ปลายฝนต้นหนาวนี้มีที่เที่ยวกันหรือยัง?
ถ้ายังไม่รู้จะไปไหน เราอยากแนะนำ "ระนอง" จังหวัดน่ารักทางภาคใต้ ที่ได้ยินชื่อแล้วน่าลองไปเที่ยวสักครั้ง !!
เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยว ตามมาดูกันค่ะ : )
เราเดินทางไปเยือนเพื่อนใหม่ อย่างจังหวัด "ระนอง" ที่เรียกว่าเพื่อนใหม่ เราไม่คุ้นกับจังหวัดนี้เลย เป็นการไปเที่ยวในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ทริปนี้เริ่มจากที่เราพอมีเวลาว่างพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวช่วงปลายปีที่แล้ว ก็เลยอยากจะพาทุกคนไปพักผ่อนสบายๆ ไม่เน้นกิจกรรม จะเรียกว่าแค่เปลี่ยนที่นอนก็ไม่ผิด ><
เราเดินทางโดยรถบัสรอบกลางคืนจากกรุงเทพฯ ไประนอง ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงเห็นจะได้ ที่จริงแล้วจะนั่งเครื่องบินมาก็สะดวกดี แต่เรากลับชอบบรรยากาศในรถบัสมากกว่า เพราะได้มองวิวทาง เก้าอี้ก็ใหญ่นอนสบาย แถมยังโหลดกระเป๋าฟรีด้วย เราตื่นเช้ามาก็ถึงสถานีขนส่งระนอง รถตู้ที่ติดต่อไว้มารอรับพอดี ที่เราตัดสินใจเหมารถตู้เพราะครั้งนี้พาพ่อแม่มาด้วย อยากให้สะดวกสบายที่สุด วันแรกในระนองของเราเริ่มที่อาหารเช้าร้อนๆ ของร้านโรตีนิสรา ร้านอาหารเช้าเจ้าดังที่ได้ยินชื่อเสียงมานาน แล้วก็อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ
สถานที่แรกที่เราแวะกันคือ ภูเขาหญ้า เป็นเนินเขาเล็กๆ ที่ไม่มีต้นไม้ สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้รอบด้าน ช่วงที่เราไปกำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนของภาคใต้พอดีก็เลยได้สัมผัสบรรยากาศเย็นๆ ชื่นใจของไอฝนที่รายล้อมอยู่ แต่ถ้ามาในหน้าแล้งก็จะเห็นภูเขาหญ้าแห้งๆ สีน้ำตาลทองสวยงามไปอีกแบบ
เดินเล่นในทุ่งหญ้าแล้วก็เดินเข้าป่ากันต่อ เราไปกันที่ ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูงมาก เส้นทางเดินก็ไม่ลำบากเลย เพราะมีสะพานไม้สร้างทอดยาวเข้าไปในป่า พร้อมป้ายอธิบายเรื่องพืชและสัตว์ในป่าติดไว้เป็นระยะๆ ให้อ่านเพิ่มความรู้กันด้วย
เราบอกตามตรงว่าเมื่อก่อนเราไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับต้นไม้เขียวๆ มากมาย เพราะเห็นจนชินตา เราออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ มากมาย ทั้งภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง ทุ่งดอกไม้ ภูเขาไฟ ผ่านไปหลายปีสุดท้ายก็พบว่าภูเขาเขียวครื้มและป่าเมืองไทยนี่แหละที่ดูแล้วสบายตา อยู่ใกล้ๆ แล้วผ่อนคลายที่สุดแล้ว
ที่พักในครั้งนี้เราเลือกจองที่ โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้น รีสอร์ท โฮมสเตย์เล็กๆ กลางสวนที่เงียบสงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน เราอยากมาที่นี่นานแล้วตั้งแต่ได้เห็นรูปถ่ายครั้งแรก เราเลือกพักเตนท์ใหญ่ทั้งสองคืน แม้จะเป็นเตนท์แต่ก็สะดวกสบายมากๆ และอากาศก็ไม่ร้อนเลย มีบริเวณหน้าบ้านด้วยนะ มื้อเย็นที่รวมในค่าที่พักเป็นซีฟู้ดปิ้งย่าง มาเสิร์ฟให้ถึงหน้าเตนท์เลย
วันรุ่งขึ้นเราไม่มีแพลนไปทำอะไร กะว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่ ในบริเวณรีสอร์ทมีทั้งลำธาร แปลงผัก และมีศาลานั่งเล่นน่ารักๆ หลายจุด อาหารกลางวันเราก็สั่งกินจากที่นี่เหมือนกัน นั่งๆ นอนๆ มองสีเขียวของแมกไม้ ที่นี่เหมาะกับคนอยาก ‘เปลี่ยนที่นอน’ แบบเราที่สุด
คุณเตย เจ้าของรีสอร์ทบอกเราว่าวันนี้จะมีครูมาสอนทำผ้าบาติกและผ้ามัดย้อมพอดี เป็นรอบทดลองก่อนที่จะตัดสินใจเปิดสอนจริงในอนาคต เราเลยได้มีโอกาสเรียนไปด้วย เราชอบผ้าย้อมสีธรรมชาติอยู่แล้ว ยิ่งได้มาเห็นขั้นตอน ลองทำเองและได้ผลงานกลับไปใช้จริงที่บ้านด้วยมันช่างเป็นอะไรที่อิ่มใจที่สุด
เริ่มจากการปั๊มเทียนลงบนผ้า ซึ่งส่วนที่มีเทียนนี้จะไม่โดนสีย้อม พอล้างออกก็จะเห็นเป็นเส้นสีขาวบนพื้นสี
จากนั้นก็นำไปแช่สีย้อมและน้ำยาตามขั้นตอน สุดท้ายก็นำไปต้มเพื่อล้างเทียนออก มือเรากลายเป็นสีน้ำเงินไปด้วยเลย แต่พอเห็นผลงานก็ชื่นใจ
ทุกครั้งที่คุยกัน คุณเตยย้ำกับเราตลอดว่า ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดหรือยังไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตอนที่เราไป ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน หลายๆ จุดยังสร้างไม่เสร็จ บางอย่างไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือสะดวกสบายไปหมดเหมือนกับการนอนโรงแรมห้าดาว แต่เรากลับสัมผัสได้ถึงความใส่ใจอย่างเต็มล้นของที่นี่ เราคิดว่า "ความไม่สมบูรณ์แบบนี่แหละที่ทำให้ที่พักแบบโฮมสเตย์มีเสน่ห์ มันมีความเป็นกันเองและเข้าถึงง่าย"
เป็นความบ้านๆ ที่แสนจะลงตัว อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
นอกจากเตนท์แบบที่เรานอน ที่นี่มีเตนท์กระโจมสำหรับสองคน และมีบ้านหลังใหญ่สำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มด้วย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและจองที่พักได้ที่เพจ ‘Ton Phet Greenery Garden โตนเพชร กรีนเนอรี การ์เด้น’ ทางเฟสบุคเลย
สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะไปไหน เราฝากจังหวัดน่ารักแห่งนี้เอาไว้ในใจก็แล้วกันนะ ลองมาเที่ยวดูสักครั้ง รับรองว่าจะได้สัมผัสความน่ารักในทุกอณูอย่างที่เราได้เจอมาอย่างแน่นอน : )
ใครชอบเที่ยวเหมือนเราก็แวะมากด like & follow Facebook : thistrips กันได้นะจ๊ะ
หรือใครอยากชวนเราไปเที่ยวที่ไหน ก็แวะมาทักทาย Say hi กันได้เลยจ้าา
Thistrips
วันพฤหัสที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.00 น.