กลับมาแล้วจ้า!!! หลังจากที่หายไปนานมากกกกกก...... วันนี้มีเวลาแว้บมาอัพเดทกันสักนิดนึง หนาวนี้ที่ไม่ค่อยจะหนาว ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่จนล้นเมืองในช่วงวันหยุดยาว เราเอง ชะนีผู้รักสันโดดและแพ้คนเยอะนั้นเลยต้องหนีไปที่อื่น 555 และที่ที่จะไปในตอนนั้นที่สมองอันน้อยนิดจะคิดออกก็คือปาย เพราะปายอยู่ไม่ไกลจากเชียงใหม่มาก แต่ด้วยความเยอะของชะนีคือเป็นคนเมารถง่าย จึงไม่สามารถพิชิต 762 โค้งโดยการนั่งรถโดยสารได้เพราะเกรงว่าจะอ้วกรดท้ายทอยคนข้างหน้า 555 เราจึงเลือกที่จะไปปายโดยการขี่มอเตอร์ไซด์นั่นเอง เอ้า!! สายแว้นเชิญทางนี้จ้า..........
การเดินทางไปปายสามารถทำได้หลายวิธี
1. เครื่องบินเชียงใหม่-ปายโดยบริษัทกานต์แอร์
>> เร็ว ไม่เวียนหัว แต่แพง
2. รถโดยสาร มีทั้งรถตู้ของบริษัทเทอมินอลกรีน เปรมประชา อาหยา ในราคาประมาณ 150 บาท สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ทางเว็บไซต์ โทรจอง หรือซื้อตั๋วได้ที่เค้าเตอร์ที่อาเขต 2 ได้เลย กูเกิ้ลเอา ไม่แปะลิงค์เพราะเค้าไม่ได้จ่ายตังค์ค่าโฆษณาให้เรา 5555 ถ้าอยากประหยัดหน่อยก็รถเมล์พัดลมได้ แต่ช้ามาก
>> เร็ว ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไม่ต้องขับรถเอง ปลอดภัยในระดับนึง แต่อาจจะเวียนหัวได้สำหรับคนเมารถง่าย
3. รถส่วนตัว
>> เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับคนขับ ระหว่างเดินทางสามารถแวะพักได้ แต่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสำหรับคนไม่คุ้นชินทาง
4. รถเช่า
>> เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับคนขับ ระหว่างเดินทางสามารถแวะพักได้ มีค่าเช่ารถ ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นของรถที่เช่า แต่มีประกันอุบัติเหตุของรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
พอเลือกที่จะแว้นไปแล้ว เราก็ตรงดิ่งไปที่ร้าน Buddy Bike Rental เจ้าประจำ เช่ารถ Honda PCX ในราคา 400 บาท/วัน ทำไมถึงใส่ชื่อร้านน่ะหรอ? อ๋อ... เค้าลดให้ร้อยนึง 555
เช่ารถเรียบร้อยก็เตรียมเก็บกระเป๋าไปปายกันเลย
เราขับรถจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ไปทางแม่ริมตามถนนหมายเลข 107 แล้วเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกเลี่ยงเมืองแม่มาลัย-ปาย ถนนหมายเลข 1095 ตรงไปเรื่อยๆ ก็ถึง อ.ปายเลย ง่ายอะไรเบอร์น้านนนนน
** สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวแนะนำให้ขับเลยสี่แยกนี้ไปเพื่อเติมน้ำมันก่อนแล้วค่อยกลับรถเพื่อเลี้ยวไปปาย เนื่องจากระหว่างทางไม่มีปั๊มน้ำมัน**
ระหว่างทางมีร้านอาหารให้แวะทานข้าวสองสามร้าน บริเวณศูนย์ควบคุมไฟป่าห้วยน้ำดังก็มีจุดแวะพักถ่ายรูปได้ด้วย
จุดชมวิวระหว่างทางใกล้โค้งมรณะ (สะเออะตั้งชื่อโค้งเอง)
หลายคนอาจสงสัยว่าถนนเป็นยังไงบ้าง ตอบเลยว่าถนนลาดยางอย่างดี เดินทางสะดวก แต่โค้งเยอะมา เป็นโค้งติดๆกัน ต้องระวังกันหน่อย ถ้าถามว่าโค้งประมาณไหน ก็ประมาณนี้แหละจ้า
เราใช้เวลาในการเดินทางไปถึงปายประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะแวะถ่ายรูประหว่างทางถ้าใครไม่แวะถ่ายรูประหว่างทางอาจจะถึงเร็วกว่านี้
พอไปถึงก็อย่างที่เห็นนี่แหละฮะ มือแดง เจ็บไปหมด และมือก็ด้านในเวลาต่อมา เพราะถนนคดเคี้ยวต้องบีบเบรคมืออยู่ตลอดเนื่องจากเช่ารถเกียร์ออโต้มา นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคราวหน้าอย่าโง่เอารถเกียร์ออโต้มา 555 แต่ถ้าเอารถเกียร์ธรรมดามาก็เปลี่ยนเกียร์มันส์เหมือนกันนะ เลือกกันเอาตามสะดวกเลยเจ้าค่ะ
