch?v=pRD8ZwdPYsY
ลักษณะของ Atoll **รูปใบนี้ของคุณ YANN ARTHUS-BERTRAND นะคะ**
5. มัลดีฟส์มีเกาะเล็กเกาะน้อยรวมกันเป็นพันเกาะค่ะ แต่มีเกาะที่ประชากรอาศัยอยู่เพียงประมาณ 200 เกาะเท่านั้นเอง เกาะที่เป็นโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวประมาณ 74 เกาะ อุ้ยๆๆๆ ยังเหลือเยอะเลย ใครอยากมีรีสอร์ตเป็นของตัวเองรีบไปซื้อนะคะ ฮาาาา
6. เมืองหลวงของมัลดีฟส์ ชื่อเมือง Male (อ่านว่ามาเล่ แต่เราได้ยินคนท้องถิ่นเค๊าออกเสียงว่า “มาลี” แหละ) มาเล่เป็นเกาะเล็กๆ มีพื้นที่แค่ 5.8 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ถ้าจะเทียบให้เห็นชัดๆขนาดนี่เล็กพอๆกับเขตบางรักของกทมแค่เขตเดียวเองค่ะ
7. จำนวนประชากรในมาเล่ที่มีมากถึงประมาณ 133,400 คน เมื่อเทียบกับพื้นที่เท่านี้ เลยทำให้เกาะมาเล่ ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่แออัดมากที่สุดในโลกค่ะ
รูปภาพเมืองมาเล่นี้ถ่ายโดย Ishan @seefromthesky จากเว็บไซด์ unsplash.com ค่ะ
8. ประชากรส่วนใหญ่ในมัลดีฟส์นับถือศานาอิสลามค่ะ ที่นี่มีกฏระเบียบค่อนข้างเคร่งครัด หากจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวก็ควรหาข้อมูลก่อนนะคะ
สิ่งต้องห้ามมีระบุอยู่ในใบขาเข้าที่ให้เรากรอกก่อนเข้าประเทศที่ระบุว่า Prohibited Items นั่นแหละค่ะ ดูในรูปเลย อ่าน reference ได้ที่เว็บ https://goo.gl/9iZhUz
รูปนี้ถ่ายจากimmigration from ค่ะ
9. คนพื้นที่มีชื่อเรียกเผ่าพันธุ์ของตนเองว่า Dhivehin มีเชื้อสายผสมผสานหลากหลายประกอบด้วย อารยันจากตะวันออกกลาง นิกรอยด์จากแอฟริกา ดราวิเดียนและสิงหลจากอินเดียตอนใต้และศรีลังกาค่ะ
10. ภาษาใช้ภาษา Dhivehi เป็นภาษาอินโด-อารายัน ตัวอักษรเขียนจากขวาไปซ้าย ส่วนภาษาอังกฤษใช้กันทั่วไป เนื่องมัลดีฟส์จากเคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษค่ะ
11. มัลดีฟส์เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนทั่วโลกที่จะได้มาฮันนีมูนสักครั้ง แต่ทราบหรือไม่ว่าประชากรมัลดีฟส์เอง มีอัตราการหย่าร้างที่สูงติดอันดับโลกเลยหล่ะค่ะ สาเหตุว่ากันว่าเนื่องจากมีภูมิประเทศเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย ตัวสามีต้องเดินทางไปทำงานไกล ทำให้ต้องห่างจากครอบครัวก็เลยเกิดปัญหาค่ะ และอีกอย่างอาจจะเพราะมีข้อห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ทำให้คนมัลดีฟส์ตัดสินใจที่จะแต่งงานกันเมื่ออายุยังน้อย เลยทำให้มีโอกาสหย่าร้างสูงค่ะ
12. เวลามัลดีฟส์ช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงค่ะ
13. ประเทศมัลดีฟส์ใช้เงินสกุล รูฟียาห์ ค่าเงินตอนนี้ 1 รูฟียาห์ = 2.05 บาทไทย ( rate ปี 2561) ใช้เงิน USD ได้ค่ะ พวกเราไม่ได้แลกรูฟียาห์เลยค่ะ แต่เวลาใช้จ่ายในร้านค้า,ร้านอาหารสาธารณะได้เงินทอนมาเป็นรูฟียาห์ค่ะ ส่วนที่จ่ายในโรงแรม ทอนเป็น USD ค่ะ ส่วนที่บอกว่าแบงค์ห้ามพับ ห้ามยับ พวกเราถามโรงแรม โรงแรมบอกว่าใช้ได้ค่ะ เพียงแต่ไม่เป็นรอยยับจนเหมือนจะขาดก็พอ ทดลองใช้แบงค์พับในร้านอาหารที่แอร์พอร์ตก่อนกลับ ใช้ได้ค่ะ สรุป อย่าขาดอย่ายับมาก ไม่ต้องถึงกับใหม่เอี่ยมกึ๊งๆหรอกค่ะ
12. น้ำที่อุปโภคบริโภคที่มัลดีฟส์ เป็นน้ำบาดาลใต้ดินเจาะลงไป 50-60เมตร และนำมาผ่านกระบวนการ Reverse Osmosis ก่อนนำมาใช้ค่ะ
13. ส่วนไฟฟ้าใช้ปั่นด้วยเครื่องปั่นไฟดีเซลค่ะ
14 รายได้หลักของมัลดีฟส์มาจากการท่องเที่ยว ,การแลกเปลี่ยนเงินตราจากนักท่องเที่ยวค่ะ นอกจากนี้ยัง มีสินค้าส่งออก ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการประมง เช่น อาหารทะเลแช่แข็ง เรือและสิ่งก่อสร้างลอยน้ำค่ะ และที่มีชื่อเสียงส่งออกไปทั่วโลกก็ปลาทูน่าค่ะ
16 ส่วนสินค้าที่นำเข้า มัลดีฟส์มีการนำเข้าสินค้าประเภทอาหารจำนวนมากค่ะ ของที่นำเข้าจากไทย มีหลายอย่างมากค่ะ ข้าว ถั่ว ผลไม้แช่เย็น (มะม่วง ส้ม เงาะ มังคุด) ผักสดแช่เย็น ผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้ น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์จากข้าวและแป้งสาลี รวมถึงสินค้าอุปโภคอื่น ๆ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง เสื้อผ้าสำเร็จรูป เสื้อผ้าเด็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก รองเท้า เป็นต้น
