กาลครั้งหนึ่ง.. ศรีสะเกษ | Once Upon a Time.. SISAKET
กาลครั้งหนึ่ง..
“เดี๋ยวไว้ว่างๆ จะลองไปเที่ยวนะ..”
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน.. เคยมีความตั้งใจอยากจะลองไปเที่ยว “จังหวัดศรีสะเกษ” ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่ไม่เคยได้มีโอกาสไปเยือนเลยสักครั้ง จะมีบ้างก็แค่โฉบๆ เฉี่ยวๆ แต่ไม่ได้แวะเที่ยวแบบจริงจังสักที ประกอบกับการได้ลองค้นหาดูสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัด ก็เห็นว่า.. น่าสนใจดี ถ้ามีโอกาสก็ต้องลองไปเยือนดูสักครั้ง จนเวลาล่วงเลยผ่านไป สุดท้าย..ก็ยังไม่ได้ลองไปสักที
เมื่อพอมีเวลาว่าง ทริปนี้.. ก็เลยเกิดขึ้น จะได้ไปเที่ยว “ศรีสะเกษ” สักที หลังจากที่เล็งๆ เอาไว้อยู่ตั้งนาน ออกเดินทางไปแบบไม่ได้วางแผน และ คาดหวังอะไรมาก คิดเอาไว้แต่เพียงว่า.. พอถึง ปลายทาง ก็จะได้ คำตอบ เอง!
ช่วงเวลาหนึ่ง.. ใน “ศรีสะเกษ”
อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไปสักหน่อย.. กับการเยือน ศรีสะเกษ ในครั้งนี้ ระยะเวลาเพียง 2 วัน 1 คืน ในการเที่ยวเฉพาะเขตตัวเมือง ที่มีรัศมีออกไปไม่ไกลมาก ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะข้อจำกัดด้านเวลาก็ส่วนหนึ่ง และ สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยม ก็ดูเหมือนจะกระจายตัวกันไกล อย่างเช่น ผามออีแดง ก็ต้องออกจากตัวเมืองไปค่อนข้างไกล ดังนั้น ในทริปนี้ ก็จะเป็นการวนเที่ยวในตัวเมืองศรีสะเกษ แวะไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญๆ โดยเฉพาะ วัดที่นี่ก็สวยงดงามมาก
และ เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตตัวเมืองศรีสะเกษ ก็ได้ลอง เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ไว้เป็นพาหนะคู่ใจในทริปนี้ ซึ่งก็ดูจะสะดวกและประหยัดดี พร้อมเดินทางไปทุกที่ดังตั้งใจ
ได้เวลา.. “ออกเดินทาง”
รถไฟขบวน 21 (ด่วนพิเศษ) ได้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางภาคอีสานของไทย โดยมีจุดหมายปลายทางของรถไฟอยู่ที่ จังหวัดอุบลราชธานี แต่.. จะเดินทางถึงจุดหมายของเราก่อน คือ สถานีรถไฟศรีสะเกษ ใน เวลา 13.18 น. ตามที่ระบุเอาไว้บนตั๋ว รถไฟขบวนนี้ค่อนข้างนั่งสบายเพราะแอร์เย็นตลอดการเดินทาง
ก่อนขึ้นรถไฟที่ต้นทาง ด้วยเกรงว่าจะหิวก็เลยจัดการหาอะไรใส่ท้องมาจนอิ่ม เป็นเสมือนเสบียงที่ตุนเอาไว้ในพุงของตัวเอง ไม่ให้รู้สึกหิวจนกว่าจะถึงปลายทาง แต่ก็ไม่ได้คิดว่า.. บนรถไฟขบวนนี้ จะมีอาหารและน้ำดื่มแจกด้วย
รถไฟวิ่งผ่านท้องนา ในช่วงเวลาของนาข้าวเขียวเต็มทุ่งก็ได้บรรยากาศดี มองชมวิวเพลินๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานก็เดินทางมาถึง สถานีรถไฟศรีสะเกษ
จะว่าไปแล้ว.. รถไฟขบวนนี้ก็รักษาเวลาได้อย่างดีเลยทีเดียว มาถึง สถานีรถไฟศรีสะเกษ ช้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟ ก็พบกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอ้าวอยู่พอสมควร ก็เลยคิดว่า.. เข้าโรงแรมเอากระเป๋าไปเก็บไว้ก่อนจะดีกว่า
พักกาย คลายร้อน.. ที่นอนใน “ศรีสะเกษ”
นั่งซ้อนวินมอเตอร์ไซค์ จากหน้าสถานีรถไฟ ให้ไปส่งที่ The Impress Sisaket Hotel ที่พักสำหรับทริปนี้ ซึ่งเป็นที่พักที่ดูใหม่และประหยัดดี ราคาตกคืนละประมาณ 400 บาท แต่ได้จองเอาไว้ล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมมา ทำให้ได้ส่วนลดลงมาหน่อย เหลือคืนละ 300 กว่าบาท ก็ถือว่า..โอเค แม้จะอยู่ห่างจากศถานีรถไฟไปสักหน่อยก็ตาม..
