#บุรีรัมย์ : เยือนถิ่นเซาะกราว นอนโฮมสเตย์ ตามรอยของอร่อยท้องถิ่นต้องลอง!
“บุรีรัมย์” ดินแดนอีสานใต้ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ที่หลายคนอาจจะรู้จัก “บุรีรัมย์” ก็เพราะ ทีมสโมสรฟุตบอลชื่อดังอันดับต้นๆ ของไทยลีก ซึ่งนอกจากนี้แล้ว “บุรีรัมย์” ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมไปถึง อาหารท้องถิ่นเด็ดๆ ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปเยือนด้วยนะ
และ เดี๋ยวนี้ ใน จังหวัดบุรีรัมย์ ก็มี ชุมชนท่องเที่ยวด้วย ซึ่งมีหลายชุมชนที่น่าสนใจ ดีนะครับ ลองหาโอกาสไปนอนโฮมสเตย์แบบบ้านๆ กินอาหารแบบบ้านๆ สักคืน สองคืน ก็ดีเหมือนกัน!
ทริปนี้.. ผมก็เลยถือโอกาสมาสวมเสื้อ บุรีรัมย์ มาตะลอนเที่ยวในบุรีรัมย์สักหน่อย (ปกติผมเป็นแฟน #SwatCat นะ 55+) ซึ่งทริปนี้ได้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง ก็ลองตามมาเที่ยวด้วยกันดูเด้อ!
ออกเดินทาง สู่ บุรีรัมย์
เริ่มต้นเดินทาง จาก สนามบินดอนเมือง ด้วย สายการบินแอร์เอเชีย เช่นเคย ซึ่งทริปนี้ก็เป็นครั้งแรกของผมเลยที่เดินทางไป จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการเดินทางทางอากาศ เลยครับ
เพื่อความสะดวก ผมได้ทำการเช็คอินผ่านเว็บไซค์มาก่อนล่วงหน้า และ แวะมาพิมพ์ ตั๋วโดยสาร ที่เครื่องคีออส อีกแป้บ ก็เตรียมออกเดินทางได้แล้ว
สายการบินแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินสู่ บุรีรัมย์ วันละ 2 เที่ยวบิน คือ เวลา 07.50 น. และ 12.25 น. ซึ่งผมก็เลือกไปไฟล์เช้า จะได้มีเวลาเที่ยวมากหน่อย โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
สวัสดี บุรีรัมย์!
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี ก็เดินทางมาถึง สนามบินบุรีรัมย์ แล้วครับ
บรรยากาศภายใน อาคารผู้โดยสาร ของ สนามบินบุรีรัมย์
เนื่องจาก สนามบินบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง อยู่พอสมควร จึงจำเป็นต้องใช้ บริการรถรับ-ส่ง เข้าเมืองครับ ซึ่งก็มีเคาเตอร์ของรถบริการ รับ-ส่ง ตั้งอยู่บริเวณทางออกอาคารผู้โดยสาร โดยมีค่าโดยสาร เข้าเมืองบุรีรัมย์ ราคาเที่ยวละ 200 บาท และ สามารถใช้บริการรถ City Transfer ของ สายการบินแอร์เอเชีย เพื่อต่อไป จังหวัดสุรินทร์ ก็ได้ครับ และนอกจากนี้ก็ยังมีบริการรถเช่า ที่สามารถเช่าขับไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกครับ มาเที่ยว บุรีรัมย์ การเช่ารถขับเอง ดูจะเหมาะที่สุดแล้วครับ
เที่ยววนไป.. ใน เมืองบุรีรัมย์!
