สวัสดีครับ เพื่อนๆ นี่เป็น บันทึกการเดินทาง เล่นที่ 6 ของ Number6 นะครับ

สำหรับบันทึกการเดินทางเล่มนี้ จะเป็นบันทึกการเดินทางเล่นแรกที่มี คุณแม่ ของผมร่วมเดินทางไปด้วย และผมยังพาท่านไปไกลถึง ประเทศสิงคโปร์ ก่อนอื่นขอเล่าให้ฟังก่อนนะครับ คือ

ตัวผมเองนั้น ตั้งเป้าหมายไว้ว่า อยากเดินทางไปเที่ยวต่างอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง ก็ยังดี และผมก็ได้เริ่มเดินทางมาตั้งแต่ปี 2558 แล้วละ แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักกับ Readme และด้วยการผมเป็นคนที่เขียนบรรยายไม่เป็น ไม่เป็นแม้กระทั่งจดบันทึก แต่โชคยังดีที่ผมชอบการถ่ายภาพ ถึงมันจะไม่ได้สวยอะไรมากมาย แต่ก็ใช้เก็บความทางจำได้ดีที่เดียว เอาล่ะ โม้มาหลายบรรทัด ที่ผมจะบอกคือ ความตั้งใจของผมที่จริงก็คือ "การได้พาแม่ผมไปเที่ยวด้วยกันกับผมทุกที่"

และเมื่อต้นปี 2561 นี้ ผมก็คุยกับแม่เรื่องจะไปเที่ยวต่างประเทศ และผมก็ได้ยินคำพูดหนึ่งคำออกจากปากแม่ของผมว่า " เออ ถ้ามีโอกาสก็อยากไปสักครั้ง ยังไม่เคยนั่งเครื่องบินเลย ยังไม่เคยไปต่างประเทศเลย อยากลองสักครั้งเหมือนกัน" แล้วก็บอกกับผมต่ออีกว่าให้ผมถ่ายภาพมาเยอะๆ จะได้เก็บไว้ดู เพราะแม่รู้ว่ามันใช้เงินเยอะ ในการที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ

จากนั้นผมก็เอาคำพูดนี้ไปคิด และสร้างแผนการเพื่อสร้างความตกใจและตื่นเต้นกับแม่ คือผมแอบเอาเงินเก็บมาจองตั๋วและที่พัก สำหรับผมและแม่ โดนที่ไม่บอกท่านเลย และเมื่อใกล้ถึงวันที่จะไป

ผมจึงบอกแม่ว่า ไปกับผมนะ 4 วัน 3 คืนเอง แป๊ปเดียว เดี๋ยวจะพาไปทำ Passport แต่ว่าผมไปแบบ Backpacker นะ เดินเที่ยว กินถูก และงดของฝาก กับสถานที่เสียเงินโดนไม่จำเป็น

คำตอบที่ได้มาจากแม่ คือ "ไปๆ ต้องเตรียมอะไร ยังไงบ้าง อยากไป"

เพียงแค่นี้ผมก็รู้สึกดีใจที่ตัวเองสามารถพาแม่ไปในที่ที่ท่านอยากไปได้แล้ว เหมือนตอนเราเด็กๆที่อยากไปแล้วท่านก็พาเราไป . . . . หากพวกเพื่อนๆมีเวลา อย่าลืมพาแม่ไปเที่ยว เพื่อให้ท่านรู้สึกว่าเราไม่เคย "ลืมท่านเลย แม้จะทำงานไกลบ้าน" เอาล่ะ

เผลอโม้ให้ฟังอีกละ ในรีวิวนี้ผมจะบอกทุกรายละเอียดการเดินทาง และสถานที่ที่ผมไป เพื่อให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆมากที่สุด และหากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ และช่วยแนะนำเพิ่มเติมให้ด้วยก็จะดี


ปล. ภาษาอังกฤษผมแค่ งูๆ ปลาๆ นะครับ ฟังออก ตอบเป็นคำ ส่วนแม่นั้น ไม่รู้เลย


วันที่ 1 (19 ก.ย. 2561)

