- "การรอคอย"
เป็นคำที่่เมื่อเอ่ยออกมาอาจให้ความรู้สึกที่เนิ่นนาน กับคำ ๆ นี้แต่ว่าเมื่อการรอคอยได้สิ้นสุดลง ปลายทางคืออาจเป็นความสุขที่ได้เฝ้ารอมาตลอด การรอรคอยกับทริปครั้งนี้ของผมก็เช่นเดียวกัน โดยอาจแตกต่างจากทริปที่ไปลาว เวียดนาม หรือฮ่องกงเพราะนั่นอาจไปแบบปุบปับและไม่ได้แพลนในหัวไว้เลย (แต่เจอโปรโมชั่นก็ขอแหละกัน) ส่วนที่แห่งนี้ผมได้วางแพลนไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและจองตั๋วการเดินทางไปเดือนธันวาคม (อีกหลายเดือนเลยนะเนี่ยกว่าจะถึง)
หลังจากได้ดูแรงบันดาลใจผ่านทางรายการโทรทัศน์แล้ว ก็มาถึงแรงบันดาลที่เป็นภาพและตัวหนังสือของ HAMUN RIDE ฉบับ cycling around TAIWAN ที่นำพาการปั่นจักรยานทั่วไต้หวันจากไทเป สู่ไทจง ไทตุง ทะเลสาบสุริยันจันทรา ไปยังใต้สุดเกาสง ก็ทำให้เกิดความนึกคิดสั้น ๆ เพียงแต่ว่า ขอได้ไปปั่นจักรยานแบบสั้น ๆ ก็สุขใจแล้ว
โปสการ์ดจากเกาะมันเทศรูปไปรษณีย์เอียงโค้งหลังจากพายุเซาเดโลพัดถล่มไต้หวันในช่วงหน้ามรสุมมาถึงมือก่อนจะเริ่มการเดินทางจะไปเยือน ก่อนเริ่มการเดินทางอย่างจริงจังจะเริ่มเล่าการเดินทางของผมหลังจากได้แรงบันดาลใจได้รายการและหนังสือที่ได้กล่าวไปแล้วก็มาถึงช่วงจองตั๋วโดยตอนนั้นประมาณปลายเดือนพฤษภาคมก็มีโปรโมชั่นจากน้องหมี V-AIR ออกมาในโปรโมชั่นราคากรุงเทพฯ - ไทเปในราคาเริ่มต้น 777 บาท* และเห็นเป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคเลยสำหรับการไปเยือนไต้หวันเลยตัดสินใจมือลั่นทำการจองซะ
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อยก็รอเวลาการเดินทางไปเยือนเกาะมันเทศ เกาะน้อย ๆ ที่บัดนี้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายปลายทางอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยว นักเดินทาง รวมถึงเป็นสวรรค์ของนักปั่นจักรยานที่อยากไปลิ้มลองการปั่นจักรยานบนเกาะแห่งนี้ แต่แล้วขณะที่ผมกำลังทำภารกิจตะลอนฮ่องกงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทางการบินวีแอร์โทรศัพท์มาจากไต้หวัน แต่ผมไม่ได้รับสาย ทางไต้หวันเลยประสานงานมายังวีแอร์ประเทศไทยให้ติดต่อประสานงานทางโทรศัพท์และทางอีเมลล์สำหรับการเปลี่ยนแปลงวันและเวลาการเดินทางไปไต้หวัน จากเดิมผมวางแพลนไว้ 3 วัน 2 คืน ก็กลายเป็น 4 วัน 3 คืน โดยวันที่ไปไต้หวันคือ 30 พฤศจิกายน จากเดิมเวลา 01.15 น. เลื่อนออกเร็วขึ้นเป็น 00.55 น. ส่วนขากลับจากเดิมกลับวันที่ 2 ธันวาคมก็เป็น 3 ธันวาคม จากเวลา 20.30 น. ก็เป็น 21.50 น. ครับ ขอบคุณสำหรับการประสานงานทั้งจากไต้หวันและจากไทยครับ ยิ่งทำให้ปลื้มสายการบินนี้เลย