จาก สนามบินบุรีรัมย์ ผมเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ ตัวเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลอยู่พอสมควรครับ โดยมาแวะที่หน้า สถานีรถไฟบุรีรัมย์ เพื่อหาของอร่อยกินเป็นอันดับแรกเลย
เขาว่ากันว่า.. มาเที่ยวบุรีรัมย์ทั้งที ก็ต้องไม่พลาดการมายืนกินลูกชิ้น ที่ ร้านลูกชิ้นยืนกิน หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ครับ ที่นี่มี ร้านลูกชิ้น ตั้งเรียงรายอยู่หลายร้าน มีลูกชิ้นนานาชนิดให้เลือกกิน ทอดกันมาแบบร้อนๆ เลยทีเดียว สามารถไปหยิบลูกชิ้นแล้วลงไปจิ้มน้ำจิ้มจากหม้อ กินได้ทันที
มีน้ำจิ้มให้เลือกจิ้มหลายอย่าง ทั้งหวาน เปรี้ยว เผ็ด หรือ แม้แต่.. น้ำจิ้มกิมจิ ก็ยังมี!! นอกจากนี้ ก็มีผักสดไว้กินเป็นเครื่องเคียงแบบไม่อั้นอีกด้วยนะ ยืนกินไปอย่างเพลินๆ จนลืมนับไม้กันไปเลย 55+ ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ ไม้ละ 3 บาท 7 ไม้ 20 บาท ราคาเดียวกันทุกร้านครับ
เดินทางต่อมาแวะไหว้ ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ ซึ่ง ศาลหลักเมือง จะมีลักษณะเป็นอาคารศิลปะขอม เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองบุรีรัมย์ซึ่งมี 2 ต้น ไม่เหมือนกับ เสาหลักเมืองของจังหวัดอื่นที่มีเพียงเสาต้นเดียว ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบุรีรัมย์
ไฮไลท์ ของการมาเยือนถิ่นเซาะกราวแห่งนี้ ก็คือ การมาเยี่ยมชม สนามช้างอารีน่า CHANG ARENA รังเหย้าของ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ครับ ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ที่ต้องเข้ามาชมความทันสมัยของสนามแห่งนี้
ตัวสนาม เป็นโครงสร้างประกอบด้วยเหล็ก และ ไฟเบอร์ ไร้ลู่วิ่งมาคั่นกลาง ทำให้ได้อรรถรสในการชมฟุตบอลอย่างมาก สนามสามารถจุแฟนบอลได้ถึง 32,600 ที่นั่ง เลยทีเดียว
ภายในบริเวณสนาม จะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้วย และ ในวันที่ไม่มีการแข่งขันก็สามารถเดินเข้าไปชมภายในสนามได้ได้ ทั้ง ห้องแต่งตัวนักฟุตบอล ห้องแถลงข่าว ฯลฯ ที่สำคัญเข้าชมฟรีอีกต่างหาก เอาเป็นว่า.. สนามแห่งนี้สวยมากจนแฟนแมว #SwatCat อย่างผมเป็นอันต้องอิจฉา… 555+
ห่างกันไม่ไกลจะมีสนาม ช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต(Buriram International Circuit) เป็นสนามแข่งรถมาตรฐานสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ (FIA) ในประเทศไทย ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก สนามช้างอารีน่า
สนามแห่งนี้ ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน เอฟไอเอ เกรด 1 (FIA Grade 1) ซึ่งเป็นระดับสนามที่อนุญาตให้ใช้จัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งได้
ใครมาเที่ยว สนามช้างอารีน่า แล้ว.. ก็ต้องแวะมาที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ด้วย!
อีกจุดที่น่าสนใจ ในบริเวณเดียวกัน ปราสาทเขาพนมรุ้งจำลอง ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ สนามช้างอารีน่า ซึ่งปราสาทจำลองนี้ จะมีความคล้ายคลึงและกับปราสาทเขาพนมรุ้งของจริง จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่จะแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เสมือนว่าได้ไปเที่ยวในสถานที่จริงกันเลย..