บรรยากาศบริเวณ The Impress Sisaket Hotel
ภายใน ห้องพัก ก็ดูสะอาดดี กว้างขวาง มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ ทั้ง เครื่องปรับอากาศ TV ตู้เย็น
ห้องน้ำ ก็มีผ้าขนหนู สบู่ แชมพู ไว้บริการ โดยรวมแล้วมาพักที่นี่.. ถือว่าคุ้มค่าดี
ประเด็นหลักที่ทำให้มาพักที่นี่ ก็คือ ทางที่พักมีบริการให้ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ก็ไม่แพง เพียง 200 บาทเท่านั้น
เที่ยววนไป.. ใน “ศรีสะเกษ”
เมื่อได้เก็บของ และพักหลบร้อนตากแอร์ให้หายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาที่จะลองวนเที่ยวภายในตัวเมืองศรีสะเกษ โดยขอแผนที่เที่ยวจากที่พัก มาลองเลือกจุดที่จะไปแวะเที่ยวดู ซึ่งก่อนอื่นก็ขอขับมอเตอร์ไซค์จากที่พักย้อนกลับไปเริ่มต้นที่ บริเวณ สถานีรถไฟ โดยมีจุดสำคัญใกล้ๆ กันก็คือ อนุสาวรีย์พระนางศรีสระเกศ
- อนุสาวรีย์พระนางศรีสระเกศ
อนุสาวรีย์พระนางศรีสระเกศ สร้างด้วยโลหะทองเหลืองรมดำ ขนาดเท่าคนจริง ตามตำนาน พระนางศรีสระผม (ชื่อเดิม) เป็นราชธิดาของ ท้าวสุริยวรมัน กับ พระนางพิณสวัณคราวดี ตำแหน่งเป็นอุปราชครองพิมานมงคลในแคว้นโคตรบูร พระนางศรีสระผม เป็นผู้อำนวยการสร้างปราสาทสระกำแพง เป็นผู้รู้วิชานาฎศิลปะ ชำนาญการฟ้อนรำ พระนางศรีสระผม ได้เข้าพิธีสรงสนานลงอาบน้ำสระผมในสระกำแพง แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศสวยงาม มีดนตรีบรรเลง ทรงฟ้อนรำบวงสรวงเดี่ยวหน้าเทวรูปพระวิษณุ อัญเชิญเทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ศักดานุภาพมารับมอบเทวาลัยเป็นที่สิงสถิต คนทั่วไปได้ซาบซึ้งและระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงได้เรียกขานว่า พระนางศรีสระผม ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าพระราชทานให้ตั้งเมืองใหม่ แยกจาก “เมืองขุขันธ์” ชื่อว่า “เมืองศรีสะเกษ” เพื่อเป็นการให้เกียรติและเป็นอนุสรณ์แก่ พระนางศรีสระผม ต่อมาได้มีการเปลี่ยนการเรียกชื่อรูปเคารพ ของ พระนางศรีสระผม (เดิม) เปลี่ยนเป็น “พระนางศรีสระเกศ” เพื่อให้สอดคล้องและกลมกลืนกับวัฒนธรรมและสังคมของเมืองศรีสะเกษ
- วัดมหาพุทธาราม(วัดพระโต)
ใกล้กันกับ อนุสาวรีย์พระนางศรีสระเกศ ก็จะเห็นทางเข้า วัดมหาพุทธาราม หรือ วัดพระโต วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองศรีสะเกษ
เดินเข้ามาภายในบริเวณวัด ก็จะมองเห็น วิหารหลวงพ่อโต เป็นวิหารขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 ภายในวิหารมีความใหญ่โตโอ่โถง แลดูสวยงามทั้งภายนอกและภายใน
“หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีลักษณะเด่น คือ พระพักตร์กลมกว้างและพระโอษฐ์หนา สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยขอม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองศรีสะเกษ
แวะเข้ามาสักการะ หลวงพ่อโต เพื่อความเป็นสิริมงคล
ภายในวิหาร ผนังโดยรอบประดับด้วย ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ดูงดงาม
Upper Cut Café คาเฟ่ร้านตัดผมสุดชิลกลางเมืองศรีสะเกษ