ในที่สุดการเดินทางไปไต้หวันที่รอคอยก็มาถึง อันนี้คือบรรยากาศภายในเครื่องของสายการบิน V-AIR ไฟล์ท ZV008 (ZV8) โดยมีรอบออก 00.55 น.จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่สนามบินไต้หวันเถาหยวน (ไต้หวัน) บรรยากาศภายในเครื่องวันที่ไปคนแน่นเต็มลำครับ รวมถึงภายในเครื่องก็มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์งานดอกไม้อะไรสักอย่าง
มาดูที่นั่งของน้องหมีวีแอร์กันดีกว่า พบว่าระยะห่างระหว่างเข่าของผมกับเบาะหน้าห่างกันพอสมควร ถ้าเทียบกับโลว์คอสแอร์ไลน์เจ้าอื่นที่ชอบยัดเก้าอี้แบบเบียด ๆ กัน ให้ผ่านครับ เก้าอี้สีม่วง ๆ ตอนนี้เราก็เดินทางไปไต้หวันกันดีกว่า
และแล้วเครื่องบินลำน้อยก็ได้เดินทางมาถึงสนามบินไต้หวันเถาหยวนตอนเวลา 05.20 น. ท่ามกลางสายฝนอันโปรยปรายเป็นสัญญาณบอกว่ามีฝนนะ เฮ้ย เห็นตรูเป็นแมวหรือไงฝนถึงได้ตก บรรยากาศบริเวณสนามบินเงียบเหงามากแบบว่า ไม่มีเครื่องบินบินลงเลยเหรอเห็นมีแต่ผู้โดยสารวีแอร์เท่านั้น จากนั้นผมก็เดินไปยังตม.เพื่อเข้าไต้หวันอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่า เฮ้ย วังเวัง เงียบกริบ ผู้โดยสารไปไหนกันหมดมีแต่คนไทยที่เดินต๊อก ๆๆๆๆๆ แถมเดินเลยตม.อีก ผมและคนไทยคนอื่นเลยต้องรอดเส้นแดงเพื่อเข้าตม. ผมและคนไทยคนอื่นที่ไปใช้เวลากับตม.ไม่เกิน 10 นาทีก็ได้เหยียบเกาะมันเทศอย่างเป็นทางการแล้ว ฟินเกาะในฝัน จากนั้นความหิวก็ครอบงำเลยลงไปยังชั้นล่างของสนามบินเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า
บริเวณร้านสะดวกซื้อ Hi Life ตรงข้างล่างสนามบินจะมีอยู่ 2 ที่ครับอยู่ทั้งมุมด้านซ้ายและด้านขวาสุด อันนี้เป็นร้าน Hi Life ตรงสนามบินเมื่อลงบันไดเลื่อนฝั่งซ้ายครับ เจอนมมะละกอกับชานมที่หลายรีวิวได้เอื้อนเอ่ยถึง ถามซื้อไหมก็ต้องซื้อสิ ชีวิตเรามันต้องสตรองไว้ก่อน จากนั้นก็หาอะไรกินรองท้อง พอซื้อเสร็จก็มองหาซิมโทรศัพท์มือถือที่บอกว่ามีขายหน้าร้าน Hi Life ปรากฏไม่มีขายแล้วนะครับ เอาไงดีกับชีวิตดี คิดแล้วกลุ้มช่างเถอะไปซื้อตั๋วรถบัสไปไทจงก่อนดีกว่า
รถบัสที่จะไปไทจง (TAICHUNG) จากสนามบินไต้หวันเถาหยวนจะมีอยู่ 3 เจ้าด้วยกันครับ
1. 1860 Bus Kuo-Kuang Motor Transport - Kuokuang Line ป้ายสุดท้ายจอดที่ Taichung Station
2. 5503 Bus Free Go Bus ป้ายสุดท้ายจอดที่ Gancheng Station
3. 1623 Bus UBUS ป้ายสุดท้ายจอดที่ Taichung Station
รายละเอียดรถบัสที่จะไปไทจงตามลิงค์นี้ครับ http://www.taoyuan-airport.com/english/Buses/#b55f75b9-e1b6-4bb0-ad8b-862193305554
ในครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการของรถ FREE GO BUS (รถไม่ได้ฟรีเหมือนชื่อนะครับ ต้องเสียตังค์นะ) เพราะว่ารถบัสเจ้านี้จะไปจอดตรงป้าย Gancheng station ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายของรถบัสสายนี้และที่สำคัญป้ายยังอยู่ใกล้กับที่จอดรถและตึกของหนานโถวบัสครับ โดยคุณลุงที่เคาเตอร์ฟรีโกบัสก็น่ารักมากครับถึงแม้พูดอังกฤษได้นิดหน่อยแต่ก็ช่วยเหลือผมอย่าเต็มที่ เช่น ผมถามว่าที่ไทจงมีขายซิมการ์ดไหมลุงก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ก็เลยกวักมือเรียกผมให้เดินตามไปเพื่อพูดคุยกับหนุ่มน้อยเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ข้าง ๆ เคาเตอร์ขายตั๋ว ซึ่งก็ช่วยเหลือผมอย่างดี และที่สำคัญครับคุณลุงกลัวไอ้นี่จะหลงทางเลยเขียนภาษาจีนตัวเต็มในแผ่นกระดาษและคุณลุงให้อ่านออกเสียงตามคุณลุง โดยในกระดาษก็เขียนว่า หนานโถวบัส ทะเลสาบสุริยันจันทรา (จำไม่ได้เเล้ว) พร้อมกับบอกว่าตัวจีนนี้คือ หนานโถวบัสนะ จีนตัวนี้คือ sun moon lake นะนี่ยังไม่ออกจากสนามบินก็เจอน้ำใจคนไต้หวันแล้วปลื้มปริ่ม ทำให้จิตใจช่างสตรองมาก
คุณลุงบอกว่ารถบัสสาย 5503 ที่จะไปไทจงจอดอยู่ชานชาลาหมายเลข 8 ครับ อย่าไปขึ้นเลข 9 นะเดี๋ยวได้ไปไทเปแทนไทจง 555 บรรยากาศนอกสนามบินพบว่า ฝนหยุดตกแล้ว ขอให้ทะเลสาบสุริยันจันทราไม่มีฝนตกด้วยเถิด
บริเวณที่จอดรถบัสเข้าเมืองของสนามบินไต้หวันเถาหยวนตรงเทอร์มินัล 1 ครับ พอได้เวลารถออก (รถบัสที่ผมจองออกรอบ 06.50 น.)ครับ ออกจากเทอร์มินัล 1 ไปรับผู้โดยสารที่เทอร์มินัล 2 ต่อไปเพื่อมุ่งหน้าสู่ไทจง
และแล้วก็ถึงป้าย Gancheng Station ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายของรถบัสฟรีโกบัสครับ (เมืองไทจง) พอจอดป้ายนี้ก็แค่เดินหันหลังไม่กี่ก้าวก็ถึงตึกทำการของหนานโถวบัสแล้วครับ ใกล้มากกกก (กอไก่ล้านตัว) จากนั้นรถก็มุ่งหน้าสู่เป้าหมายการเดินทางของเรา นั่นคือ sun moon lake หนานโถวนั่นเอง
บรรยากาศภายในรถบัสของ NANTOU BUS ครับ ซึ่งคนก็แน่นพอสมควรและจากนี้ต่อไปก็ต้องไปรับคนตรง HSR TAICHUNG (ดีแล้วที่ขึ้นต้นสาย ถ้าขึ้นตรง HSR รับรองต้องรอคนต่อไป)
การเดินทางไปทะเลสาบนั้นจะว่านานก็นาน นอนหลับหลายตื่นก็ยังไม่ถึง จนในที่สุดรถบัสก็ได้มาจอดตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว shuishe ครับพอมาถึงผมก็เอา e-ticket ไปรับตั๋วขึ้นเรือเฟอร์รีที่จะข้ามฟากไปยังท่าต่าง ๆ ครับ โดยรับและซื้อตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วครับ (ตรงที่เป็นธงผ้าสีแดงครับ) จากนั้นก็ตะลอนหาซิมการ์ดก่อนกลับเข้าที่พัก
ตรงบริเวณนี้คือศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Shuishe จะเป็นจุดที่รถบัสมาจอดครับ
สำหรับใครที่จะมาซื้อซิมการ์ดที่ SML สามารถมาซื้อได้ที่ sun moon lake post office ซึ่งตรงบริเวณนี้จะมีที่ตั้งจำหน่ายซิมของ chungwha telecom ครับ โดยแพคเกจก็เหมือนในสนามบินเลยครับ โดยคุณลุงบริการประทับใจมากครับอย่างเช่นตอนผมเน็ตไม่ติดคุณลุงก็เลยโทรศัพท์ให้ผมคุยกับพนักงานเพื่อติดต่อเรื่องเน็ต (ภาษาอังกฤษก็ดีเลิศเหลือเกิน) กับตอนที่คุณลุงช่วยโทรไปยังที่พักเพื่อถามทาง ขอบคุณน้ำใจคนไต้หวันอีกรอบ นี่ยังไม่ผ่านวันเลยนะ จากนั้นก็เดินทางกลับที่พักเพื่อเก็บข้าวของ