ผมและแม่เดินทางด้วยสายการบินยอดนิยมของพวก ตังค์น้อย Air Asia ด้วยราคา ไป-กลับ 7600 บาท

ราคานี้รวมโหลดกระเป๋า 20 กิโลกรัม และ อาหารบนเครื่อง ทั้งขาไปและขากลับ

นั่งเครื่องบินมาประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงสิงคโปร์ และหลังจากลงจากเครื่อง อย่างแรกที่เราเจอคือ การตรวจกระเป๋าก่อนเข้าสนามบิน ซึ่งผมไปประเทศอื่นๆมา ยังไม่เคยเจอลักษณะนี้ ทำให้ตกใจนิดหน่อย และเจ้าหน้าที่ค่อยข้างดุและหน้าตาน่ากลัว ผมกลัวว่าแม่จะมีปัญหา เพราะเราต้องยืนแยกช่องการตรวจ

เมื่อผ่านการตรวจกระเป๋าและเข้าสู่ทางเดินไป ตม.ตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ระหว่างทางมีตู้กดน้ำดื่มและเครื่องรับรหัส WIFI เพื่อใช้งานในสนามบิน ฟรี 3 ชั่วโมง


หลังจากที่รับรหัส WIFI เรียบร้อย พวกเราก็เดินต่อเพื่อไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง จุดนี้ไม่สามารถถ่ายรูปได้นะครับ ผมจึงไม่ได้ถ่ายมาให้ชม วิธีผ่าน ตม. ผมให้แม่ยืนหน้าผม และผมอยู่คิวต่อไป เพื่อว่า ตม. มีคำถามผมจะได้เดินเข้าไปตอบให้

เทคนิคของผมผมได้ทำการ ปริ้นเที่ยวบินทั้งขามาและขากลับ ชื่อโรงแรมและที่อยู่ รวมไปถึงตารางการท่องเที่ยว ผมบอกแม่ว่าให้ยื่นพร้อมกับพาสสปอตเลย ถ้าเขาไม่ดูเขาจะยื่นกลับมาเอง

หลังจาก ตม. มาก็จะเจอกับจุดรับกระเป๋า และหลักจากที่พวกเรารับกระเป๋าเรียบร้อย พวกเราก็เดินหาร้าน Cheer เพื่อรับ Sim Card ซึ่งผมจองไว้ 2 อัน ราคา 600 บาทไทย เพื่อผมและแม่ ผมจองผ่าน Klook ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อเองที่สนามบินประมาณ 200 บาทไทย

เอาละ !! หลังจากรับ ซิม ถึงเวลาที่ต้องเดินทางเข้าเมืองสักที พวกเราเสียเวลาในสนามบินหลังจากลงเครื่องประมาณหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที

การเดินทางเข้าเมือง ให้มองหาป้าย Train to city และเดินตามไปเรื่องๆ หลังจากนั้นจะเจอ ป้าย Shuttle Bus T4 to T2 ให้เรารอรถบัสเพื่อเดินทางไป Terminal 2 เพราะสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอยู่ที่ Terminal 2

สำหรับการซื้อตั๋วรถไฟฟ้าของสิคโปร์ คล้ายๆ ที่ประเทศไทยบ้านเราครับ คือจะมีหน้าจอแสดงสถานีรถไฟฟ้าให้เราเลือก เพียงเราจิ้มไปที่สถานีที่เราต้องการ แล้วหน้าจอจะปรากฏค่าใช้จ่ายและจำนวนบัตรที่เราต้องการได้

สำหรับการดูสายรถไฟ ไม่ยากครับ !! ภายใต้คำนี้ ผมเดินวนเป็นสิบรอบกว่าจะรู้เรื่อง ฮ่าๆๆ

รถไฟฟ้าของ สิงคโปร์ มี 2 สายหลักๆ ที่จะใช้งานกันบ่อยๆ คือ สีฟ้าและสีเขียว

การใช้งานรถไฟฟ้า ไม่ต้องคิดว่าซื้อสายสีอะไร หรือจะขึ้นสีอะไรได้บ้าง เวลาเราซื้อเราเลือกสนานีที่ต้องการ จากนั้นเลือกเลยครับว่า สายไหนใกล้กับที่เราจะไปมากที่สุด ก็กระโดดขึ้นไปเลย ตรรกนี้ใช้ได้ทั้ง ตั๋วแบบซื้อเดินทางครั้งเดียว และ Singapore Tourist Pass นะครับ

