มาเชียงใหม่รอบนี้ตั้งใจมากต้องมาเยือนแม่กำปอง
ให้ได้ หลังจากโดนยั่วด้วยรูปสวยๆมานาน จากตอนแรกไปสองคน กลายเป็นเราสองสามคน
ไปซะได้ แต่ยิ่งเยอะยิ่งมันส์ รวมกันมันส์กว่า ลีโอได้กล่าวไว้
ตั๋วเครื่องบินรอบนี้เราจองโปร 590 บาทข้ามปี อยากได้ตั๋วถูก แน่นอนว่าปกติถ้ามาหน้าต่อไป จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ บวกขึ้นมาทั้งค่ากระเป๋า ค่าประกันเดินทาง สาย Backpacker ส่วนมากก็จะปลดออกหมด โดยเฉพาะ แบบที่พ่วงมากับตั๋วเครื่องบิน ราคาก็โหดเอาเรื่องอยู่ หลายคนเลยคิดว่าไม่จำเป็น เสียดายตัง เก็บตังไปเที่ยวดีกว่า
แต่นุ่นก็ไม่อยากให้ทุกคนละเลย ประกันเดินทางในประเทศ เพราะถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา ประกันเดินทางเนี้ยแหละที่จะช่วยเราได้ ฉะนั้นตอนจองตั๋วฯ พอถึงขั้นตอนที่ให้เลือกซื้อประกันเดินทาง นุ่นก็จะติ๊กออกไปก่อน แล้วค่อยไปหาซื้อเอาตามเว็บไซต์ประกันออนไลน์ข้างนอกเอา เพราะจะได้ดีลที่ดีกว่ามาก (เพื่อนๆ ลองทำตามดู วิธีนี้เวิร์คมาก ประหยัดเงินได้เป็นร้อย)
นุ่นลองเสิร์ชๆ หาข้อมูล จนมาเจอ ประกันเดินทางในประเทศ TIP FLY SURE ของทิพยประกันภัยใน tipinsure.com/tipflysure เทียบแล้วราคาถูกกว่าซื้อผ่านสายการบินครึ่งนึง คือ แบบเที่ยวเดียว 55 บาท แบบไป-กลับ (คุ้มครองตลอดทริป) 129 บาท ที่เริดสุด คือ ได้ความคุ้มครองมากกว่าด้วย
หลังจากที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยเราสามารถชำระเงินและให้จัดส่งกรมธรรม์มาทางอีเมล์ ได้เลย ไม่ต้องติดต่อกลับ ไม่ต้องรอส่งเอกสาร ไม่เกิน 3 นาทีก็เรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง
ตัวอย่างแผนความคุ้มครอง แบบขาเดียว ราคาแค่ 55 บาท
แต่ได้ความความคุ้มครองสูงถึง 4 ล้าน !!
ขอเตือนเลย
การเดินทางในประเทศอย่าพึ่งคิดว่าเฮ้ย
ประกันเดินทางในประเทศ ไม่จำเป็นหรอก
การซื้อประกันเป็นเหมือนการจ่ายทิ้ง แต่เป็นการซื้อความสบายใจ
หลายครั้งบินในประเทศที่ออกไฟลท์เย็นๆค่ำๆ ชอบมีปัญหาไฟลท์ดีเลย์บ่อยมาก
ใครที่ต้องต่อเครื่องเดินทางไปจังหวัดอื่นๆนี่ตกเครื่อง ต้องซื้อตั๋วใหม่
หรือหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมา สิ่งนี้แหละจะช่วยเยียวยาคุณได้
ทริปนี้เป็นทริปที่แพลนล่วงหน้ามานานมากกกก มากจนทริปเกือบล่ม จุดพีคคือ ตอนแรกกะจะนั่งรถไฟนอนชั้น 2 แต่พอเห็นราคากลับแพงกว่าปีที่แล้วเป็นร้อย เลยมาจบที่ สมบัติทัวร์ VIP 27 ที่นั่ง ราคาเพียง 759 บาท เรามาดูกันมีไรให้บ้าง
รถออกจากหมอชิต ที่หลายรอบด้วยกัน ของเราจอง 21.39 น. จองออนไลน์แล้วมารับตั๋วหน้าเคาเตอร์ เสร็จก็แวะตุนเสบียงก่อนมาขึ้นรถที่ชานชาลา
มาถึงเอากระเป๋าให้พนักงานติดแท๊กกระเป๋าเอาไว้ใต้รถ แล้วก็เดินสวยๆขึ้นมา ของเรา 1a 1c 1d ชั้นบนแถวหน้าสุด ที่นั่งกว้างขวาง เบาะปรับเอียงหลังได้พอสมควรและมีที่วางขาเก้าอี้ก็เป็นเก้าอี้นวดพร้อมจอดูหนังอย่างสบายใจเอาหูฟังมาเสียบก็บันเทิงได้ตลอดทางมีหมอนผ้าห่มให้พร้อมนอน
ในขณะที่รถเริ่มเคลื่อนออกจากขนส่งหมอชิต พนักงานจะเดินเอาขนม นม น้ำ ของกินเล่น มาให้ทั้งหมด 5 ชิ้น และแจ้งการแวะพักรถที่จ.กำแพงเพชร รวมถึงเอาหูฟังมาให้ เผื่อใครไม่มีมา
ประมาณตี 2 รถถึงจุดพักรถที่จ.กำแพงเพชร มีห้องน้ำ ห้องอาหารให้แวะ
หางตัวสามารถเข้าไปกินอาหารในห้อง VIP ได้เลย โดยสิ่งที่ได้คือบุฟเฟ่จ้า มีทั้งข้าวต้ม ข้าวผัด ข้าวสวย กับข้าวหลายอย่างให้เลือกและราดหน้า
พอเดินมานั่งพนักงานก็จะเดินเอาน้ำมาเสริฟ์ให้และแจ้งอย่าลืมเวลาขึ้นรถ โดยเวลาแวะพักทั้งหมด 20-30นาที ให้ได้ผ่อนคลายร่างกาย แล้วนั่งรถตียาวต่อมาโผล่เช้าที่เชียงใหม่ ประมาณ 7.20 น.
