ทุกการเดินทางล้วนมีจุดหมายหรือเป้าหมายในแต่ละคน การเดินทางก็เช่นกันถึงแม้หลาย ๆ คนจะมีจุดหมายเป็นสถานที่เดียวกัน แต่จุดหมายนั้นถ้าเราไปคนละเวลา คนละฤดูกาลก็อาจให้ความหมายและอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป สำหรับทริปการเดินทางตามสไตล์ของผมคือ การเดินทางคนเดียวอันเนื่องจากว่า เวลาการทำงานของผมและการลาของผมไม่ตรงกับเพื่อน ๆ ทำให้ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับแกงค์เพื่อนเท่าไหร่ ทำให้เกิดปัญหาว่าถ้ารอเวลาตรงกับเพื่อนเราอาจเสียเวลาและโอกาสค่อนข้างมาก ทำให้ผมตัดสินใจเดินทางคนเดียวเป็นการฝึกความกล้าและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทริปแรกที่ผมได้เดินทางคนเดียวนั้นคือ ทริปน่าน นั่นเอง
คำถาม : ทำไมจึงเลือก "น่าน" เป็นจุดหมายปลายทางแบคแพคการเดินทางคนเดียวครั้งแรก
คำตอบ : เจอโปรตั๋วเครื่องบินของน้องนกพอดีเลยตัดสินใจไปประกอบกับได้ฟังเพลงน่าน นาน นาน ทำให้บิ้วอารมณ์ได้ไม่ยาก
การเดินทางไปน่านของผมนั้นก็เริ่มในเดือนเมษายน 2015 ปีที่แล้ว (ซึ่งผมได้เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านี้แล้วในพันทิปและ Tripily) แต่ตอนนี้ด้วยอารมณ์ที่ประทับใจกับการเดินทางครั้งแรกที่ยังวนเวียนอยู่เลยได้จัดทำใหม่อีกครั้ง
การเดินทางไปจังหวัดน่านเริ่มขึ้นในวันที่ 23 - 25 เมษายน 2015 โดยแพลนการเดินทางมีดังนี้ครับ
23 April 2015 DMK - NAN เที่ยวบริเวณรอบ ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว น่าน
24 April 2015 ปั่นจักรยานไปวัดพระธาตุเขาน้อย ทัวร์ปั่นจักรยานตามใจฉันรอบอ.เมือง น่าน
25 April 2015 ปั่นจักรยานไปพระธาตุแช่แห้ง เดินตลาดเช้า เตรียมเดินทางกลับบางกอกบ้านเฮา
วันที่ 23 เมษายน 2015
ผมเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง อันเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ เฮ้ย ผิด ๆๆ นั่นสโลแกนสุวรรณภูมิ โดยสายการบินนกแอร์ นกที่จะพาผมไปยังน่านนครคือ น้องหยกนภานั่นเอง
ระหว่างที่นั่งเครื่องบินก็หยิบนิตยสารมาอ่านเพิ่งประจวบเหมาะพอดีเพราะนิตยสาร JIBJIB ของนกแอร์เป็นฉบับน่านพอดี เราเลยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากในเล่มนี้และเล่ม Tailwind ฉบับน่านด้วย ประจวบเหมาะกับการเดินทางนั่งลิสต์รายการร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ เพิ่มเลยเรา
ท่าอากาศยานน่านนคร / NAN
ในที่สุดก็มาถึงท่าอากาศยานน่านนคร สนามบินตอนที่ไปถึงยังใหม่เอี่ยมอ่องเลยครับ แถมสวยอีกต่างหากให้เต็ม 10 เลย
ก่อนเดินเข้าประตูขอถ่ายรูปน้องหยกนภาเป็นที่ระทึกหน่อย จอดเด่นเป็นสง่างามเมืองน่านนครเลย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่าอากาศยานน่านนคร
1. มีสายการบินจากดอนเมืองมายังน่าน เพียงสองสายการบินเท่านั้น (ในตอนนี้) คือ นกแอร์ และเเอร์เอเชีย เท่านั้นครับ