สำหรับใครที่จะมาซื้อซิมการ์ดที่ SML สามารถมาซื้อได้ที่ sun moon lake post office ซึ่งตรงบริเวณนี้จะมีที่ตั้งจำหน่ายซิมของ chungwha telecom ครับ โดยแพคเกจก็เหมือนในสนามบินเลยครับ โดยคุณลุงบริการประทับใจมากครับอย่างเช่นตอนผมเน็ตไม่ติดคุณลุงก็เลยโทรศัพท์ให้ผมคุยกับพนักงานเพื่อติดต่อเรื่องเน็ต (ภาษาอังกฤษก็ดีเลิศเหลือเกิน) กับตอนที่คุณลุงช่วยโทรไปยังที่พักเพื่อถามทาง ขอบคุณน้ำใจคนไต้หวันอีกรอบ นี่ยังไม่ผ่านวันเลยนะ จากนั้นก็เดินทางกลับที่พักเพื่อเก็บข้าวของ
หลังจากเอาข้าวของไปฝากไว้ที่พักเนื่องจากที่พักบอกว่า เชคอินได้ตอนบ่ายสามโมงเป๊ะ ถ้ารอก็จะเสียเวลาทำมาหากินเลยฝากกระเป๋าพร้อมออกไปตะลุยทะเลสาบสุริยันจันทรา (อันชื่อเหมือนหนังจีนกำลังภายใน) ระหว่างเดินจากที่พักก็เจอป้ายบอกทาง Maolan mountain trail ใครเคยเดินบ้างบอกหน่อยนะ เเต่เห็นหน้าสนใจทริปหน้าลองไปเดินดูแล้วจะรีวิวมาฝากกันดีกว่า นอกจากนี้ที่พักผมยังอยู่ใกล้กับศูนย์วิจัยชา (Tea reaserch and extention station) มันน่าสนใจมาก ไว้มีโอกาสเดี๋ยวต้องไปเจิมซะหน่อย จากหน่อยก็เดินทางไปยังท่าเรือ shuishe พร้อมกับชานมที่ซื้อมาจากสนามบิน
บรรยากาศตรงท่าเรือ shuishe ที่ผมไปพบว่า แดดส่องฟ้าเป็นสัญญาณวันใหม่ เห็นนักเรียนเต้นรำหรือแสดงอะไรสักอย่างอยู่ สงสารเด็ก ๆ ดูท่าจะร้อนมีทั้งนั่ง ยืน และก็นอน
เรือเล็กออกจากฝั่งท่า SHUISHE PIER มุ่งไปท่าเรือ XUANGUANG PIER
ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือ xuanguang กับบรรยากาศนักท่องเที่ยวเต็มพิกัด นี่วันจันทร์นะทำไมมาเยอะกันจัง จากนั้นก็เดินขึ้นเนินไปยังวัดพระถังซำจั๋ง ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือเรียกอีกอย่างว่า วัดเสวียนจัง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาก ซึ่งสร้างมาเพือเป็นเกียรติให้พระถังซำจั๋ง โดยจะมีรูปแกะสลักและแผนที่ แผนที่คาดว่านะเป็นการเดินทางเผยแพร่พระไตรปิฏกที่ชมพูทวีปและพื้นที่ใกล้เคียง โดยระหว่างที่เดินขึ้นก็ไปสะดุดตากับปริมาณคนบริเวณร้านไข่อาม่า ไข่ต้มทั้งเปลือกที่คนต่อคิวเยอะมาก เสมือนว่าใครไปตรงนี้ต้องแวะไปกินให้ได้
จากนั้นเดินขึ้นไปด้านบนอันเป็นที่ตั้งของวัดซวงกวงหรือวัดพระถังซัมจั๋ง ก็จะสามารถเห็นวิวของทะเลสาบพร้อมกับไหว้พระได้จากบริเวณนั้นครับ
อันนี้เป็นภาพวิวที่มองจากตรงบริเวณทางขึ้นไปวัดพระถังซำจั๋งครับ ท้องฟ้าอันสดใสตัดกับสีครามของทะเลสาบมันฟินจริง ๆ ขอบคุณสวรรค์ที่ฟ้าไม่ปิดในวันนี้
