**ทริปนี้เดินทางเมื่อ 11-18 พ.ค.59**
ทริปนี้ถือว่าเป็นการมาเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมด 8 วัน
เดินทางด้วยกัน 8 เมือง (Osaka - Kyoto - Toyama - Kanazawa - Takayama - Nagoya - Kawaguhiko - Shinjuku)
โดยสรุปค่าใช้จ่ายหลักๆตามนี้ครับ
ค่าตั๋วไป-กลับ (ดอนเมือง-โอซาก้า) ไป 2 คน ราคา 15,897 บาท
สายการบิน Nok Scoot (ตกคนละ 7,948 บาท ไม่รวมโหลดกระเป๋าไม่รวมอาหาร)
หลักๆการเดินทางจะใช้ JR Pass ครับ ราคา 13,500 yen / คน
โดยเราจะได้เป็นตั๋วสำหรับนำไปแลกที่เคาเตอร์ที่นู่นอีกทีนึง
นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นค่ากิน ค่าตั๋วรถเมล์ หรือบางสถานีที่ใช้ Pass ไม่ได้
ก็จะแจ้งไปตามรายละเอียดในแต่ละวันนะครับ
โดยได้วางแผนก่อนการเดินทางประมานนี้
Day 1 (Osaka)
เดินทางจากสนามบินดอนเมือง เที่ยวบินออกประมาณ 9 โมงครึ่งเกือบๆ 10โมง
ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม ก็มาถึง Osaka ราวๆ 5 โมงครับ (เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชม)
ลงจากเครื่อง เราก็ไปเอาตั๋วไปแลก ได้ที่ฝั่งตรงข้ามสถานี JR เลยครับ
หน้าตาเป็นแบบนี้ (ซ้าย ตั๋วที่นำไปแลก - ขวา แลกแล้วจะได้ใบนี้มา)
จากนั้นนั่งรถไฟ JR Kaisai Airport ไปลงที่สถานี Shin-Imamiya เพื่อเข้าที่พักไปเก็บของกันก่อน
โดยที่พักห่างจากสถานีประมาน 450 m (Hotel Lucky 1,600 yen / 1 คน)
เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาลั่ลล้า เดินกลับมาสถานีเดิมแล้วไปต่อยังสถานี Namba เพื่อไปหาของอร่อยๆกินที่ถนนคนเดิน Dotonbori
มาถึงที่นี่ เดินไปที่ไหนก็เจอคนไทยเต็มไปหมด ไม่ต้องกลัวหลงละ
มื้อแรกของวันนี้ เราเลือกที่กินของง่ายๆขึ้นชื่อของที่นี่ก่อน คือ
ทาโกะยากิ ที่ร้าน acchichi honpo ให้เครื่องเยอะ แถมได้ตั้ง 9 ลูก
ในราคาเพียง 500 เยน อร่อยมากๆ คิวอาจจะยาวหน่อย แต่รับรองว่าคุ้ม!
