---- เราวางแผนทริปนี้กันหลังจากที่กลับจากไป เที่ยวหังโจว ประเทศจีน ได้ไม่นาน
ก่อนจะตัดใจจองทุกสิ่งอย่าง ก็อุตส่าห์เช็คสภาพอากาศอย่างดีแล้ว เอาที่อากาศสดใสไม่มีฝน แต่สุดท้ายระหว่างที่เครื่องกำลังจะลงจอดที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง ฝนก็ตกลงมาเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไม่เป็นไร ไหนๆก็มาถึงฮ่องกงแล้ว มันก็ต้องเที่ยวกันให้เต็มที่ ปรับแผนการท่องเที่ยวให้เข้ากับสภาพอากาศกันไป
----- ฮ่องกงเป็นเมืองที่เดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟใต้ดินหรือ MTR ประเทศที่มีใต้ดินแบบนี้ เราอาจจะเบาใจเรื่องฟ้าฝนไปได้เยอะ เพราะถ้าฝนตกก็หลบลงใต้ดินหรือไม่ก็ในอาคารซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เชื่อมต่อกันชนิดที่ว่า ถึงฝนจะตกยังไงเราก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ
----- แต่ก็อย่างว่าแหละครับ จะให้หลบอยู่ในหลังคา มันจะไปเที่ยวสนุกอะไร ต้องเช็คสภาพอากาศกันวันต่อวัน ชั่วโมงต่อชั่วโมง เพราะในปี 2018 นี้ ฮ่องกงก็เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร มีสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งอีกหลายที่ที่ไม่ควรพลาด ว่าแล้วก็ออกเที่ยวกันเลยครับ
----- นี่คือแผนการท่องเที่ยวของเราในทริปนี้ ซึ่งพยายามให้แต่ละวันเที่ยวในโซนเดียวกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากเกินไป และทั้งนี้ทั้งนั้นก็ปรับไปตามสภาพอากาศในแต่ละวันด้วยครับ
DAY1
สนามบินเชียงใหม่ – สนามบินฮ่องกง – โรงแรม คาซ่าโฮเทล เยามาไต – MIDO CAFÉ – วัดหวังต้าเซียน – ห้าง Harbour City ห้าง OceanTerminal – กลับมาเช็คอินโรงแรม – ร้านข้าวอบหม้อดิน Hing Kee Restaurant – Mong Kok
DAY 2
ร้านโจ๊ก Ocean Empire Yau Ma Tei – ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (แวะไปถ่ายรูปด้านหน้า ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปด้านใน) – City Gate Outlet – เอาของมาเก็บที่โรงแรม – ตึกสีรุ้ง Choi Hung Estate – The symphony of light Tsim Tsa Tsui -
DAY 3
Yat Lok หมูกรอบ ห่านย่างรางวัลมิชลิน – Central Mid Level บันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลก – Hollywood Road ถนนสตรีทอาร์ท – วัดหมั่นโหมว ธูปขดย่าน Sheng Wan – Ying Flat Building ตึกในฉากหนัง Transformers 4 – นั่งรถราง Tram มาย่าน Central – ห้าง Sogo – Time Square – Mong Kok
DAY 4
