เพราะชีวิตคือการเดินทาง คำนี้หลายคนคงเคยได้ยินกันอย่างมากมาย แต่การเดินทางของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไปบางคนเน้นชอปปิ้ง บางคนเน้นกิน บางคนเน้นเที่ยวจนลืมชอปลืมกิน ซึ่งผมก็เป็นแบบหลังสุดนี่แหละครับ สำหรับตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของการลุยเดี่ยวเที่ยวตัวเมืองน่าน สามารถติดตามตอนแรกได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 1 NAN @SUMMER เรื่อย ๆ ชิว ๆ

NAN : SLOW LIFE CITY

ถ้าหากกล่าวถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นเมืองที่ไม่ใช่ทางผ่านเวลาไปภาคเหนือ หรือกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่อาจถูกละเลยจากสายตาของเราไป เมืองนั้นคือ "น่าน" เพราะเมืองนี้มิใช่ทางผ่านใครจะมาน่านก็เปรียบเสมือนว่าต้องตั้งใจมาเท่านั้น ซึ่งก็เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าจองตั๋วเครื่องบินนี่คงต้องตั้งใจมาแล้วจริง ๆ แหละครับ

สำหรับตอนนี้ก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายกับทริปตะลอนอ.เมืองน่าน ในเวลาสั้น ๆ ก็ที่จะจากลาเมืองแห่่งนี้ไปเพื่อจะได้พบกันใหม่อีกครั้ง (ไม่รู้จะว่าไปตอนไหน)

บรรยากาศยามเช้าของตัวเมืองน่านที่ดูเงียบสงบพร้อมกับภาพถ่ายเบลอ ๆ เพราะง่วงจริงจังแต่ก็ต้องฝืน

ตลาดตั้งจิตนุสรณ์ I อ.เมือง น่าน

หลายคนเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าอยากรู้ว่าวิถีชีวิตคนในท้องถิ่นนั้น ๆ สภาพสังคมในถิ่นนั้น ๆ จะเป็นเช่นไรสิ่งแรกที่ง่ายสุดคือ การเดินออกไปดูวิถีผู้คนยามเช้า อาหารพื้นเมือง หรือการเดินไปดูตลาดยามเย็นก็ได้ บรรยากาศตรงถนนอาจจะดูเงียบเหงาแต่พอเข้าตลาดตั้งจิตนุสรณ์ครึกครื้นเลยทีเดียวครับ

โจ๊กหมูเมืองสอง I น่าน

บรรยากาศยามเช้าในอ.เมืองน่าน ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อนแต่อากาศก็เย็นพอสมควร ดังนั้นตื่นมายามเช้าก็ต้องมาหาอะไรกินร้อน ๆ นั่นคือ โจ๊กหมูเมืองสอง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดตั้งจิตนุสรณ์เลยครับ เห็นง่ายทีเดียว

สะพานพัฒนาภาคเหนือ I จากอ.เมือง ข้ามสู่อ.ภูเพียง จ.น่าน

พอกินอิ่มเสร็จก็เตรียมตัวปั่นจักรยานแบบเรื่อย ๆ ช้า ๆ เนิบ ๆ ตามสโลแกนจังหวัดน่าน "น่าน เนิบ เนิบ" ปั่นไปปั่นมาดันหลงทางหาสะพานพัฒนาภาคเหนือไม่เจอไปโผล่ตรงสวนสาธารณะซะงั้น ทั้งที่ใช้อากูเกิลแมปแล้วนะ เลยตัดสินใจใช้ปากและรอยยิ้มถามคนข้างทาง ทำให้ในที่สุดก็มาถึงสะพานพัฒนาภาคเหนือ (ได้ข่าวว่าเลยตลาดตั้งตรงจิตนุสรณ์นิดเดียวเอง แต่เราดันปั่นเลยซะงั้น)

แม่น้ำน่าน อ.เมือง น่าน

บรรยากาศบริเวณสะพานพัฒนาภาคเหนือในยามเช้า มองเห็นแม่น้ำน่านซึ่งบริเวณตรงนี้จะมีการจัดเทศกาลแข่งเรือด้วยนะ เสียดายไม่ได้ไปตรงกับเทศกาลเลยอดชม ถนนคนเดินก็อดเพราะไปวันธรรมดา

