สืบเนื่องจากการไปเที่ยวชัยภูมิ สามารถอ่านได้ในลิงค์นี้

(รีวิว " ชมดอกกระเจียว เที่ยวชัยภูมิหน้าฝน" https://th.readme.me/p/19282 )

ยังเหลือวันหยุดอีก 2 วัน เราเลยขับรถไปขอนแก่นเพื่อทำบุญช่วงเข้าพรรษา

ตั้งใจจะนำตะเกียงเติมน้ำมันไปถวายที่พระธาตุขามแก่นค่ะ

ขับรถจากตัวเมือง จ.ชัยภูมิ มาเกือบๆสองชั่วโมง ก็ถึงพระธาตุขามแก่น เเต่ถ้ามาจากอ.เมืองขอนแก่นใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง


พระธาตุขามแก่นประดิษฐานอยู่ในวัดเจติยภูมิ เคยอ่านเจอว่าเป็นเจดีย์ที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของขอนแก่น อีกทั้งชาวขอนแก่นเคารพศรัทธามาก เชื่อว่าผู้ใดมาสักการะขอพรพระธาตุขามแก่นจะได้สมตามที่ปรารถนา

เรามาสักการะองค์พระธาตุก่อน ปักธูปเทียนเสรฺ็จ ต่อด้วยเดินเวียนสามรอบ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพสักการะบูชาต่อพระรัตนตรัยค่ะ

หลังจากถวายตะเกียงเติมน้ำมันเเล้ว

เราเดินลัดเลาะมาที่พุทธอุทยานภูมิศักดิ์แก่นขาม (อยู่ติดกับทางเข้าวัด) ภายในพุทธอุทยานฯร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีพระพุทธรูปให้เราได้กราบไหว้


ทำบุญอิ่มใจเเล้ว ไปอิ่มท้องกันค่ะ

เข้ามาที่ตัวเมืองหลังมหาวิทยาลัยขอนเเก่นเพื่อมาทาน "เเล้วเเต่กระเพราเเท้"

เคยเห็นออกรายการโทรทัศน์ เเละฮือฮาในโซเชียลมีเดียต่างๆอยู่พักหนึ่ง ด้วยการนำอาหารใส่ภาชนะเเปลกๆ เช่นกาน้ำ ครก ตราชั่ง เเละอีกมากมาย มาลุ้นกันค่ะว่าเราจะได้ภาชนะเเบบไหน

ได้ชามข้าวน้องหมาบรรจุกระเพราไก่สับไข่ข้นค่ะ

ถ้าใครอยากใส่จานธรรมดาสามารถเเจ้งน้องที่ร้านได้ จานนี้คือกระเพราหมูสับไข่ข้น กระเพราที่นี่สำหรับเราอร่อยดีนะคะ เป็นกระเพราที่มีเเต่เนื้อสัตว์เเละใบกระเพรา ไม่มีผักอื่นๆใส่มาด้วย

ร้านเเล้วเเต่กระเพราเเท้ เปิด 2 รอบ ได้แก่ 11.30 - 15.00 น. และ 17.00 - 21.00 น. สำหรับวันเสาร์อาทิตย์จะมีเมนูกระเพราเนื้อเพิ่มขึ้นมาค่ะ

ก่อนข้าที่พัก เราเเวะมานั่งชิลล์ที่ร้าน "ธรรมดา เเสนพิเศษ" เเค่เห็นชื่อก็อยากมาเเล้วค่ะ

ร้านอยู่หลังม.ขอนเเก่น ฝั่งกังสดาล หน้าร้านมีที่จอดรถค่ะ

สะดุดตากับประตูสีเเดง มองไปข้างๆจะเห็นวินโดว์ มีเวลาเปิด-ปิด (10.00-23.00น.)เเสดงอยู่ ร้านเปิดทุกวันนะคะ

ภายในร้านมีที่นั่งพอสมควร

ชอบมุมนี้ รูปวาดบนเเผ่นกระดาษน่ารักดีค่ะ

เมนูเครื่องดื่มมีหลากหลายมาก สั่งลาเต้เย็น ตัวกาแฟไม่เข้มมาก กลมกล่อม

เราชอบดื่มกาแฟ เเต่ไม่ใช่คอกาแฟ งงไหมค่ะ

คือไม่ค่อยรู้เรื่องเมล็ดกาแฟ หรือวิธีชง การคั่ว ชอบกาแฟที่ไม่เข้มจนเกินไป เเละหวานน้อยค่ะ

กล้วยหอมช็อคโกเเลตปั่น รสชาติเข้มข้น หอมกล้วย

ส่วนขนมเราเลือกทานเเพนเค้กท็อปด้วยไอศกรีมทานคู่กับกล้วย องุ่น วิปครีม เเละเวเฟอร์ช็อคโกเเลตเเบบเเท่ง ทานเเล้วเข้ากันดีค่ะ