แน่นอนว่าแค่นี้ไม่สะเทือนกระเพาะ ไปต่อกันที่ร้านราเมงข้อสอบที่ร่ำลือกัน
ไม่ผิดหวัง น้ำซุปกลมกล่อม อร่อยเข้มข้น ยกซดเกลี้ยงชามเลย
(ในรูปคิวจะยาวมาก แนะนำให้เดินย้อนกลับมาทางสะพาน เดินตรงไปอีกหน่อย
ก็จะเจออีกสาขานึงคนน้อยกว่า)
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็แวะเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ
ขากลับก็แวะเดินซุปเปอร์ระหว่างทาง ช่วงดึกๆของสดจะมีลดราคา ซื้อตุนไว้เผื่อมื้อเช้าได้เลย
รูปแรก ราคาปกติ 580 yen ลด 40% เหลือแค่ 348 yen
เบ็ดเสร็จวันนี้ ค่ากินก็หมดไปราวๆ 2000 yen กว่าๆเท่านั้นเอง
จบคืนแรกที่ญี่ปุ่น หลักๆวันนี้จะเที่ยว Osaka ในย่าน Dotonbori เน้นเดินและกินของอร่อยๆฮะ
Day 2 (Kyoto)
ตื่นแต่เช้า เดินทางออกจากที่พัก นั่งรถไปไปสถานี Osaka ต่อสาย Tokaido
เพื่อเดินทางมายัง kyoto Station เมื่อมาถึงแล้ว แวะซื้อ Bus One Day Pass ในราคา 500 yen
ได้ที่หน้าสถานี Kyoto บัตรใบนี้ ใช้ขึ้น City Bus ได้ตลอดวัน ประหยัดและสะดวกในการเดินทางมากๆ
(รถเมล์ที่ญี่ปุ่นจะมีหน้าจอคอยบอกชื่อป้าย ไม่ต้องกลัวหลง)
โดยวันนี้เราจะแวะเที่ยวถึง 4 ที่ ด้วยกัน ดังนั้นเพื่อความคล่องตัว ต้องแวะไปเก็บของกันก่อน
ใช้ Bus One Day Pass ขึ้นป้ายหมายเลข 5 เพื่อไปลงป้าย Horikawa Shinmodashi
แวะเข้าที่พัก Kyoto Guesthouse Hanari (1,900 yen / 1 คน) เก็บของเสร็จก็ลุยกันเลย!
ตารางเที่ยวที่วางแผนในวันนี
โดยที่สถานที่แรกคือ arashiyama หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ป่าไผ่ เดินไปไหนก็เจอแต่คนไทย
แถมตรงกับวันที่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นมาทัศนศึกษา คนเลยเยอะเป็นพิเศษ
แวะมาขอพร ศาลเจ้า Nonomiya เดินเล่นปาไปเกือบเที่ยง เริ่มหิวแล้ว แวะหาอะไรกินกันก่อนระหว่างทาง ร้านนี้เห็นเมนูพร้อมราคา โอเคร จัดไป
โซบะเย็น จานนี้ราคา 600 yen หลังจากเติมพลังกันแล้ว ก็กลับไปยังสถานี Kyoto เพื่อต่อรถไฟไปยังสถานี Jr Inari แวะเที่ยงศาลเจ้า fushimi inari หรือที่คนไทยเรียกกันว่า โทริอิแดง
คนเยอะมากๆ กว่าจะหาจังหวะถ่ายแบบโล่งๆได้นานเหมือนกัน
ป้ายอ่านไม่ออก ไม่รู้เค้าขออะไรกันบ้างนะ?
โทริอิแดง กับ ชุดกิโมโน ของคนท้องถิ่น ดูมีเสน่ห์จริงๆ
หลังจากนั้น เราย้อนกลับไปตั้งต้นที่สถานี Kyoto อีกครั้ง เพื่อนั่ง Bus สาย Kyotoeki-mae ขึ้นหมายเลข 106 หรือ 206 ไปยังวัด kiyomitsu หรือเรียกแบบไทยก็ วัดน้ำใส ซึ่งกว่าจะมาถึงที่นี่ ก็เกือบ 5 โมงครึ่ง ซึ่งที่วัดปิดให้เข้าชมตอน 6 โมง ทำให้ไม่มีเวลาเดินชมมากเท่าไรนัก
ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่สวยกว่านี้เยอะ