ปล. ส่วนสายอื่นๆ ก็ใช้งานคล้ายๆ กันครับ เพียงแต่ผมไม่ได้ใช้ ฮ่าๆ

ต่อครับ พวกรานั่งรถไฟฟ้าจากสนามบิน หรือ Changi Airport(CG2) มาลงที่ Tanah Merah(EW4) เพื่อเปลี่ยนขบวนรถไฟ และจะนั่งต่อไปลง Bugis (EW12) หรือหากผมลงที่ Expo(CG1) ผมจะต้องใช้สายสีฟ้าเพื่อไปลง Bigis(DT14)

เมื่อมาถึง Bugis Station พวกเราก็เดินไปที่โรงแรม เพียง 5 นาทีก็ถึง Nuve Hotel


เมื่อเก็บของเสร็จ และยังไม่ดึกมานั้น พวกเราตัดสินใจว่าเดินไปที่ Mr.Merlion หรือเจ้าสิงโตที่มีตัวเป็นปลา และเป็นสัญญาลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์นั้นเอง ผมใช้ Google Map ดาวน์โหลด Map แบบ Offline ไปนะครับ มันจะเสถียรกว่าสัญญาณเน็ตที่เราใช้ มั้ง ผมคิดเอง

เดินอยู่นานครับ เริ่มเหนื่อยและยังอีกไกล ไม่ถึงสักที ทั้งๆที่ใน Google Map บอกว่า 28 นาทีเท่านั้น ผมเลยพาแม่กลับ โรงแรมและตัดสินใจว่า จะไม่เดินแล้ว พรุ้งนี้จะซื้อบัตร Singapore Tourist Pass และใช้รถไฟฟ้าไปที่ที่ใกล้ที่สุด เพราะว่ากลัวร่างกายของแม่อ่อนเพลียแล้วจะเที่ยวไม่สนุก

ปล. ก่อนมาที่สิงคโปร์ผมคำนวนค่ารถไฟฟ้า แบบ Ez link มันถูกกว่า Tourist Pass ถ้าเราเดินไหม แต่กลับต้องคิดใหม่ครับ ถนนและเส้นทางของสิคโปร์เดินยากครับ ไฟแดงเยอะ อากาศร้อนแต่ไม่มากนัก ที่สำคัญน้ำแพงครับ

และนี่คืออาหารมื้อแรกของพวกเราที่ สิงคโปร์ พวกเราแวะที่ Heritage Street ใกล้ๆโรงแรมเพื่อทานอาหาร และเข้าโรงแรมพักผ่อน

ค่าเสียหายในวันนี้ทั้งหมด

- ตั๋วรถไฟจากสนามบิน 2 คน 4.60 SGD

- ตั๋วรถไฟจาก City Hall กลับมาที่ Bugis (โรงแรม) 2 คน 3 SGD

- ข้าวที่ Heritage Food Street 2 คน 13 SGD

- ขนมปัง 7-11 สำหรับกินกับกาแฟตอนเช้า 1 SGD

รวมทั้งหมด 2 คน พวกเราใช้เงินไป 21.6 SGD ***ปล. ทั้งหมดนี้คูณด้วยเงินไทย 24.28 บาท***

เพื่อไม่อยากอ่าน ก็กดดูเอาครับ ระเอียดพอๆ กันแหละ !!