2. มีสายการบินกานแอร์บินจากน่านไปเชียงใหม่ด้วยนะ (ตอนนี้มีแค่น่าน - เชียงใหม่ และเชียงใหม่ - น่าน)
สายการบินKAN AIR (เว็บลิงค์ครับ)
ป้ายต้อนรับสู่ท่าอากาศยานน่านนครครับมีทั้งป้ายต้อนรับตรงก่อนเข้าประตูสำหรับผู้โดยสารขาเข้า และป้ายตรงทางออกคล้ายกับรีสอร์ทเลยทีเดียว
มาถ่ายป้ายที่เป็นทางการสักนิดโดยท่าอากาศยานน่านนคร เป็นของกรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคมครับเป็นสนามบินที่สวยและดูดีที่สุดในบรรดาสนามบินของกรมการบินพลเรือน แต่ตอนนี้ไม่รู้มีที่ไหนอีกหรือป่าว จากนั้นก็ยืนงงสักพักว่าจะไปโรงแรมที่พักยังไงดีจะขึ้นสองแถวสีน้ำเงินก็ผ่านไปแล้วและที่สำคัญคือแบบเหนื่อยเลยตัดสินใจนั่งแท๊กซี่ดีกว่าโดยได้น้องที่เป็นเด็กวัยรุ่นชายทำหน้าที่เป็นคนขับแท๊กซี่ น้องชื่อ ตี๋เล็ก ระหว่างน้องขับรถไปส่งที่โรงแรม น้องก็ทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำสถานที่ในตัวเมืองน่าน รวมถึงโรงเรียนสตรีศรีน่าน นี่นอกจากได้คนขับรถแล้วยังได้ไกด์ด้วย น้องก็ถามว่ามากี่คน เราบอกว่ามาคนเดียว น้องก็ทำหน้าแปลกใจ ??? คุยไปอย่างสนุกก็ถึงโรงแรมที่พักครับ ซึ่งน้องคิดค่ารถ 100 บาท ถามว่าแพงไหม (ตอบว่าก็แพงนะเป็นแบบเหมา แต่คุ้มไหมคุ้มมากครับเพราะน้องขับแบบช้า ๆ และแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในตัวเมืองน่าน คุ้ม)
เมื่อถึงโรงแรมที่พัก (ซึ่งผมทำการจองที่พักกับโรงแรมเวียงภูมินทร์ครับ) ซึ่งเวียงภูมินทร์เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้กับวัดภูมินทร์และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทำให้สะดวกต่อการเดินทางไปรอบ ๆ ได้อย่างง่ายดาย (เดี๋ยวจะรีวิวตอนท้าย ๆ นะครับ) เมื่อถึงโรงแรมก็เก็บกระเป๋า ล้างหน้าแปรงฟันจากนั้นก็ขอยืมจักรยานโรงแรมปั่นออกมายังวัดภูมินทร์ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงวัดภูมินทร์แล้ว
บรรยากาศบริเวณถนนหน้าวัดภูมินทร์ในวันธรรมดาค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านมากซึ่งข้อดีของการหยุดไม่ตรงกับชาวบ้านและไม่ตรงกับวันหยุดยาวของผมทำให้เกิดประโยชน์คือ
1. ได้ตั๋วเครื่องบินที่ถูกกว่าปกติรวมถึงค่าที่พัก
2. ทำให้ได้ท่องเที่ยวโดยไม่ต้องแก่งแย่งกันในวันหยุดเพราะมาวันธรรมดา
วัดภูมินทร์นั้นส่วนตัวโบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เมื่อเดินเข้าไปข้างในก็จะพบภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังโดยเฉพาะภาพวาดปู่ม่าน ย่าม่าน โดยปู่และย่าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนแก่นะครับ แต่กล่าวถึงคนหนุ่มสาว ส่วน "ม่าน" หมายถึง พม่าครับ โดยภาพวาดปู่ม่านย่าม่านได้รับฉายาว่า "ภาพกระซิบรักบันลือโลก" เลยทีเดียว ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ไม่ควรพลาดชมนะครับ