สะพานพัฒนาภาคเหนือยามเช้าก็ยังไร้วี่แววผู้คน ข้อดีของการมาไม่ตรงกับวันหยุดหรือมันเช้าไปเพราะคนมาสาย ๆ กันหว่า

สะพานพัฒนาภาคเหนือเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองอำเภอของเมืองน่าน คืออ.เมืองน่าน เมื่อผมปั่นจักรยานมาถึงปลายสะพานก็จะเข้าเขตอ.ภูเพียง แล้วครับ แอบภูมิใจเหมือนปั่นข้ามประเทศทั้ง ๆ ที่ปั่นข้ามอำเภอ

เมืองน่าน เมืองจักรยาน I อ.ภูเพียง น่าน

พอข้ามสะพานเข้าเขตอ.ภูเพียงแล้วนะครับ ถ้าใครปั่นจักรยานหรือเช่ามอเตอร์ไซค์มา ก็จะเจอร้าน 7-11 ร้านใหญ่เลยครับสามารถมาซื้อขนม เครื่องดื่มไว้กินระหว่างทางได้เลย สะดวกมากมาย (ไม่มีรูปนะครับ)

ระหว่างทางปั่นจักรยานก็จะเจอป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองเก่า เวียงภูเพียง ระหว่างทางที่จะไปจุดหมายก็จะเจอสวนไร่นาพร้อมกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะทอแสงของฟ้าวันใหม่

วัดพระธาตุแช่แห้ง : น่าน

ปั่นจักรยานมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงสถานที่สำคัญของจังหวัดน่านและเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ นั่นคือ พระธาตุแช่แห้ง (แอบภาคภูมิใจเล็ก ๆ ปั่นมาถึงซะที)

พอปั่นน้องจักรยานสีชมพูคันหวานแหววมาถึงพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง ก็จะเจอหมอกบริเวณภูเขาไกล ๆ และบรรยากาศยามเช้าก็เงียบสงบมากเลย ไม่เงียบก็แปลกแล้วมาซะเช้าตรู่ขนาดนี้ ???

บรรยากาศบริเวณภายในพระธาตุแช่แห้ง เน้นบรรยากาศให้ภาพเล่าเรื่องราวแหละกันครับ

หลังจากสักการะพระธาตุแช่แห้งเสร็จเรียบร้อยก็ปั่นจักรยานกลับไปยังที่พักเพื่อกินอาหารเช้าอีกรอบและเตรียมตัวเชคเอาท์ ตอนแรกตั้งใจจะแวะร้านกาแฟสุดกองดีครับ ซึ่งอยู่ตรงใกล้ ๆ สะพานพัฒนาภาคเหนือฝั่่งอ.ภูเพียง แต่เสียดายลืมไปว่าร้านเปิด 10.00 น. เสียใจอย่างรุนแรง ไว้โอกาสหน้าแหละกัน

พิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน

จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปยังที่เก่าที่เดิมคือตรงซุ้มลีลาวดีครับ ไหน ๆ ก็ไม่ได้เข้าพิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติก็เลยถ่ายภาพว่าได้มาเยือนแล้วนะ ซึ่งตอนนี้ก็ยังปิดปรับปรุงครับ

โรงแรมเวียงภูมินทร์ I อ.เมือง น่าน

จากนั้นก็มากินข้าวเช้าที่โรงแรมและเตรียมตัวเชคเอาท์ ก่อนออกไปก็เลยถ่ายสภาพห้องให้ดูครับมานอนคนเดียว เปิดไฟทั้งคืนเพราะผมกลัววววววว เหมือนมาอยู่บ้านเลย หลังเชคเอาท์เสร็จก็เดินเล่นแถววัดภูมินทร์และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกรอบก่อนจะจากกัน

บรรยากาศบริเวณลานข่วงเมืองและวัดภูมินทร์ นักเดินทางและช่างภาพเริ่มทยอยกันมาเก็บภาพกัน

