#รายละเอียดค่าใช้จ่าย

  • ค่ารถทัวร์สมบัติทัวร์ ไป-กลับ 1,463บาท
  • เช่ารถมอเตอร์ไซค์ 2 วัน วันละ250 =500บาท
  • เติมน้ำมัน 90*2รอบ =180บาท

บ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้า

  • ค่าลานกางเต็นท์บ้านจ่าทอ 100บาท (เราเอาเต็นท์มาเอง แต่เขามีเต็นท์ให้เช่านะ เต็นท์ใหญ่ 500บาท / เต็นท์เล็ก 300บาท พร้อมเครื่องนอน)
  • ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ 10 ต.ค. 35บาท
  • ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ 11 ต.ค. 65บาท
  • โกโก้ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา 60บาท
  • มอคค่าร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา 65บาท

ปางอุ๋ง

  • หมูกะทะ 300บาท ( มีเครื่องไม่เยอะ ผักให้แค่ผักกาดกับคื่นฉ่าย เน้นกินแกล้มกับบรรยากาศ )
  • น้ำแข็ง 20บาท น้ำ 30บาท
  • ค่ากางเต็นท์ จ่ายหน้าด่าน (ขออภัย นี่คือสิ่งเดียวที่ไม่ได้บันทึกไว้ น่าจะไม่เกิน50บาท หรือไม่เสียซักกะบาท ไม่แน่ใจ)

แม่ฮ่องสอน(ในเมือง)

  • บุญมี เฮ้าส์ 1 คืน =550บาท
  • ข้าวเย็น ร้านใบเฟิร์น =340บาท

อื่นๆ =895บาท

รวม = 4,583บาท


.

ที่ “แม่ฮ่องสอน”

เมืองแห่งสายหมอกและขุนเขา

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาโอบล้อม อากาศดีตลอดปี

.

เราเลือกไป 4 วัน 3 คืน ก็คิดว่าน่าจะพอเก็บจุดเช็คอินได้ครบอยู่

เราไม่ได้วางแผนมาก

หลังจากที่เสพรีวิวมาหนักๆ จนตกตะกอนความคิด จึงสรุปสถานที่หลักๆที่จะไปได้ ดังนี้

  1. จิบกาแฟและแวะทานก๋วยเตี๋ยววิวแจ่มที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่
  2. กางเต็นท์ที่ ลานกางเต็นท์บ้านจ่าทอ
  3. กางเต็นท์ริมน้ำ รอหงส์ออกมาทักทายยามเช้า ณ ปางอุ๋ง
  4. แวะ สะพานชูตองเป้ ที่ใครได้มาแม่ฮ่องสอนก็ต้องแวะ
  5. ชมหมอกที่ จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่
  6. ชมสถาปัตย์จีนยูนาน ณ หมู่บ้านรักไทย
  7. เดินไปจิบไป ที่ ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน
  8. แวะร้านบรรยากาศแจ่มกลางเมืองแม่ฮ่องสอน “Crossroads”

.

ผ่าม!

อาม่าที่ไหนวะเนี่ย

ฮ่าๆ

.

.

.

เริ่มออกเดินทาง 17.45น.

จังหวะนี้เน้นนอน ไม่เน้นถ่าย เพราะวิวไม่มีไรมาก นอกจากถนน กับโค้ง แล้วก็ถนน

ใครเมาโค้งง่าย แนะนำยานอนหลับ

จัดไปเลย หลับยาวๆ ตื่นอีกทีเช้า

.

ส่วนเรา นอนไม่ค่อยจะหลับมากนัก เพราะปวดเข่า

ก็มัน 15 ชั่วโมงอ่ะ กว่าจะถึง


ตอนเช้า ถึงปลายทางก็น่าจะเกือบ 8.30น. ได้กระมัง จำเวลาแน่นอนบ่ได้ ขออภัย

.