ในวันพักผ่อนสบายๆ จะเห็นนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชมในบริเวณนี้กันไม่ขาดสายเลยครับ โดยเฉพาะจุดที่เรียกว่า Buriram Castle ที่เหมือนเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร ต่างๆ และ หนึ่งในร้านที่ต้องของลองชิมก็ คือ ร้านไก่ย่างสีดา ร้านส้มตำไก่ย่าง และ บรรดาเมนูอาหารอีสาน ที่ต้องลองชิม รสชาตินัวๆ แซ่บถึงใจ
มา ร้านไก่ย่างสีดา ขาดไม่ได้เลย ก็คือ ไก่ย่าง ย่างมาแบบหนังกรอบๆ กรอบนอก นุ่มใน จิ้ม กับน้ำจิ้มสูตรเด็ด แซ่บบบบ..!! และมีเมนูอาหารอีสานอื่นๆ ให้ได้ลองชิมอีกด้วย
ขับรถต่อออกมาอีกไม่ไกล ไปแวะเที่ยวที่ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เขากระโดง ซึ่งภูเขาไฟกระโดงเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทมานานแล้ว และในปัจจุบันก็ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก สนามช้างอารีน่า ถ้าอยู่ที่สนามช้างอารีน่า ก็มองเห็นเขากระโดงได้เลย โดยมีจุดที่สำคัญ คือ
บันไดนาคราช จำนวน 297 ขั้น เพื่อเดินขึ้นยังด้านบนของเขากระโดง ถ้ากลัวจะเดินขึ้นเหนื่อยก็สามารถขับรถขึ้นไปได้
พระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองของชาวบุรีรัมย์
สะพานแขวนลาวา ข้ามปากปล่องภูเขาไฟ ณ จุดนี้ นักท่องเที่ยวจะนำแม่กุญแจ ไปคล้องไว้กับลวดสลิง บริเวณหัวสะพานที่ทางวนอุทยานฯ จัดทำขึ้น พร้อมอธิษฐานให้ความรักยืนยาวสมหวังตามตำนานความเชื่อ
ปากปล่องภูเขาไฟ เมื่อเดินข้าม สะพานแขวนลาวา จะมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟ ที่ดับมอดสนิทมานาน
เข้าสู่ช่วงบ่าย.. จาก ตัวเมืองบุรีรัมย์ ผมเดินทางต่อโดยมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ระยะทางราว 65 กิโลเมตร เพื่อไปยังสถานที่สำคัญของ จังหวัดบุรีรัมย์ นั่นก็คือ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ซึ่งก่อนเข้าชมก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเสียก่อน คนละ 20 บาท
ปราสาทเขาพนมรุ้ง ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ ใครมาเที่ยวบุรีรัมย์ก็ต้องมาเยือนที่นี่ด้วย ตัวปราสาทเป็นโบราณสถานศิลปะเขมรที่มีความงดงาม ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง (ภูเขาไฟเขาที่ดับสนิทแล้ว)
ที่นี่.. นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของปราสาทแล้ว ก็ยังมี ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกแสงอาทิตย์สาดส่องทะลุ 15 ช่องประตูของ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ซึ่งจะมีปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 4 ครั้ง ในแต่ละปี
กิน นอน วิถีชุมชน ที่ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านอุบลสามัคคี
เนื่องจาก.. ผมเป็นคนที่ชื่นชอบการนอนโฮมสเตย์แบบบ้านๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในทริปนี้ก็เลยมีโอกาสมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กับการเที่ยวชุมชน นอนโฮมสเตย์ ในจังหวัดบุรีรัมย์ บ้าง ซึ่งชุมชนแรกที่ผมมาเยือนก็คือ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านอุบลสามัคคี เป็นชุมชนที่มี กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน และ ที่พักแบบโฮมสเตย์ พร้อม อาหารท้องถิ่น ทุกมื้อ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยครับ
บ้านอุบลสามัคคี ตั้งอยู่ที่ อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงการศึกษาวิถีเกษตร ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น การทำสวนยางพารา การทำไร่มันสำปะหลัง การเลี้ยงโคนม การทำสวนผลไม้ (เงาะ ลำไย ทุเรียน กล้วย ฯลฯ) การปลูกพืชผักหมุนเวียน เป็นต้น
บรรยากาศที่พักโฮมสเตย์ ในชุมชน ก็จะดูเรียบง่าย สบายๆ ครับ จะได้กิน นอน ร่วมกับคนในชุมชนเลย
นอกจาก จะมีบริการที่พักแบบโฮมสเตย์แล้ว ก็ยังมี บริการ อาหารรสไทยแท้ สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งสามารถเลือกมื้ออาหารได้ตามความต้องการ ทั้ง อาหารเช้า อาหารกลางวัน และ อาหารเย็น โดยในแต่ละมื้อ ก็จะมีเมนูอาหารไทยแท้สับเปลี่ยน หมุนเวียน ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลอง อย่างครบถ้วน
นอนโฮมสเตย์ ต้องตื่นแต่เช้าครับ อากาศสดชื่นดี ตื่นมาเดินเล่นสูดอากาศ ดูวิถีชีวิตยามเช้าของผู้คนที่นี่ และ ก็มารอใส่บาตรพระด้วย
กิจกรรมท่องเที่ยวของชุมชนแห่งนี้ จะใช้รถนำเที่ยวประจำหมู่บ้าน (มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง) ที่มีจำนวนกว่า 50 คัน พาไปเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในชุมชนครับ
ผมนั่งรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้าง มาเยี่ยมชมแปลงเกษตรผสมผสาน ซึ่งมีส่วนของสวนผลไม้ (เงาะ ลำไย ทุเรียน กล้วย ฯลฯ) มี บุฟเฟ่ต์ผลไม้ ที่สามารถเลือกเก็บชิมกันอย่างเต็มที่ ซึ่งสวนผลไม้ของที่นี่ จะที่มี จุดเด่น ที่ไม่เหมือนใคร เพราะปลูกด้วยดินภูเขาไฟ และใช้น้ำแร่ธรรมชาติในการให้น้ำ ผลไม้ต่างๆ จึงมี ความหวาน กรอบ อร่อย สด และปลอดภัยไร้สารเคมีครับ
มีการสาธิตวิธี การทำน้ำหมักชีวภาพ (น้ำหมักหยวกกล้วย) ให้ชม ซึ่งน้ำหมักชีวภาพที่ได้มาก็จะใช้เพื่อฉีดพ่นให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี
เรียนรู้เทคนิค และวิธีการปลูกทุเรียน ที่เป็นผลไม้ที่ปลูกยาก สามารถมาเรียนรู้เทคนิคในการปลูกทุเรียนให้ได้ผลอย่างเต็มที่
นอกจาก จะได้กินผลไม้แบบสดๆ จากต้น และได้รับความรู้ทางการเกษตรแล้ว ก็ยังได้มิตรภาพที่ดีจากคนในชุมชนที่คอยมาดูแลอย่างดี เหมือนเป็นญาติพี่น้องเลยครับ
แรลลี่ป่าชุมชน อีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับทั้งความรู้ และความสนุกสนาน โดยชุมชนจะมีรถนำเที่ยวประจำหมู่บ้าน (มอร์เตอร์ไซค์พ่วงข้าง) พาเข้าไปศึกษาธรรมชาติกันใน ป่าชุมชน ที่มีพื้นที่ 3,000 ไร่ ที่เต็มไปด้วย เห็ดป่า สมุนไพร ผักป่า และสัตว์ป่าหลายชนิด โดยเฉพาะ กระรอกขาว ที่หาดูได้ยาก โดยเส้นทางเข้าไปก็จะแอดเวนเจอร์หน่อย สนุกไปอีกแบบ
เดินเท้าต่อเข้าไปในป่าชุมชน ระหว่างทางก็ได้ศึกษาธรรมชาติ ต้นไม้พันธุ์ต่างๆ โดยมีไกค์ชุมชนคอยดูแลและให้คำแนะนำตลอดทาง
สามารถที่จะลองเก็บ เห็ดป่า เพื่อนำไปประกอบอาหารได้
จาก ป่าชุมชน เดินทางย้อนกลับเข้ามาในชุมชน มานั่งพักเหนื่อยกินของว่าง ของดีของชุมชนนี้ กล้วยตากน้ำแร่พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นกล้วยที่ให้น้ำจากแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติใต้ดิน นำมาแปรรูป โดยผ่านขั้นตอนต่างๆ อย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกกล้วยที่สุกงอม ผ่านกรรมวิธีการตากจากพลังงานแสงอาทิตย์ จนได้กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ หวาน หอม และอร่อย โดยไม่ต้องใส่น้ำตาล…
นอกจาก ชุมชนท่องเที่ยวบ้านอุบลสามัคคี แล้ว.. ผมยังมีโปรแกรมเดินทางไปอีกหนึ่งชุมชนของจังหวัดบุรีรัมย์ครับ ซึ่งเมื่อได้เวลาอันพอสมควร ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อไปครับ!