วันที่ 2 (20 ก.ย. 2561)

ฮาโหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล สวัสดี สิงคโปร์ นี่วันที่สองแล้ววว ผมพูดแบบนี้จริงๆ นะ ฮ่าๆๆ

เช้าวันใหม่ครับ เราตื่นกันตั้งแต่เช้าเลย 10 โมง ฮ่าๆ แต่เป็น 10 โมงเช้าที่สิงคโปร์ หรือ 9 โมงเช้าบ้านเรานั้นเอง

หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเสร็จทั้งผมและแม่ เราก็ออกเดินทางไป เที่ยววววววววววว แต่ครับแต่

ก่อนที่เราจะไปเที่ยวนั้น ผมจะต้องไปซื้อ บัตร Singapore Tourist Pass ที่สถานีรถไฟฟ้า Bugis ก่อน เพื่อลดค่าใช้จ่ายของเรา เพราะว่า รถค่าไฟฟ้าแต่ละเที่ยว ไม่ถูกเลย อ่ะๆ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

ตั๋วรถไฟฟ้ามี 3 แบบ นะ ครับ ไม่ใช่ 2 แบบที่รู้จาก รีวิวอื่นๆ กันนะ

1. Single/Trip : เดินทางแบบเที่ยวเดียวหรือไปกลับ ตั๋วจะกินเงินเรา 10 Cent และเงินนี้ไม่ได้คืนแต่จะเป็นส่วนลดได้ในครั้งต่อไป

2. Ez link : ราคาเริ่มแรก 12 SGD ใช้ได้ 5 SGD และติดในบัตร 7 SGD สามารถเติมเงินได้ และใช้ได้กับ 7-11 หรือรถบัส และรถไฟฟ้าสายอื่นๆ

3. Singapore Tourist Pass : มี 3 ราคา และ 3 วันใช้งาน จากราคาบวกเพิ่มอีก 10 SGD เป็นเงินค่ารักษาบัตร หลังจากหมดวันใช้งาน นำบัตรไปคืนที่สถานีภายในเวลาที่กำหนด ได้รับเงินคืน 10 SGD และบัตรนี้เป็นแบบเหมา เหมา ใช่ครับ มันเหมา คือเราจะขึ้นกี่รอบ ขึ้นผิด เปลี่ยนขบวน ขึ้นๆ ลงๆ ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแล้ว ซึ่งผมเลือกบัตรนี้ หลังจากคำนวนดูแล้ว มันคุ้มสุดๆ แล้วครับ ถึงหลงก็ไม่เสียเงินเพิ่ม ฮ่าๆๆ


และไม่ต้องห่วงครับ การใช้งานรถไฟฟ้าของที่นี่คล้ายกับบ้านเรา ต่างตรงที่ ขาออก บ้านเราจะต้องคืนบัตร แต่ที่สิงคโปร์เราสามารถเอาบัตรกลับมาได้เลย ไม่ต้องหาช่องเสียบคืนนะ ผมเอ๋อ มา แล้ว ฮ่าๆๆ

อะต่อเลยครับ หลังจากที่ซื้อบัตรเสร็จ ผมก็เดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้านี่แหละ ขึ้นสายสีเขียว อ่อ เออ ผมขอเรียกรถไฟฟ้าเป็นสายนะ ผมขี้เกียจพิมพ์ชื่อมัน ฮ่าๆๆ

ปล. อีกนิด บัตร Tourist Pass ไม่ต้องคำนวนเงินหรือไปกดซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ นะครับ ใช้บัตรติ๊ดเข้าได้เลย หรือบัตรรายเดือนของ BTS อะครับ

ใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียว นั่งประมาณ 5 สถานนี จาก Bugis ไปลง Fort Canning Park เลยครับ แล้วสวนจะอยู่หลังสถานี เอาละ เดี๋ยวผมจะลงรูปของ Fort Canning นะครับ แล้วจะบอกว่า อุโมงค์ยอดฮิตมันอยู่ตรงไหน เพื่อบางคนไม่อยากเสียเวลาเดินนาน ซึ่งผมก็โดนมาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ

สำหรับคนที่ต้องการตรงมาที่ อุโมงค์นี้เลย โดยไม่อยากเสียเวลาเดินมาก หรือไม่อยากเดินเล่นนะครับ

ให้ค้นหาแผนที่จาก Google Map แล้วค้นหาคำว่า Underground Crossing นะครับ หรือลงรถไฟฟ้าที่ สถานี Fort Canning แล้วเดินออกมาทางขวา จากนั้นเดินเลาะถนนมาเลยครับ ผ่านโค้งมานิดเดียว จะถึงเลย