17. ปัญหาสำคัญของมัลดีฟส์ขณะนี้ และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น คือปัญหาขยะมูลฝอยค่ะ ในมัลดีฟส์ ไม่มีการแยกขยะ ขยะทุกอย่างรวมกัน และขยะทั้งหมดของเกาะละแวกรอบๆเมืองหลวง จะนำไปทิ้งที่เกาะๆนึงชื่อเกาะ Thilafushi มากมายจนกล่าวกันว่าประเทสมัลดีฟส์มีภูเขาอยู่ที่เดียว คือที่เกาะ Thilafushi แห่งนี้ ซึ่งก็คือภูเขาขยะนั่นเองค่ะ คลิ๊กดูรูปภาพภูเขาขยะ https://goo.gl/ydY9vG ปัจจุบันรัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาโดยการนำไปถมที่เติมเต็มเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งเกาะ Hulhulmale (เกาะสนามบิน) ส่วนของชุมชมก็ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีนี้เช่นกัน
*ถ้าแพลนจะไปมัลดีฟส์ ช่วยเค้าอย่าเอาขยะไปเพิ่มนะคะ*
18. การเดินทางจากไทยไปมัลดีฟส์ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Velana International Airport (MLE) หรือสนามบินมาเล่นั่นเอง เป็นสนามบินหลักของประเทศมัลดีฟส์ค่ะ นอกจากสนามบินแห่งนี้ ก็ยังมีสนามบินในประเทศอยู่ตามอะทอลล์ต่างๆอีกหลายแห่งค่ะ
19. สนามบินหลักตั้งอยู่บนเกาะ Hulhumale ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเมืองมาเล่ เกาะ Hulhumale นี้ส่วนที่เป็นสนามบินเป็นเกาะเดิม แต่ก่อนคือสุสานของคนมาเล่ค่ะ ส่วนเกาะใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพิ่มออกไปเป็นที่พักและโรงแรม ถมใหม่ด้วยขยะขึ้นเป็นเกาะค่ะ
20. มัลดีฟส์มีภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคมมีฤดูฝนและฤดูแล้งผสมกัน ส่วนที่เหลือคือฤดูแล้ง อุณหภูมิใกล้เคียงกันตลอดทั้งปี โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 30 ° C และค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ 26.5 ° C ค่ะ
21. การเดินทางไปรีสอร์ตต่างๆต้องดูให้ดี ใกล้มากใช้สปีดโบ๊ทได้ ไกลหน่อย ใช้ Sea plane หรือแบบไกลๆเลย ใช้เครื่องบิน Domestic ค่ะ แล้วบางที่ไปเครื่องแล้วยังต้องต่อเรืออีก เยอะแยะมากมาย เลือกที่ไหนดูข้อมูลให้ดีค่ะ เพราะเกี่ยวกับค่าเดินทางที่ต้องเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ
22. รีสอร์ตบางที่เป็นเกาะส่วนตัว บางที่อยู่ในเกาะที่มีชุมชน สำคัญกับเราตรงข้อบังคับอาจแตกต่างกัน เช่นเรื่องเครื่องแต่งกาย และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ต้องหาข้อมูลของรีสอร์ตที่จะเข้าพักดีๆค่ะ
การเลือกรีสอร์ต
จะไปทั้งที แพงก็แพง ถ้าไม่อยากเสียเงินเปล่ากับการไปพักที่ที่ไม่ตรงกับความชอบของเราค่ะ แนะนำให้เข้าเว็บนี้ค่ะ http://www.mondomaldive.com/ มีทุกสิ่งที่เกี่ยวกับรีสอร์ต ไม่ว่าจะการจัดอันดับดาว , เซอร์วิส, ปะการัง, รูปภาพ แม้แต่ราคา เว็บเดียวจบจริงๆ
วิธีเข้า : กดเมนู Resorts >เลือก find the island > เลือก Resort Features จากนั้นต้องการแบบไหนติ๊กเลยค่ะ เราปริ้นลิสออกมาเลย เลือก Reef type 2 ขึ้นไป แล้วไปเปิดเว็บเช็คราคาทีละรีสอร์ต ตัดตัวเลือกราคาแพงเกินงบออกไปค่ะ ทำให้เลือกง่ายขึ้นเยอะ
หลายคนบอกว่า มัลดีฟส์ไปประหยัดๆได้ ไม่ต้องพัก Water Bungalow ก็ได้ ขอยืนยันนั่งยันตรงนี้ค่ะ ถ้าแบบนั้นหลีเป๊ะประหยัดกว่า เดินทางง่ายว่าและสวยสูสีกันเลยค่ะ Water Bungalow เป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์มัลดีฟส์ค่ะ
วิธีรวมราคาของที่พักมัลดีฟส์
ราคาจะงงมากเมื่อเทียบกับการจองที่พักประเทศอื่น มีบวกนู่นนี่นั่นเพิ่มเต็มไปหมด น่าปวดหัวมาก และอาจทำให้งบประมาณไม่เป็นไปอย่างที่คาดหมายไว้ ดีไม่ดีอาจมีเซอร์ไพรส์หน้างานได้ค่ะ ก่อนอื่น เราต้องตั้งสติแล้วรวบรวมข้อมูลก่อนว่า โดยทั่วไปมีค่าอะไรบ้าง ซึ่งก็จะประกอบไปด้วย
1 ราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับจาก กทม ไปเมือง มาเล่
2 ราคาค่าที่พัก และอาหาร (จะต้องมีบวกภาษีและเซอร์วิสชาร์จเสมอ ประมาณ 23.20%)
3 ราคาค่าเดินทางจากมาเล่ไปรีสอร์ต
4 ทุกที่จะมีค่าธรรมเนียมสิ่งแวดล้อม ประมาณคนละ 6USD ค่ะ
5 ถ้าไปช่วงเทศกาลปีใหม่ และคริสมาสต์ จะมีค่าดินเนอร์(บังคับ)อีก แพงพอสมควรค่ะ
6 ค่าอาหารมื้อที่ไม่รวมในแพคเกจ
ค่าอาหารส่วนใหญ่ที่รีสอร์ตจะขายเป็นแพคเกจ มีให้เลือกดังนี้ค่ะ
ซึ่งการจองที่พักตามเว็บต่างๆ เราต้องดูให้ครบนะคะ ว่ามีค่าอะไรที่จะต้องจ่ายเพิ่มบ้าง ซึ่งมักจะมาโชว์ก่อนกดจ่าย ต้องบวกดูก่อนกดจ่ายเงินนะคะ บางท่านไม่ทราบพอไปถึงอาจจะเจอค่าตั๋วอีกคนละเป็นหมื่น ค่าดินเนอร์อีกห้าพันลมจับแน่!