เช็คเอาท์จากโรงแรมฝากสัมภาระไว้ก่อนได้ - ร้าน One Dim Sum รางวัลมิชลินไกด์ – ร้าน Famous Dim Sum – หนานเหลียนการ์เด้นและสำนักชี ชี่หลิน – กลับโรงแรมเอาสัมภาระ – สนามบินนานาชาติฮ่องกง – สนามบินนานาชาติเชียงใหม่
----- ทริปนี้ผมได้มีโอกาสทำวีดีโอ บันทึกไว้เป็นความทรงจำอัพโหลดลงยูทูปไว้ด้วยครับ
ตัวแรกเป็น ตัวอย่างรายการครับ ความยาว นาทีครึ่ง เป็นภาพรวมทั้งหมดของทั้งทริปนี้
----- ตัวที่ 2 เป็น วีดีโอตัวเต็ม ตลอดทั้งทริป ยาว 50 นาที วีดีโอนี้บอกเส้นทาง สถานี ทางออกในการเดินทางถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างละเอียด รวมไปถึงร้านอาหารทุกๆร้านที่เราได้ไปลิ้มลองมาครับ
DAY1
----- เราบินตรงจากเชียงใหม่สู่ฮ่องกง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ออกจากเชียงใหม่ 6 โมง 10 นาที ถึงฮ่องกง 9 โมง 40 นาที เวลาของฮ่องกงเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมงฮะ ถึงสนามบิน เข้า ตม.ก็สบายๆ ไม่มีอะไรมาก คนไทยมาเที่ยวกันเยอะอยู่แล้ว รับกระเป๋าแล้วรีบไปหาซื้อบัตร Octopus Card ทันที บัตรนี้สามารถใช้แทนเงินสดได้แทบจะทุกอย่างในฮ่องกง ทั้งรถไฟใต้ดิน เรือเฟอร์รี่ รถราง รถบัส ซื้อของในร้านสะดวกซื้อและอื่นๆอีกมากมาย บัตรนี้มีราคาแรกซื้อ 150 HKD จะเป็นเงินที่ใช้ได้จริง 100 HKD อีก 50 HKD จะเป็นค่ามัดจำบัตร แต่เอาเข้าจริงๆตอนเอาบัตรไปคืน ได้เงินค่ามัดจำคืนมา 41 HKD เท่านั้นครับ แต่ยังไงก็แล้วแต่ บัตรนี้มันคุ้มค่าจริงๆ สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเสียวเวลาซื้อตั๋ว ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินทอนหรือไม่ ยังไงก็แนะนำให้ซื้อบัตรนี้ไว้ใช้งานกันครับ สะดวกจริงๆ
----- เอาละได้บัตร Octopus Card แล้ว ก็หาทางเข้าเมืองกัน เราจองที่พักไว้ใจกลางเมืองฝั่งเกาลูน ย่าน Yau Ma Tei ก็ติดๆกันกับย่าน Jordan และ Mong Kok นั่นแหละครับ วิธีเข้าเมืองก็มีหลายวิธี แต่ถ้าจะให้สะดวกสำหรับย่าน Yua Ma Tei ก็คือ การนั่งรถบัสสาย A21 รถบัสจะลงแทบจะหน้าโรงแรมพอดี ลงที่ป้ายที่ 9 โรงแรมจะอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน สะดวกมากๆ ค่าเดินทางก็ คนละ 33 HKD ตลอดสาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที การขึ้นรถบัสก็ใช้บัตร Octopus Card แตะที่ข้างคนขับตอนขาขึ้นเลยฮะ ระบบก็จะตัดเงินราอัตโนมัติเลย
----- ถึงโรงแรมแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราฝากกระเป๋าไว้ก่อนแล้วออกเที่ยวกันทันที เริ่มแรกด้วยการเดินไปหลังโรงแรม หาร้านอาหารชิคๆคูลๆที่ชาวฮ่องกงเค้าไปกินกันจริงๆ แถวๆนั้นจะมีร้านอาหารเยอะมากๆ เห็นแล้วก็อยากจะกินไปซะทุกร้าน แต่คณะของเราล๊อกเป้าร้านแรกไว้ที่ร้าน Mido Café เป็นคาเฟ่ดั้งเดิมของชาว เยามาไต ขายอาหารตามสั่งทั่วไป แต่ที่เด็ดๆจริงๆก็เป็นพวกอาหารเช้าสไตล์ฮ่องกง พวกมักกะโรนีน้ำใสๆ ขนมปังปิ้งทาเนย ชานม ชามะนาว เป็นต้น
----- จากนั้นเราเดินทางไปวัดหวังต้าเซียน มาแผ่นดินฮ่องกงแล้ว ต้องไหว้พระเสริมศิริมงคลกันซะก่อน ลงที่สถานี Wang Tai Sin Exit B3 จะถึงหน้าวัดพอดี เข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะฮะ วัดนี้ก็จะโด่งดังเรื่อง ประติมากรรม 12 นักษัตร และที่ฮ๊อตฮิตกันมากๆก็คือการไปขอเนื้อคู่จาก รูปปั้นคู่รักหญิงชาย ด้วยการผูกด้ายสีแดง ใครอยากมีคู่ก็ไปลองดูกันได้ฮะ ทีแรกเราวางแผนจะไป ตึกสีรุ้งสนามบาสสวยๆ ที่ Choi Hung Estate แต่ฝนตกลงมาเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราจึงเปลี่ยนแผน ไปเดินห้าง Harbour City และห้าง Ocean Terminal ที่ย่าน จิมซาจุ่ย ห้าง 2 ห้างนี้เชื่อมต่อกัน ยิ่งใหญ่กว้างขวางมากชนิดที่ว่าเดินกันทั้งวันก็ยังไม่ทั่ว เราเดินดูของกันจนเมื่อยขาแต่ก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำให้กับสินค้าแบรนด์ใดๆทั้งสิ้นเพราะทริปนี้เราตั้งใจจะไปสอยของลดราคาที่ ซิตี้เกตเอาท์เล็ทโน่นเลย
----- ถึงเวลาเช็คอินเรากลับมาที่ คาซ่าโฮเทล เยามาไต อีกครั้ง ทำการเช็คอินเข้าห้อง เราจองห้องแบบกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เราะจำได้ว่าโรงแรมที่ฮ่องกงนั้นแคบมากๆ โดยเฉพาะห้องน้ำบางที่แคบกันชนิดที่ว่าปิดประตูไม่ได้เลยทีเดียว เสียงเงินเพิ่มนิดหน่อยได้ห้องกว้างขึ้นนิดนึง โดยรวมแล้วที่นี่ดีมากๆ ห่างจากสถานี MTR Yua Ma Tei แค่ 20 เมตรเท่านั้นเอง ใกล้ๆกันก็มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย แนะนำเลยฮะโรงแรมนี้ ช่วงที่ไปราคาประมาณคืนละ 1800 บาท อ้อ....มีเทคนิคอีกอย่างนึงครับ ผมเป็นคนตัวค่อนข้างใหญ่ (อวบอ้วน) เวลาจองห้องพักให้สั่งเตียงแยกนะฮะ คือ ห้อง 2 เตียงนั่นแหละ แล้วค่อยดันเตียงมาติดกันทีหลัง ดีกว่า สั่งเตียงเดี่ยว เตียงใหญ่เตียงเดียว เพราะบางทีเราอาจจะได้เตียง ควีนไซส์ ซึ่งเคยนอนแล้ว อึดอัดมากๆ สงสารคนที่นอนข้างๆฮะ