จากนั้นก็มาสักการะพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐ์ฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไปนั่นเอง
เมื่อออกมาจากพระอุโบสถก็เจอกับส่วนแสดงภาพถ่ายประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองน่านครับ
เมื่อเดินออกจากบริเวณวัดภูมินทร์ก็จะเป็นบริเวณลานกว้างของเมืองน่าน ที่เรียกว่า ข่วงเมืองน่าน (ข้อมูลตามป้ายด้านบนเลยครับ) จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปก็จะเจอกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้กันเลย
เมื่อข้ามถนนก็ตรงดิ่งเข้าไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งบริเวณรอบ ๆ ศูนย์ ฯ แห่งนี้จะมีพวกร้านชากาแฟเปิดทุกมุมรายล้อมเลยทีเดียวจะกินร้านไหนก็แวะไปโลดดด ในปี 2015 จังหวัดน่านจัดเป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาดของททท. ครับ
เมื่อถึงศูนย์บริการฯ ผมก็สอบถามว่า ตอนนี้ที่น่านมีการจัดกิจกรรมอะไรบ้างที่แบบให้เข้าร่วมได้บ้างเอาเฉพาะในอ.เมือง น่าน เพราะผมมีเวลาจำกัด ทางเจ้าหน้าที่เลยส่งแผ่นพับโครงการ "ปั่น เนิบ เนิบ" มาให้ผมพิจารณาถามเอาไหม เอาสิ เพราะอยากมาปั่นจักรยานที่น่านอยู่แล้ว (รีวิวก่อนหน้าผมก็พาท่านไปปั่นจักรยานที่ไต้หวันมาแล้วเนอะ) สักพักเจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็บอกว่า เดี๋ยวจะมีรถรางชมเมืองตอนบ่ายสาม สนใจไหม ตอนแรกผมไม่สนใจครับ แบบหยิ่งอยากปั่นจักรยานไง แต่คิดไปคิดมาไหน ๆ ก็มาแล้วนั่งรถรางชมเมืองก็ดีนะ จะได้เก็บข้อมูลตอนปั่นจักรยานด้วยจ่ายค่าเสียหายไป 30 บาทแล้วรอเวลาเลยไปจิบชาเขียวรอเวลา
จากนั้นก็หยิบแผ่นพับ "สัมผัสน่าน นาน นาน" ขึ้นมาดูแผ่นนี้ก็จะให้ประทับตราเมือเราไปยังสถานที่ระบุไว้เพื่อรับของที่ระลึกครับ แต่ผมไม่ได้ใช้แผ่นนี้ ใช้แผ่นปั่น เนิบ เนิบ แทน
เมื่อถึงเวลาบ่ายสามรถรางเตรียมออกเดินทาง วัดที่อยู่ตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกวัดหนึ่งที่มีชื่อของเมืองน่าน คือ วัดพระธาตุช้างค้ำ จากนั้นรถรางก็เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกไปตามเส้นทางบริเวณวัดภูมินทร์ ศาลหลักเมืองน่าน และไปจอดตรงวัดศรีพันต้น
มองเห็นวัดพระศรีพันต้นแล้วครับ สีเหลืองทองมาแต่ไกล ๆ
จากวัดศรีพันต้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังโฮงเจ้าฟองคำซึ่งเป็นบ้านของเจ้าล้านนาไทยฝ่ายเหนือ โฮง เป็นคำพื้นเมืองล้านนา หมายถึง คุ้มหรือที่อยู่อาศัยของเจ้านายล้านนาไทย
บรรยากาศภายนอกโฮงและข้างบนโฮงเจ้าฟองคำครับ (ซึ่งรายละเอียดจะมาเล่าต่อวันต่อมาครับเพราะผมได้กลับมาที่นี่อีกรอบเพื่อเก็บรายละเอียดรอบนี้มาเซอร์เวย์กับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่มาโดยรถรางกันครับ
