วันนี้ต้องเดินทางไปหลวงพระบาง พวกเราเลือกที่จะไม่จองตั๋วไว้เพราะอยากชิวๆ ไม่อยากเอาเวลามาเป็นตัวกำหนดให้ทำอะไร อ่านแล้วเป็นไงดูดีเลยสิ มันก็เป็นแบบนั้นถึงพวกเราจะไม่ได้จองตั๋วในเวลาที่ต้องการก็เถอะ มันทำให้พวกเราชิวสมใจอยาก พวกเราตื่นกันแต่เช้า (ก็ไม่เช้ามากประมาณ 9 โมงเช้า) สลับกันอาบน้ำแต่งตัว คนที่ยังไม่ได้อาบน้ำก็ไปดูคิวรถว่ามีกี่โมง ซึ่งบิ๊กออกไปจองไว้ให้รถมารับที่โรงแรมตอน 10.45 (เวลาไม่แน่ใจแต่ก็ประมาณนี้แระ)
ใกล้เวลารถออกแล้ว. . .
พวกเรา 4 คน นั่งรออยู่หน้าโรงแรม รออยู่นานเลยหล่ะ ดูเวลาอีกทีอ้าว !! มันเลยเวลามาแล้วนิ ก็เลยเดินไปถามคนที่จองตั๋วไว้ ว่าเมื่อไรรถจะมา พนักงานบอกว่าจองไว้ตอน 13.45 (เวลานี่จำไม่ได้แระแต่ก็ประมาณนี้แหละ) พวกเรานี่แบบ เอิ่ม !! แล้วยังไงต่อ ทำอะไรไม่ได้ จ่ายเงินไปแล้วด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะครับระหว่างที่รอก็ไปหาอะไรกินกันก่อนละกัน และแน่นอน 2 วันที่ผ่านมามันให้อะไรเราเสมอ ดังนั้นอาหารเช้าวันนี้ก็ต้องเป็นแซนวิซ แต่เราอยากชิวอีกสักหน่อย ร่างกายต้องการกาแฟ จัดหน่อยละกันวัดดวงดู เห้อออออ ฟ้าคงไม่เข้าใจ ซวยสุดๆ ไปเลย นี่กาแฟและแซนวิซของเรา
เพลียกับกาแฟมาก แต่ก็นะได้อารมณ์เหมือนชงกาแฟกินเองอยู่บ้าน แซนวิซถึงหน้าตาจะไม่ดูด๊เท่าวันก่อนแต่ก็รับได้ เราว่าคงจะดีกว่าอาหารอย่างอื่นแน่ๆ
เก็บตก เมืองวังเวียง
ทานอาหารเสร็จแต่เวลาก็ยังเหลือเยอะมาก เรากับบิ๊กตัดสินใจไปเดินชมเมืองวังเวียงอีกสักหน่อย ส่วนโตนกับน้องสาวกลับไปพักที่โรงแรม ในตัวเมืองเองพวกเราแทบไม่ได้เดินตอนกลางวันเลย วันนี้ขอหน่อยละกันคิดซ่ะว่าเป็นขอดีของการได้ขึ้นรถช้า ซึ่งจุดแรกที่เรากับบิ๊กเลือกที่จะเดินไปคือตลาดนัดหน้าตัวเมือง
ราคาสินค้าในตลาดนัดไม่แตกต่างจากไทยมากนัก เรากับบิ๊กเดินแค่รอบเดียว เพราะทุกอย่างดูเหมือนที่ไทยมาก ที่แตกต่างกันก็เห็นจะเป็นแค่สไตล์เสื้อผ้า ส่วนภาพสุดท้ายที่เห็นคือเวทีที่เมื่อคืนเขาจัดงานกัน เห็นสภาพตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนเช้าวันเปิดเรียนหลังจากที่มีงานโรงเรียน ฮ่า ฮ่า ฮ่า คำถามที่อยู่ในหัวเราคือ ใครจะเป็นคนเก็บ แล้วจะเก็บเมื่อไร
ตลาดร้อนอบอ้าวเกินไป แถมฝุ่นยังเยอะอีกด้วย เราสองคนจึงรีบเดินเข้าเมือง เดินดูเมืองอีกสักหน่อย ครั้งนี้เราสองคนเดินไปอีกทางที่ยังไม่เคยเดินไป เวลาเหลือเยอะนักใช่ไหม งั้นก็เดินให้มันสุดไปเลย ระหว่างทางพวกเราเจอวัดก็เลยแวะเข้าไปชมศิปะวัฒนธรรมบ้านเขาสักหน่อย