----- เอาของเก็บเข้าห้องเรียบร้อย ไหนๆก็อยู่แถวนี้แล้ว ต้องโดน ข้าวอบหม้อดินชื่อดังของฮ่องกง Hing Kee Restaurant เป็นข้าวอบหน้าต่างๆ 5 ปีก่อนมี แค่ 2 คูหา ตอนนี้ ปาเข้าไป 5 – 6 คูหาแล้ว ขายดีแค่ไหนคิดดูเอาเอง ถ้าพักแถวนี้แนะนำเลยฮะ ไม่ควรพลาด ข้าวอบหม้อดินว่าเด็ดแล้ว ปลาหมึกทอดกรอบร้านนี้เด็ดจริงๆ อิ่มท้องแล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงย่านช๊อปปิ้ง Mong Kok หรือใครไม่อยากเดิน จะเลือกนั่งรถไฟใต้ดินไปก็ได้แค่ 1 สถานีเท่านั้นเอง แนะนำให้คุณผู้ชายจับตาดูคุณผู้หญิงของคุณให้ดีๆ ย่านนี้เดินเพลินไม่ชั่วโมง คุณผู้หญิงของคุณอาจเสียงเงินกับเสื้อผ้าเครื่องสำอางค์ได้ถึงหลักพันหลักหมื่นเลยทีเดียว ก่อนกลับโรงแรม แวะร้านสะดวกซื้อ ที่นี่เสรีเครื่องดื่มเอลกอฮอล์มากๆ มีหลากชนิด หลายยี่ห้อ ดูราคากันดีๆ บางทีมีโปรโมชั่น ซื้อ 2 จะถูกกว่าซื้อทีละ 1 เยอะมากๆ เป็นความสนุกอีกย่างในการเลือกซื้อเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อของฮ่องกง
DAY 2
----- วันนี้เราเริ่มปรับตัวกันได้ดีขึ้นกับสภาพอากาศ ดูเหมือนว่าวันนี้ท้องฟ้าจะสดใสกว่าเมื่อวานเล็กน้อย เริ่มวันดีๆแบบนี้ด้วย โจ๊กฮ่องกง ที่ร้านโจ๊กสีม่วงที่คนไทยรู้จักกัน หรือ Ocean Empire Yau Ma Tei นั่นเอง ไปถึงก็ไม่ไช่ว่าจะได้นั่งกันง่ายๆ คนเต็มร้าน นั่งกันเป็นเก้าอี้ดนตรี อร่อยเด็ดจริงๆ โจ๊กไข่เยี่ยวม้าปาท่องโก๋ อูยยยย.....พิมพ์ไปก็หิวไป อิ่มท้องกันแบบสบายๆ
----- วันนี้เราตั้งใจจะไปช๊อปปิ้งกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว เรามุ่งหน้าไป City Gate Outlet ก่อนเลย แต่ก่อนที่จะไป City Gate Outlet เราจะเลยไป 2 สถานี เพื่อแวะไปถ่ายรูปกันเล่นที่ Hong Kong Disney Land นั่งรถไฟไปลงสถานี Sunny Bay แล้วต่อรถไฟสาย Disney Resort เข้าสู่ Hong Kong Disney Land อากาศสดใส ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มากมายเดินทางมายังดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ ทริปนี้เรามีเวลาน้อยแล้วผมก็เคยเข้า ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์มาแล้ว 3 ครั้ง เราจึงพาน้องๆมาสัมผัสบรรยากาศด้านหน้าแบบไม่ต้องเสียเงินตั๋วค่าเข้า แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเคยมาแล้วกี่ครั้งก็ตาม บรรยากาศรอบๆมันช่างอบอวลไปด้วยความสนุก ความอบอุ่น ถ้าใจไม่แข็งจริง อาจจะต้องยอมเสียค่าบัตรเข้าไปด้านในเอาง่ายๆ แต่ถ้าใครยังไม่เคยเข้าไปแนะนำเลยครับ ไม่ว่าค่าตั๋วจะแพงซักแค่ไหน คาดว่าตอนนี้น่าจะ สองพันกว่าบาท สำหรับ 1 วัน แต่พอเข้าไปแล้วจริงๆ มันดีมากๆ คุ้มค่ามากๆ สนุก ประทับใจและมีความสุขกลับออกมาเกินราคาค่าบัตรอย่างแน่นอนครับ กะว่ามาดีสนีย์แลนด์ครั้งนี้จะไม่เสียเงิน ดันมีร้านขายของที่ระลึกด้านนอก โดนซิครับ จะเหลือเหรอ พวกกุญแจ หมวก ที่ติดตู้เย็น ใครเป็นสาวกดิสนีย์หรือไม่เป็นสาวก เห็นเข้าแล้วก็ต้องเสร็จแทบทุกรายไปครับ
