เมื่อประโยคยอดฮิต...ไม่ต้องคิดถึงเขา..เพราะอยู่ทะเลกับเรา..และทริปนี้มันเริ่มต้นมาจากความสงสัย ด้วยคำถามจากคนๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นมาว่า..ไปกด Like สถานที่เที่ยว...อยากไปเที่ยวทะเลเหรอ เราก็ตอบไปว่าก็มันเริ่มจะหน้าร้อนก็อยากไปสิค่ะ...คนข้างๆ เลยบอกว่า..งั้นไปหัวหินกันไหม...เราก็คงไม่ปฏิเสธใดๆ เริ่มหาช่วงเวลาและที่พักกันสุดฤทธิ์
แต่หลายๆ อย่างไม่ลงตัว มีโจทย์จากคนข้างๆ ว่า อยากพัก บลูสกาย... หรือที่พักที่คล้ายๆ กันเราก็เน้นติดทะเลด้วยงานนี้ลูกฟลุ๊คค่ะ ได้ห้องพักที่บลูสกายในราคาไม่แพง ทั้งๆ เป็นช่วงวันหยุดยาวก็ต้องรีบทำการจองสินะ
แต่เว็บจองของโรงแรมเราจองไม่ได้ ซึ่งเราก็เลยไปดู Agoda ราคาก็เท่ากัน แต่พอจะจ่ายเงิน มันมีบวกเพิ่มค่ะ แต่ก็ไม่ทันคิดอะไร แค่คิดว่าขอให้ได้ห้องพัก แต่พอกลับไปเช็คที่เว็บรีสอร์ท เราถึงกับอึ้ง อุ๊ย! Agoda แพงกว่าได้งัยเนี่ยย ก็เลยคอนเฟิร์มไปยังรีสอร์ทที่พัก เพื่อจองห้องพัก เพราะอยากได้ห้องที่พอจะรีวิวได้บ้าง เนื่องจากที่นั่นมีห้องหลายแบบแต่สิ่งที่เราได้รับจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเพจของรีสอร์ทคือ การปฏิเสธในการจองห้องพักถึง 2 ครั้ง ทั้งๆ ที่เราบอกว่าเราจะคอนเฟิร์มห้องและอยากรีวิวรีสอร์ทให้ด้วย เราอาจไม่ใช่นักรีวิว ยอดวิวสูงๆ แต่เราแค่อยากทำหน้าที่ส่งต่อการเที่ยวในมุมที่เป็นจริง ในแบบฉบับของเรา ซึ่งเราไม่ได้ขออะไรพิเศษ แต่เจ้าหน้ากลับบอกว่าให้เราจะได้ห้องไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่เราจะเข้าไปเช็คอินน์ที่รีสอร์ทนั่นมันเหมือนกับเรา Walk in เข้าไปเลย เราเลยถามกลับไปว่า แล้วให้จองผ่าน Agoda ทำไม ถ้าเราไม่สามารถจองประเภทห้องได้ แถมครั้งนี้จอง Agoda ก็แพงกว่าเว็บรีอสร์ทอีก เจ้าหน้าที่ได้แต่ปฏิเสธ ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ความรู้สึกตอนนั้น อยากยกเลิกทุกอย่าง เพราะ first impression ในด้านการบริการของทางรีสอร์ทไม่ผ่านค่ะ ไม่ว่าคุณจะบริการทางใดก็ตาม ควรให้บริการในแบบที่อยากช่วยเหลือลูกค้า ไม่ใช่การปฏิเสธแบบนี้ และเหมือนรีสอร์ทก็ไม่ได้ง้อทางคู่ค้าอย่าง Agoda แล้วอย่างนี้การทำธุรกิจของรีสอร์ทคืออะไรเหรอค่ะ ไว้ไปดูรีวิวหน้างานนะคะ เพราะเราบอกแล้วว่า..เราจะรีวิวตามจริง จัดห้องแบบไหน ก็รีวิวตามนั้นค่ะ
เริ่มต้นก่อนออกเดินทางก็ต้องจัดคาเฟอีนเข้าร่างกายกันสักหน่อย แล้วค่อยออกเดินทางกันค่ะ