ตัวอย่างคร่าวๆค่ะ เลือกรีสอร์ตเลือกวันที่เรียบร้อยแล้ว เลื่อนดูตรง"ข้อควรทราบ"เลยค่ะ จะมีบอกละเอียดว่าจะเก็บอะไรเพิ่มบ้าง จริงๆควรอ่านทั้งหน้าให้ละเอียดเลยค่ะ ว่าเขามีอะไรให้เราบ้าง แล้วอะไรต้องจ่ายเพิ่มบ้าง
อ่านเรียบร้อยแล้วลองกดจอง แล้วอ่านอีกทีว่ายอดรวมเท่าไหร่ ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ แล้วยกเลิกฟรีถึงวันที่เท่าไหร่ ชัวร์แล้วค่อยกดจองและกดจ่ายเงินค่ะ
พวกเราเลือกอยู่นานค่ะ หลังจากเหลือตัวเลือกไม่มากก็คอยเทียบราคา จากเว็บจองที่พัก,ตั๋วทั้งหลาย ระหว่างเฝ้าราคานั้น ด้วยความตกใจเห็นโปรโมชั่นแล้วลนลาน กดจองแพคเกจ Amari Havodda Maldives เป็นโปร Early Bird ของ Expedia มาค่ะ ได้ราคา 3 วันสองคืน Full board ตกคนละ 29,541 บาท (รวมตั๋วไปกลับจากกรุงเทพ แต่ยังไม่รวมค่าเครื่องจากมาเล่ไปกลับรีสอร์ตอีกคนละ 460USD ค่ะ) จองตั๋วเครื่องบินเดินทางล่วงหน้าวันนึง ตอนแรกกะว่าจะเที่ยวในเมืองมาเล่ก่อนซัก 1 วัน แต่ไปๆมาๆ หาข้อมูลเพิ่ม อ่านรีวิวในเว็บต่างๆ 70-80% บอกว่ามาเล่ไม่น่าอยู่เที่ยวเลยค่ะ เลยตัดสินใจจองที่พักเพิ่ม 1 คืนที่ Amari Havodda ไปเลยกลายเป็น อยู่ Amari 4 วัน 3 คืนค่ะ ค่าใช้จ่ายตามนี้ค่ะ
1 ราคาตั๋วไปกลับจาก กทม ไปเมือง มาเล่ (Scoot ต่อเครื่องที่ Singapore และราคาค่าที่พัก 3วันสองคืน (full board รวมภาษีกับเซอร์วิสชาร์จเรียบร้อยแล้ว) จองแพคเกจกับ expedia 29,541 บาท
2 ราคาค่าเดินทางจากมาเล่ไปรีสอร์ตโดยสายการบินภายในประเทศ (ไม่ใช่ Seaplane) และต่อเรือ speed boat 10 นาที 460USD (14,260 บาท)
3 ค่าที่พัก Amari เพิ่ม 1 คืน (แพคเกจ full board รวมภาษีกับเซอร์วิสชาร์จเรียบร้อยแล้ว) คนละประมาณ 200USD (6,200บาท)
4 ค่าที่พักบนเกาะ Hulhumale ประมาณคนละ 250 บาท (อันนี้ฟลุ๊คได้โปรนาทีทองของ agoda มาค่ะ)
5 ค่าใช้จ่ายจุกจิกเช่นค่ารถ , ค่าอาหาร ตีไปคนละ 1,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 6 วันรวมค่าเดินทาง ภาษี และเซอร์วิสชาร์จแล้วคนละ 51,251 บาทค่ะ (แพงใช่มั้ยค่ะ แห่ะๆ แต่เป็นการจ่ายแบบค่อยๆโดนทีละก้อน มารู้ตัวอีกทีตอนรวม ลมจับ!!! 5555 เดี๋ยวจะสรุปตอนท้ายๆนะคะ ว่าคุ้มไม่คุ้ม^^”)
พวกเราพกเงินสดติดตัวไปคนละประมาณ 150USD ค่ะ ส่วนรูฟียาห์ไม่ได้แลกเลย เพราะรู้ว่าจะได้รูฟียาห์เป็นเงินทอนกลับมา ได้มาก็พยายามใช้ให้หมดค่ะ สรุปว่าเหลือเงินกลับบ้านมาเยอะเลย ไม่ค่อยได้ใช้อะไรเท่าไหร่ค่ะ
ทิป- พวกเราให้ครั้งละ 2-5 เหรียญ อันนี้ไม่รู้จริงๆว่าเค๊าให้กันเท่าไหร่ค่ะ
ของฝาก - ที่มัลดีฟส์ไม่ได้ซื้อค่ะ บอกตามตรงว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเลยนอกจากแมกเนต แห่ะๆ
ต่อไปขอเล่าเป็นรีวิวการเดินทางและที่พักนะคะ
โปรแกรมของพวกเราเดินทางระหว่าง 11-16 เมษายน 2561 นะคะ
11 เมษา***
10:25 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสิงคโปร์ พวกเราไป scoot ค่ะ ได้น้ำหนักกระเป๋า 10 โล (รวมสองชิ้น) ส่วนถ้าเกินตอนเช็คอิน กก.ละ 600 บาทค่ะ ถ้าซื้อเพิ่มอีก 20 กก.ผ่านเว็บก่อนออกเดินทาง รวมทุกเที่ยวจ่ายเพิ่ม 3,900 บาทค่ะ