----- เราตัดใจจาก Hong Kong Disney Land นั่งรถไฟไปลง สถานี Tung Chung ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจาก Sunny Bay นั่นแหละครับ เพื่อไปเสียเงินจริงๆจังๆกันที่ City Gate Outlet หลายๆคนบอกว่าค่อยแวะมาวันที่จะเดินทางกลับก็ได้ แต่สำหรับผมแล้ว ที่นี่กว้างมากๆ แล้วสินค้าก็ราคาถูกมากๆ แบรนด์ดีๆมีการลดราคากันอย่างบ้าคลั่ง สินค้าหลายๆชนิดเราต้องลองไซส์ ซึ่งอาจใช้เวลาค่อนข้างมาก ผมเลยจัดเอา City Gate Outlet ไว้วันที่ 2 นี้เลย ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมาย เราได้ของติดไม้ติดมือกันมาจนแทบถือไม่ไหว มีเทคนิคในการซื้อของที่นี่มาฝากครับ ของบางอย่างถ้าซื้อ 2 – 3 – 4 ชิ้น จะถูกลงมากๆ แต่เมื่อคุณไม่ได้ต้องการซื้อของเยอะขนาดนั้น คุณมองหาคนไทยเลยครับ แล้วชวนกันมาซื้อของด้วยกัน คนไทยใจดีแถมช๊อปปิ้งกันเก่งมากๆ ครับ วันนี้เราก็ซื้อรองเท้า 4 คู่ หารกับคุณป้าคนไทย ได้รองเท้าดีๆกลับไปคู่ละไม่ถึง 1000 บาท ทั้งๆที่ ยี่ห้อนี้รุ่นนี้บ้านเราเราคา เกือบๆ 3000 บาท สบายใจไทยแลนด์
----- เราตัดสินใจเอาข้าวของพะรุงพะรังไปเก็บไว้ที่โรงแรมกันก่อน แล้วแวะหาอะไรกิน ร้านอาหารแถวโรงแรม เจอร้านข้าวหน้าปลาไหล อ่านชื่อร้านไม่ออกจริงๆครับ ถามพนักงานก็ไม่เข้าใจกัน ปลาไหลตัวเขื่องๆ อร่อยเด็ดอีกแล้วครับท่าน อาศัยช่วงเวลาฝนหยุดตก รีบเดินทางไป ตึกสีรุ้งที่มีสนามบาสสวยๆ ที่ Choi Hung Estate ลงที่สถานี Choi Hung Exit C เดินไปอีกไม่ไกลก็จะเจอโรงเรียนประถมและก็ตึกสีรุ้ง Choi Hung Estate เราตั้งใจกันมากที่จะมาถ่ายรูปกันที่นี่ คิดท่า คิดมุมกันมาเพียบ แต่เราค่อนข้างโชคร้ายฝนตกลงมาอีกแล้ว แต่ไหนๆก็มาถึงแล้ว ก็ต้องถ่ายรูปกันให้สาแก่ใจ อันที่จริง ฝนตกก็อาจจะดีไปอีกแบบนะฮะ คนน้อยดี
----- จากนั้นเราไปกันที่ สถานี Tsim Tsa Tsui Exit 6 เพื่อไป The symphony of light และ Avenue of Star ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ แต่ก็มีผู้คนมากมายเฝ้ารอดูการแสดงแสงสีเสียงอันเลื่องชื่อของที่นี่ เรายังคงโชคร้ายอย่างต่อเนื่อง Avenue of Star ทางเดินเลียบอ่าวที่มี ดาราฮ่องกงดังๆ พิมพ์มือเอาไว้บนพื้น ปิดปรับปรุงครับผม โชคร้ายอะไรอย่างนี้ แต่ไม่เป็นเรา เราเดินอ้อมไปฝั่งหลังหอศิลปวัฒนธรรมฮ่องกง ก็สามารถชมแสงสีเสียงริมอ่าวได้เช่นกัน คืนนี้เราแวะซื้อซูชิเทคเอาท์ เป็นร้านซูชิแบบซื้อกลับ ราคาถูกมากๆ เทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าโอเคเลย เป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมในฮ่องกงขณะนี้ ร้านน่าจะมีหลายสาขา มีโอกาสลองหาชิมดูครับ มีขายเป็นคำ คำละ 3HKD เท่านั้นเอง