จากนั้นรถรางก็ผ่านโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาพร้อมเล่าประวัติและเรื่องน่าขนลุกให้ฟัง (น่ากลัว) จากนั้นไกด์สาวสวยผู้น่ารักก็เล่าประวัติโรงแรมพูคาน่านฟ้าให้ฟังแกมตลกว่าก่อนจะปรับปรุงเป็นโรงแรมนี้แต่ก่อนค่าเช่าต่อคืนราคาไม่แพงแต่พอปรับปรุงราคาแพงเลยทีเดียว ทำให้คนในรถรางหัวเราะกันใหญ่เลยครับ
จากนั้นก็ผ่านร้าน SWEETY 9 ซึ่งเป็นร้านที่มีอยู่ในลิสต์ตะลอนเมืองน่านพอดี เก็บข้อมูลเส้นทางจากบนรถรางเพราะต้องปั่นจักรยานมาอีกทีตอนเย็นข้าง ๆ ก็ร้านจักรยาน LA เลย
จากนั้นรถรางก็กลับมาจอดตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผมเลยกลับไปเอาจักรยานที่จอดไว้ที่วัดภูมินทร์แต่ก่อนกลับก็ตามธรรมเนียมครับไปลอดท้องมังกรก่อน โดยมีความเชื่อว่า ถ้าใครลอดท้องมังกรแล้วก็จะได้กลับมาที่น่านอีก ผมเลยลอดไป 3-4 รอบคาดว่าคงได้ครอบครัวที่นี่เป็นแน่ อิอิ
บริเวณศูนย์โอทอปน่านและถนนคนเดินก็จะมีร้านขายเสื้อผ้าพื้นเมือง รวมถึงพระเครื่องใครชอบแนวนี้ลองมาเดินดูได้เลย
มาถึงก็สั่งข้าวเหนียวดำมิกซ์กับไอศกรีมวนิลาแบบโฮมเมดครับ อร่อยครับไม่ได้หวานมากเกิน (แต่ราคาแอบแรงไปนิดนะ)
ระหว่างนั่งกินเลยถ่ายบรรยากาศร้าน ถายไปถ่ายมาเลยถ่ายข้อมูลของร้านของหวานป้านิ่มมาซะเลยโดยร้านป้านิ่มจะหยุดทุกวันพุธครับ ส่วนใครอยากกินบัวลอยอันขึ้นชื่อจะเริ่มขาย 6 โมงเย็นแต่ผมไปก่อนเลยขี้เกียจรอครับ ไว้รอหน้านะจะมิพลาดเลย
จากนั้นก็ปั่นจักรยานย้อนกลับมาทางวัดภูมินทร์ก็ผ่านเสาหลักเมืองน่าน ถ้าใครเข้าไปดูสถาปัตยกรรมจะเหมือนวัดร่องขุ่นที่เชียงรายเลยครับ หรือไอเดียนี้ได้มาจากที่นี่กันแน่
บรรยากาศบริเวณซุ้มลีลาวดี บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เป็นอีกสถานที่หนึ่งถ้าใครมาเยือนตัวเมืองน่านห้ามพลาดเพราะเป็นจุดแลนมาร์คอีกแห่งเลยทีเดียว โดยบรรยากาศซุ้มลีลาวดีในยามหน้าร้อนนั้นก็จะมีแต่ใบแต่ยังไร้ดอก แต่ถ้ามาในช่วงหน้าหนาวก็จะได้บรรยากาศแบบต้นหัวโล้นเลยคือแบบไร้ใบ
หลังจากนั้นก็ปั่นจักรยานมายังวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร โดยตัววัดนี้จะอยู่ตรงข้ามกับพิพิทธภัณสถานแห่งชาติน่าน หรือตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลยครับ พูดง่าย ๆ ตรงสี่แยกมีสถานที่สำคัญติดกันเลย ไม่เหนื่อยเหมาะกับคนชอบแนววัฒนธรรม วิถีชีวิตจริง ๆ เมื่อเดินเข้ามาบริเวณด้านข้างตัววัดจะมีฆ้องให้ตีทั้งหมด 10 อันโดยแต่ละอันจะมีความหมายแตกต่างกันไป ซึ่งผมจะมาตีวันสุดท้ายครับเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย
เดินตรงไปถัดจากฆ้องตีก็จะเจอกับเจดีย์ที่มีช้างครึ่งตัวอยู่บริเวณใต้ฐานเจดีย์สำหรับค้ำองค์เจดีย์ไว้ทำให้ได้ชื่อว่า "พระธาตุช้างค้ำ"
หลังจากเดินชมวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารเสร็จก็ไปเดินตลาดกัน การเข้าถึงชุมชนที่แท้จริงก็คือการไปดูวิถีชีวิตคนท้องถิ่นในยามเช้าและยามเย็นครับ ก็ไปตลาดกันตลาดอยู่ใกล้กับโรงแรมพูคาน่านฟ้าครับ