ด้วยความที่ scoot มีรีวิว overbooked มากมาย เราจึงไปเช็คอินกันเร็วมาก เพื่อนในทริปลองซื้อ board me first ของ scoot ที่บอกว่าจะได้เช็คอินแถวพิเศษ บวกเพิ่มคนละ 150 บาท หวังจะได้เช็คเร็วกว่าคนอื่น สรุปให้ค่ะ เปลืองปล่าวๆค่ะ ได้แถวเดียวกันเช็คอินพร้อมกันเลย ฮาาาาา
13:55 น. ถึงสิงคโปร์ แวะต่อเครื่องค่ะ
พวกเราขึ้นไปทานข้าวกลางวันที่ Straits Food Village อยู่ในสนามบินชางงี (Singapore Changi Airport) เทอร์มินอล 2 ชั้น 3 คือดีมากค่ะ มีตู้สั่งอาหารอัตโนมัติ จ่ายเป็นดอลล่าสิงคโปร (ใส่เงินเข้าไปได้เหมือนตู้ MRT) หรือ จะจ่ายบัตรเครดิตก็ได้ กดสั่งอาหารที่ตู้, จ่ายเงิน แล้วรอที่โต๊ะ จะมีจอบอกคิว ถึงคิวก็เอาบิลไปรับอาหารได้เลย สะดวกมากๆ อาหารก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ ราคาพอรับได้ค่ะ เรากับแฟนทานคนละจาน เป็นราเมน กับสเต๊กซาบะ รวมกันตก 550 บาท แต่ให้เยอะค่ะ สองรูปขวา เอามาจากเนตค่ะ (วงสีเขียวคือตู้กดเลือกเมนูและจ่ายเงิน วงสีแดงเลขคิวหน้าร้าน)
ที่ Changi Airport เราสามารถเอาพาสปอร์ตไปรับรหัสเข้า Wifi ฟรี 3 ชั่วโมงนะคะ มีจุดขอรหัสอยู่ทั่วไป สอบถามที่ประชาสัมพันธ์ได้เลยนะคะ เจ้าหน้าที่สนามบินสิงคโปรน่ารักมากทุกคนเลยค่ะ ถามแล้วยิ้มแย้มยินดีมากทุกคน ประทับใจมากค่ะ สำหรับ wifi พวกเราจัดมาแล้ว เนตดีค่ะ คอนเฟิร์ม อิอิ
สิ่งที่เราประทับใจอีกอย่างคือ ที่สนามบินสิงคโปร มีที่เสียบชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคอยู่ทั่วไปตามที่นั่งรอ มือถือนี่เป็นเต้าเสียบ USB ไม่ต้องใช้ปลั๊กเลยค่ะ คือดีงามจริงๆค่ะ
18:25 น. ออกเดินทางจากสิงคโปร์ค่ะ (รอเครื่อง 6 ชั่วโมง ทำให้ได้นั่งคิดว่า ไม่น่างกเลย น่าจะบินตรง 5555)
20:05น. พอถึงสนามบินมาเล่ เมื่อเดินออกมาจาก Arrival Hall เลี้ยวขวานิดเดียว จะเจอร้านขายของ ถัดไปจะเป็นเคาน์เตอร์ขายซิมการ์ดค่ะ เราแวะซื้อเนตซิมของค่าย Dhiraagu เราซื้อแบบ Data Traveller 7 วัน 3GB 15USD คุ้มมากค่ะ เนตแรงใช้ได้เลย แรงกว่าเนตโรงแรมอีก ฮาาา เพิ่งมาเห็นว่าด้านหลังมีบอกว่าเช็คยอดที่เหลือได้ด้วย ^^
สำหรับผู้ที่เดินทางไปรีสอร์ตต่อ พอออกมาปุ๊บก็จะเจอบู๊ทโรงแรมเรียงรายเต็มไปหมดค่ะ ติดต่อรีสอ์ตที่จองมาได้เลย
ส่วนใครที่จะไปเที่ยวมาเล่ก่อน เดินกลับมาทางซ้าย เดินออกนอกอาคารก็จะเจอท่าเรือค่ะ มีบู๊ทขายตั๋วอยู่ก่อนออก เท่าที่อ่านมาราคาค่าเรือ ถ้าเป็น speed boat 2USD ถ้าเฟอร์รี่ 1USD เท่านั้นค่ะ
เคาน์เตอร์ขายตั๋วเรือค่ะ
ส่วนพวกเราเดินเลยเคาน์เตอร์ขายตั๋วเรือออกไป เลี้ยวซ้ายเพื่อขึ้นรถบัสสาธารณะเข้าเมือง Hulhumale ค่ะ ถ้าดูในรูปด้านบน เดินตรงไปทางเดียวกันรถในรูปนะคะ ค่ารถเค๊าเก็บพวกเราแบบงงๆ 3 คน 5 เหรียญมีทอนมาเป็นรูฟียาห์ พวกเรานั่งไปสุดสาย ที่แอร์พอร์ตระหว่างเดินออกนอกอาคารจะมีร้านอาหารต่างๆอยู่สองข้าง ซึ่งเที่ยวกลับ พวกเราลองพิซซ่าอร่อยมาก, ลองโกโก้เย็นในค่าเฟ่หอมอร่อยดี กับลองอาหารไทยแซ่บออริจิอลมากๆ เพราะร้านนี้มีพี่คนไทยเป็นเซฟค่ะ (กินหลากหลายโน๊ะ)