ในช่วงวันหยุดยาว...การเดินทางก็ติดหนักเอาการ ไม่ว่าจะไปเส้นทางไหน เราเลี่ยงเสส้นพระราม 2 มาออกทางพุทธมณฑล ออกนครปฐม เพื่อออกราชบุรี เข้าเพชรบุรี แต่แล้ว GPS ก็พอกลับเข้ามาเชื่อมยังเส้นสมุทรสาครอยู่ดี กว่าจะถึงเพชรบุรีก็เที่ยง งานนี้เราเลยต้องแวะหาอะไรเติมพลังกันที่ชะอำก่อนที่จะเข้าหัวหินค่ะ
เราเลือกร้านเจ้าประจำอย่าง สังเวียนซีฟู๊ด ซึ่งเคยไปนานล่ะ ซอยเข้าเหมือนเดิม แต่ร้านไม่ได้อยู่ริมหาดเหมือนเดิมแล้วค่ะ มีป้ายบอกให้เลี้ยวไปจอดรถ แล้วป้ายชี้ไปที่ร้านแบบตึกสีเขียว 2 ชั้นใหญ่โต เราขึ้นมานั่งที่ชั้น 2 ถือว่าบรรยากาศดีเย็นสบาย แม้จะไม่ได้นั่งมองวิวทะเลก็ตาม
ด้วยความหิวเราก็สั่งกันมาพอสมควร แต่ลืมนึกถึงขนาดจาน ไปดูกันล่ะกานนะว่ามีอะไรบ้าง แต่ถือความอร่อยยังพอไหวนะคะ ความสดของอาหารทะเลก็ยังเลิศค่ะ ยำทะเลแบบว่า กุ้งและปลาหมึกชิ้นใหญ่มากเลย ห่อหมกทะเลมะพร้าวก็เลิศนะคะ และที่ขาดไม่ได้หอยหลอดผัดฉ่า ตัวใหญิงกันเลยทีเดียว..ขอตัวไปหม่ำแปปนะ
พอหม่ำเสร็จเราก็ออกเดินทางไปหัวหิน แต่เราไม่เข้าตัวเมืองหัวหิน เราวิ่งตาม GPS เลี่ยงเมืองมุ่งหน้าไปที่ วัดห้วยมงคล เพื่อไปกราบขอพรหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตกันก่อนเลยนะคะ ถือว่าโชคดีนะคะ ฝนไม่ตก แถมคนไม่เยอะด้วย ได้กราบหลวงปู่ทวดอย่างสบายๆ ได้รับพรแล้วก็กลับค่ะ เพื่อต้องรีบไปเช็คอินน์
วิ่งตาม GPS เหมือนเพื่อเข้าที่พัก The Blue Sky Resort Hua Hinทางเข้าแทบไม่มีป้ายบอกเลย แต่ก็ไม่ยากนะ พอถึงก็ไม่ถึงกับ WOWWw นะ ตามรูป รีสอร์ทไม่ใหญ่ ไม่มีพนักงานช่วยขนกระเป๋าหรือ พนักงานต้อนรับก็มีคนเดียว ไม่มี Welcome drink ใดๆ หรือเรามาช้าเหรอ
พอพนักงานพาไปที่ห้องพัก ขอบอกว่า ยิ่งไม่ประทับใจ ห้องพักเหมือนใหญ่ แต่แบ่งสัดส่วนไม่ค่อยโอเค ห้องน้ำกว้างเกินไป ที่สำคัญประตูห้องน้ำล็อคไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่ดีไซน์นะ แต่มันเสียค่ะ ไม่มีการรีเช็คห้องกันเลยเหรอค่ะ พอแจ้งไปก็บอกเดี๋ยวให้ช่างมาดู ซึ่งก็แก้ไขไม่ได้อยู่ดี งานนี้วัดใจคนเข้าพักด้วยกันเลยค่ะ..55555
เราก็เดินสำรวจรอบๆ เก็บภาพบรรยากาศ และก็เดินไปถึงชายหาด ห้องพักไม่ได้ติดทะเลแต่อย่างใด ต้องเดินออกมาด้านข้าง เลยร้านอาหาร ถึงจะมีทางลงหาด ซึ่งถือว่าด้วยราคาแล้วยังไม่เหมาะสมกับบรรยากาศหรือคำว่ารีสอร์ทติดทะเลค่ะ แถมร้านอาหารของรีสอร์ท ก็ปิดแค่ 4 ทุ่ม ความชิลที่ตั้งใจว่าจะมานั่งฟังเพลงของทางรีอสร์ท หรือนั่งยาวๆ ริมหาดก็หมดกันค่ะ