เฮือนญิ๋งจาย l ก๋วยเตี๋ยวกะลาโบราณ
พอเดินดูตลาดเสร็จไม่รู้จะกินอะไรเลยตัดสินใจปั่นจักรยานไปตรงทางไปโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาเเล้วก็เจอกับร้านเฮือนญิ๋งจาย ก๋วยเตี๋ยวกะลาโบราณเลยแวะพักกินอาหารเย็นเลย รสชาติอร่อยใช้ได้ทีเดียวแต่ถ้วยเล็กนิดไม่พอกระเพาะของเรา พอกินเสร็จก็ปั่นจักรยานแบบน่าน เนิบ เนิบเข้าที่พักเพราะพรุ่งนี้ต้องเก็บแรงมีภารกิจใหญ่รออยู่
24 เมษายน 2015
เช้ามืดของวันที่สองกับการเดินทางมาจังหวัดน่านตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะนอนไม่ค่อยหลับเพราะกลัวผี 555 เลยอาบน้ำแต่งตัวเพื่อปั่นจักรยานไปทำภารกิจยามเช้ากันดีกว่า
ปั่นจักรยานมาทางท่าลี่ผ่านเรือนจำจังหวัดน่านเเล้วเลี้ยวขวาตรงไปเรื่อย ๆ ออกถนนใหญ่เพื่อไปยังวัดพระธาตุเขาน้อยก็ปั่นมาเจอเนินชันถามว่าจะใช้แม่บ้านปั่นขึ้นเหรอ ไม่มีทางเข็นสิครับรออะไร เข็นไปสักพักก็เจอกับส่วนจัดการต้นน้ำแล้วเดินจูงน้องแม่บ้านไปอีกสักพักก็เจอกับสิ่งที่รอคอย
วัดพระธาตุเขาน้อย l อ.เมือง น่าน
เบื้องล่างเริ่มสว่างแล้วเลยรีบขึ้นไปยังข้างบนครับเดี๋ยวไม่ทันเวลาพระอาทิตย์ทอแสง รับชมภาพได้เลยครับให้ภาพเล่าเรื่องดีกว่า
บริเวณลานชมทิวทัศน์ประดิษฐาน "พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน"
ฟ้าเริ่มจะสว่างขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีส้มเริ่มจะจางหายไปแต่ในยามหน้าร้อนอากาศยามเช้าก็ยังเย็นสดชื่นครับเดินได้สบาย ยกเว้นตอนลากจักรยานขึ้นเนิน เหงื่อแตกเลยทีเดียว
มองไปตรงลานชมทิวทัศน์ก็สวยงามดีนะยามพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนใหญ่เจอแต่บรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกหรือไม่ก็ยามกลางวัน ลืมบอกไปบันไดวัดพระธาตุเขาน้อยมีทั้งหมด 303 ขั้นนะครับ
เดินเล่นสักพักไม่มีผู้คนมีแต่พระสงฆ์กำลังกวาดใบไม้เลยได้เวลากลับไปเข้าเมืองแล้วเพื่อหาอะไรกิน
บรรยากาศยามเช้า ณ อ.เมืองน่านในวันธรรมดา ค่อนข้างเงียบสงบครับชีวิตไม่เร่งรีบทำให้รู้สึกเหมือนว่า ได้หยุดเวลาไว้อย่างช้า ๆ เลยทีเดียว ตอนนี้ปั่นจักรยานมายังศูนย์โอทอปเพื่อเข้าร้าน 7-11 ซื้อน้ำดื่มกับอะไรรองเท้าก่อนครับ
พิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติ I น่าน
จากนั้นปั่นจักรยานย้อนกลับมาเข้าประตูตรงพิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านครับ มาถ่ายซุ้มลีลาวดีกับบรรยากาศรอบ ๆ ที่เมื่อวานลืมไปว่ามีสถานที่หนึ่งซ่อนอยู่เพิ่งนึกออกตอนกลางคืนระหว่างพักผ่อน
โบราณสถานวัดน้อย : พิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน
วัดน้อย ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทยครับเนื่องจากว่าสมัยก่อนมีการทูลรัชกาลที่ 5 ผิดว่าวัดมีจำนวน 14 วัดแต่ปรากฏมี 13 วัดเลยต้องทำการสร้างให้ครบตามจำนวนที่กล่าวบังคมทูลไป