คืนแรกพวกเราจองที่ Dhaan Retreat ค่ะ ลงรถบัสสุดสาย แล้วเดินต่อประมาณ 200 เมตรถึงโรงแรมค่ะ โรงแรมนี้อยู่ในห้องแถวเล็กๆ ห้องเล็ก แต่ก็พอนอนได้ค่ะ เราฟลุ๊คได้ราคานาทีทองของ Agoda ราคาตกห้องละ 500 บาทเท่านั้นเอง เลยไม่ได้คาดหวังอะไร ขอแค่มีที่ซุกหัวนอน มีที่อาบน้ำก็พอ การบริการดีเกินคาดค่ะ มีพนักงานช่วยยกกระเป๋าขึ้นห้องพักให้ ช่วยโทรศัพท์ติดต่อ Amari เรื่องเวลาไฟล์ทให้ และจองรถมารับให้ รถที่มารับก็มาตรงเวลาดีมาก และช่วยโทรหาพนักงานโรงแรม Amari ที่แอร์พอร์ตให้ด้วยค่ะ ราคาค่ารถจากโรงแรมไปแอร์พอร์ตตอนเช้า 20USD ต่อคัน (6คน)
รูปโรงแรมจากเว็บ agoda (ดูดีกว่าของจริงมาก 555)
ปัญหาโลกแตกคือ ระหว่างพักรอต่อเครื่อง ควรพักที่มาเล่ หรือ Hulhumale ดี เราอ่านเยอะแยะมาก สรุปคือ เวลาน้อย เลือกที่ถูกๆ Hulhumale ค่ะ ไม่ต้องแบกสัมภาระขึ้นลงเรือ ยิ่งถ้าใช้รถโรงแรมรับส่ง สบายไปอีก นั่งรถ 5-10 นาทีถึงที่พัก มีคนยกกระเป๋าไปอีกค่ะ ส่วนมาเล่อ่านมาตามรีวิวใน tripadvisor เค๊าบอกว่าตอนกลางคืนน่ากลัว แออัด คนเยอะ มีทะเลาะกันบ่อย ความจริงยังไงนี่เราก็ตอบไม่ได้นะคะ เพราะก็แค่อ่านมายังไม่ได้ไป ^^"
เช็คอินเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหาร้านอาหาร ตามลายแทง Tripadvisor ค่ะ ได้ลองร้านนี้ Il Cucciolo Family Restaurant มีอาหารหลากหลายมาก เป็นอาหารนานาชาติค่ะ อาหารไทยก็มี อาหารอิตตาลี่ก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ พนักงานน่ารักมาก ส่วนราคาก็มาตรฐานเมืองท่องเที่ยวค่ะ เช่น สเต๊กจานละ 12USD, ข้าวผัดจานละ 4-5USD
รูปร้าน Il Cucciolo Family Restaurant จากเว็บ tripadvisor ค่ะ
เสร็จแล้วแยกย้ายเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยศัยค่ะ
12 เมษา รุ่งขึ้น
04:30 น. รถโรงแรมมารับเพื่อไปสนามบิน ต้องขอคอมเม้นตามตรงเรื่องการนัดเวลาของ Amari Maldives ค่ะ ก่อนเดินทางได้ติดต่อกับทาง Reservation ของ Amari มาตลอด ทั้งเรื่องจองเที่ยวบินภายในประเทศ ทั้งการเปลี่ยนแปลงจำนวนวัน ก่อนนี้เราพยายามสอบถามคุณ Moosa แผนก Reservation หลายครั้งว่า ไฟล์คอนเฟิร์มได้ไฟล์ทกี่โมง ขอไฟล์ทเช้าไปได้หรือไม่ ให้เราไปถึงสนามบินกี่โมง ทางคุณ Moosa ตอบมาทุกครั้งว่า จะติดต่อกับโรงแรม Dhaan Retreat เรื่องเวลารับเองไม่ต้องห่วง ด้วยความที่เห็นว่าเคลมว่า 5 ดาว เราเลยวางใจ แต่เมื่อถึงโรงแรม Dhaan Retreat ปรากฏว่าทางโรงแรม Dhaan Retreat ไม่รู้เรื่องเลย และได้ช่วยโทรหา Amari ให้เราค่ะ
คุณ Moosa เพิ่งแจ้งตอนรับโทรศัพท์นั่นเอง ว่าให้มาถึง Airport เวลา 05:00-06:00 จะมี พนักงานของ Amari มารอรับ และก็ได้ให้เบอร์โทร ของพนักงานที่ Airport มา ซึ่งตอนเช้าเราไปถึงสนามบิน 05:00 โทรหาตามเบอร์ที่ให้ น้องแจ้งว่าน้องเข้าเวร 06:00 และได้บอก Moosa ไปแล้วว่าให้นัดพวกเรา 06:00 น. แต่น้องก็ได้แก้ปัญหาด้วยการ โทรบอกพนักงานที่เข้าเวรอยู่ให้เปิด Loungeให้พวกเราเข้าไปนั่งรอก่อน (ค่อยยังชั่ว) เฮ้ออออ ตา Moosaaaaa ทำไมเธอทำกับฉันแบบนี้ !!!
หากคุณจองโรงแรม 4-5 ดาว ส่วนใหญ่จะมี Lounge ให้พักระหว่างรอเครื่อง Amari Havadda ก็เช่นกันค่ะ ที่ Lounge มีอาหารว่างหลายอย่างค่ะ มีเครื่องดื่ม ไม่จำกัด ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ ขนมมีข้าวด้วยนะคะ และมี wifi ให้ใช้ ซึ่ง lounge นี่ใช้บริการได้ครั้งเดียวตอนจะไปเข้าพักนะคะ ส่วนตอนกลับมาขึ้นเครื่องกลับบ้านนี่ไม่มีค่ะ ตัวใครตัวมัน บัยส์!!