เรานั่งเล่นที่ร้านนี้อยู่พักใหญ่ ชอบบรรยากาศที่ไม่พลุกพล่าน นั่งสบาย รู้สึกว่าอยู่ที่นี่เเล้วชีวิตช้าลง

ดูนาฬิกาอีกทีบ่ายสามโมงเเล้ว ได้เวลาเช็คอิน ที่โรงเเรม " The Terminal " ตั้งอยู่ใกล้กับบึงเเก่นนครเเละตลาดต้นตาล เราจะมาใช้ชีวิตเสมือนอยู่บนรถไฟกันค่ะ

ที่ว่าเสมือนอยู่บนรถไฟเพราะการตกเเต่งของที่นี่เหมือนจำลองสถานีเเละตู้โดยสารรถไฟมาเลยค่ะ

บริเวณเคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้าให้ความรู้สึกราวกับอยู่สถานีรถไฟ

เดินทะลุประตูอีกฝั่ง เห็นรางรถไฟก็เริ่มพอเข้าใจเเล้วค่ะว่าทำไมการตกเเต่งถึงเป็นเเบบนี้ คงจะได้ไอเดียมาจากสถานที่ๆตั้งใกล้ทางรถไฟ

กลับเข้ามาเห็นบันไดขึ้นชั้นสองเลยขอไปดูสักหน่อย

ชั้นสองเป็นห้องพักเช่นเดียวกับชั้นหนึ่ง เเต่คิดว่าชนิดของห้องคงคนละเเบบกันค่ะ

มีโซนให้นั่งเล่น

มาที่ห้องพักกันบ้าง ขนาดห้องไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป

เปิดเข้ามาจะเจอเก้าอี้นั่งเเบบเดียวกับในขบวนรถไฟ

หัวเตียงเข้ากับเก้าอี้มากๆค่ะ เตียงนอนสบาย สะอาด

ห้องน้ำกว้างพอสมควร

คูปองสำหรับทานอาหารเช้าเหมือนตั๋วรถไฟจริงๆค่ะ นอกจากนี้ทางโรงเเรมยังให้ส่วนลดค่าอาหารสำหรับร้าน Terminal Cafe ตั๋วส่วนลดได้ห้องพักละ2ใบ ไม่เเน่ใจเหมือนกันว่าเค้าเเจกตลอดรึเปล่านะคะ

ด้วยความเห็นส่วนลดเป็นไม่ได้ พร้อมทั้งฝนทำท่าจะตก เลยลงความเห็นกันว่าทานอาหารเย็นที่ Terminal Cafe เลยล่ะกัน ร้านเดินไม่กี่ก้าวจากตัวโรงเเรมก็ถึงเเล้วค่ะ อยู่ติดๆกัน

ร้านเป็นสไตล์รถไฟเช่นเดียวกับโรงเเรม

มีที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ด้วย

ชั้นบนสว่างสดใสต่างกับด้านล่าง

มองหน้าต่างออกไปเห็นวิว (จำลอง)

อยากสูดอากาศ ชมรางรถไฟ มีระเบียงด้านนอกนั่งได้ค่ะ


Terminal Cafe มีทั้งอาหารไทยเเละฝรั่ง ของทานเล่นเเบบไทยๆก็เยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งโสร่ง ล่าเตียง ถุงทอง อาหารจานเดียวก็น่าทานหลายเมนู กาแฟก็มีนะคะ

เราสั่งมาทั้งหมดสี่จาน ที่นี่ทำอาหารรสชาติดีมาก เมนูที่ชอบที่สุด คือ ผัดสามเหม็น เป็นการรวมตัวของสะตอ กระเทียม ชะอม เเละเมนูที่สนุกที่สุด ได้แก่ ข้าวพริกขิงกากหมู+ปลาสลิด จะเห็นว่ามีถ้วยเปล่ามาให้ด้วย เราต้องนำข้าวมาใส่ลงในถ้วยเเละนำน้ำพริก กากหมู ถั่วฝักยาวมาคลุกให้เข้ากันค่ะ

ถ้าไม่ได้พักที่นี่ก็เเวะมาทาน Terminal Cafe ได้ค่ะ ร้านเปิด 09.00-23.00 น.