แถมที่สุดท้าย แวะมาชมย่าน Gion ยามราตรี เค้าว่ากันว่า ที่นี่สมัยก่อนเป็นแหล่งรวมเกอิชา แต่อาจเพราะมาดึกไป เลยไม่เห็น ปัจจุบันกลายสภาพเป็นร้านอาหารซะส่วนใหญ่
มุมมืดในตรอกย่าน Gion
ก่อนกลับที่พัก นั่งชมบันไดเปลี่ยนสีที่สถานี Kyoto วันนี้ลุย 4 ที่ เดินเมื่อยขาสุดๆ กลับที่พัก สลบเลย
ทริปวันนี้ ส่วนใหญ่จะใช้รถบัสกับรถไฟ และเน้นเดินเยอะมาก มาแบบ backpack ก็ดีอย่าง
ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนท้องถิ่น สัมผัสความจริงด้วยตัวเอง
Day 3 (Kanazawa-Toyama)
ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ จากสถานี kyoto วันนี้เราจะนั่งรถบัสเพื่อเดินทางไปยังจังหวัด kanazawa กัน
แพลนวันนี้เราจะไปเที่ยวโดยนั่ง Kanazawa Loop Bus หลักๆ 3 ที่ สามารถซื้อตั๋วได้ที่ด้านหน้าสถานี
ที่แรกที่เราแวะคือ ตลาดปลา Omisho โดยเราจะมาล่าปลาดิบกินกัน
ภายในตลาดจะมีของสดมากมายให้เลือกสรร กุ้ง หอย ปู ปลา ผัก ผลไม้ เข้ามาไม่จัดไม่ได้แล้วว
หลังจากเดินวนอยู่หลายรอบว่าจะกินอะไรดี ก็ตกลงได้ชุดนี้มาลอง
ชุดนี้ดูแล้วคุ้มดี มี แซลม่อน หอยเม่น ไข่ปลา กุ้ง ทูน่า ปลาหมึก ฯลฯ แถมน้ำซุปกระดูกหมูให้ด้วย
เปรียบเทียบกับของแบบเดียวกับที่แพ็คขายร้านแถบๆนั้น รสชาติไม่ต่างกัน สรุปว่า ซื้อแบบแพ็คถูกกว่านะ
ไข่หอยเม่น + ไข่กุ้ง ฟินสุดๆก็สองอันนี้แหละ
แน่นอนว่าไม่อิ่ม เลยจัดปลาทูน่าไปอีกสักชุด 555
หลังเติมพลังเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางสู่ปราสาท Kanazawa โดยจะแยกเป็น 2 ส่วน
คือ ส่วนปราสาท ซึ่งภายในมีให้ชมแค่ไม่กี่หลังเพราะเห็นว่าถูกไฟไหม้ไป (รู้สึกจะเสียค่าเข้าชมด้วย)
เลยขอผ่านไปชมสวนน่าจะดีกว่า
สวน Kenrokuen-Garden ว่ากันว่าติดอันดับ 3 ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
ใช้เวลาเดินชมที่นี่อยู่นานมาก เดินวนถ่ายรูปจนเพลิน แล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองเก่า Higashiyama
มาถึงก็ร้านค้าก็ทยอยปิดกันแล้ว
เสียดายที่มาช้า บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา พอดีว่าทางวันนี้เราสามารถใช้ Pass นั่ง shinkansen ได้ฟรี เลยตัดสินใจใช้โอกาสนี้ไป Toyama เพื่อไปกิน Black Ramen ที่ร่ำลือดู
ร้านนี้หาไม่ยาก อยู่ที่ห้าง CIC ตรงข้ามสถานีเลย ตกชามละ 770-870 yen อิ่ม อร่อย เต็มที่
ก็ได้เวลาเดินทางกลับ (แวะมากินราเมงแค่นี้แหละ)
คืนนี้เรานอนกันแบบ Backpacker ที่ Khaosan Kanazawa Family Hostel โดยเป็นตู้นอนแบบประหยัด ราคาอยู่ที่ 1,473.14 yen / 2 คน
จบทริปวันนี้ เป็นอีกวันที่เดินเยอะมากๆ ปวดขาไปหมด ถึงเตียงก็แทบสลบเลย
Day 4 (Takayama)