พอถึงที่สถานีขนส่งแม่ฮ่องสอน

คุณจะเจอกับเหล่าพี่วิน

เราก็บอกเขาว่า ไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ค่ะ ค่ารถ 40บาทเท่านั้น

แล้วพี่เขาก็พามาร้านพี่ JD ใจดีเช่นเดียวกับชื่อ แนะนำเส้นทาง น่ารักมาก

หลังจากนั้น

ก็ทำการวางมัดจำ 1,000บาท พร้อมค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ 250*2วัน=500บาท

รวมแล้วเท่ากับ 1,500บาท ซึ่ง 1,000บาทนั้นเธอจะได้คืนในวันที่เรานำรถมาคืน

.

จบขั้นตอนกระบวนการ มัดสัมภาระกับเบาะ แล้วก็ลุย


วันแรก

10 ต.ค. 2018

เริ่มที่บ้านจ่าโบ่ อำเภอปางมะผ้า


ระหว่างทางก็แวะ สะพานไม้ซูตองเป้ กับ บ่อปลา

แวะไม่นานก็เดินทางต่อ กลัวฝนตก

.

ระหว่างทาง จนเกือบถึงบ้านจ่าโบ่

จะมีจุดพักรถ ชื่อ จุดชมวิวดอยกิ่วลม

รูปนี้เราตั้งขาตั้งกล้อง ถ่ายตัวเองหลายแช๊ะเชียวกับคุณแดง (เจ้ารถมอเตอร์ไซค์นั่นแหละ เราตั้งชื่อเอง)

จะเห็นได้เลยว่าแดดร้อนแรงชัดเจนมาก

ในรูปนั่นน่าจะอบ่ายเห็นจะได้

พักรถชมวิวไม่นานก็เดินทางต่อ

.

ในที่สุดก็ถึง

บ้านจ่าโบ่

เราเลือกกางเต็นท์บนลานกางเต็นท์บ้านจ่าทอ

ถ้าใครนำเต็นท์ไปเองแบบเรา แล้วเต็นท์เป็นแบบกันฝน

เจ้าของจะแนะนำให้กางบนลานไม้ไผ่ที่ไม่มีหลังคา วิวจะชัด และสวยกว่ามาก

.

สำหรับท่านใดที่อยากพักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน (คืนละ300บาท)

ให้ติดต่อที่เบอร์คุณอุทัย

เบอร์โทรติดต่อ

  • บ้านจ่าทอ 096-919-4707
  • คุณอุทัย 099-894-6196

กระทำการกางเต็นท์ บนลานกางเต็นท์บ้านจ่าทอ ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่เลยเมื่อมองลงไปด้านล่าง

บนลานกางเต็นท์จะเป็นไม้ไผ่ ไม่มีพื้นดินให้จิ้มสมอบกลงไปได้

เลยต้องใช้วิธีงัดไม้ไผ่ขึ้นมาทีละแผ่น แล้วก็เอาเชือกฟางมัดทีละเส้นกับเต็นท์แบบในภาพ

กว่าจะเสร็จใช้เวลานิดหน่อย

จากด้านล่างมองขึ้นไปลานกางเต็นท์บ้านจ่าทอ

จะเห็นโฮมสเตย์เรียงราย หลังละ 500บาทต่อคืน สามารถนำอาหารมาทำกินกันได้ตรงระเบียงบ้านพักนั่นแหละ


วันที่ 2

11 ต.ค. 2018

ตื่นเช้าที่บ้านจ่าโบ่ เตรียมไปต่อที่ปางอุ๋ง

สะดุ้งตื่นตอน 6 โมงกว่าๆ อากาศดี๊ดี

หมอกมาจ้าาาาาา พร้อมไอเย็นจากน้ำค้างของน้ำฝนเมื่อคืน

จะเห็นได้ว่า พื้นไม่ไผ่เปียกชื้นไปหมด

รูปข้างบนนี้ว่ายวานพี่ที่นั่งข้างๆถ่าย

คุณแมวน้ำตาลเจ้าของร้าน ใครไปก็จะเจอเขาล่ะ

ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบ วิวหลักล้าน

.