สถานที่ต่อไปพวกเราจะไป Garden by the bay กันครับ ผมพาแม่แวะกินข้าวที่ Chinatown point ไม่ใช่ร้านดังอะไร ผมไม่เดินตามหาร้านดังๆ ตามรีวิว แต่ผมลองร้านใหม่ๆ ที่เจอแล้วน่ากินครับ

ปล. ลืมถ่ายรูป หิวจัด ฮ่าๆ ปะๆ ผมขอแก้ตัวด้วยการเดินทางไป Garden by the bay แล้วกันนะ

สำหรับการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่ Bayfront ให้ได้ก็พอ แล้วมองหาป้าย Garden by the bay เลยครับ มีทางเดินยาวๆ แอร์เย็นๆ พร้อมมุมถ่ายรูป เพียบ



เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ครับ ทั้งหมดคือ Garden by the bay ทั้งหมดสวยมาก สวยไม่มีแห้งแล้ง ทุกๆจุดสวยไปหมด อากาศดีไม่ร้อน ติดนิดเดียว ฝนดันตกเนี้ยสิ

พวกผมเดินตามทางมาเรื่อยๆ จนถึง Flower Dome และ Cloud Forest Dome ทั้งสองโดมอยู่ใกล้กัน แต่ผมเลือกเข้า Flower Dome ก่อนครับ เพราะคิดว่า คนน่าจะไม่เยอะ ไม่ต้องไปแย่งกันดู

อ่อ เกือบลืมบอก ผมจองบัตรเข้าชมจาก Klook นะครับ ราคาประมาณ 1,150 บาทไทย ครับ ผมนำบัตรที่ได้รับจาก E-Mail เปิดให้เจ้าหน้าที่ Scan Bar code เข้าได้เลย ครับ และ Bar code เดียวเข้าได้ทั้ง 2 โดมนะครับ เดี๋ยวผมจะลงรูปทั้งสองโดมให้ดูครับ


อะ แฮ่มๆ เพลินกันมั้ยครับ กล้อง Note9 นี่มันแจ่มจริงๆ ว่ามั้ย

ก่อนอื่น ขอโทษด้วย รูปใน Cloud Forest Dome น้อยไป อากาศดี เดินเพลินๆ สบายๆ มันช่วยให้ความเหนื่อยกับความเมื่อยหายไปหมด ผมชอบมากเลย

เอาละ ต่อไปผมจะพาไป Marina Barrage นะครับ อยู่ใกล้ๆ เดินเล่นๆ สัก 10 นาทีก็ถึง และระหว่างทาง ก็แวะกินข้าวที่ Satay by the bay อาหารอร่อย แต่แพง ส่วนใหญ่เป็นพวกอาหารทะเล ปิ้งๆ ย่างๆ หอมๆ

ที่ Marina Barrage อากาศดีนะครับ ด้านหลังมองเห็นทะเล ด้านหน้าเห็นวิวเมือง ผมกะว่าจะรอดูตอนเปิดไฟกลางคืน เพราะไหนๆก็รอดู โชว์ไฟของ Garden by the bay ในชุด Super tree อยู่แล้ว

พูด ยัง ไม่ ทัน ขาด คำ ฝนก็เทลงมา แบบไม่มีปีมีขุ่ย เลย แล้วลงอย่างหนัก ทำให้พวกเราติดที่นี่ถึง 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะผมได้รูปสวยๆ มาอวดครับ

ครับ และนี่คือภาพสุดท้ายของวัน ฝนตกหนักทำให้เลยเวลาโชว์ไฟของ Super Tree และฝนกยังคตกไม่หยุด ผมเลยช่วยแม่กลับโรงแรมแล้วไว้พรุ้งนี้ค่อยมาซ่อมกันใหม่ อิอิ ต่อไปผมจะสรุปค่าใช้จ่ายและรายละเอียดต่างๆให้นะครับ

- บัตร Singapore Tourist Pass 2 ใบ ใบละ 30 SGD รวมเป็น 60 SGD

- ข้าวที่ China town point 8 SGD (อาหารราคาถูกครับ แต่ไม่ค่อยน่ากินนะ ผมไม่แนะนำ)