การนั่งอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์ ในสภาพอากาศที่เรียกได้ว่า ร้อนตับแตก ทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้นาน ต้องหาที่พักนั่งหลบร้อนสักหน่อย ก็เลยได้มาหาเครื่องดื่มเย็นๆ ตากแอร์เย็นๆ ใน ร้าน Upper Cut Café ที่ตั้งอยู่ไมไกลจากสถานีรถไฟ สามารถเดินมาจากสถานีรถไฟได้ แค่ 500 เมตรเท่านั้น
Upper Cut Café ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ดำออกแนวบาร์เบอร์วินเทจ มองแล้วสบายตา คาเฟ่แห่งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของ ร้านกาแฟ ที่มีกาแฟ และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ให้เลือกสั่งได้ตามความต้องการ และ อีกส่วนหนึ่ง ก็จะเป็น ร้านตัดผม แบบว่า.. ถ้าใครมาใช้บริการตัดผมที่ร้านนี้ ก็สามารถสั่งกาแฟมานั่งจิบ รอคิวตัดผมได้เลย!
เมื่อเข้ามาภายในร้าน จะพบกับความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งแตกต่างกับบรรยากาศอันร้อนอบอ้าว ภายนอกอย่างมาก ยิ่งช่วงเวลาที่อากาศร้อนๆ แดดแรงๆ มานั่งหลบร้อน ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ก็ช่วยคลายร้อนได้
ลองสั่ง “น้ำอัญชัน” มาลองสักหน่อย เหมาะกับช่วงสภาพอากาศร้อนๆ มาก ดับกระหายคลายร้อนได้อย่างดี
และ ที่ร้านก็มีเบเกอรี่ แบบ Home Made ทำเอง สดๆ เพิ่งออกจากเตาอีกด้วย
บรรยากาศเย็นสบายจึงทำให้เริ่มรู้สึกเพลิน จนไม่อยากออกไปเจอแดดข้างนอก ก็เลยคิดว่า.. ขอนั่งหลบร้อนต่อไปอีกสักพัก และก็สั่งอะไรมากินเล่นๆ ในระหว่างนี้ไป
ติดต่อร้าน Upper Cut Café
Tel : 086 143 7726
Line ID : Piknaja
Facebook : Upper Cut Café
หลังจากเดินออกจาก ร้าน Upper Cut Café ก็พร้อมที่จะเผชิญกับความร้อนภายนอกต่อ และดูเหมือนว่ายังหิวอยู่(ทั้งที่กินไปเยอะแล้ว) ก็ขอแวะชิมก๋วยเตี๋ยวข้างทางเพิ่มพลังก่อนสักนิด หน้าตาของก๋วยเตี๋ยวชามนี้ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่.. ก็อร่อยดี.. เสียดายที่รีบกินจนลืมจำพิกัดของร้านนี้ไป
สองล้อ พาไปใน.. “ศรีสะเกษ”
ช่วงระยะเวลาสั้นๆ 2 วัน นี้ ได้พาสองล้อคู่ใจ พาหนะของทริปนี้ ไปตะลอนเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในตัวเมืองศรีสะเกษ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็จะเป็นวัดสวยๆ เสียมากกว่า ซึ่งวัดของที่นี่ก็สวยและแปลกตาจริงๆ และ นี่คือ.. สถานที่ที่ได้แวะไปเที่ยวมาในทริปนี้
- วัดพระธาตุเรืองรอง
วัดพระธาตุเรืองรอง อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 7.5 กิโลเมตร เดินทางไปตามเส้นทาง สายศรีสะเกษ – อุทุมพรพิสัย แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลวง หมายเลข 2373 ก็จะพบกับ วัดพระธาตุเรืองรอง ซึ่งเป็นวัดที่มีความสวยงามมาก ยิ่งช่วงแดดจัดๆ แบบนี้ สะท้อนแสงได้สวยงามดี โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดย หลวงปู่ธัมมา พิทักษา เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
พระธาตุเรืองรอง เป็นอาคารที่มีการผสมผสานศิลปะอีสานใต้ 4 เผ่า ได้แก่ ลาว ส่วย เขมร และ เยอ มีความสูงทั้งสิ้น 49 เมตร แบ่งออกเป็น 6 ชั้น
- ชั้นที่ 1 เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแสดงวิถีชีวิตชนเผ่าลาว ส่วย เขมร และเยอ โดยมีหุ่นจำลองซึ่งแสดงถึงประเพณี วัฒนธรรม
- ชั้นที่ 2 – 3 เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านซึ่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ
- ชั้นที่ 4 เป็นจุดพักผ่อน
- ชั้นที่ 5 เป็นชั้นสำหรับทำสมาธิ
- ชั้นที่ 6 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมเกศาธาตุของพระอรหันต์ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม
บริเวณโดยรอบพระธาตุ ยังมีการตกแต่งพื้นที่โดยการสร้างแบบจำลองปูนปั้นปริศนาธรรม และแบบจำลองปูนปั้นประเพณี พิธีกรรมที่สำคัญของภาคอีสาน ที่มองเห็นเด่นๆ ก็อย่างเช่น แบบจำลองรูปปั้นพระโคที่สูงใหญ่มาก
เดินเล่นชมความสวยงามภายในบริเวณวัด และ พื้นที่ใกล้เคียง บรรยากาศดูเงียบสงบดีมาก
- วัดพระธาตุสุพรรณหงส์
วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ หรือ วัดบ้านหว้าน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองศรีสะเกษ ประมาณ 10 กิโลเมตร และอยู่ถัดจาก วัดพระธาตุเรืองรอง เพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าแวะ วัดพระธาตุเรืองรอง ก็แวะมาที่ วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ ด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดสวยที่ห้ามพลาด เห็นครั้งแรกก็รู้สึกสวยงามแปลกตาจริงๆ
ลักษณะเด่นของวัดแห่งนี้ คือ พระอุโบสถกลางน้ำบนทรงเรือสุพรรณหงส์ เป็นพระอุโบสถที่ก่อสร้างบนเรือสุพรรณหงส์จำลอง ลอยอยู่กลางน้ำอย่างสวยงามแปลกตา ตัวพระอุโบสถยาวถึง 13.60 เมตร มียอดมณฑปกลางอุโบสถ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
สามารถเดินเข้าไปชมความสวยงามภายใน พระอุโบสถ ที่ตั้งอยู่กลางน้ำได้อีกด้วย
- บ้านขุนอำไพพาณิชย์
บ้านขุนอำไพพาณิชย์ มีลักษณะเป็นอาคารแบบตึกแถวจำนวน 2 ชั้น 6 คูหา ตั้งอยู่ภายใน ตัวเมืองศรีสะเกษ เป็นบ้านของ ขุนอำไพพาณิชย์ (ทองอินทร์ นาคสีหราช) คหบดีชาวศรีสะเกษ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2468 ต่อมาเมื่อท่านเจ้าของบ้านถึงแก่กรรมแล้ว อาคารดังกล่าวได้เปิดให้เช่าเป็นที่พักอาศัยและประกอบการค้าเป็นเวลานาน จนในปี พ.ศ. 2523 อาคารมีสภาพชำรุดมาก อาจเป็นอันตรายต่อผู้พักอาศัยได้ ทางการจึงประกาศเป็นเขตหวงห้ามตั้งแต่บัดนั้น ต่อมากรมศิลปากรได้เข้ามาดำเนินการบูรณะ และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติในปี พ.ศ. 2537
บ้านขุนอำไพพาณิชย์ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ที่บอกเล่าถึงความเป็นอยู่ของคหบดีชาวศรีสะเกษในอดีตได้เป็นอย่างดี โดยชั้นบนได้จัดแสดงรูปภาพ ข้าวของเครื่องใช้ ของ ขุนอำไพพาณิชย์
และ ชั้นล่างเปิดเป็น ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก ของ จังหวัดศรีสะเกษ
- วัดหลวงสุมังคลาราม พระอารามหลวง
วัดหลวงสุมังคลาราม วัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองศรีสะเกษ เดิมชื่อว่า วัดศรีสุมังค์ ซึ่ง พระยาวิเศษภักดีศรีนครลำดวน (ชม) เจ้าเมืองศรีสะเกษ เป็นผู้ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2328 เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่บิดา คือ พระยารัตนวงศา (อุ่น) ขอแยกจากเมืองขุขันธ์ มาตั้งจังหวัดศรีสะเกษ ณ ปัจจุบัน
วัดแห่งนี้มีความสำคัญ คือ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระวิเศษมิ่งเมือง พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่สร้างขึ้นพร้อมเมืองศรีสะเกษ
- วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม
วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตั้งอยู่กลางเมืองศรีสะเกษ อยู่ไม่ไกลจาก วัดหลวงสุมังคลาราม พระอารามหลวง
เหตุที่ได้ชื่อว่า วัดเจียงอี ก็เพราะ “เจียงอี” เป็นภาษาพื้นบ้าน แยกออกได้เป็นสองศัพท์
“เจียง” แปลว่า “ช้าง”
“อี” แปลว่า “ป่วย”
รวมความว่า “เจียงอี” แปลว่า ช้างป่วย
- สนามศรีนครลำดวน สนามเหย้าของ ศรีสะเกษ เอฟ.ซี.
ปกติเป็นคนชอบดูฟุตบอลไทยอยู่แล้ว(เชียร์ทีมนครราชสีมา) การได้มาเยือนถึงถิ่น กูปรีอันตราย หรือ ศรีสะเกษ เอฟ.ซี. ก็ต้องแวะไปชมสนามเหย้าของ สโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ บ้าง (ช่วงที่เดินทาง ศรีสะเกษ เอฟ.ซี. ยังเล่นอยู่ในไทยลีก T1)
ในวันที่ไม่มีการแข่งขันมันบรรยากาศ ก็จะดูเงียบๆ หน่อย
สนามแห่งนี้ ความจุทั้งหมด 17,000 ที่นั่ง โดยประมาณ
ตอนแรกกะเข้ามาเพื่อชมบรรยากาศข้างนอกเล่นๆ แต่เดินเล่นวนไป.. วนมา.. ก็สามารถเดินเข้าไปดูบรรยากาศข้างในได้ ก็เป็นอีกสนามแข่งขันที่สวยงามดี เสียดายที่ไม่ได้มาในวันที่มีการแข่งขัน ไม่งั้นคงจะได้บรรยากาศคึกคักน่าดู เพราะเขาว่ากันว่า.. กองเชียร์ทีมนี้เชียร์กันสนุก และ ดุดันดี
- สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เป็นสวนสาธารณะประจำจังหวัดศรีสะเกษ มีเนื้อที่ 237 ไร่ ซึ่งกว้างขวางกว่าที่คิดไว้มาก ด้านหน้าจะมีลานจอดรถ ก็ต้องจอดรถเอาไว้ก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไปในสวน
ภายใน สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ มีพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี บริเวณทางเข้าสวนฯ โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเป็นประธานเปิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2543
สะพานข้ามลำห้วยบริเวณด้านหน้าทางเข้า สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
บริเวณภายในสวนบรรยากาศร่มรื่นมาก และที่สำคัญยังมีต้นลำดวน ซึ่งเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ ขึ้นอยู่หนาแน่นเหมาะแก่การศึกษาเชิงพฤษศาสตร์ โดยต้นลำดวนจะผลิดอกในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี
นอกจากนี้ ภายในสวน ยังมี สวนสัตว์ และ สวนสาธารณะ ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อน จึงสามารถพบเห็นประชาชนมากมาย รวมไปถึงเด็กนักเรียน ที่เข้ามาทัศนศึกษา ณ ที่แห่งนี้อีกด้วย
สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ)
ในช่วงยามเย็น แดดร่ม ลมตก ขอแนะนำให้มาที่นี่ เพราะบรรยากาศดีมาก ซึ่ง เกาะห้วยน้ำคำ อยู่ห่างจากตัวเมืองศรีสะเกษราว 4 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 98 ไร่ เดิมทีเป็นป่าและทุ่งนา จนปัจจุบันกลายมาเป็น อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำ สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองศรีสะเกษ ภายในประกอบไปด้วย ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมฯ อาคารจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ(SISAKET AQUARIUM) หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ สถานที่ออกกำลังกาย รวมถึงมีบริการให้ เช่ารถจักรยาน ปั่นรอบเกาะอีกด้วย โดยมี จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ดังนี้