เดินทางต่อ

ไปปางอุ๋ง

ระหว่างทางไป เจอ จุดชมวิวดอยกิ่วลม ตอนขากลับ

แต่คราวนี้วิวมันน่าประทับใจ หมอกจับตัวเป็นก้อน งามขนาด ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเก็บมาแชะสองแชะ

ผ่านน้ำตกผาเสื่อ ก็แวะอีกซักหน่อย

ไม่นานก็ไปต่อ ไม่กล้าอยู่นาน กลัวงู

.

พอถึงปางอุ๋ง ก็จัดการกางเต็นท์

อันนี้กะว่าตั้งกล้องจะถ่ายทางช้างเผือก

อุตส่าห์แบกขาตั้งกล้องมาจากกรุงเทพฯ

ถ่ายได้สามสี่แชะ ฝนเทซะงั้น เก็บของเข้าเต็นท์แทบไม่ทัน

ในใจนี่ก็คิด นอนฟังเสียงฝนอีกแล้วคืนนี้


วันที่ 3

12 ต.ค. 2018

ฮัลโหลปางอุ๋ง เจอฝนสองคืนติด ตื่นเช้ามาก็เจออากาศสดชื่น

เปิดเต็นท์มา ก็พอมีหมอกบางๆ ไม่มาก




ถ่ายวิวได้พอสมควรก็เก็บข้าวของ เตรียมออกเดินทางไปที่ บ้านรักษ์ไทย อันเลื่องชื่อ


สวยนะ แต่ไม่ได้พักที่นี่ แวะถ่ายรูป ชมร้านชา สูดอากาศได้พักเดียวก็ขี่รถกลับเข้าเมืองเลย


แอบจอดถ่ายตรงน้ำตกผาเสื่อขากลับ จะเห็นได้ว่าทางค่อนข้างชัน และโค้งมากๆ

สำหรับผู้สนใจเช่ารถเที่ยว หากขับขี่ไม่แข็งยิ่งต้องระมัดระวัง


เข้าเมือง

ก็ทำการเติมน้ำมันรถให้เต็มถังก่อนส่งถึงมือพี่ JD

จากนั้น Walk-in เข้าพัก บุญมี เฮ้าส์ โดยไม่มีการจองล่วงหน้าใดๆ

ถึงที่พักก็เหยียดแข้งขาเต็มที่ พร้อมแอร์เย็นฉ่ำ ก่อนออกไปเดินตะลอนยามค่ำในเมือง

.

ชาวเมืองว่า ใครมาแม่ฮ่องสอน ต้องมาร้านนี้

สามารถเดินได้ ไม่ไกลจากที่พัก

อร่อยนะ ให้ผ่าน

แต่ยุงบึ้มมาก ยากันยุงเอาไม่อยู่ เราเลยรีบกินรีบเผ่น

.

ต่อที่ ถนนคนเดิน

เดินเล่นรอบเมือง แต่ไม่ได้ไปพระธาตุดอยกองมู เพราะปวดขามาก เดินขึ้นไม่ไหวจริงๆเจ้าค่ะ

เดินรอบแล้วก็แวะจิบสักหน่อย

ที่ร้าน Crossroadsbar อยู่ตรงสี่แยกก่อนถึงที่พักพอดี เดินกลับง่าย สบายใจได้จ้า


วันที่ 4

13 ต.ค. 2018

เดินทางกลับ กทม. ด้วยสมบัติทัวร์เช่นเคย

โดยการเรียกรถวิน สามารถให้ที่พักเรียกให้ได้เลยน้า

เราเดินทางกลับตอนบ่ายสาม ถึงบ้านเช้าๆหน่อยเห็นจะได้

จบแล้วสำหรับรีวิวครั้งแรก


เจอกันใหม่ทริปหน้า

อาจถ่ายรูปมาไม่เยอะ ขออภัยอีกครั้งเด้อ

ความคิดเห็น