ซุ้มลีลาวดี พิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติ I น่าน
บรรยากาศซุ้มลีลาวดี ยามเช้าคนก็มาวิ่ง มาเดินออกกำลังกายกันและที่สำคัญบรรยากาศเงียบสงบแม้กระทั่งวันธรรมดา ตอนที่ผมไปพิพิทธภัณฑสถานฯ ปิดปรับปรุงครับ เสียดายมากเลย
จากนั้นก็ปั่นจักรยานเข้าที่พักเตรียมไปกินอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้
โรงแรมที่ผมพักตลอดตอนที่มาเที่ยวตัวเมืองน่าน คือโรงแรมเวียงภูมินทร์ครับ ที่จองเพราะใกล้กับตัวบริเวณวัดภูมิทร์ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และใกล้คุกเรือนจำด้วย อิอิ แต่สภาพภายนอกโรงแรมดูทึบไปนะน่าจะเจาะหน้าต่างนิด ตัวโรงแรมจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้กับบ้านคนแบบกลมกลืนไรงี้
SWEETY 9 I NAN
หลังจากกินข้าวต้มเล็กน้อยก็แวะมาร้าน SWEETY 9 ครับโดยเมื่อวานผมปั่นจักรยานมาแล้วรอบนึงแต่ลืมดูเวลาเพราะร้านปิด 17.30 น. ตัวผมเองก็ไปตอนเวลาร้านปิด แต่เจ้าของร้านน่ารักมากครับ (ป้าในรูป) ตอนแรกจะทำให้แต่พนักงานกลับหมดแล้วป้าเลยบอกว่ามาพรุ่งนี้แทนนะจ้ะ เลยมาตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน ปั่นจักรยานมาถึงป้าจำหน้าได้ด้วยป้าเลยทำภาษามือบอกว่าให้ปั่นจักรยานไปจอดตรงหน้าร้านใกล้ ๆ กับร้านจักรยาน LA ครับ
มื้อเช้าที่แสนดูจะแพงแต่อยากลิ้มลองเพราะเหมือนเป็นไฮไลท์ของร้าน เมนูนี้กับชื่อ SWEETY9 BREAKFAST (ราคาตามในรูปด้านบน) อร่อยแบบพื้นเมืองครับ
บริเวณภายในร้านก็มีภาพปู่ม่านย่าม่านด้วยครับ ซึ่งจะพบภาพนี้ได้ทั่วไปตามเมืองน่าน
โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา I น่าน
หลังจากเดินชมโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษาเสร็จแล้วก็ปั่นจักรยานไปโฮงเจ้าฟองคำต่อครับ มีภารกิจที่ยังทำไม่สำเร็จอีกหนึ่งอย่าง (รอชมกัน) ไปถึงก็ได้รับการต้อนรับจากพี่ ๆ ที่โฮงครับ ไม่แน่ใจว่าพี่คนนี้เป็นลูกเลี้ยงของเจ้าฟองคำหรือเปล่า สาธิตการทอผ้าให้ดูครับ (ตัวผมก็งงสิครับ ไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้)
วัดพระเกิด I น่าน
กาดน่าน I น่าน
หลังจากปั่นถึงวัดพระเกิดก็ปั่นจักรยานท่ามกลางอากาศร้อนคิดว่าเป็นหน้าหนาว แถมปั่นหลงทางหากาดน่านไม่เจอก็เลยต้องปั่นไปถามพี่ขายไก่ทอดหาดใหญ่ตรง 7-11 ว่ากาดน่านอยู่ตรงไหน สักพักก็ปั่นมาถึงโดยกาดน่านอยู่ตรงข้ามกับเทศบาลเมืองน่านเลยครับ
การมากาดน่านครั้งนี้ก็จะมาแวะร้าน WORK BOXES ครับ แอบตามรีวิวรวมถึงในหนังสือเที่ยวน่าน
บรรยากาศภายในร้านคาเฟ่เล็ก ๆ แห่งนี้มีฝรั่งหน้าตาดีสองคน และมีคนไทยนั่งข้าง ๆ กำลังทำงานอยู่ครับ ผมสั่งชาเขียวปั่นและเค้กมะม่วงชีสเค้กมากิน มะม่วงเน้น ๆ กินไปฟินไป แต่อากาศข้างนอกก็ร้อนตับแลบเลย