สอบถามแพคเกจ และ ติดต่อ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านอุบลสามัคคี ได้ที่ : https://www.facebook.com/ubonsamakkee
กิน นอน วิถีชุมชน ที่ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านซับสมบูรณ์
เปลี่ยนที่นอน.. โดยแวะมานอนโฮมสเตย์ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านซับสมบูรณ์ กันอีกสักคืนครับ ซึ่งที่นี่ก็มี กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน และ ที่พักแบบโฮมสเตย์ พร้อม อาหารท้องถิ่น ทุกมื้อ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
บ้านซับสมบูรณ์ อยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอโนนสุวรรณ อยู่ไม่ไกลจากชุมชนแรกที่ผมได้ไปนอนมา ซึ่งชุมชนแห่งนี้ มีวิถีชุมชนที่เรียบง่าย และมีจุดเด่นตรงที่เป็นแหล่งเพาะเห็ดโคนญี่ปุ่น และมีบ่อน้ำแร่จากธรรมชาติที่ใช้ในการรดเห็ด ทำให้เห็ดของที่นี่มีรสชาติ กรอบ หวาน กว่าที่อื่นอีกด้วย
มีที่พักแบบ โฮมสเตย์ พร้อม อาหารท้องถิ่น ไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักก็จะได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน โดยลักษณะทั่วไปของโฮมสเตย์แต่ละหลังนั้น จะเน้นความเรียบง่าย พักสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด และปลอดภัย มีอาหารเช้าบริการ
นอกจากนี้ ยังมีที่พักแบบ เต็นท์ บริเวณ ริมหนองน้ำในชุมชน(ศูนย์การเรียนรู้โครงการธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง) สำหรับคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบใกล้ธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งผมก็เลือกมากางเต็นท์นอนเอาครับ เพราะบรรยากาศมันดีจริงๆ สบายๆ ครับ
ตื่นเช้า เปิดเต็นท์มาสูดอากาศยามเช้าที่ริมบึง พร้อมจิบกาแฟร้อนๆ สักแก้ว
นอกจาก บ้านซับสมบูรณ์ จะมีบริการที่พักแบบโฮมสเตย์แล้ว ก็ยังมี บริการ อาหารท้องถิ่นรสเลิศ 5 อย่าง สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกมื้ออาหารได้ตามความต้องการ ทั้ง อาหารเช้า อาหารกลางวัน และ อาหารเย็น มี เมนูแนะนำ ก็อย่างเช่น แกงเลียง, ปลาแดดเดียว, ลาบเห็ด, ปลาเผา และ บัวลอยไข่หวาน
ตื่นเช้า มาทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียวร่วมกับคนในชุมชน
กิจกรรมท่องเที่ยว ชม ศูนย์การเรียนรู้โครงการธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง บริเวณหนองน้ำประจำหมู่บ้าน ที่มีเนื้อที่ 38 ไร่ ซึ่งมีกิจกรรมสาธิตต่างๆ เช่น สาธิตการเพาะพันธุ์ปลา, การอนุบาลพันธุ์เพื่อเลี้ยงในแหล่งน้ำ, การอนุบาลพันธุ์ปลา, สาธิตการทอดแหจับ, ปลาการเลี้ยงปลาในกระชัง, สาธิตการทำปลาแดดเดียว ปลาส้ม
ชม บ่อน้ำแร่ผุดธรรมชาติ ที่ตั้งอยู่ในชุมชน สามารถดื่มได้ ซึ่งเป็นน้ำแร่คุณภาพดี ปัจจุบันมี 2 แห่ง อยู่ในพื้นที่ของเอกชน 1แห่ง และ พื้นที่สาธารณะ ในความดูแลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 1 แห่ง ในหมู่ 7 บ้านซับสมบูรณ์ โดยมีผลวิเคราะห์จาก กรมทรัพยากร ว่าเป็นน้ำแร่อย่างดี และ สามารถดื่มได้ มีคุณภาพไม่ต่างกับ น้ำแร่ ที่ค้นพบที่ พบพระ จังหวัดตาก และที่ ฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ชม สวนเกษตร เป็นสวนเกษตรแบบผสมผสาน มีพืชผักมากมายหลายชนิด เช่น กล้วยหอมน้ำแร่, สวนแตง, สวนยางพารา เป็นต้น ซึ่งเป็นสวนเกษตรที่ชุมชนได้เพาะปลูก เป็นอาชีพเสริม เพื่อหารายได้ในครัวเรือน ซึ่งสวนเกษตรที่ชุมชนนี้จะมีความพิเศษตรงที่ใช้น้ำแร่ในการให้น้ำ ทำให้ได้ผลผลิตที่ หวาน อร่อย แตกต่างจากที่อื่น