ยังแพงได้กว่านี้อีก เราว่าวัดแห่งนี้ยังทำให้ดูแพงได้มากกว่านี้อีก ทำเป็นจุดท่องเที่ยวได้อีก 1 แห่ง แค่ต้องทำความสะอาดและจัดวางอะไรต่างๆ ให้มันดีกว่านี้ก็เท่านั้น ไม่รู้สิเราก็แค่คิด หลังจากที่พวกเราแวะอาศัยร่มโพธิ์ ร่มไทร เพื่อคลายความร้อนของวัดแห่งนี้แล้ว เราสองคนก็ตัดสินใจเดินต่อไปเพราะเวลายังเหลืออีกเยอะเลย
เราสองคนเดินต่อไป เดิน เดิน เดิน เดินจนออกนอกเมือง เดินมาไกลเหลือเกิน เดินจนไม่ไหวกับแดดแล้ว ทั้งไกลทั้งร้อน เราสองคนจึงตัดสินใจกลับ จังหว่ะนั้นให้เดินกลับคงไม่ไหวรู้สึกว่าเดินมาไกลมาก นั่งถกลับดีกว่า แต่ก็นะไม่รู้ว่ารถคันไหนที่กลับได้บ้าง ปากนี่แหละคือกูเกิลที่ไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ต เราสองคนแวะซื้อน้ำและถามคนขายว่าจะกลับได้ยังไง แล้วก็ได้ความว่าต้องนั่งรถสองแถวสีขาว สีเหลือง กลับ
การเดินของเราสองคนในครั้งนี้ทำให้เราสองคนรู้ว่า เพรชที่แท้จริงอยู่นอกเมือง ไม่น่าเสียเวลาท่องราตรีในเมือง ในผับที่ซื่อ ซากุระ ตั้ง 2คืน พวกเราน่าจะไปผับนอกเมือง ผับที่เป็นของคนท้องถิ่น ผับที่คนท้องถิ่นเขาเที่ยวกัน ใครที่อ่านถึงตรงนี้ และมีแผนว่าจะไปเราแนะนำให้ไปเที่ยวราตรีนอกเมือง
ถึงเวลาตื่นเต้น
เรากลับมาทันเวลารถออก แต่ความตื่นเต้นก็เกิดขึ้นกับพวกเราทั้ง4 คน อีกครั้ง รถชน !!! รถตู้ของเราถูกรถกระบะชน พวกเราไม่เป็นอะไรปลอดภัยดีกันทุกคน แต่ก็ทำให้พวกเราไปต่อไม่ได้ ถกเถียงกันอยู่นานว่าใครผิด คนชนก็บอกกูไม่ผิด คนถูกชนก็บอกกูไม่ผิด สรุปคือตกลงกันไม่ได้ และพวกเราทั้งคันรถก็ต้องเปลี่ยนรถ ตอนแรกที่บอกว่าเปลี่ยนรถเราก็คิดว่าเปลี่ยนแล้วไปเลย แต่ไม่เลย ไม่ใช่ที่คิดเลยสักนิด ต้องรอรถอีกคันกำลังเข้ามาซึ่งจะถึงประมาณ 4 โมงเย็น เห้ยยยย คุณอ่านไม่ผิด และผมไม่ได้เขียนผิด ซ้ำไปกว่านั้นฝนตกด้วยจ๊ะ
เป็นวันที่โค ตะ ระ ซวย
พวกเรา 4 ชีวิต เดินทางถึงหลวงพระบาง ตอนสามทุ่มกว่าๆ และความซวยในซวยคือ โรงแรมที่จองไว้ไม่ยอมตัดบัตร โรงแรมยกเลิกการจ้องจ้าาาาา ช่วงเวลาสามทุ่มกว่าๆ พวกเราต้องเดินหาโรงแรมพัก ที่ยากคือสโตนกับน้องสาวไม่เอาโฮสเทล !! เอาว่ะ โรงแรมก็โรงแรมเดินกันเป็นกิโล เดินจนพระเจ้าเห็นใจ จนทำให้ท่านส่งแสงสว่างมาในรูปแบบป้ายโรงแรม “รามา โฮเทล”
สรุปในค่ำคืนนี้ พวกเราได้พักโรงแรมสมใจอยาก ตกคืนละพันเศษๆ “พระเจ้ามาทันเวลาเสมอ” แต่ก็เหนื่อยเหลือเกินวันนี้ ร่างจะแตกแล้ว !!
ราตรีสวัสดิ์
Pandacameraman
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.37 น.