มาปายครั้งนี้ พักที่ SpicyPai Backpackers hostel เป็นที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านมากเว่อร์ อยู่เลยบริเวณตัวถนนคนเดินมาหน่อย ไม่ไกลมาก
ที่นี่เป็นที่โฮสเทลติดทุ่งนา ราคาแค่คืนละ 180 บาท รวมขนมปังกับกาแฟในตอนเช้าแล้วด้วยนะ เหมาะกับชะนีขี้เหนียวอย่างเรามากเว่อร์ ถูกขนาดนี้ ให้พักฟรีเถอะจ้ะ
เค้าออกแบบที่พักให้เป็นกระท่อมหลังใหญ่ๆ ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม มีแต่ลมธรรมชาติจากหน้าต่าง มีมุ้งให้กางกันยุง ได้อารมณ์บ้านนอกสบายๆ
บรรยากาศตอนพลบค่ำนี่ชิวมาก มีก่อกองไฟ ทำบาบีคิวกินกับแขกที่พักข้างกองไฟตอนเย็นด้วย
คนที่เป็นสายฝ. หรือมาเที่ยวคนเดียว กลัวเหงา ไม่ควรพลาด พักที่นี่ได้เพื่อนใหม่จากหลากหลายประเทศเลยล่ะ
พอเก็บกระเป๋าเข้าที่พัก กินข้าวเย็นกับบรรดาเพื่อนแปลกหน้าร่วมห้องแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ถนนคนเดินที่นี่เป็นถนนคนเดินเดินเล็กๆเมื่อเทียบกับที่เชียงใหม่ แต่ก็มีอาหารราคาถูกให้เลือกทานหลากหลาย
มีร้านโปสเตอร์มากมายให้ซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก หรือจะเขียนแล้วส่งไปให้เพื่อนๆก็ได้ ที่ร้านมีบริการส่งไปรษณีย์ให้ด้วย หลังจากกลับจากถนนคนเดินแล้ว เราก็เข้าที่พักเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวเที่ยวในวันถัดไป
เช้าวันที่ 2 ตื่นเช้ามาพร้อมกับหมอกยามเช้า มันคือหมอกจริงๆ ไม่ได้จกตา และไม่ใช่หมอกควันนะตัวเธอ เพราะมันหนาวจนแขกหลายคนต้องไปขอผ้าห่มเพิ่มที่เค้าเตอร์เช็คอินกันเลยทีเดียว
วันนี้เราจะขับรถไปเที่ยวถ้ำลอด จ.แม่ฮ่องสอน ขากลับก็จะแวะมาดูพระอาทิตย์ตกที่วัดพระธาตุแม่เย็น
ระหว่างทางไปถ้ำลอด แวะถ่ายรูปที่ดอยกิ่วลมซะหน่อย วิวดีมาก ลมก็แรงสมชื่อด้วยเช่นกัน
ถึงถ้ำลอดแล้ว ก่อนเข้าถ้ำจะมีค่าไกด์ท้องถิ่นเพื่อนำทางและค่านั่งแพอยู่ที่ 400 บาท/ 4 คน/ ไกด์1 คน เค้าไม่อนุญาตให้เข้าไปเองเพราะกลัวนักท่องเที่ยวหลง ดีเหมือนกันนะ ไม่หลงแถมสร้างรายได้ให้คนในชุมชนด้วย
ไกด์จะคอยแนะนำหินรูปต่างภายในถ้ำ
หินรูปน้ำตก
ภาพถ่ายจากชั้นบนของถ้ำ
บรรยากาศการนั่งแพชมภายในถ้ำ
ระหว่างนั่งแพ มีปลากระโดดขึ้นมาข้างๆแพเยอะมาก สนุกดี (เค้ามีอาหารสำหรับให้ปลาขณะนั่งแพด้วย รวมอยู่ใน 400บาทแล้ว)
พอชมถ้ำเสร็จแล้ว ไกด์ก็จะพาออกมาที่ทางออกอีกทางที่เป็นน้ำเพื่อกลับออกไป เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงตะเกียงดับพอดี
พอขับรถกลับจากถ้ำลอดไปที่วัดพระธาตุแม่เย็นก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกพอดี ที่วัดตอนเย็นจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกอยู่ด้านบน ก่อนที่จะถึงตัวพระธาตุก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปคล้ายๆกับวัดพระธาตุดอยสุเทพเพื่อไปชมวิวเมืองปายและพระอาทิตย์ตก เดินเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้มกันนะ :)
กลับถึงที่พักก็ใกล้ค่ำแล้ว เลยออกไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดินปาย(อีกแล้ว) อ้อ! ลืมบอกไปว่าถนนคนเดินที่ปายน่ะเค้ามีทุกวันเลยนะจ้ะ กินอิ่มแล้วก็เข้านอนเตรียมเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้
ก่อนกลับเราก็ไม่พลาดที่จะไปแวะหมู่บ้านสันติชล หมู่บ้านของชาวจีนยูนนาน เพื่ออะไรน่ะหรอ? เพื่อไปกินขาหมูฮะ 5555 ไม่ได้มีความสนใจจะไปดูวัฒนธรรมหรือใส่ชุดสวยๆถ่ายรูปอะไรกับเค้าหรอก ทางเราเน้นกินเป็นหลัก ณ จุดๆนี้
มาแล้ววววว....... ขาหมูน้ำแดงในตำนาน เสิร์ฟพร้อมกับหมั่นโถวร้อนๆ กับอากาศเย็นๆในตอนเช้าแบบนี้ ฟินมากกกกกก พูดเลย ใครมาอย่าลืมมากินนะ แล้วจะติดใจ เชื่อเรา!