โดยภาพรวมแล้วถือว่าค่อนข้างพอใจกับทั้งเรื่องสภาพรถ บริการ ราคา รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ถ้าเทียบกีบรถไฟนอน ก็คงเลือกนั่งรถทัวร์ ยกเว้นว่าเอาบรรยากาศ ... เพราะชีวิตคือการเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางด้วยวิธีไหน บรรยากาศและความรู้สึกที่ได้ก็ต่างกัน แต่ถึงปลายทางแน่นอน
มาถึงบขส.เชียงใหม่ ทางบริษัทรถเช่า KaTai Car Rent มาส่งรถให้แล้วลุยยยย
เช้าๆแบบนี้เราบุกมากินไข่กระทะที่ร้านไข่กระทะเลิศรถเป็นที่แรก เป็นร้านที่นุ่นมากินบ่อยมากตอนเช้าแทบทุกครั้งที่มาเชียงใหม่
เติมพลังยามเช้าแล้ว
จุดหมายต่อมาคือวัดพระธาตุดอยคำ เพื่อมาขอพรจากหลวงพ่อทันใจ
วันนี้คนค่อนข้างเยอะมาก มีทั้งเดินทางมาแก้บน และเดินทางมาเพื่อขอพร
หลังจากกราบนมัสการหลวงพ่อทันใจ
ขอพรเรียบร้อย เราไปต่อกันที่วัดอุโมงค์
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระธาตุดอยคำเท่าไรกันต่อ ช่วงเช้าๆคนยังไม่เยอะมาก
แสงสาดผ่านใบไม้มากระทบกับอิฐเก่าของวัดอุโมงค์ ถ่ายรูปชิคๆไปอีก (นี่มาวัดเน้อ 5555)
ถัดจากวัดอุโมงค์
เรามาต่อกันที่ร้านฮ้านถึงเชียงใหม่ มาถึงช่วง 11 โมงกว่าๆกำลังดี แทบไม่มีคน
สั่งเลย อร่อยทุกเมนู เป็นอีกร้านที่มาเชียงใหม่ก็จะแวะมาทาน
เมนูที่มีไข่มดแดงคือดีย์ ไก่ทอด ส้มตำ น้ำพริกอ่องอร่อย รวมๆราคาไม่แพง นี่กินกันจนแน่น หมดกันแค่คนละร้อยกว่าบาท
นอกจากอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีร้านกาแฟเก๋ๆอีกด้วย
กินอิ่มท้องแล้วตอนแรกตั้งใจว่าจะขึ้นไปขุ่นช่างเคี่ยน แต่แหมโดนเคี่ยนจนต้องล่าถอยหยุดอยู่แค่ดอยปุย
สลายร่างกลับลงมาตั้งหลักในเมืองก่อนจะออกเดินทางไปแม่กำปอง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ขับมาแม่กำปองใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เส้นทางหลักใช้เวลาไม่นาน แต่ทางเข้ามาในแม่กำปองนี่สิโค้งเยอะมาก แต่ก็ขับมาเรื่อยๆชมวิวเพลินๆจนมาถึงในหมู่บ้านแม่กำปอง เลี้ยวหักศอกโหดมากสำหรับเรา เพราะรถสวิฟเครื่องเล็ก นี่ขับไต่ขึ้นทีลุ้นที ขนาดกระบะยังไหลเลย เราขับมาได้ขนาดนี้นับว่าอึดมากจริงๆ
ที่พักวันแรกเราจองชีวิตชีวาเอาไว้ คืนละแค่ 1000 บาท เป็นบ้านพัก 3 ชั่น มีชั้นละห้อง ถ้ามาช่วงธันวา มกราบอกเลยว่าเต็มตลอด
ด้านในก็มีเตียง มุ้ง(กันยุง)
ห้องน้ำกว้าง มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย ใครกลัวหนาว สบายๆเลย
