" เพชรบุรี " คงจะเป็นจังหวัดที่หลายๆคนคุ้นเคยกันดี เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เที่ยวง่าย ใช้เวลาไม่มาก มีเวลาแค่ 2วัน 1คืน ก็สามารถเที่ยวได้แล้ว เช่นเดียวกันกับทริปนี้ค่ะ เราใช้เวลา 2วัน 1คืน มาสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ที่ได้ชื่อว่าเป็น "ต้นทางทราย ปลายทางเกลือ" ณ ชุมชนแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี
การท่องเที่ยวชุมชน เป็นอีกหนึ่งการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะนอกจากจะได้ไปเที่ยวในที่สวยๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะชุมชนแล้ว ยังได้สัมผัสรอยยิ้มและการต้อนรับที่แสนอบอุ่นเสมือนได้อยู่บ้านเลยหล่ะ :)
ชุมชนแหลมผักเบี้ย ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นรอยต่อชายฝั่งระหว่างหาดโคลน จ.สมุทรสงคราม และหาดทราย จ.เพชรบุรี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ทรายเม็ดแรกแห่งท้องทะเลอ่าวไทย
เราเดินทางทางมาที่ชุมชนแห่งนี้ โดยได้มีโอกาสร่วมโครงการกับทาง ททท. ในโครงการ อส.Social พาเที่ยวชุมชน มาท่องเที่ยวกันแบบ One Night Stay With Locals สัมผัสชีวิตชุมชนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นแห่งนี้
ชุมชนแหลมผักเบี้ย ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของทรายเม็ดแรกแห่งท้องทะเลอ่าวไทย ที่เงียบสงบ และเป็นธรรมชาติ ใครที่หลงรักในการท่องเที่ยว เสพบรรยากาศ และชื่นชอบความสงบ รับรองว่าจะต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน . . .
ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ แค่เพียง 2ชั่วโมงเศษ ก็มาถึงที่ชุมชนแหลมผักเบี้ย
ซึ่งทริปนี้เราใช้ Voucher ที่พัก 2 วัน 1 คืนในชุมชน พร้อมอาหาร และกิจกรรมในชุมชนราคา ท่านละ 2,250 บาท *ขั้นต่ำ 2 ท่าน*
อาหารกลางวัน เป็นอาหารพื้นบ้าน แต่รสชาติบอกเลยว่า เด็ดดดดดดดด ! โดยเฉพาะน้ำพริกแดง ที่ทานคู่กับใบชะครามราดหัวกะทิ และข้าวสวยร้อนๆ 10 10 10 ไปเลยจ้า ใบชะครามเป็นผักพื้นบ้านของแหลมผักเบี้ยนะคะ หาทานยาก ซึ่งเมนูนี้เรายกให้เป็นเป็น เมนูห้ามพลาดดดดดด
มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ อบต. แหลมผักเบี้ย ร่วมพูดคุยและรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอาของไปเก็บ พร้อมที่จะออกไปทำกิจกรรมแล้วววววว
ที่แรกเป็น " ฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ " แห่งเดียวในแหลมผักเบี้ยค่ะ มีการปลูกผักสลัดหลากหลายไม่ว่าจะเป็น กรีนโอ๊ค แรดโอ๊ค เรคโคลอน ซึ่งทางพี่วิเชียรเล่าว่าปลูกผักสลัดเหล่านี้ ส่งขายให้กับร้านอาหาร รีสอร์ท เก็บผักสดๆวันต่อวัน หรือแม้แต่ชาวบ้าน หรือนักท่องเที่ยว มาขอซื้อ 20 30 บาท ก็ขายนะ เรียกได้ว่า นอกจากจะส่งผักสด มีคุณภาพแล้ว ยังได้ส่งต่อสุขภาพดีๆ ให้กับทุกคนกันเลยนะคะเนี่ย ^^
มาต่อกันที่ ศูนย์เพาะเลี้ยงและจำหน่าย สาหร่ายพวงองุ่น
ปกติเคยแต่ซื้อมาทานกันใช่มั้ยคะ มาที่นี้เราจะได้เห็นขั้นตอน กระบวนการต่างๆ จนได้เป็นสาหร่ายพวงองุ่นอร่อยๆให้เราได้ทานกัน แถมยังมีให้ชิมกันแบบสดๆเลยนะคะ ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดบอกเลยว่าแซ่บมากๆ ^^ ใครที่มาเที่ยวแหลมผักเบี้ยก็อย่าลืมว่ามาชมฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่นกันได้ที่นี่เลย ศูนย์เรียนรู้สาหร่ายพวงองุ่น เฟมิลี่ ฟาร์ม
ไปต่อกันที่ ธนาคารปูม้า กันดีกว่าค่ะ ที่นี่เป็นธนาคารปูม้า ที่เปิดให้ชาวบ้านที่ออกเรือไปแล้วได้แม่ปูมา นำมาฝากไว้กับทางธนาคาร เพื่ออนุบาลลูกปู ช่วยในการขยายพันธุ์ปูม้าให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะแม่ปูม้า 1 ตัว ให้กำเนิดลูกปูได้ 250,000 ถึง 2,000,000 ตัว แต่โอกาสรอดมีแค่ 1% เท่านั้นค่ะ ซึ่งการฝากแม่ปูม้าไว้กับธนาคารปู จะสามารถคืนลูกปูม้ากลับสู่ท้องทะเลได้ 2,500 - 20,000 เลยทีเดียว
ท้ายที่สุดชาวประมงก็จะได้กำไรจากนำแม่ปูที่นำมาฝากไว้ เป็นจำนวนทรัพยากรณ์ปูม้าที่เพิ่มขึ้น ที่จะเป็นแหล่งรายได้สำคัญอยู่คู่ชาวแหลมผักเบี้ยตลอดไปนั่นเองค่ะ
ออกจากธนาคารปูม้าไปปั่นจักรยาน เดินเล่น ถ่ายรูปชิคๆ กันดีกว่าค่ะที่ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่นี่มีจักรยานให้เช่านะคะ ราคา 20 บาท ปั่นรับลม ชมวิว ชิลๆ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ สามารถปั่นได้ตลอดเส้นทางเลย(ยกเว้นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ) หรือจะใช้บริการรถรางก็ได้เช่นกันค่ะ
ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ ตลอดการเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าชายเลน ระยะทางประมาณ 850 เมตร ร่มรื่นสุดๆ เต็มไปด้วยสัตว์ต่างๆอย่าง ปลาตีน ปูแสมและปูก้ามดาบ แสดงถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่นั่นเองค่ะ นอกจากจะได้รูปสวยๆแล้ว ยังได้ความรู้อีกด้วย
เราเดินไปจนสุดสะพานไม้ ที่ยื่นออกไปกลางหาดโคลน ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น บอกเลยตรงนี้คือจุดแลนด์มาร์คที่ถ่ายรูปสวยมากๆ
เช้าวันที่ใหม่ . . .