อ่ะๆ เดี๋ยวจะหาว่ามากินขาหมูอย่างเดียว นั่งชิงช้าแบ่งปันรายได้ให้กับคนในชุมชนด้วยแล้วนะ ถึงแม้จะใช้คนหมุนเยอะก็ตาม แต่ทางเราขอปฏิเสธไว้ตรงนี้เลยว่าทางเราไม่ได้หนักเลยแต่อย่างใด งุงิ
กินอิ่มแล้ว ก็ขอแวะต่อไปที่กองแลนหรือที่ที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า Pai Canyon
ทางเดินแคบมาก ไม่มีราวกั้น แถมทั้งสองข้างก็เป็นเหวลึก ตกไปคือตายแน่นอน วัดใจกันสุดๆสำหรับคนกลัวความสูง
บางช่วงก็อาจจะมีปีนป่ายบ้าง ต้องระวังกันด้วย
ถึงแล้ว ช่วงตรงกลางที่กว้างที่สุด ปลอยภัยกว่า ถ่ายแบบพาโนราม่ามาให้ดูว่าทางเดินแคบและเหวลึกขนาดไหน
ไปต่อกันที่สะพานประวัติศาสตร์ก่อนกลับเชียงใหม่
ที่นี่คนเยอะมากกกกก ถ่ายได้แค่ตรงนี้เพราะติดคนข้างหลัง
ระหว่างทางขากลับก่อนขับรถยาวไปเชียงใหม่ก็แวะเที่ยวต่อที่อุทธยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อากาศบนนี้ค่อนข้างเย็นพอสมควร มีนักท่องเที่ยวมากางเต้นสัมผัสอากาศหนาวมากมาย
พอกลับถึงเชียงใหม่ก็รีบเอารถไปคืนก่อนที่เค้าจะเก็บตังค์เพิ่ม 555
จะว่าไปทริปนี้ทำให้เราได้เห็นอะไรหลายอย่าง หลายคนเรียนอย่างหนักดั้นด้นไปทำงานในเมืองกรุงเพื่อจะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่กลับพบว่าเงินที่ได้มาต้องแลกกับอะไรหลายๆอย่าง เช่น อากาศดีๆ ความเงียบสงบ ความไม่เร่งรีบ พวกเค้าเหล่านั้นต่างโหยหาสิ่งเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่ช่วงวันหยุด คนเหล่านี้จะแห่มาเที่ยวเมืองเล็กๆเพื่อเป็นการพักผ่อนจากการทำงานเพื่อชาร์จพลังใจให้มีแรงทำงานต่อไป เราเองโชคดีแค่ไหนที่ได้อยู่ในที่ดีๆแบบนี้ ที่ที่เรากล้าหายใจได้อย่างเต็มปอดโดยไม่ต้องกลัวมลพิษ ที่ที่เราไม่ต้องรอรถติดเป็นชั่วโมงหลังเลิกงาน ที่ที่ไม่ต้องไม่เบียดเสียดยัดเยียดกับคนอื่น เราก็โชคดีขนาดไหนแล้ว แล้วทุกอย่างก็ย้อนกลับมาที่ประโยคที่ว่า
"ถ้าเรามองสิ่งดีๆในทุกสถานการณ์ พอใจในสิ่งที่เรามี ชีวิตเราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ"
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนอ่านรึวิวนะคะ ขอให้สนุกกับวันหยุด แล้วเจอกันใหม่เร็วๆนี้ค่ะ :)
ชะนีแบกเป้
สรุปค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน 8 สถานที่
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 400 บาท 2 วัน = 800 บาท
- ค่าน้ำมันรถไปกลับ = 100 บาท
- ค่าที่พัก 2 คืน = 360 บาท
- ค่าไกด์และนั่งแพที่ถ้ำ 400 บาท หารกับคนอื่น = 100 บาท
- ค่าอาหาร = 400 บาท
รวมทั้งหมด 1,760 บาท
ชะนีแบกเป้
วันพฤหัสที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.18 น.