- ซื้อขนม+น้ำ 3.25+4.8 = 8.05 SGD

- ข้าวที่ Satay by the bay 19 SGD

- ขนม+มาม่า มื้อดึก 4.25 SGD

รวมทั้งหมด 2 คน พวกเราใช้เงินไป 99.3 SGD ***ปล. ทั้งหมดนี้คูณด้วยเงินไทย 24.28 บาท***

ตารางการชมการแสดงของ Garden by the bay of super tree คือ 19:45 และ 20:45 ครั้งละประมาณ 10-20 นาที ที่สำคัญเข้าชมฟรี ที่เสียเงินมีแต่เข้าชมใน Dome เท่านั้น


วันที่ 3 (21 ก.ย. 2561) วันสุดท้ายที่จะมีเวลาเที่ยว

ฮา โหล่ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ วันที่สามแล้ว กับชีวิตสองคนแม่ลูกในสิงคโปร์ โอ้วว มันโคตร จอร์ส มาก ทั้งทริปคือ นอนเร็ว ตื่นสาย สายแบบว่า อีก 2 ชั่วโมงก็หมดไปครึ่งวันแล้ว ไรงี้ ฮ่าๆๆ คือเวลามันเร็วอะ พวกเราว่าตื่นเก้าโมง พอดูนาฬิกา มันก็คือสิบโมงกว่า สะงั้น !!!

เอาล่ะๆ เข้าเรื่องกันเลย วันนี้ผมจะพาไปสวัสดี Mr.Merlion หรือ Merlion Park นั้นเอง แต่ก่อนอื่นไปหาข้าวกินกันครับ หิวววววววววว

ผมพาแม่มากินข้าวที่ China town Heritage Centre อีกรอบครับ ครั้งนี้กินที่ Hong LIM MARKET & FOOD CENTRE และด้วยความหิว ผมก็ลืมถ่ายรูปอาหาร ที่เป็นรูปภาพมาครับ ถ่ายเพียงวีดีโอ แล้วก็จัดซะหมดจาน จากนั้นผมก็พาแม่เดินๆ ไปเที่ยวแถวๆนั้น ก่อนจะไป Merlion

1. วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic)

2.วัดศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple)

ปล. วัดนี้ผมไม่ได้เข้านะครับ มันมีป้ายติดไว้ว่ส เสียเงิน ฮ่าๆ


จริงๆ มี อีกหลายที่แต่ผมไม่ได่ถ่ายรูปมา มั่วแต่ถ่ายวีดีโอ จนลืมกดถ่ายภาพนิ่ง ยังไงลองดูในวีดีโอนะครับ จะได้ไม่พลาด อีก หลายๆที่ เช่น

วัดเทียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple)

Singapore City Gallery

เดินเล่นกันสักพักนึง ผมก็พามานั่งรถไฟฟ้ามาที่ Merlion โดยนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่

สายทีเขียว Raffles Place / สายสีน้ำเงิน Downtown

จากนั้นก็เดินๆ แล้วก็เดินๆ ครับ อ่อ ผมเลือกสายสีเขียวนะ จะได้เดินผ่าน Theater แล้วก็ สะพานสวยๆ ด้วย เดี๋ยวผมจะลงรูปให้ดูนะครับ

หลังจากลงรถไฟฟ้า ให้มองหา H นะครับ เพราะ H คือทางออก และเป็นทางรอดท่าเดียว ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ



พวกเราเดินออ้มมาอีกฝั่งนึง แล้วข้ามสะพานเพื่อไปฝั่ง มารินา แซน เพื่อหาอะไรกิน ในมื้อเกือบเย็น ฮ่าๆ

ดูรูปต่อเลยครับ

หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมพาแม่กลับ โรงแรมเพื่อเก็บของพวก กล้อง และ กระเป๋าใหญ่ๆ และออกเดินจาก โรงแรมไปยัง Mutafa Centre ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์รวมของถูก ใช้เวลาเดินจากโรมแรมเพียง 15 นาที ผมไม่มั่นใจว่าถ่ายรูปได้ไหมเลยไม่เสี่ยง พวกการ์ดตัวใหญ่ หน้าดุ กลัวคุยลำบาก แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือ

- มีน้ำขวดใหญ่ที่ราคาถูกว่า 7-11 เกือบเท่าตัว

- มีขนม นม เนย มาม่า

แนะนำว่า ควรมาที่นี่เป็นแห่งแรก แล้วเงินในกระเป๋าคุณละเหลือ มากมาย จริงๆ !!