เราพักผ่อนกันสักพัก พระอาทิตย์ตกดินไปตอนไหนไม่รู้ ก็เหนื่อยกับการเดินทางด้วย ก็ได้เวลาหาอะไรหม่ำกันอีกล่ะ งานนี้เราก็เลยกะว่าจะไปหาอะไรหม่ำแถว Cicada อ่ะ
Cicada หรือที่เรียกกันว่า ตลาดจักจั่น ที่นี่เหมือนเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งของหัวหิน ที่ใครๆ ก็ต้องมา ที่นี่จะเป็นตลาดที่มีสินค้าแปลกตา สินค้า handmade หลากหลาย ซึ่งถ้าคนไม่เยอะก็จะเดินชิลๆ กันไป
แต่ก็อย่างที่บอกว่าช่วง Long Weekend คนเยอะ และแถวนั้นก็หาที่จอดยากมากเลยค่ะ กว่าจะหาที่จอดได้ พอได้ปุ๊ปเราก็ไปเดินเล่นใน Cicada ก่อน ซึ่งข้างในก็คนเยอะมาก ยิ่งตรงโซนของกิน นี่แทบไม่มีโต๊ะว่างกันเลยทีเดียว
เราก็เดินเล่นอยู่สักพัก เริ่มร้อน เริ่มหิว เล็งแล้วว่าไม่มีที่สำหรับเราในนี้แน่ๆ ก็เลยหาร้านที่เขารีวิวกันอย่าง ป้ารวยปูเป็น เพราะเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจาก Cicada ก็เริ่ม Search หาพิกัดกันเลยทีเดียว
ร้านป้ารวยปูเป็น อยู่เยื้อง Cicada จริงๆ อยู่อีกฝั่งหนึ่งค่ะ เราก็เดินผ่านตลาดของกินอีกหนึ่งตลาด แต่ตั้งใจจะไปกินกรรเชียงปู ก็เลยไปร้านป้ารวยดีกว่า แต่พอไปถึงคนก็เยอะ แต่พอมีที่นั่ง สั่งอาหารสิค่ะ รออัลลไล...แต่สิ่งที่จะทานเขาหมดค่ะ เขาบอกว่า แกะไม่ทันงานนี้ก็เลยต้องสั่งปูเป็นโลมาแกะเอง ที่สำคัญโลหนึ่งราคาสูง แถมได้ไม่เยอะอีก ก็เลยสั่งแค่พออยากทาน แล้วก็สั่งอย่างอื่น ต้มยำทะเล และก็ไข่เจียวหอยนางรม แต่ก็ถือว่าพออิ่มนะคะ แล้วเราก็กลับที่พักค่ะ
ก่อนถึงที่พักก็แวะซื้อเครื่องดื่มเข้าไปเผื่อนิดหนึ่ง เพราะที่ร้านที่รีสอร์ทเขาปิดแล้ว งานนี้ก็ต้องหาความชิลกันเองด้วยการนั่งจิบเครื่องดื่มและดูวิวความมืด มองหาดาว ริมทะเลกันไปเรื่อยๆ ก็ได้บรรยากาศอีกแบบนะคะ มันรู้สึกผ่อนคลาย มันเหมือนชีวิตหลุดออกจากกรอบ ลองหาเวลามาชิลริมทะเลแล้วจะรู้ว่า มันมีความสุขแค่ไหนค่ะ
พอเริ่มดึก อากาศก็เริ่มเย็น งานนี้ก็ต้องกลับห้องพักเพื่อพักผ่อนกันไปนะคะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ แอบไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้..ไม่อยากกลับเลยค่ะ