บรรยากาศใน loungeค่ะ
ระหว่างนั่งรอนั้น น้อง Airport rept จะมาขอพาสปอร์ต และกระเป๋าที่จะโหลดไปทำการเช็คอินให้เรียบร้อยกลับมาพร้อมบอร์ดิ้งพาส ถึงเวลาน้องเค๊าก็จะมาตาม พาไปที่ประตูทางเข้าค่ะ เราก็มีหน้าที่เดินเข้าไปเอากระเป๋าที่จะถือเข้าเคบินไปเอกซเรย์ แล้วเข้าไปรอขึ้นเครื่องที่หน้า gate ค่ะ แหม่นานๆทีได้มีชีวิต Eliteๆ นี่ มันช่างสบายเสียจริงจรี๊ง
เครื่องจะเป็นเครื่องบินใบพัด ของสายการบิน Maldivian Airline ถ้าจะบินไปทางใต้ของมัลดีฟส์ แนะนำให้เลือกที่นั่งฝั่งขวานะคะ วิวสวยกว่าค่ะ ตอนพวกเราไปมีพายุเข้าโชคร้ายมากค่ะ บนเครื่องไม่เห็นวิวเยอะแยะอะไร เมฆมาก ฟ้าก็ทึมๆ วิวแบบไม่เคลียร์ค่ะ ค้างคาใจมาก 555 รูปด้านล่างจะมีทั้งขาไปขากลับปนๆกันนะคะ อ่อ ที่นั่ง A,B จะหันหน้าเข้าหาท่านผู้ชมนะคะ ถ้าไม่ชอบก็บอกเค๊าไปก่อนเช็คอินนะคะ อย่างกะรถไฟ 5555
******ออกเดินทางต่อความเห็นถัดไปนะคะ******
ถึงสนามบิน Kaadedhdhoo Airport เป็นสนามบินเล็กๆ อยู่ตอนใต้ของมัลดีฟส์ เกือบจะเกาะสุดท้ายเลยค่ะ ^^"
บรรยากาศสนามบิน Kaadedhoo ค่ะ
เมื่อผ่านเอ๊กซเรย์กระเป๋า จะเจอพนักงานโรงแรมมารับ จัดแจงรับกระเป๋าให้เรียบร้อย พาขึ้น Buggy ไปขึ้นเรือค่ะ
ต่อไปก็ขอรีวิวที่พัก Amari Havodda Maldives แบบรวมๆเลยนะคะ
ที่ตั้งบนเกาะส่วนตัวอยู่ใต้เกือบสุดของมัลดีฟส์เลยค่ะ บินเครื่องบิน Domestic flight ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากสนามบินมาเล่ นั่งเรือต่ออีกประมาณ 10 นาทีค่ะ ไปกันค่ะ
เมื่อถึงแล้ว มี welcome drink มาเสริฟเย็นๆ หลังจากจัดการลงทะเบียน จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว พนักงานต้อนรับชื่อคุณ Hassan ได้มาแนะนำบริการ และแผนผังของทางรีสอร์ตให้ก่อนเข้าพักค่ะ
แผนผังรีสอร์ตค่ะ ถ้าโรงแรมให้มาควรที่จะสำรวจก่อนเลยนะคะ บางทีบริเวณอันตราย หรือจุดที่ห้ามเข้าจะมีบอกในนั้นค่ะ ที่ Amari นี้ จขกท ได้มีโอกาสพักทั้ง Beach Villa และ Water Bungalow นะคะ โดยที่วงสีน้ำเงินคือบ้านที่จขกทได้พัก ส่วนวงสีเขียวคือ แนะนำสำหรับคนที่กำลังจะจองค่ะ พอดี จขกท เจอเจ้านายเก่าที่ไปพักที่เดียวกันโดยบังเอิญ (โลกกลมมากกกก) เค๊าเล่าว่าเค๊าอยู่ตรงวงสีเขียว มันดีงามมาก เห็นทั้งพระอาทิตยขึ้น และพระอาทิตย์ตก และปะการังก็ส่วนตัวหน้าบ้านกันเลยทีเดียว ส่วนโซนของพวกเราก็ดีงามเช่นกัน เป็นโซนเงียบ มีลากูนหน้าบ้าน และวิว sandbank สวยงาม เพียงแต่ไกลจากที่ทานอาหาร และถ้าจะดูปะการังก็ว่ายน้ำไปนิดนึง แต่ชอบค่ะรวมๆแล้วบรรยากาศดีมาก
บรรยากาศทั่วไปค่ะ
เนื่องจากเรามาถึงเช้า ห้องจริงของเรายังไม่เรียบร้อย ทางโรงแรมใจดี เปิดห้องให้พักชั่วคราวโดยไม่ได้ขอเลยค่ะ แบบอยู่รวมกันทั้ง 6 คน เป็นห้อง Beach Villa ค่ะ เดินสำรวจทางออกไปชายหาดมีต้นไม้เยอะมาก จากห้องพักมองออกไปไม่เห็นชายหาดค่ะ
ส่วนอันนี้เป็นของห้องจริง คืนแรกเราพัก Beach Villa ค่ะ
บรรยากาศภายในทางเดินของรีสอร์ตไปยังห้องอาหาร หรืออาคารอื่นๆ ร่มรื่นมากค่ะมีต้นไม้สูงตลอดทาง บรรยากาศดีมากค่ะ
วันต่อมาย้ายไป Water Villa ห้องเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันนิดหน่อยที่ห้องน้ำค่ะ ภาพในห้องพักเราไม่ได้ถ่ายมานะคะ เหมือนเป็นโรคจิต เวลาไปพักที่ไหนก็ตาม พอจะยกกล้องขึ้นมาถ่าย ห้องจะมืดๆแสงไม่พอ พาลคิดในใจว่า ใช่ซี๊ ถ้ารีสอร์ตถ่ายเอง ก็เปิดไฟสาดไฟงามๆ ก็ถ่ายสวยอ่ะซี๊ เลยขี้เกียจ ค่ะ