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าค่ะ มีนัดออกไปล่องเรือเลียบชายฝั่ง ชมวิถีชีวิตชาวประมง และเก็บหอยหน้าหาด
ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดทรายเม็ดแรก แต่เสียดาย ฟ้าปิดซะงั้น
ที่ได้ชื่อว่าหาดทรายเม็ดแรก ก็เพราะว่าเป็นรอยต่อระหว่างหาดโคลนของ จ.สมุทรสงคราม และ หาดทรายแรกของอ่าวไทย ที่แหลมผักเบี้ยนั่นเอง..
ไปแวะกันที่หาดโคลนค่ะ เก็บหอยกันตรงนี้แหละ
คุณลุงบอกว่า เดินๆหาเอาได้เลย เพราะมันอยู่ทั่วหาด เอ้าาา! ไปค่ะ ลุย!
เดินไปหาไป เจอบ้าง ไม่เจอบ้าง สนุกดีค่ะ แต่ส่วนมากคุณลุงจะเจอซะมากกว่า 55555555
หลักๆเลยจะเป็นหอยตลับค่ะ นำไปผัดกับใบโหรพานี่คือ The best ! ชาวบ้านที่นี่ก็มาหาไปขายกันแทบทุกวัน เรียกได้ว่าเป็นทั้งแหล่งอาหารและแหล่งรายได้เลย
กิจกรรมยังไม่หมดนะคะ ยังมีกิจกรรมจักสานจากต้นธูปฤาษี และสาธิตการทำผ้ามัดย้อม ซึ่งเป็นกิจกรรมภายในชุมชน บอกเลยว่ามาที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมากกกกกกกกกก
และมื้อที่เรารอคอยก็มาถึงค่ะ อาหารมื้อนี้จัดเต็มมากๆ อร่อยน้ำตาไหลลลลล ที่นี่เลยค่ะ โอ้โหปูอร่อย ณ แหลมผักเบี้ย
นอกจากธนาคารปู้ม้าแล้วเนี่ย ยังมีร้านอาหารทะเล ที่สดและอร่อยมากๆ อยู่ด้านหน้าของธนาคารปูม้านี่เอง ชื่อว่า โอ้โหปูอร่อย ณ แหลมผักเบี้ย ทาง ผู้ใหญ่ส้มซึ่งเป็นคนดูแลร้านนี้บอกกว่า ปูที่นี่สดทุกตัวค่ะ ปูตัวที่ตาย เค้าจะคัดออก ไม่ขายให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้ทานปูที่เนื้อแน่น หวานสุดๆไปเลย ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย ฟินนนนนนนนน^^
ชุมชนแหลมผักเบี้ย ยังคงความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ มาเที่ยวที่นี่เหมือนได้รับการชาร์ตพลังไปในตัว ได้รอยยิ้ม ความอบอุ่น และความประทับใจ ที่สำคัญการมาท่องเที่ยวชุมชนยังสามารถช่วยกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน ทำให้ชุมชนสามารถเลี้ยงตัวเองได้แบบยั่งยืน
ออกไป
ยังมีอีกหลายชุมชนที่รอให้คุณไปสัมผัส ออกไปเที่ยวชุมชนกันเถอะค่ะ แล้วจะรู้ว่าการเที่ยวแบบ One Night Stay With Locals มันดีสุดๆไปเลยหล่ะ : )
วอร์เชอร์ที่พัก 2 วัน 1 คืนในชุมชน พร้อมอาหาร และกิจกรรมในชุมชน
(ราคา ขั้นต่ำ 2 ท่าน) 2 ท่านขึ้นไป ท่านละ 2,250 บาท
สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด ได้ที่
- 080-2502537 ผู้ใหญ่อัจฉรี
- เว็บไซต์ 1 night stay with local
บันทึกระหว่างทาง
วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.37 น.