Cappadocia ดินแดนมหัศจรรย์
วันนี้ต้องตื่นกันเช้ามากกก เพราะต้องเคลื่อนย้ายตัวเองไปเมืองอื่นละค่ะ ละเมืองนั้นก็คืออออ….. Cappadocia นั่นเองง เราใช้บริการสายการบินของ Pegasus Airline ค่ะ ราคาไม่แรงเลย แต่ว่าต้องไปขึ้นที่ Sabiha Airport ซึ่งอยู่ที่ตุรกีฝั่งเอเชีย และไปลงที่สนามบินของเมือง Kayseri Airport ค่ะ พอถึงสนามบินที่นั่นแล้วจะต้องต่อรถไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง... ซึ่งเราได้ติดต่อรถพร้อมคนขับไว้กับทางโรงแรมแล้ว ตกคนละ 25 TL ค่ะ เค้าก็จะมารับถึงสนามบินพร้อมชูป้ายชื่อเรา และไปส่งเราถึงหน้าประตูโรงแรมเลยค่ะ
ความรู้สึกแรกที่เราเหยียบถึง Cappadocia ที่นั่นมีความรู้สึกแตกต่างจากอิสตันบูลโดยสิ้นเชิงมากเลยค่ะ ทั้งภูมิอากาศ และภูมิประเทศ.... คือให้ความรู้สึกเหมือนว่าไม่ใช่ประเทศเดียวกันเลยอะ ที่เมือง Cappadocia นั้นจะมีหินภูเขาอยู่เยอะมากก และถือว่าเป็นเมืองมรดกยูเนสโกที่สำคัญเลยค่ะ
Cappadocia เป็นเมืองที่เลื่องชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และที่สำคัญคือการขึ้นบอลลูนในตอนเช้านั่นเองงง ประวัติเมืองนี้น่าสนใจมากเพราะภูมิศาสตร์ของประเทศจะรายล้อมไปด้วยภูเขาหินต่างๆ นาๆ ชาวเมืองสมัยก่อนคริสตกาลสมัยโน้นนเค้าจะใช้โลหะไปตกแต่งก้อนหินภูเขาเหล่านี้ให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยบ้าง เป็นโบถส์บ้าง แต่กระนั้นสมัยก่อนมันจะมีพวกชาวตะวันออกมาบุกโจมตีและปล้นอยู่บ่อยๆ ชาวเมืองนี้จึงได้ทำการขุดอุโมงค์ใต้ดิน พีคเข้าไปอีกเพราะมีหลายชั้นมาก ทั้งอยู่อาศัย เก็บไวน์ เลี้ยงสัตว์ อยู่ร่วมกันหมดเลยจ้า
ถ่ายจากหน้าโรงแรมค่ะ ซึ่งโรงแรมที่ Cappadocia จะเป็นแนวถ้ำๆ ซะส่วนใหญ่
โรงแรมที่เราพักจะมีหมาอยู่ 2 ตัวค่ะ แต่ตอนเราไปมีมากกว่านั้นแล้ว เพราะเจ้าสองตัวนี้คลอดลูกออกมาเยอะมากกกก น่ารักมากเลยค่ะ
ไว้ผมหน้าม้าด้วยน๊าาาา....
ให้นมลูกน่ารักมากกกก
วิวจากบนที่พักค่า..