ส่วนอาหารของพวกเราเป็น Full board อาหารสามมื้อ เป็นบุฟเฟต์ รวมซอฟท์ดริงก์ (น้ำเปล่า และน้ำอัดลม) จะมีเวลาบอกว่าเวลาอาหารจะเสิร์ฟ เวลาเท่าไหร่ ถึงเท่าไหร่ ก็ไปตามที่เค๊าแจ้งค่ะ ตอนเช็คอิน พนักงานต้อนรับ แนะนำว่าหากต้องการพักแบบ All inclusive สามารถจ่ายเพิ่มได้ ห้องละ 110USD ต่อคืน พวกเราไม่มีใครดื่มเครื่องดื่มแอลกอลออล์เลยไม่สนใจค่ะ
ตาราง meal plan ของโรงแรมค่ะ
ส่วนอาหาร ดีงามทุกมื้อสลับสับเปลี่ยนเมนูค่ะ ไม่เบื่อเลยค่ะ ที่ถ่ายมานี่ไม่ถึง 30% ของทั้งหมดค่ะ ถ่ายไม่ค่อยถนัดค่ะ เกรงใจแขกอื่นๆที่กำลังตัก
พนักงานที่ห้องอาหาร น่ารักระดับสิบ ทักทายชวนคุย ยิ้มแย้ม น่ารักมากๆค่ะ อิอิ
บรรยากาศโดยรวมภายในเกาะ พวกเราโชคไม่ดีค่ะ เจอพายุเกือบตลอดเวลา มีวันที่จะกลับฟ้าใสมีแดดอยู่แป๊บเดียวเองค่ะ รูปที่ได้ไม่สดใสค้างคาใจ ..อีกแล้ว (ถ่ายไม่ดีเองโทษมันค่ะ โทษดินฟ้าอากาศมันไป 555)
กลางคืนที่นี่ ถ่ายทางช้างเผือกได้นะคะ เราถ่ายทางช้างเผือกครั้งแรก เปิดอ่านข้อมูลวิธีการถ่าย และเวลาที่จะถ่ายสดๆวันนั้นเลย รูปแรกนี้ยังไม่ทันได้เผือกค่ะ รูปนี้เทสๆๆตอนหัวค่ำ ตอนแรกคิดว่าจะถ่ายไม่ได้ เพราะแสงในเกาะเยอะเหมือนกันค่ะ พอเปิดดูรูป อุ้ยๆๆๆๆเราก็ถ่ายได้เว้ยเฮ้ย!! ทางช้างเผือกอยู่แค่เอื้อม ตื่นเต้นๆๆๆๆ 5555
แท่นแทนแท๊นนน รูปนี้เผือกแล้วค่ะ ปรับแสงไฟล์เพิ่มใน PS นิสหน่อย บางทีก็งงที่เห็นนั่น ดาวหรือ noise ฮาาาาาา ตื่นมาเผือกตอนตีสี่ได้มาแค่นี้ แต่ภูมิใจเว่อวังมากอยากอวดคนทั้งโลก 5555
ลองเอาสองรูปมารวมกันค่ะปรับสว่างมากไม่ได้ เนื่องจากจะเห็นความเยินของการ merge ฮ่าๆๆ ทีแรกจะรวมกับรูป water villa ลองแล้วไม่เนียน เอาอันนี้ละกัน แห่ะๆ
********กระทู้ยาวบัดซบมาก เพราะไม่อยากแยกหลายกระทู้ค่ะ ขอโทษน๊าา ^^"
ต่อเรื่องโลกใต้น้ำ ความเห็นถัดไปนะคะ *********
สำหรับโลกใต้ทะเล ที่มัลดีฟส์นั้นอาจจะมีความแตกต่างจากแถบบ้านเรา ตรงสีของปะการัง ที่จะไม่สดใส มีสีสันมากมายเหมือนบ้านเรา อาจจะเพราะมันคือสีของหินลาวาค่ะ แต่ที่แตกต่างคือมีความหลากหลายของสัตว์น้ำเยอะมากค่ะ แม้แต่ใต้ถุนบ้าน น้องกระเบน น้องฉลามน้อยก็มาแหวกว่ายให้เห็นทุกวันค่ะ เราไม่ได้ชอบดำน้ำ เรายังเพลินเลย เราไม่มีกล้องใต้น้ำนะคะ เลยขอรูปจากน้องสาวที่ไปด้วยกันถ่ายมา มาลงให้ชมกันนิดหน่อย เราไม่ได้ถ่ายเองค่ะ (ขอน้องไว้ 4-5 รูป แต่รูปน้องดีหมดเลย ขอหมดเลยแล้วกันนะคะ ขอบคุณมากค้าบ (รูปใต้น้ำจาก ig: yosifai)
วันกลับ ไม่อยากกลับเลยค่ะ เช็คเอาท์ 12:00 แล้วนั่งรอเรือมารับ ตอนจะออกจากเกาะมีพนักงานเรียงแถวไปส่งที่ท่าเรือ โบกมือให้พวกเราจนลับตา เรือออกไปไกลมากแล้วไม่มีใครหันมามองแล้ว แต่เราหันไปเอ้ายังยืนโบกกันอยู่เลย น่ารักจังเลยถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อย
ถึงมาเล่ ได้มีเวลาเดินเล่นถ่ายรูปที่ท่าเรือจึ๋งนึงค่ะ
สุดท้ายนี้ ความเห็นของเราต่อการไปมัลดีฟส์นะคะ ขอแนะนำว่า อย่าได้ลังเลใจค่ะ สำหรับผู้ที่ต้องการไปมัลดีฟส์แบบ ชีวิตนี้ขอสักครั้ง ควรเก็บเงินแล้วรอไปแบบจัดเต็มไปเลยค่ะ
1. อย่าเสียเวลาต่อเครื่อง จงเอาเงินไปซื้อเวลา ความสุขกาย และสบายใจค่ะ จอง Bangkok Airways ไปเลยค่ะ เชื่อเจ้!! 555
2. Water Bungalow เท่านั้นค่ะ Beach Villa นี่เผลอๆที่เมืองไทยสวยกว่าค่ะ