- SISAKET AQUARIUM ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองศรีสะเกษ
SISAKET AQUARIUM ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองศรีสะเกษ เป็นอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลากหลายชนิด แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เช่น ปลาทะเล ปลาน้ำจืด ปลาสวยงาม โดยมีปลาน้ำจืดกว่า 79 ชนิด และปลาทะเลกว่า 22 ชนิด จำนวนรวมทั้งหมด กว่า 4,000 ตัว ถือเป็นอีกแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ
วันและเวลาทำการ : วันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10:00 น. - 16:00 น. (ปิดวันจันทร์)
ค่าเข้าชม : เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท (เด็กต่ำกว่า 100 เซนติเมตร ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เข้าชมฟรี)
หลังจากซื้อตั๋วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาชมบริเวณภายใน SISAKET AQUARIUM ซึ่งดูอลังการกว่าที่คิดเอาไว้มาก มีปลาหลากหลายชนิดจัดแสดงให้ชม พร้อมกับป้ายบอกรายละเอียดของปลาแต่ละชนิด
ไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่ อุโมงค์แก้ว ที่มีความยาว 24 เมตร สามารถเดินลอดอุโมงค์แก้วเพื่อชมโลกใต้น้ำได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และ สถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี
สามารถเดินชมได้อย่างเพลิดเพลิน ดูปลาว่ายน้ำไปมา จนลืมเวลาเลย
นอกจากนี้ กิจกรรมภายใน SISAKET AQUARIUM ก็ยังมี การโชว์ดำน้ำให้อาหารปลา บริการให้อาหารปลาคาร์ฟดูดขวดนม และ บริการสปาปลาบำบัด
- หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ
หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ เป็นหอคอยชมวิวเมืองศรีสะเกษ ตั้งเด่นอยู่กลาง เกาะห้วยน้ำคำ หอคอยมีจำนวน 16 ชั้น ความสูง 84 เมตร ชั้นล่าง เป็นนิทรรศการจัดแสดงประวัติ สถานที่สำคัญ บุคคลสำคัญของจังหวัดศรีสะเกษ ด้านบนสุด ของหอคอยเป็นห้องโถงจุดชมวิวสามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบทุกทิศทาง เปิดให้เข้าชมทุก วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 16.00 น. ค่าเข้าชม เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท (เด็กต่ำกว่า 100 เซนติเมตร ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เข้าชมฟรี)
บริการให้ เช่าจักรยาน ปั่นรอบบริเวณเกาะห้วยคำ ค่าบริการ 30 บาท ไม่มีจำกัดเวลา ยามเย็นแบบนี้ ก็ต้องมาออกกำลังกาย ปั่นจักรยานชมบรรยากาศดีๆ สักหน่อย
ในช่วงเย็นของทุกวัน ก็จะมีคนมาออกกำลังกาย ทั้งวิ่ง และก็ปั่นจักรยาน โดยบริเวณรอบ เกาะห้วยน้ำคำ ก็จะมีเส้นทางปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ระยะทางโดยรวมก็ประมาณ 3 กิโลเมตร
บรรยากาศในช่วงเย็นจะดีมาก เหมาะแก่การมาออกกำลังกาย
รอบๆ อ่างเก็บน้ำ ก็จะได้มุม และ บรรยากาศที่แตกต่างกันไป
ปั่นจักรยานครบหนึ่งรอบ พอเรียกเหงื่อมาได้หน่อย เหนื่อยกำลังดี ก็มาหามุมนั่งเล่นชมบรรยากาศริมน้ำ ก่อนที่ดวงตะวันจะลาลับไป..