เดินถ่ายภาพวัดภูมินทร์เสร็จก็เดินมาฝั่งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มาจิบชาเขียวก่อนจะนั่งพี่วินมอไซค์ไปสนามบิน บนโต๊ะยังมีปู่ม่านย่าม่านด้วย

บรรยากาศภายในร้านครับ เล็ก ๆ แต่งโทนสีน้ำตาลเข้ากับบรรยากาศบริเวณศูนย์ฯเลยทีเดียว

บริเวณรอบศูนย์นักท่องเที่ยวฯ สภาพท้องฟ้าในวันสุดท้ายเดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวครึ้ม เดาลำบากได้แต่ภาวนาอย่าฝนตกเลย

จากนั้นเมื่อได้เวลาอันสมควรก็เดินหารถสองแถวเพื่อเข้าสนามบินน่าน แต่ปรากฏไม่รู้ว่าต้องขึ้นตรงไหนเลยตัดสินใจเอาไงเอากันขึ้นพี่วินมอไซค์ก็ได้เลยเดินไปยังตรงบริเวณตลาดตั้งจิตนุสรณ์ครับ นั่งรถพี่วินมอไซค์จากตลาดไปสนามบินราคา 50 บาท (แพงหรือไม่แพงดีหล่ะ)

ท่าอากาศยานน่านนคร : น่าน

ขากลับเลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปบรรยากาศสนามบินน่านซะเลย ผมว่าเป็นสนามบินเล็ก ๆ แต่ดูอบอุ่นและสวย ทันสมัยดีเลยครับ บริหารโดยการบินพลเรือน ซึ่งเวลาพักเที่ยงเคาเตอร์ตรวจกระเป๋าและบริเวณประตูผู้โดยสารขาเข้าจะปิดครับ เพราะเจ้าหน้าที่ไปพักกลางวันกัน

ระหว่างนั่งรอบริเวณด้านนอกเจ้าหน้าที่ อพท. ก็เดินมาสอบถามเกี่ยวกับให้ความหมาย "น่าน เมืองเก่าที่มีชีวิต" และทำไมถึงเลือกมาน่านครับ ผมก็ตอบไปว่า ชอบน่านที่เป็นเมืองจักรยานที่มาน่านโดยเฉพาะในเมืองเพื่อมาปั่นจักรยานครับ เจ้าหน้าที่อพท.เห็นว่า มันพูดแต่ปั่นจักรยานเลยให้ที่คั่นหนังสือรูปจักรยาน ตอนท้ายเจ้าหน้าที่บอกว่า เห็นชอบจักรยานเลยให้ตัวนี้ จริง ๆ มีอีกอันแต่ผมไม่ได้ ???

ระหว่างนั่งรอเครื่องบินของน้องนกก็เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าเลยมองมาที่ผม แล้วพยักหน้าบอกว่า เข้ามาได้เลยนู๋

น้องนกที่ทำหน้าที่รับอาสาไปพากลับเข้ากรุงคือ น้องนกรักถิ่น นั่นเอง จากนั้นก็ได้เวลาจากลาเมืองน่านอันเงียบสงบ

ในที่สุดก็ถึงท่าอากาศยานดอนเมืองของเราท่ามกลางสายฝนโปรยปรายต้อนรับเลยทีเดียว แต่นั่นมันเจ้าหยกนภานี่ทำไมเจ้าไม่มารับเรากลับ ??? ได้แต่คิดในใจและเดินออกไปกลับบ้านเรา

สำหรับการเดินทางมาน่านในครั้งนี้ ผมได้เจอความน่ารัก ความมีน้ำใจของคนเมืองน่าน รวมถึงได้พูดคุยกับแม่ค้าร้านขายเสื้อเกี่ยวกับสนามบินน่าน ถ้าใครได้ไปเยือนเมืองแห่งนี้ทุกคนอาจจะชอบ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบที่ว่าเมืองนี้อาจเงียบเกินไป แต่สำหรับผมเมืองนี้ทำให้ผมได้พักผ่อนได้เต็มที่ และสถานที่ต่าง ๆ ก็ไม่ไกลกันเกินไปครับ หวังว่า น่านจะเป็นตัวเลือกหนึ่งในการเดินทางของทุกคน รักน่าน แต่รักนาน นาน ครับ






ความคิดเห็น