บน Terrace ของโรงแรมค่ะ
เก็บกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเสร็จเราก็เริ่มไปที่เที่ยวแรกกันเลย “Open Air Museum”
ค่าเข้าอยู่ที่ 30 TL ซึ่งเป็น Open Air จริงๆ ร้อนมากกกกกถึงมากที่สุด แนะนำว่าให้เรียก Taxi ไปจะดีกว่า อย่าเดินไปเลย ก่อนไปเราอ่านมาว่าสามารถเดินไปได้ ขาไปเราเลยเดินไป... ไม่ไหวค่ะ เกือบตาย ทรมารมาก อาจจะเป็นเพราะว่าอากาศที่ร้อนมากก แดดเผาสุดๆ คือมันไกลเอาเรื่องอยู่นะ ขากลับเราเลยโบก Taxi กลับเลยค่ะ หมดแรงจริงๆ ราคาค่า Taxi อยู่ที่ประมาณ 20 TL
ระหว่างทางที่เดินไป Open Air Museum ค่ะ
เจอน้องอูฐด้วยย แต่หากใครอยากจะถ่ายรูปก็ต้องเสียเงินนาจา
ด้านใน Open Air Museum ค่า
บริเวณนี้จะมีหินที่เป็นเนื้ออ่อนอยู่มาก ทำให้เจาะโพรงได้ง่ายมากทำให้เป็นที่อยู่อาศัยเอาไว้หลบพวกชาวตะวันออกได้ดี
อันนี้เป็นโบสถ์ที่คนสมัยก่อนเค้าเจาะเป็นรูปร่างต่างๆ
ที่ Cappdocia ดังในเรื่องของการปั้นหม้อ ปั้นไหดินเผามากค่ะ
Blue Evil Eyes คือสัญลักษณ์ประจำของตุรกี และเป็นความเชื่อในเรื่องของโชคลางที่พบเห็นได้ในหลายท้องที่ตั้งแต่สมัยกรีกและโรมันโบราณ ศาสนาอิสลาม ศาสนายูดาห์ แถบละตินอเมริกา อินเดีย อียิปต์ ฯลฯ ซึ่งเชื่อกันว่านัยน์ตาปีศาจจะนำโชคร้ายมาสู่ผู้อื่นด้วยการจ้องมอง เป็นดวงตาประสงค์ร้ายที่เกิดขึ้นจากความอิจฉาหรือความโลภในตัวผู้อื่น และเมื่อถูกจ้องมองด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉานี้แล้วผู้ถูกจ้องจะเกิดโชคร้าย และไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็จะเห็นเจ้านี่ทุกที่ ทั้งประดับตามบ้าน เครื่องประดับ หรือของที่ระลึก
อันนี้คือ Blue Evil Eyes ค่ะ จะพบเห็นได้ตามตุรกีในทุกที่
พอเสร็จจากการเดินเล่นที่ Open Air Museum เราก็ได้โบก Taxi กลับโรงแรมอย่างที่บอกค่ะ เดินต่อไม่ไหวจริงๆ เพราะอากาศร้อนมาก
กลับโรงแรมไปก็พักซักหน่อยเพื่อเตรียมตัวสำหรับตอนเย็น เราจะไปขับ ATV กันค่ะ ขับประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งมันคือที่สุดของวันนี้มากก สนุกสุดอะ ใครมาที่นี่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะมาขับ ATV เลย เพราะเค้าจะนำเป็นขบวนให้เราขับตามๆ กันไป ใครที่ไม่เคยขับมาก่อนก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะขับไม่ยากแค่ต้องควบคุมที่จับให้ดีๆ ทางก็ค่อยข้างเป็นเนิน หลุม บ่อเยอะ และเค้าพาเราไปลุยจริงๆ ฝุ่นนี่ตลบมาก ควรใส่แว่นกันแดด และพกผ้าปิดจมูก ปิดปากจากไทยไปด้วยนะ หนาๆ ได้จะยิ่งดีมาก
เค้าจะมีรถมารับเราถึงโรงแรมเพื่อไปยังจุดเริ่มต้นของ ATV ค่ะ
จุดหยุดจุดแรกค่ะ
เค้าพาเราไปหลายจุดมากๆๆๆ แต่ไม่ค่อยได้หยิบกล้องออกมาถ่ายค่ะ เพราะฝุ่นฟุ้งสุดๆ และจุดสุดท้ายที่ผู้นำ ATV พาไปสวยมากเป็นจุดดูพระอาทิตย์ตกดิน เนื่องด้วยวิวต่างๆ และทำให้เป็นจุดปิดที่ดีของวันนี้มากๆ
จบตอนที่ 4 แล้วค่ะ แปลกตาเลยใช่ไหมหละคะ แต่ละเมืองของที่นี่เค้าสุดจริงๆ และแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ..
ติดตามตอนก่อนหน้านี้ของเราได้ที่
หรือติดตาม Facebook Page ของเราได้ที่ Aood Around
Aood Around
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 12.23 น.