เดินทางสู่เมือง Takayama โดยเรานั่ง Nohi Bus เพื่อไปเยี่ยมชมเมืองมรดกโลกอย่าง Shirakawago ซึ่งระหว่างเส้นทางจะมีอุโมงค์ตัดผ่านภูเขาเป็นระยะๆ สลับกับวิวแม่น้ำ บอกได้เลยว่าระหว่างทางก็สวยงามไม่แพ้กัน
เมื่อมาถึงก็จะเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำ Shokawa เป็นทางเชื่อมเข้าหมู่บ้าน Ogimachi
เมื่อเดินมาถึงจุดทำการ สามารถฝากกระเป๋าได้ที่นี่ มี Locker ให้หยอดครับ หรือถ้าเต็มก็ฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ก็ได้ สักพักก็บังเอิญเจอกับแก๊งค์ Bigbike เห็นแล้วอยากแว๊นซ์ที่นี่บ้างจัง
ชมความงามของยานยนต์ไปแล้ว ก็มาชมความงามธรรมชาติกันบ้าง
ภายในหมู่บ้านก็ส่วนใหญ่ จะเป็นทุ่งนากว้างๆ เดินสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้แบบเต็มปอด
จุดนี้สามารถขึ้นรถบัส (ค่ารถคนละ 300 yen) เพื่อไปจุดชมวิว
เมื่อขับขึ้นไปบนเขาก็จะเจอวิวนี้..ถ้าเป็นช่วงหิมะตกนี่น่าจะสวยน่าดู
เดินจนเมื่อยแล้วก็มาแวะพักหาข้าวกิน บังเอิญเหลือไปเจอร้านนี้ ข้าวหน้าเนื้อแค่ 600 yen
แถมมีซุปมิโสะให้ด้วย อร่อยมากๆ ตบท้ายด้วย ซอฟครีม ใครมาก็ต้องลอง
แวะเดินชมของฝาก ที่ญี่ปุ่นนี่ทำอะไรก็น่ารักไปหมด
จบทริปเมืองนี้ เดินทางต่อไปยัง Takayama Old Town เดินชมเมืองเก่ายามเย็น
ภายในเมืองจะมีร้านของฝากเยอะแยะเลย แต่ 5 โมงก็ปิดกันแล้ว เก็บตกรูปยามเย็นแทนละกัน
เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย รูปนี้ถ่ายที่สะพานแดง Nakabashi รอจังหวะกว่ารถจะผ่านมาแต่ละคัน นานมากกกกกกก
แวะมากินของขึ้นชื่อของที่นี่ ร้าน Kyoya Hida Beef สนนราคาประมาน 1800-2100 เยนต่อชุด อร่อยดี แต่ติดที่น้อยไปหน่อย เครื่องไม่ค่อยสะใจ ถ้าให้เทียบกินปิ้งย่างบ้านเราดีกว่า
เดินเหนื่อยมาทั้งวัน ปิดท้ายก็ไปลงบ่อน้ำร้อน onsen ในตัวเมืองซะหน่อย ราคา 1000 เยน
มีทั้งบ่อในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งภายในจะมี เครื่องนวดเท้า นวดตัว แชมพู ครีมนวด มีดโกนหนวด สำลีปั่นหู เจลใส่ผล เซรั่ม ฯลฯ เรียกได้ว่าอุปกรณ์ครบครันกันเลย
คืนนี้เรานอนกันที่ K' House Takayama เป็นที่พักแบบ Backpack โดยจะเป็นห้องนอนรวม 4 คน
ตกคนละ 780 yen (ผมได้พักกับฝรั่งชาติใดไม่แน่ใจ เพราะกว่าแกจะเข้าห้องมาก็ตี 3-4 ได้
กับสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกา ที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ - -") จบทริปคืนที่ 4
Day 5 (Nagoya)
วันนี้เราตั้งใจจะเดินทางไปเมืองน้ำพุร้อน ตั้งใจไป Gero เมืองน้ำพุร้อน เดินเล่นก่อนสัก 1 ชม
แต่ด้วยความล้าที่สะสมมาหลายวัน ทำให้เราหลับบนรถไฟจนนั่งเลยป้าย - -"
(จะย้อนกลับก็ไม่ได้ เพราะรถไฟที่นี่มาเป็นเวลา) เลยตัดสินใจไป ปราสาทนาโงย่าแทน