จากนั้นก็เดินลงมาเพื่อกินไข่อาม่า แต่แล้วพอเจอมวลประชาชนเข้าไป ข้าน้อยขอถอนทัพกลับสยามประเทศก่อน ได้ข่าวเพิ่งมาถึงจะล่าทัพกลับไทยแล้วรึ ไม่ใช่ไปท่าเรือต่อไปดีกว่า Ita thao pier ดีกว่า
จากนั้นก็เดินลงมาเพื่อกินไข่อาม่า แต่แล้วพอเจอมวลประชาชนเข้าไป ข้าน้อยขอถอนทัพกลับสยามประเทศก่อน ได้ข่าวเพิ่งมาถึงจะล่าทัพกลับไทยแล้วรึ ไม่ใช่ไปท่าเรือต่อไปดีกว่า Ita thao pier ดีกว่า
ระหว่างรอเรือเฟอร์รี่มารับก็ถ่ายบรรยากาศตรงท่าเรือ xuanguang กันดีกว่า พร้อมกับตั๋วที่ระลึกในมือ น้องผู้ชายตรงท่าเรือบอกวา รออีก 10 นาทีเรือก็มารับแล้ว โดยเรือที่มารับลงท่าตรงไหนก็ไปรอท่าตรงนั้นนะครับ
ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือสุดท้ายของทริปทะเลสาบสุริยันจันทรา คือ ท่า Ita thao ท่าเรือตรงนี้จะเป็นท่าเรือที่มีถนนคนเดินและกระเช้าลอยฟ้าครับ ตอนไปถึงก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว ได้ข่าวกระเช้าปิดสี่โมงเย็นดังนั้นต้องรีบทำเวลาซะแล้วเรา
บรรยากาศระหว่างทางไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้าชมวิวที่มีปลายทางคือ Formosan aboriginal culture village
พอเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับทางเดินเลียบกับทะเลสาบสุริยันจันทรา และก็มาเจออาคารนี้ครับสำหรับไปขึ้นกระเช้าไปยังหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมือง (Formosan aboriginal culture village)
บรรยากาศภายนอกอาคารอีกด้านหนึ่งของอาคารครับ บริเวณตรงนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะว่าใกล้เวลาที่จะปิดแล้วก็ได้
ในกระเช้าตอนที่ผมขึ้นมีผมคนเดียวนะครับ นั่งมาเรื่อย ๆ ก็ใกล้มาถึงหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมืองแล้ว เดี๋ยวเราก็แวะเข้าไปชมด้านในแปบนึงดีกว่า
บรรยากาศตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน formosan aboriginal culture village ครับเงียบเหงาไหมครับ แต่ไม่แปลกครับมันใกล้สี่โมงเย็นแล้ว เดินถ่ายบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ซึ่งอากาศตรงบริเวณนี้เย็นมากครับ เดินได้สักพักก็เตรียมลงไปยังท่า Ita thao ดีกว่าเพราะอย่างที่บอกไว้แต่เเรกกระเช้าจะปิดตอนสี่โมงเย็น และผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านครับ เพราะต้องเสียเงินเพิ่ม อิอิ จากนั้นก็เดินไปยังกระเช้า
ระหว่างนั่งกระเช้ากลับไปยังท่าเรือ มองไปเรื่อย ๆ ชมบรรยากาศในยามพลบเย็นแสงอาทิตย์ที่กำลังยอแสง
พอลงไปถึงสถานีข้างล่างก็เจอกับแสงอาทิตย์ที่กำลังยอแสง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแสงของวันนี้ใกล้หมดลงเเล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ภาพตรงบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Ita thao ครับ คนเริ่มเยอะตรงบริเวณนี้เพราะมีถนนคนเดินและบางส่วนเตรียมเดินทางกลับไปยังท่า shuishe ครับ บรรยากาศตรงท่าเรือ Ita thao ยามเย็นฟ้าเริ่มอึมครึมเสมือนฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด คล้ายกับฝนจะตก รีบกลับไปท่า shuishe ดีกว่า