สะพานดำออดหลอด
ถ้าวนเวียนอยู่ใน เมืองศรีสะเกษ อยู่สักพัก จะสังเกตุเห็น สะพานดำ และ สะพานขาว ซึ่ง สะพานดำ เป็นสะพานเหล็ก สำหรับรถไฟข้าม ห้วยสำราญ และ สะพานขาว เป็นสะพานคอนกรีต สำหรับยานพาหนะข้าม ห้วยสำราญ เช่นเดียวกัน โดยมีความเชื่อกันว่า.. ถ้าคนโสดนั่งรถไฟลอด สะพานดำ จะต้องมีคู่อยู่ที่ศรีสะเกษ ถือว่า "ออดหลอด" ซึ่งในภาษาอีสานแปลว่า ไปแล้วไม่คืนกลับ.. ก็เป็นเรื่องราวและความเชื่ออย่างหนึ่ง
ในช่วงตอนเย็น ก็เห็นคนมาเดินเล่น และถ่ายรูปเล่นที่สะพานแห่งนี้อยู่พอสมควร
ตลาดโต้รุ่งศรีนครลำดวน
ตลาดโต้รุ่งศรีนครลำดวน แหล่งของอร่อยยามค่ำคืน ตั้งอยู่ติด สถานีรถไฟศรีสะเกษ มีร้านค้าเยอะ และคนคึกคักมาก
ตลาดโต้รุ่งศรีนครลำดวน ก็เหมือนกับตลาดทั่วไป ที่ร้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารท้องถิ่นต่างๆ ทั้งของคาว ของหวาน ผักและผลไม้ สามารถมาเดินเล่น หาของกินได้ ราคาประหยัดดี
โจ๊กแอนนี่
โจ๊กแอนนี่ ร้านโจ๊กที่ตั้งอยู่หน้า สถานีรถไฟศรีสะเกษ ซึ่งถ้าใครจะเดินทางกลับ ออกจาก สถานีรถไฟศรีสะเกษ ในช่วงหัวค่ำ แนะนำมาฝากท้องก่อนขึ้นรถไฟได้
เมนูต่างๆ ของ ร้านโจ๊กแอนนี่ สามารถเลือกสั่งได้ตามความต้องการ มีทั้ง ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้ม รวมไปถึง ไข่กระทะ ก็มี
เฉพาะ เมนูโจ๊ก ก็มีให้เลือกแยกเป็น หมู ไก่ ทะเล อีก ก็เลยลองสั่ง โจ๊กหมู มาชิม เครื่องเยอะดีมากเลย อร่อยดี กินง่าย อิ่มสบายท้อง ก่อนเดินทางกลับ
ลาแล้ว.. “ศรีสะเกษ”
ได้เวลาอันพอสมควร.. ที่จะต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น จุดเดิมที่ได้เดินทางมา
“สถานีรถไฟศรีสะเกษ” ในช่วงหัวค่ำ จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่รอเดินทาง ซึ่งคงมีความเห็นตรงกันว่า.. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะให้ไปถึงปลายทาง กรุงเทพฯ ในเวลาเช้าพอดี นอนหลับในตู้นอนยาวๆ ไปได้เลย..
การเดินทางในครั้งนี้.. เป็นการเดินทางสั้นๆ ที่วนเที่ยวอยู่แค่ภายใน ตัวเมืองศรีสะเกษ เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาที่สั้น แต่..ก็ให้ความรู้สึกที่ดีเช่นกัน เป็นอีกหนึ่ง ความทรงจำดีๆ ของการเดินทาง ไว้มีโอกาสจะกลับไปอีกครั้งนะ!
กาลครั้งหนึ่ง.. “ดีใจที่ได้พบกัน”
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : [email protected]
Website : www.chailaibackpacker.com
CHAILAIBACKPACKER
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.17 น.