3. Seaplane จัดไปอย่าได้ลังเลค่ะ อย่าได้ค้างคาใจกับ Speed boat หรือ Domestic flight แบบเรา ที่วิวบนเครื่องค่อนข้างสูง มองเห็น atoll ไกลไปหน่อย และถ้ามีเมฆมาก เครื่อง Domestic flight จะจบเห่ค่ะ จะไม่ได้อะไรเลย คว้าน้ำเหลวแน่ๆ ฮืออออออออออออออ
4. ถ้าคิดจะไปรีสอร์ตไกลๆ ต้องเลือกที่มันคุ้มค่านะคะ ควรเลือกแบบที่พักสวยจับจิต หรือมีอะไรแบบแรๆไปเลย เช่น เดือน พ.ค-ต.ค จะมีฝูงปลากระเบนนับร้อยอยู่ใกล้ๆ Hanifaru Bay อะไรแบบนี้ ถ้าไม่สวยจริง อย่าดั้นด้นไปให้เสียเงินเสียเวลาปล่าวค่ะ
5. เลือกรีสอร์ตในเว็บที่เราแนะนำไปด้านบน เลือกจากเรทติ้งปะการังได้จะดีมากค่ะ เพราะถ้ารีสอร์ตไม่มีกิจกรรมอะไรทำ หรือพกเงินไปน้อย ค่ากิจกรรมแพ๊งแพง ต้องมานั่งจ้องตากันทั้งวัน เบื่อแย่ไปจ้องตาปลา เต่า หอย นี่โม่ ใต้น้ำบ้างดีกว่านะคะ
6. อาหารถ้าไม่ดื่มแอลกอฮอล์ จอง Full board ค่ะ แต่ถ้าดื่มจัด All inclusive ไปเลยค่ะ ที่มัลดีฟส์ในรีสอร์ตของแพงทุกสิ่ง ซื้อกินเองแบบ B&B ก็จะกั๊กๆ และไม่คุ้มอย่างแรงค่ะ
7. เตรียมใจไว้ว่า ทริปดำน้ำ, ค่าเช่าอุปกรณ์ในรีสอร์ต ถ้ารีสอร์ตงามๆ สี่,ห้าดาว แพง แพง แพง และแพง ไปไหนไม่ได้ ไม่มีทางเลือก มีทางเดียวเตรียมตังค์ไปตำค่ะ อย่าเสียเที่ยว 5555
8. เตรียมใจไปสำหรับสภาพอากาศค่ะ เราเองสงสัยมานานในโปสเตอร์น้ำดูนิ่ง เรียบ ตื้น แต่ในรีวิว น้ำดูมีคลื่นแล้วก็ไม่ได้ตื้น คล้ายๆชายหาดบ้านเราเลย ต้องบอกแบบนี้ค่ะ อากาศเอาแน่นอนไม่ได้ มัลดีฟส์ยามคลื่นลมสงบ แดดแรงๆ สวยจับใจ ทะเลนิ่งเรียบ สีเทอควอยซ์สดๆ ใสๆ เขียวอมฟ้า แบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์ ใครก็ถ่ายสวย กล้องอะไรก็ถ่ายสวย ถ่ายให้ไม่สวยสิโครตยาก แต่บทเวลาพายุมา ฝนตก ท้องฟ้าขาวเป็นน้ำ เหมือนอันดามันหน้าฝนเลยค่ะ โดนมาแล้ว ฮืออออออ
**เคล็ดลับทะเลเรียบคือ ตื่นเช้าๆค่ะ ตอนเช้าน้ำจะนิ่ง (ถ้าไม่มีฝนนะคะ) ถ้าตื่นสายขาดทุนค่ะบอกเลย :) และฝูงลูกปลาต่างแหวกว่ายมาเล่นริมหาด จากนั้นก้จะมีฉลามน้อยแหวกว่ายมากินลูกปลาน้อย เดี๋ยวววววววว บอกเพื่ออออ?? ***
9. โดรน!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ส่วนใหญ่ห้ามบินค่ะ เนื่องจากเพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกท่านอื่น คิดดู คุณกำลังอาบน้ำในห้องน้ำแบบโอเพ่น แล้วโดรนบินโฉบไปมา .... ต้องเช็ครีสอร์ตที่จองดีๆก่อนไปนะคะ จะได้ไม่ต้องแบกไปค่ะ ของ Amari นี่เขาจับเซ็นต์รับทราบตอนเช็คอินเลยค่ะ ว่าห้ามบินโดรนเด็ดขาดทุกที่บนเกาะ
สรุปของสรุปอีกที มัลดีฟส์สวยจริงค่ะ แต่เราว่าเป็นที่ๆมีมิติเดียว คือสวยเหมือนที่เห็นในรูปโปสการ์ด รูปตามเว็บน่ะค่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น สำหรับคนชอบเที่ยวแบบลุยๆอย่างเรา เราว่ามันค่อนข้างแพงไปสักหน่อย (อาจจะพลาดตอนเลือกรีสอร์ต) ไปครั้งเดียวก็ไม่มีอะไรให้เราอยากไปซ้ำอีก เทียบกับความรู้สึกกับเซบู ฟิลิปปินส์ โบรโม่ หรือหลีเป๊ะ หรือที่อื่นๆที่เคยไปมา เรารู้สึกว่าเรายังเที่ยวไม่ครบ อยากไปอีกค่ะ
ยิ่งถ้ารีสอร์ตแบบไกลๆอย่างที่เราเลือก เดินทางไกล ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย สำหรับเราๆ เราคิดว่าไม่คุ้มค่ะ ทั้งนี้ ก็อยู่ที่ความชอบนะคะ ถ้าชอบชิว ชอบทะเล ชอบความหรูหรา ก็อาจจะคิดอีกแบบค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ จะรีบมาตรวจทานและแก้ไขคำผิดนะคะ
Disaster Girl
วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.24 น.