แสงยามเย็นใกล้จะลับลาโลกทำให้นึกถึงบทประพันธ์ของจิมมี่ เหลี่ยวที่กล่าวว่า
"ณ ช่วงเวลาที่โลกทั้งโลกปราศจากแสงไฟ เด็กน้อยกับดวงจันทร์ชวนกันไต่ปีนขึ้นไปบนหลังคา
แล้วพากันดื่มด่ำกับความมืดมหัศจรรย์ ไม่มีใครอื่นมาเฉลี่ยปันความลึกลับอัศจรรย์นี้
มันเป็นช่วงเวลานาทีแสนดี… ที่ทั้งสองมีร่วมกันอย่างเงียบเงียบ"
แน่นอนผมก็จะพาทุกคนไปตามรอยเรื่องนี้กันที่ไทเป (ในรีวิวตอนต่อไปครับ)
ณ ท่าเรือ shuishe กับธงชาติไต้หวันหรือสาธารณรัฐจีนที่โบกไสวในยามเย็นกับความเงียบที่กำลังคืบคลานเข้ามา
ยามเย็นตรงท่าเรือ Shuishe ที่ให้ความรู้สึกที่สงบเงียบแตกต่างจากยามกลางวันที่ผู้คนพลุกพล่านมากมาย แต่ ณ ตอนนี้เริ่มเข้าสู่โหมดเงียบสงบ
บรรยากาศถนนตรงท่าเรือครับ ร้านรวงต่าง ๆ เริ่มเปิดแสงไฟรับกับยามเย็นและความมืดที่กำลังมา
ขณะเดินผ่านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็ผ่านรถบัสของหนานโถวบัส เลยถ่ายรูปมาฝากครับว่ารถบัสหนานโถวบันที่ไปทะเลสาบสุริยันจันทราเป็นแบบนี้นั่นเอง และแล้วก็มายังที่พักของผมครับโดยที่พักของผมขอพักแบบ hostel ครับเนื่องจากครั้งนี้มาคนเดียวเเละต้องการเซฟเงินไปกินเยอะ ๆๆๆ
บรรยากาศยามกลางคืนบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว shuishe ที่ไม่ค่อยมีผู้คนและครึกครื้นเท่าไหร่
บริเวณท่าเรือ shuishe ยามกลางคืนผู้คนออกมาถ่ายรูปกับแสงสี และยืนคุยกันสบาย ๆ กับอากาศฟิน ๆ หลังจากนั้นก็เดินไปหาอะไรกินดีกว่า แต่ไม่รู้จะกินอะไรเลยตัดสินใจเข้าร้านสะดวกซื้อดีกว่า นั่นคือ 7-11 นั่นเอง
ซื้ออะไรกินดีนะเรา ได้ข่าวว่าจะกินข่าวไหงมายืนตรงหน้าพวกนม กาแฟได้นี่เรา สุดท้ายตัดสินใจซื้ออันนี้ไปกิน (ภาพด้านล่าง)
นี่ไงอาหารเย็นวันนี้ ณ SML คือข้าวกล่องรถไฟ ราคา 55 TWD ดูราคาพอ ๆ กับไทยแต่มันสำคัญตรงนี้ ปริมาณเยอะมาก ไก่ให้มาทั้งชิ้นไม่มีหมกเม็ด อิ่มแน่ ๆ ไม่มีวิญญาณไก่ชัวร์ จากนั้นเตรียมตัวนอนพรุ่งนี้มีทริปเช้า
บรรยากาศยามเช้าตรงฝั่ง shuishe ดูเงียบสงบไร้ผู้คนมีแต่เราและนายเพียงแค่นั้น
แสงอาทิตย์เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มโผล่พ้นภูเขา ณ ทะเลสาบสุริยันจันทรา จากนั้นก็เดินไปยังร้านเช่าจักรยานครับ โดยเป็นร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว shuishe เลยครับ โดยคิดค่าเช่าวันละ 100 TWD ครับโดยเตรียมเบอร์โทรศัพท์ไต้หวันและพาสปอร์ตครับ แต่ผมจำเบอร์โทรศัพท์ไม่ได้เลยให้คุณลุงเก็บพาสปอร์ตไว้เลยครับ (มันต้องมีทางเอาตัวรอดสักทางสิใช่ไหมครับ)