ทานข้าวเสร็จเราไปเดินเล่นตลาดต้นตาล เเล้วกลับมาพักผ่อน สลบกันตั้งเเต่ยังไม่สามทุ่ม

ก่อนที่จะเช็คเอาท์ เรามาทานอาหารเช้าที่ Terminal Cafe (รวมอยู่ในค่าโรงเเรมเเล้ว)

มีน้ำส้ม น้ำเก็กฮวย สลัด ซีเรียลใส่นม กาแฟ ขนมปังปิ้ง

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอาหารจานเดียวได้อีกคนละหนึ่งอย่าง จำเมนูที่ให้เลือกทั้งหมดไม่ได้ค่ะ เเต่มีหลายเมนูอยู่ เราเลือกข้าวผัดรถไฟเเละข้าวต้มหมู

อิ่มท้องเเล้วพร้อมออกเดินทาง เช้าๆเเบบนี้ไปทำบุญกันค่ะ ขับรถเเป็ปเดียวไม่เกิน 10 นาที

ถึงวัดหนองเเวง


เราจะมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า(ส่วนอก) ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระมหาธาตุแก่นนคร

พระมหาธาตุแก่นนครเป็นพระธาตุเก้าชั้น เเต่ละชั้นจะมีพิพิธภัณฑ์ รวบรวมของเก่า พระธรรม คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เเละที่สำคัญคือพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

พอสักการะพระบรมสาริกธาตุเสร็จเราก็กลับเลยค่ะ ไม่ได้เดินขึ้นไปข้างบน เนื่องจากทางวัดยังไม่เปิดให้ขึ้น คงเป็นเพราะเรามาถึงยังเช้าอยู่ ไม่เเน่ใจว่าปกติเปิดให้ขึ้นเเต่เช้ารึเปล่านะคะ

จุดต่อไปเเวะทานกาแฟที่ Class Cafe ร้านอยู่ด้านหน้าโครงการ VOA SPACE ถนนมะลิวัลย์ จริงๆร้านนี้มีหลายสาขาท้ังที่โคราช อุดรธานี บุรีรัมย์ ขอนแก่น รูปแบบการตกเเต่งเป็นสไตล์ Industrial Loft

เมล็ดกาแฟมีทั้งเเบบธรรมดา เเละเมล็ดกาแฟนำเข้า ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนชนิดไปในแต่ละสัปดาห์

เราสั่งลาเต้ ไม่ใช่เมนูsignatureของที่นี่ เเต่เป็นเมนูโปรดของเรา ตอนนั้นทางร้านมีโปรโมชั่นเเถมชาเย็น เลยได้ชาเย็นมาทานฟรี อร่อยด้วยค่ะ

ลืมบอกไปว่า Class Cafe เปิดทุกวัน ตั้งเเต่ 7.00 – 21:00 น.

ระหว่างนั่งจิบกาแฟ เราพยายามโทรหาพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เพราะเกิดสังหรณ์ใจว่าวันนี้

จะปิดบริการ กว่าจะมีคนรับนานมาก เเละก็จริงตามที่คิดพิพิธภัณฑ์ปิดวันจันทร์ ไอ้เราก็นึกว่าวันหยุดนักขัตฤกษ์เเบบนี้จะเปิดเป็นพิเศษ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าคิดไปเอง ไม่เเน่ใจให้โทรเช็คเเต่เนิ่นๆ เฮ้อออออ

เอาเป็นว่าโปรแกรมดูไดโนเสาร์ถูกพับไป เราเลยตัดสินใจขับกลับกรุงเทพฯเลยดีกว่า เพราะหนทางอีกยาวไกลเหมือนกัน เเต่ก่อนจะจากขอนเเก่นเราเเวะไหว้ศาลหลักเมืองค่ะ อยู่ไม่ไกลจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า

สามารถจอดรถตรงบริเวณศาลหลักเมืองได้เลยค่ะ

ศาลหลักเมืองขอนแก่น ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองขอนแก่น ที่แปลกตาคือมีการรวมเอาวัฒนธรรมเเบบไทยเเละจีนเข้าด้วยกัน จะเห็นว่ามีเสาฟ้าดิน เตาเผากระดาษเเบบจีนด้วยค่ะ พอได้อ่านประวัติพบว่าศาลหลักเมืองนี้เป็นการร่วมเเรงร่วมใจสร้างของคนจีนเเละคนไทย มีการอัญเชิญอากงอาม่าอยู่ร่วมกันกับหลักเมือง คนจีนจะเรียกว่าศาลหลักเมืองกง

หลักเมืองภายในอาคารค่ะ

เมื่อไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จเเล้ว เรามุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯกันทันทีพร้อมกับความสุขจากการได้ทำบุญเเละกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสียดายที่มีเวลาเที่ยวขอนเเก่นเเค่ 1 วัน กับอีกครึ่งวัน มีอีกหลายที่ๆอยากไป เอาไว้มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวขอนแก่นอีกเเน่นอนค่ะ

ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้นะคะ :)

หมายเหตุ ทั้งทริปใช้ google map ในการนำทาง



ความคิดเห็น