เมื่อช๊อปเสร็จผมก็เดินกลับมาที่ โรงแรม และพักกันนิดหน่อย รอให้ถึงเวลาโชว์ ที่ Garden by the bay ผมจะไปดูอีกครั้ง เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก ทำให้ดูได้แป๊ปเดียว แถมไม่ได้ดูการแสดงที่ Marina by sand อีกด้วย




จบแล้วครับการเดินทางของผมและแม่ ที่ประเทศ สิงคโปร์ แล้วครับ 4 วัน 3 คืน ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย กับประเทศแห่งนี้ ต่อไปผมจะบอกสิ่งที่ผมพลาด ให้รู้นะครับ จะได้ไม่พลาดตามผม ฮ่าๆ

1. การดูโชว์และการแสดง นะครับ

- Garden by the bay การแสดงเริ่ม 19:45 และ 20:45 ครั้งละ 15-20 นาที

ปล. อย่าคิดว่านั่งดูที่ Marina Barrage แล้วจะสวยนะครับ เพราะมาดูที่ใต้ต้นของมันสวยที่สุดแล้ว แถมเพลงเพราะอีกต่างหาก

- Marina by sand หรือฝั่ง Merlion Park เริ่ม 20:00 , 21:30 และ 23:00

ปล. จะดูฝั่งไหนก็ได้ แต่ผมไม่รู้ว่าสวยมั้ย เพราะวันที่ผมไปฝนตกหนักทั้งสองคืน ซึ่งหมดโอกาสดู นั่งรอเขาก็ไม่โชว์ให้ดู เสียใจมากกกกกก

2.เช็ควันปิดปรับปรุงสถานที่ และเวลาเปิดปิดให้ดี ถึงดีที่สุดครับ

- Universal ผมไม่ได้ไปเนื่องจาก แม่ไม่เล่นเครื่องเล่นอยู่แล้ว ก็คิดว่าจะพาไปถ่ายรูปกับเข้าอะโคเรี่ยม ปรากฏว่า กระเช้าลอยฟ้า ปิดปรับปรุงในวันที่ผมไป ก็ผมเลยไม่แวะไปถ่ายรูป เพราะว่าแค่นั่งรถไฟไปถ่ายรูปแล้วกลับ ไม่คุ้มเลย ที่จะเสียเวลา และค่ารถไฟนั้น

3.เรื่องตั๋วรถไฟ เพื่อนๆลองเช็คดีๆนะครับ ระวังจะเสียกับเรื่องนี้เยอะ

- Singapore Tourist Pass ใช้งานได้ 3 วัน นับจากวันที่เราซื้อนะครับ เน้นว่า นับจากวันที่เราซื้อ

และที่สำคัญ อย่าลืมนำบัตรไปคืน เชียว เงินเราติดในนั้น 10 SGD นะครับ ห้ามลืม !!

4.เรื่องพลาดสำหรับคุณแม่ผม คือ รองเท้าครับ รองเท้าที่ไม่ซับพอตการเดินเยอะๆ อาจจะให้มีอาการบาดเจ็บ แล้วเที่ยวไม่สนุก นะครับ

5. การแลกเงินสำหรับใช้ที่ สิงคโปร์

- คำนวนดีๆนะครับ ของที่นั้นไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น ถ้าพวกเพื่อนๆ ไม่ได้ติดแบรนด์ และเที่ยวแบบ Backpacker จริงๆ ผมแลกเงินไป 412 SGD ใช้ไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และจะมีปัญหาตอนกลับมาประเทศไทย เพราะ Rate เงินมันต่างกัน ความขาดทุนและกำไร จะขึ้นสมอง ทันที

6. ต่อเนื่องกับการแลกเงิน คือคุณต้องเผื่อเงินสำหรับ โรงแรมยึดค่ามัดจำ ใช่ครับ กรณีผมเขายึดเงินผมไว้ 100 SGD และคืนให้ตอน Check-out ซึ้งมันไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะเราจะเดินทางกลับแล้ว

กรณีมีบัตรเครดิต เขาจะจดเลขบัตรคุณไว้ หรืออาจจะรูดปลอมๆ แบบไม่หักเงินไว้ แต่เช็คดีๆนะครับ ถ้าพนักงานรูดผิด Mode นี่เงินหายนะครับ ผมจึงไม่เสี่ยง

เอาละ ผมเตือนไว้แค่นี้นะ ต่อไปจะสรุปค่าใช้จ่ายให้นะครับ

1. Air Asian FD 2 คน 7,600 THB

2. Nuve Hotel Bugis street (ย่านนี้ติดรถไฟฟ้า เดินเพียง 5 นาที ครับ) 6,050 THB

3. Sim 600 THB

4. บัตรเข้า Garden by the bay 1,150 THB

วันที่ 19 ก.ย 2561

1 ตั๋วรถไฟจากสนามบิน 2 คน 4.60 SGD

2 ตั๋วรถไฟจาก City Hall กลับมาที่ Bugis (โรงแรม) 2 คน 3 SGD

3 ข้าวที่ Heritage Food Street 2 คน 13 SGD

4 ขนมปัง 7-11 สำหรับกินกับกาแฟตอนเช้า 1 SGD

รวมทั้งหมด 2 คน พวกเราใช้เงินไป 21.6 SGD ***ปล. ทั้งหมดนี้คูณด้วยเงินไทย 24.28 บาท***

วันที่ 20 ก.ย 2561

- บัตร Singapore Tourist Pass 2 ใบ ใบละ 30 SGD รวมเป็น 60 SGD

- ข้าวที่ China town point 8 SGD (อาหารราคาถูกครับ แต่ไม่ค่อยน่ากินนะ ผมไม่แนะนำ)

- ซื้อขนม+น้ำ 3.25+4.8 = 8.05 SGD

- ข้าวที่ Satay by the bay 19 SGD

- ขนม+มาม่า มื้อดึก 4.25 SGD

รวมทั้งหมด 2 คน พวกเราใช้เงินไป 99.3 SGD ***ปล. ทั้งหมดนี้คูณด้วยเงินไทย 24.28 บาท***

วันที่ 21 ก.ย 2561

- กินข้าวที่ Marina bay sand 15.2 SGD

- กินข้าวที่ Heritage food street 17 SGD

รวมทั้งหมด 2 คน พวกเราใช้เงินไป 32.2 SGD ***ปล. ทั้งหมดนี้คูณด้วยเงินไทย 24.28 บาท***

วันที่ 22 ก.ย 2561

- Check-Out โรงแรมคืนมา 100 SGD +

- กินข้าวที่ Heritage food street 7.4 SGD

- คืนบัตร Singapore Tourist Pass ที่สนามบิน 20 SDG +

- Taxas Chicken ที่สนามบิน 9.9 SGD

รวมทั้งหมด 2 คน พวกเราใช้เงินไป 17.3 SGD ***ปล. ทั้งหมดนี้คูณด้วยเงินไทย 24.28 บาท***

ได้คืนมา 120 SGD

รวมทั้ง 4 วันพวกเราใช้เงินไป 21.6+99.3+32.2+17.3 = 270.4-120(เงินที่ได้คืน) = 150.4 SGD

150.4x24.28 = 3,651.7 THB


รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ของทริป 7,600+6,050+600+1,150+3,651.7 = 19,051.7 / 2 คน = 9,526 THB

ปล. ราคานี้ไม่รวมของฝากนะครับ ของฝากไม่ใช่การเที่ยว ผมไม่นำมาคิดนะ บ๊าย บาย . . .


และที่สำคัญของคุณมากๆ ที่ติดตามอ่าน จบผมเขียนจบ อาจเขียนไม่ค่อยดี แต่พยายามถ่ายทอดออกมาจากความจริงครับ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการตารางเที่ยว Comment ไว้เลย ผมจะเข้าตอบกลับให้ครับ











อาร์ม ทำมาก่อน [ARM TUMMAKORN]

 วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.02 น.

ความคิดเห็น