แสงแดดโผล่พ้นจากมวลเมฆกับบรรยากาศทางปั่นจักรยานที่แสนจะยาวไกล
นายแบบวันนี้คือน้องจักรยาน Giant นั่นเองยามเช้ากับสีทะเลสาบสีครามตัดกับฟ้าอันสดใส มีแสงแดดตัดผ่านไอหมอก และลมเย็น ๆ โชยมาฟินอีกแบบ
ตอนนี้ก็ปั่นจักรยานใกล้มาถึง Xiangshan visitors center แล้วครับ
ในที่สุดก็ปั่นมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Xiangshan แล้วครับภายในศูนย์ก็มีการจัดงานนิทรรศการแสดงต้นไม้อะไรสักอย่างนี่แหละครับ
บรรยากาศภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Xiangshan ครับ จากนั้นเดินชมสถานที่ ถ่ายรูปก็ปั่นจักรยานต่อไป
ปั่นมาเรื่อย ๆ ก็เจอทางเดินที่ยื่นออกไปตรงบริเวณทะเลสาบครับ ถ้ายืนหันหลังคล้ายแบบแจ็คและโรสไททานิคคงฟินน่าดู อิอิ
หลังจากปั่นจักรยานจนไปสุดทางก็ไม่สามารถปั่นต่อไปได้แล้วครับเลยย้อนกลับมาทางเดินก็เพิ่งสังเกตสีน้ำทะเลสาบมีหลายสีเลย สวยงามมากน้ำเงินเข้มไล่ไปฟ้าสีเขียวมรกตและเขียวเข้ม
หลังจากนั้นก็คิดว่าจะปั่นต่อครับแต่นึกได้ว่าจองตั๋วรถไฟ HSR ไปแล้วถ้ามัวแต่สโลว์ไลฟ์อาจตกรถได้เลยปั่นจักรยานกลับไปยังที่พักครับ ระหว่างทางกลับก็เจอป้าย TAIWAN Go,Biker ทำให้รู้สึกว่าประเทศแห่งนี้ใส่ใจคนรักการปั่นจักรยานเลยทีเดียวครับ
ย้อนกลับมายังเส้นทางเดิมก็เอานายแบบถ่ายอีกมุมครับ และคนก็เริ่มเยอะแล้วครับในช่วงสาย ๆ แนะนำให้ไปแต่เช้า ๆ นะครับอากาศจะสดชื่นและคนไม่พลุกพล่าน
หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานผ่านร้านเช่าจักรยานที่ผมเช่า เจอลุงเจ้าของร้านรอตรงหน้าร้าน คุณลุงก็ถามประมาณว่าปั่นเป็นไงบ้าง แล้วลุงก็บอกว่าปั่นตรงไหนได้บ้าง (ฟังออกกับฟังออกบ้าง) แล้วผมก็บอกลุงว่า ผมจะขอปั่นจักรยานไปร้านกาแฟก่อนนะครับเดี๋ยวค่อยมาคืน อิอิ หลังจากนั้นก็ดื่มด่ำกับกาแฟสักครู่ก็เตรียมตัวกลับไปขึ้นรถเพื่อไปไทจงครับ
หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานกลับที่พักเพื่อเชคเอาท์ครับ และมาซื้อตั๋วรถบัสกลับไทจงตรงเคาเตอร์ (ภาพด้านบนซ้าย) ราคาเที่ยวเดียว 190 TWD เคาเตอร์ตรงนี้เป็นบริเวณเดียวกับที่รับตั๋วขึ้นเรือนะครับ จากนั้นก็รอเวลารถมารับครับ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Shuishe
- เป็นจุดสุดท้าย (ป้ายสุดท้าย) ที่รถมายัง SML จะจอด
- (ภาพด้านบน) คือจุดจำหน่ายตั๋วรถบัสกลับไปยังไทเป หรือไทจง และเป็นจุดแลกวอยเชอร์ตั๋วเรือโดยสาร
จากนั้นรถก็มุ่งหน้าไปยังไทจง และก็แวะเข้าไปรับผู้โดยสารที่มหาวิทยาลัย National chi nan university ครับบรรยากาศดีมาก อยู่ทางไป Puli และเป็นมหาวิทยาลัยที่ใกล้ทะเลสาบ SML รวมถึงด้านหน้ามหาวิทยาลัยก็เป็นภูเขา อากาศดีมากเลย