บรรยากาศภายในร้านคาเฟ่น่ารัก เล็ก ๆ แห่งนี้ครับกินเสร็จก็ถามทางกลับไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเนื่องจากทำภารกิจบางอย่างเสร็จแล้ว
ภารกิจที่ว่ามาคือปั่นจักรยานไปตามเส้นทางที่พาสปอร์ตกำหนดครับ ซึ่งเราสามารถเลือกจังหวัดและเส้นทางได้เลย มีทั้งแพร่ น่าน และอุตรดิตถ์ จังหวัดละ 2 เส้นทางปั่นจักรยาน ผมมาน่านและมาเที่ยวอ.เมือง เลยเลือกเส้นทางปั่นที่ 1 จ.น่านครับ ประทับตราครบแล้วก็นำไปส่งไปรษณีย์เพื่อส่งเอกสารฉบับนี้ให้ททท.แพร่ เพื่อรับของรางวัลคือไฟติดจักรยานพร้อมกระเป๋าททท.สำนักงานแพร่ ครับ เรียกว่า เที่ยวไปเล่นไปเลย
ไปส่งไปรษณีย์ก่อนนะจะได้ไม่ต้องแบกกลับกรุงเทพฯ เพราะส่งจากน่านไปแพร่คงไม่นาน
มัวแต่ทำกิจกรรมลืมเลยว่าได้เวลาอาหารกลางวันเลยไปกินร้านข้าวซอยต้นน้ำ ซึ่งเป็นร้านขายข้าวซอยตั้งติดกับศูนย์โอทอปน่านเลยครับ กินไปนั่งพักเหนื่อยไป
COFFEE SOUND @ NAN
กินอิ่มก็กลับมาที่พักสักแปบนึงแล้วไปกินร้านคาเฟ่อีกร้านหนึ่งใกล้กับตลาดตั้งตรงจิตนุสรณ์ นั่นคือ ร้านคอฟฟี่ซาวด์ที่น่าน แบบว่าไหน ๆ ก็ไม่ได้ไปปัว บ่อเกลือ ขุนสถาน ดอยเสมอดาว เลยต้องมาหามุมคาเฟ่ในตัวเมืองน่าน ซึ่งไม่อยากจะบอกว่าเยอะพอสมควรเลยทีเดียว
เมนูที่สั่งก็หนีไม่พ้นเมนูเดิม คือ ชาเขียวปั่นกะเค้กใบเตย ตอนแรกนึกว่าเค้กชาเขียวชอบอะไรสีเขียว ๆ มาน่านเหมือนมาตะลอนชิมร้านชาเขียวเลยทีเดียว รสชาติพอใช้ได้ครับไม่ได้รู้สึกมากมาย อิอิ
บรรยากาศภายในร้านเมื่อมองออกไปยังนอกร้านก็สะดุดกับร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองน่าน แหมอยู่ฝั่งตรงข้ามซะด้วยเพิ่งเห็นดันกินของหวานก่อนของคาวซะได้แต่ไม่เป็นไร ยัดลงกระเพาะเท่านั้นครับ
เตี๋ยวไร้เทียมทาน I ซดดูกยำไร้เทียมทาน
ถึงแม้กระเพาะจะบอกให้พอแต่ด้วยความอยากก็ชนะทุกสิ่ง กินอร่อยมากครับ น้ำซุปเข้มข้นดี แต่อิ่มจากของหวานมากไปหน่อยเลยกินก๋วยเตี๋ยวชามนี้นานมากกกกกก จากนั้นก็กลับที่พักก่อนครับเพราะดูสภาพอากาศเริ่มจะแปรปรวน
พอกลับถึงที่พักเข้าห้องได้แปบเดียวฝนก็ตกกระหน่ำลงมาครับ แต่ก็ตกได้ไม่นานฟ้าก็เปิดเหมือนเดิมเลยลงมาถ่ายรูปที่พักของเราซึ่งก็คือ "โรงแรมเวียงภูมินทร์" ครับ ซึ่งมีภาพปู่ม่านย่าม่านด้วย โทนโรงแรมจะแต่งเป็นสีชมพูขาวครับ หวานแหววเลย
สำหรับวันที่สองของการเดินทางมายังอ.เมือง น่าน ครั้งนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับเพราะวันนี้ใช้แรงเดินทางกับปั่นจักรยานมากไปหน่อยเลยคิดว่าพักผ่อนดีกว่าและก็เย็นแล้วด้วย โปรดติดตามตอนต่อไปตอนจบ "ปั่นจักรยานสู่ภูเพียง พระธาตุแช่เเห้ง" ครับ
ปอลิง ทุกท่านสามารถติดตามรีวิวก่อนหน้านี้ในทริปไต้หวันได้ทางลิงค์ด้านล่างครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
臺灣 : 桃園 -日月潭 FIRST TIME @เกาะมันเทศ ทาง https://th.readme.me/p/1729
เพราะโลกนั้นกว้าง
วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 01.31 น.