โดยที่ปราสาท ลานด้านนอกจะมีแสดงโชว์นินจา กระโดดตีลังกากันเก่งมาก
แม้จะจัดกลางแดด แต่ก็มีผู้ชมการแสดงอย่างล้นหลาม เด็กๆชอบกันมากหลังดูโชว์จบ ก็แวะเยี่ยมชมตัวปราสาท ซึ่งภายในจะเป็นพิพิธภัณฑ์ มีแบบจำลองปราสาท ดาบซามูไร ของเก่าแก่ในสมัยก่อน ให้ชมกัน
หลังจากนั้นเราก็ต่อรถบัส เพื่อไปลงยังสถานี TV tower โดยถือโอกาสเดินชมบรรยากาศสองข้างทาง
ระหว่างทางก็จะผ่านสวนสาธารณะ Central Park เดินต่อไปยัง Oasis21 เพื่อรอถ่ายรูปสวยๆยามค่ำคืน
หลังจากเดินมาทั้งวัน ก็เริ่มหิว จึงกลับไปหาของกินแถวๆสถานี แวะกินราเมง
ไปเจอร้านนึงในสถานี มีราคาพร้อมรูปประกอบ สั่งมาลองสักชาม เห็นชามแล้วขอบอกได้เยอะสุดๆ
ขนาดว่าเป็นคนกินจุแล้ว ยังกินไม่หมดเลย ส่วนรสชาติ ให้คะแนน 6/10
อิ่มกันแล้ว ก็ไปแวะเหล่เมดคาเฟ่ที่ don quijote ชั้นบน ชมความน่ารักสดใส ของสาวๆที่นี่
ที่พักวันนี้ที่เกือบจะไม่ได้พัก เนื่องจากเราทำผิดกฎ (ไม่คิดว่าการขอเข้าห้องน้ำนอกเวลาทำการ จะทำให้เกือบโดนไล่จากที่พัก แถมลุงเจ้าของพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง ได้แต่ say sorry เป็นสิบๆรอบ เฮ้อ~)
Business Hotel Oise ราคา 4,800 yen / 2 คน
ภายในมีแอร์ คอม ตู้เย็น ที่พักดี แต่ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องเวลา อย่าได้ทำอะไรผิดเชียว รับรองโดนบ่นหูช
Day 6 (Kawakuchigo)
ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เดินทางขึ้นรถไฟไปยังทะเลสาปคาวากูชิโกะ วันนี้มาเยือนภูเขาไฟฟูจิกัน^^
เดินไปยังศูนย์รถบัส meitsu bus center เดินทางบนรถบัส ใช้เวลาประมาน 4 ชมนิดๆ
หมอกวันนี้หนาตามากๆ ซึ่งค่อนข้างยากที่จะได้เห็นยอดเขา ได้เห็นแว่บๆระหว่างทางนั่งรถบัส
เมื่อมาถึงสถานี สามารถแวะซืิ้อตั๋วเพื่อเข้าชมงาน Shibazakura ได้ตรงลานด้านนอก
แผนการเดินทางประมานนี้ เมื่อถึงที่หมาย เราสามารถแวะเก็บของที่พัก ซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีมาไม่ไกล แล้วจึงนั่งรถบัสต่อเพื่อเข้าชมงาน Shibazakura
บรรยากาศภายในงานก็จะมีดอกไม้นานาชนิดให้ได้ชมกัน ตั้งใจจะมาถ่ายฟูจิซัง โดยมีแบล็คกราวเป็นสวนดอกไม้ แต่ที่ไหนได้...บนนี้ หมอกหนา ลมแรง มีฝนตกเป็นพักๆ มองไม่เห็นอะไรเลย แถมอุณหภูมิ 14 องศา เรียกได้ว่า หนาวววววววววววชิหายยยยยยยยยเลยยย
ตัดสินใจ ลงมานั่งรถบัสรอบทะเลสาป อย่างในภาพจะอยู่ที่ป้าย 21 oishi park แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะวันนี้เมฆหมอกหนาเกินจนมองไม่เห็นยอดเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะไปใหม่อีกครั้ง
หมอกหนาตลอดทั้งวัน ทำให้เราไม่สามารถเห็นยอดเขาฟูจิได้... T^T เซ็ง...ดูฟูจิจำลองก็ได้!