บรรยากาศระหว่างทางทิวทัศน์จากทะเลสาบ ไปยังไทจง (โดยก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของหนานโถวหรือไทจง) จากนัั้นก็นั่งรถไปเรื่อย ๆ ครับจนถึง HSR ไทจง สำหรับการมาเยือนไต้หวันครั้งแรกของผมนั้นสร้างความประทับใจให้กับผมเป็นอย่างมากเลยครับ และสุดท้ายสำหรับรีวิวตอนแรกของไต้หวันของผมได้รวบรวมข้อมูลตามเว็บข้างล่างครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ รอติดตามต่อตอนไปครับ
ข้อมูลการเดินทางจากทะเลสาบสุริยันจันทรา ไทจง และไทเป
1. ข้อมูลการเดินทางจากสนามบินไต้หวันเถาหยวนไปยังเมืองต่าง ๆ ในไต้หวัน http://www.taoyuan-airport.com/english/Buses/
2. ข้อมูลการจองตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วสูง HSR TAIWAN https://irs.thsrc.com.tw/IMINT?locale=en
3. ข้อมูลทะเลสาบสุริยันจันทรา http://www.sunmoonlake.gov.tw/English/
4. ข้อมูลบัตร E-TICKET SML http://www.ntbus.com.tw/en-eticket.html
หมายเหตุ : บัตรประเภทนี้จะมี EAST CARD มาให้ครับ โดยนำใบเสร็จที่ได้ในซองไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรงเคาเตอร์จำหน่ายตั๋วตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Shuishe ครับเพื่อรับบัตรโดยสารขึ้นเรือ ส่วนการขึ้นกระเช้าก็นำบัตรอีซี่การ์ดยื่นให้เจ้าหน้าที่่ตรงทางเข้ากระเช้าได้เลยครับ
5. Sun Moon Lake PASS (Water, Land, and Air Tour) http://www.ntbus.com.tw/en-package.html
6. ข้อมูลรถบัสหนานโถว สำหรับเดินทางไป SML ฟาร์มซิงจิ้น และหมู่บ้านปีศาจซีโถว http://www.ntbus.com.tw/en-index.html#
โปรดอย่าได้ถามว่ามันมีอะไร โปรดอย่าเอื้อนเอ่ยถามทำไมถึงไปที่นี่ เพราะผมเชื่อเสมอว่าทุกที่มันต้องมีสถานที่น่าสนใจอยู่ในตัวของมันเอง เพียงแค่คุณเปิดใจยอมรับโลกใหม่ที่แตกต่างจากใบเดิม ไปสัมผัสด้วยตัวเองเพื่อให้ตัวเราเป็นคนบอกเองว่าที่แห่งนั้นดีหรือไม่ดี ให้ตัวคุณเป็นคนตัดสินใจ อย่าให้รีวิวหรือคนอื่นนำพาคุณไขว้เขว ทะเลสาบสุริยันจันทราก็มีความสวยงามในแบบของมันเอง ขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะไปช่วงฤดูไหน สภาพอากาศเป็นเช่นไร ถ้าคุณไปช่วงฟ้าสดใสทะเลสาบแห่งนี้ก็พร้อมจะเปล่งความสวยงามให้คุณได้ยลโฉม แต่ถ้าคุณไปช่วงฝนตก หมอกหนาหรือฟ้าปิดทะเลสาบแห่งนี้ก็อาจปิดประตูความสวยงามแล้วแอบซ่อนตัวอยู่ใต้เงานั้น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการเดินทางมาไต้หวันครั้งแรกของผมก็ขอบคุณแอดมินเพจไต้หวันทุกท่าน และคุณลุงเคาเตอร์ฟรีโกบัสที่ช่วยเหลือผม รวมถึงได้ช่วยคุณป้าปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย (ทำดียังต่างแดน) และอากาศที่เป็นใจในวันที่ไปทะเลสาบ
เพราะโลกนั้นกว้าง
วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.48 น.