กล้วยหอมน้ำแร่ ถูกใจผมมากเลย เป็นกล้วยหอมที่หวานหอมอร่อย สมคำร่ำลือจริงๆ
เดินชมภายใน สวนเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักนานาชนิด
ภายในชุมชนมี ศูนย์การเรียนรู้เพาะเห็ด ซึ่งมีกิจกรรมสาธิต การกรอกขี้เลื่อย, การตีก้อนเห็ด, การผสมอาหารเห็ด, การอบก้อนฆ่าเชื้อ,การหยอดเชื้อเห็ด, การนำเห็ดเข้าพักในโรงเรือน โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการเพาะเห็ดจากกิจกรรมสาธิตนี้ และได้ลองลงมือปฎิบัติเองในบางขั้นตอนอีกด้วย
เห็ดโคนญี่ปุ่น จุดเด่นของที่นี่ คือ การใช้น้ำแร่ในการรดน้ำเห็ด ทำให้ได้เห็ดที่มีคุณภาพดี กรอบ หวาน ไม่เหมือนที่อื่น นำไปประกอบอาหารเมนูอะไรก็อร่อยครับ
การแปรรูปเห็ด การทำแหนมเห็ด และ น้ำพริกเห็ด โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถมีส่วนร่วมในการทดลองทำได้ ตั้งแต่ขั้นตอน การเตรียมวัตถุดิบ ส่วนผสม เครื่องปรุงต่างๆ ใน การทำแหนมเห็ด และ น้ำพริกเห็ด รวมไปถึงการได้ทดลองคลุกแหนม และ มัดแหนมด้วยตัวเองอีกด้วย ซึ่งผมก็ไม่ได้ลองทำนะ ขอนั่งดูเขาทำอยู่ห่างๆ ก็พอ รอกินอย่างเดียว 55+
การได้มานอนโฮมสเตย์ และเรียนรู้วิถีชุมชนแบบนี้ก็ดีนะครับ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะแยะเลย ซึ่งมีโอกาสคงได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งครับ
สอบถามแพคเกจ และ ติดต่อ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านซับสมบูรณ์ ได้ที่ : https://www.facebook.com/subsomboontravelvillage
ชิม ก๋วยเตี๋ยวเพี้ย ก่อนกลับ!
ได้เวลาเดินทางกลับ.. ผมใช้เส้นทางที่ผ่าน อำเภอนางรอง จึงถือโอกาสแวะชิม ก๋วยเตี๋ยวเพี้ย นางรอง ที่เขาแนะนำกันมา ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนสายนางรอง-หนองกี่ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีสูตรเด็ดเคล็ดลับไม่เหมือนใคร ด้วยการนำ เพี้ย หรือ ขี้อ่อนวัว มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการปรุงรส ทำให้ได้รสขมหน่อยๆ แต่.. เข้มข้น อร่อยเด็ดถูกปากดีจริงๆ ครับ
ก๋วยเตี๋ยวเพี้ย จะเสิร์ฟมา พร้อมกับเครื่องเคียง ผักสดนานาชนิด ซึ่งเข้ากันอย่างดี ที่สำคัญราคาถูกมากกกก.. อีกด้วย มีโอกาสผ่านไปทางนั้น ลองไปชิมดูเด้อ!
เดินทางกลับ!
และแล้ว.. ก็ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับซะแล้ว..
การเดินทางมาเยือนถิ่นอีสานใต้ “บุรีรัมย์” ในทริปนี้ ก็สนุกสนานดีครับ บุรีรัมย์มีสถานที่ท่องเที่ยว และอาหารท้องถิ่นให้ลองชิมมากมายกว่าที่คิดเลย แถมได้ประสบการณ์ดีๆ จากการไปนอนโฮมสเตย์ เที่ยววิถีชุมชน ที่ทำให้ได้เห็นถึงมิตรภาพที่ดีของคนในชุมชน ที่มีโอกาสต้องกลับไปเยี่ยมเยียนอีกแน่นอนครับ
ไว้เจอกันครับ!
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : [email protected]
Website : www.chailaibackpacker.com
CHAILAIBACKPACKER
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.38 น.