แบบจำลองอันนี้ จะเป็นตัวอย่างหินภูเขาไฟที่รวบรวมมาจากทั่วประเทศ
เดินจนฟ้ามืด รถบัสที่นี่หมดรอบสุดท้าย 5 โมงเย็น เลยตัดสินใจกลับที่พัก มาซัดของกินดีกว่า
หนาวๆแบบนี้ ต้องชาบูเท่านั้น สนนราคาคนละ 1000 เยน ได้ตามเซตนี้ อิ่มอร่อยฝุดๆ
ตกดึกออกไปเดินเล่นท่ามกลางความเงียบสงบ คนที่นี่ 2 ทุ่ม ทุกอย่างก็ปิดหมด ดูเงียบเหงาเหมือนกัน
ที่พักวันนี้ Koe House ราคา 1261.61 yen / 2 คนออกแนวสไตล์กึ่งๆเรียวกัง ห้องน้ำรวม
ได้นอนแบบนี้สักวันก็โอนะ
Day 7 (Kawaguchiko - Shinjuku)
ตั้งใจจะมาถ่ายฟูจิซังตอนเช้า เพื่อแก้ตัวเมื่อวาน แต่ก็ต้องอด เพราะฝนตกตลอดทั้งวัน เมฆหมอกบังยอดเขาตลอดทั้งวัน ได้แค่เดินเที่ยวตามป้ายรถรอบๆทะเลสาป ชมสถานที่เที่ยวรอบนอก และตัดสินใจเลื่อนไฟล์รถบัสไปโตเกียวเร็วหน่อย
ใช้เวลา ประมาน 2 ชม ก็มาถึง Shinjuku นำกระเป๋าไปฝากได้ที่ล็อคเกอร์ในสถานี จากนั้นฟรีไทม์
แวะซื้อของฝากที่ Don que jote แวะหาของกิน ข้าวหน้าเนื้อ กับแซลมอลย่างอีก เดินกันจนขาลาก ก็มารอขึ้น Night Bus เตรียมตัวกลับ Osaka เผลอแปปเดียว 7 วัน เริ่มคิดถึงอาหารไทยแล้วละ
คืนนี้นอน Night Bus จาก Tokyo ไป Osaka ราคา 4,400 yen / 1 คน หน้าตาประมานนี้
ถึง Osaka ก็เช้าพอดี ไม่มีอะไรเที่ยวนอกจากเรื่องกินๆๆๆละ วันนี้กลับไทย เฮ้!
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้
ค่าที่พัก
(Day1 - Osaka) Hotel Lucky 1,600 yen / 1 คน
(Day2 - Kyoto) Kyoto Guesthouse Hanari 1,900 yen / 1 คน
(Day3 - Kanazawa) Khaosan 1,473.14 yen / 2 คน
(Day4 - Takayama) K' House 1558.46 yen / 2 คน
(Day5 - Nagoya) Business Hotel Oise 4,800 yen / 2 คน
(Day6 - Kawaguchigo) Koe House 1261.61 yen / 2 คน
(Day7 - Tokyo-Osaka) นอน Night Bus 4,400 yen / 1 คน
ส่วนค่าอาหารการกิน ก็ตกที่มื้อละไม่เกิน 1,000-2,000 Yen/คน
ค่าตั๋วไป-กลับ (ดอนเมือง-โอซาก้า) ตกคนละ 7,948 บาท ไม่รวมโหลดกระเป๋าไม่รวมอาหาร
การเดินทางจะใช้ JR Pass ราคา 13,500 yen / คน
รวมเบ็ดเสร็จทริปนี้ 8 วัน 8 เมือง หมดไปราวๆ 50,000 เยน (15,000 บาท)
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
Freeman Rider
วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.