เช้าวันฝนพรำ ไม่ใช่สิค่ะ เช้าวันฝนตกหนักเลย เราก็นอนกันเพลิน แล้วก็ได้เวลาเช็คเอาท์เลยทานอาหารเที่ยงที่รีสอร์ทกันซะเลย จะได้ไม่ต้องไปหาร้านข้างนอก หรือเปียกฝนที่อื่นอีก เพราะฝนยังตกหนัก ส่วนร้านที่รีสอร์ทก็น่ารักนะคะ บรรยากาศดีทั้งกลางวันและกลางคืน แม้ฝนตกก็ยังนั่งในร้านได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง อาหารส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ฟิวชั่นค่ะ ถือว่าพอใช้ได้ในจังหวะและอารมณ์แบบนี้ค่ะ
ได้เวลาบอกลาทะเลที่เราคิดว่าตอนเช้าจะได้ไปเดินเล่นอีกรอบ งานนี้อดค่ะ แล้วก็ต้องกลับค่ะ แต่กว่าจะออกจากรีสอร์ทก็เกือบบ่าย 2 แล้วนะคะ เพราะเรายังมีโปรแกรมเที่ยวระหว่างทางอีกค่ะ แต่คงต้องดูสภาพอากาศกันอีกที ถือว่าลุ้นๆ กัน และแล้วฟ้าก็เปิด ฝนหยุดเราจึงได้แวะเที่ยว สำหรับที่ที่เราจะแวะคือ พระราชวังมฤคทายวัน ตั้งอยู่แถวค่ายพระรามหก ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนของร.6 ได้รับ ขนานนามว่า “พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง” ที่นี่จะเสียค่าเข้าชมกันด้วยนะคะ แต่วันนั้นที่ไปเขาปิดปรับปรุงเดินเล่นได้เฉพาะด้านล่าง ดังนั้นเราจึงตัดสินใจไม่เข้าไปดีกว่า เพราะถ้าแค่เดินเล่นด้านล่างก็จะไม่มีอะไรเป็นเพียงแค่สวนที่จัดตกแต่งไว้เท่านั้น แต่ถ้าใครมาในช่วงที่เปิดปรกติ พระราชวังแห่งนี้ไม่ควรพลาดนะคะ
แล้วเราก็ตัดสินใจว่างั้นไปหาที่เที่ยวที่อื่นต่อแถวเพชรบุรีก็ได้ เพราะเป็นเส้นทางกลับ แต่ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจอีก ไล่หลังมาติดๆ เลยคิดว่ากลับกรุงเทพฯ กันเลยล่ะกัน และรถก็เริ่มมีจำนวนมาก ทริปนี้อาจได้แวะเที่ยวน้อย เพราะด้วยฟ้าฝน และช่วงเทศกาลติด Long weekend ด้วย รถติดคนเยอะไปหมด ที่สำคัญวันหยุดเราก็ได้แค่นี้...สงสัยคงต้องกลับมาหัวหินกันอีกครั้ง เพราะขากลับนี้มีบางอย่างทำให้เราก็รู้สึกว่าทริปนี้จบแบบไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ แต่เราก็ไม่อยากคิดมาก ถือว่าเราได้มาพักผ่อน ได้ใช้เวลาและใช้ชีวิตร่วมกัน สร้างความทรงจำในแบบที่เป็นสไตล์ Slow Life กันไป...แค่นี้ก็เก็บความสุขไว้เติมพลังในวันต่อๆ ไปได้แล้วค่ะ จริงๆ แล้วเมื่อชีวิตคือการเดินทาง..ดังนั้นไม่ว่าาจุดหมายปลายทางจะเป็นที่ใด ระหว่างมันจะเจออะไร..แต่มันก็มีความหมายเสมอ และที่สำคัญถ้ามีคนร่วมทางเป็นคนของกำลังใจตลอดไปก็จะดีสำหรับเราแล้วล่ะคะ ไว้เจอกันใหม่ในทริปต่อๆ ไปนะคะ^_^
Once Chill Life
วันพฤหัสที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.24 น.