แล้วมีจาน ชาม ช้อนไว้ให้สำหรับซื้อของ หรือสั่งหมูกระทะมาทานที่นี่ได้เลย เจ้าของบ้านน่ารักมาก
ข้างๆบ้านมีน้ำตกด้วย กลางคืนนอนพักเสียงน้ำตกเพลินๆ อากาศเย็นๆ ฟินไปอีก นี่แหละที่อุสาหนีความวุ่นวายเมืองหลวงมา
ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้นะ ต้องตุนเสบียงมา หรือเดินออกไปปากทางก็จะมีชาวบ้านขายของอยู่เราเตรียมตัวมาแล้ว กินเสร็ขเก็บของถ่ายรูปเล่นแล้วเตรียมไปตะลอนเที่ยวต่อได้เลย
จากที่พักสามารถเดินเส้นทางธรรมชาติไปน้ำตกแม่กำปองได้เลย ใช้เวลาเดินเรื่อยๆประมาณ20นาที แต่นี่เดินไปถ่ายรูปไปก็จะใช้เวลานิดนึง
เย้ถึงแล้วน้ำตกแม่กำปอง
ถ่ายรูปด้านล่างเสร็จ ยังมีทางเดินต่อขึ้นไปต้นทางน้ำตกข้างบนด้วยนะ นี่ก้อบ้าจี้เดินไป เพราะไหนๆก็มาแล้ว ถ้ามาช่วงเช้า ดิน หินโดนน้ำค้างพื้นจะลื่นๆหน่อยๆ
เดินกันมาเหนื่อยๆ
ได้เวลาออกไปหาไรกิน
วันนี้เราตระเวนเที่ยว ก่อนจะเที่ยวกองทัพต้องเดินด้วยท้อง มาแม่กำปอง
คงต้องห้ามพลาดแวะศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก
ในพระราชดำริ ที่นี่มีปลูกพืชนานาพันธุ์ และในหลายๆเมนูก็ผักของโครงการนี่ละ
มาช่วง 11 โมงกว่ากำลังดีคนไม่เยอะ ไม่งั้นต้องรอสักพักเลยนะจ้า
เมนูวันนี้ ขาหมูวนิลา ส้มตำสตอเบอร์รี่ ปลานิลทอดกระเทียม แกงส้มผักรวมโครงการหลวง และแหนมหมูโครงการหลวง ข้าวโถเป็นข้างกล้อง รวมน้ำและชา ราคาทั้งหมด 1,110 บาท สำหรับ 3 คนคือก็ไม่แพงนะ เมื่อเทียบกับคุณภาพอาหาร
ขาหมูจะมีกลิ่นวนิลาหน่อยๆ ไม่เลียน ไม่หวานมากกำลังดี
ส้มตำสตอเบอร์รี่ ก็จะเปรี้ยว หวาน เผ็ดหน่อยๆ
ปลานิลทอดกระเทียม เนื้อปบานิ่ม หวาน
แหนมหมูโครงการหลวง มาเป็นเนื้อชิ้น กินร้อนๆใหม่ๆอร่อยนะ พอทิ้งไปสักพัก มันจะแข็งหน่อย แต่ก็กินได้ รสชาติไม่เปรี้ยวมาก
สุดท้ายแกงส้มผักรวมโครงการหลวง คือไม่เคยกินแกงส้มเข้มข้นขนาดนี้มาก่อน ไม่เผ็ดมากไป อร่อยนัวๆ ผักที่ใส่มานิ่มๆ กินสบาย
กินเสร็จก็ลงมาเดินย่อยกับบรรยากาศเขียวๆสวยๆได้ แต่อย่ามาช่วงเที่ยง บ่ายนะ ร้อนใช้ได้ แม้สถานที่จะไม่ได้ใหญ่มากเหมือนโครงการหลวงหลายๆที่ แต่นับว่าเป็นอีกที่ที่ต้องมา
แค่วันครึ่งก็ฟินขนาดนี้แล้ว บอกเลยต่อจากนี้ยิ่งฟิน เพราะที่นี่อากาศดีมาก เหมือนได้มาฟอกปอด
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจ www.facebook.com/MooBurinGoAround ไว้ด้วยนะจร้า
การเดินทางต่อไป จะเป็นยังไง ไปไหนบ้าง มารอติดตามกันนะจร้า
MooBurinGoAround
วันพฤหัสที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.44 น.