DAY3
----- วันนี้เราจะไปฝั่งฮ่องกงกัน และจะตระเวนเที่ยวฝั่งนั้นทั้งหมด เริ่มวันด้วยอาหารรางวัลมิชลินไกด์ ตั้งใจไว้ว่ายังไงก็จะต้องมากินร้านนี้ให้ได้ Yat Lok ห่านย่าง หมูกรอบ รางวัลมิชลิน 4 ปีซ้อน ลงที่สถานี Central Exit D2 เดินออกไปตามถนน Queen’s Road ไม่นานก็เจอ ร้านเป็นห้องแถว 2 คูหา เป็นย่างหมูกรอบห้อยกันหน้าร้าน เราเข้าไปสั่งห่านย่างครึ่งตัว 290 HKD หมูกรอบจานเล็ก 130 HKD ถามว่าแพงมั๊ย มันก็แพงอะนะ แต่มันก็สมราคากับความอร่อย กรรมวิธีการประกอบอาหาร สูตรลับที่สั่งสมกันมานาน จัดว่าเด็ดและไม่ควรพลาดอีก 1 ร้านฮะ
----- อิ่มแล้วเราเดินไปต่อกันที่ Central Mid Level บันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 800 เมตร พื้นที่บริเวรนี้เป็นเนินเขาสูง คนฮ่องกงต้องเดินขึ้น-ลง ทุกวัน บันไดเลื่อนนี้ช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยล้าและความรีบเร่งของคนฮ่องกงได้เป็นอย่างดี ไปสุดทางบันไดเลื่อน เราลงแถวๆ Hollywood Road ย่านที่มีกราฟิตี้ สตรีทอาร์ท สวยๆ ชิคๆ คูลๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพกัน
----- เราเดินไปถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆเพลินๆ ฝนไม่ตก แดดไม่ออก เดินไปเรื่อยๆจนถึงย่าน Sheng Wan เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดหมั่นโหมว Man Moo Temple วัดที่มีธูปขดย่านห้อยอยู่บนเพดาน เป็นวัดที่อยู่ท่ามกลางตึกสูง ภายในเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงบ ศรัทธา ควันธูปตลบอบอวล
----- ไหว้พระเสร็จแล้วเราไปกันต่อที่ Ying Flat Building ตึกแอดอัดฉากหนึ่งในหนัง Transformers 4 อันโด่งดัง ลงที่สถานี Tai Koo สายสีน้ำเงิน Exit B เดินหาไม่นานก็เจอ ที่นี่ก็เป็นอาพาร์ทเม้นท์ของชาวฮ่องกง ที่เค้าอยู่กันจริงๆ เอาเข้าจริงๆแล้วเราไม่ควรเข้ามารบกวนชีวิตความเป็นอยู่ของเค้าที่นี่กันเลย แต่ทำไงได้ในเมื่อเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปแล้ว เราก็ขอแวะเข้าไปถ่ายรูปกันซักหน่อย
----- อีกหนึ่งสิ่งที่ผมอยากทำมากๆในฮ่องกง ก็คือ การขึ้นรถราง Tram รถรางจะมีให้บริการเฉพาะฝั่งฮ่องกงเท่านั้น ค่าบริการ 2.3 HKD ตลอดสาย ถูกมากๆ และก็นั่งสบายมากๆ ลมพัดเย็น คนไม่แออัดเหมือนรถไฟใต้ดิน นั่งกินลมชมวิวกันไปเรื่อยๆเพลินๆ เราไปลงที่หน้าห้าง Sogo ย่าน Cause Way Bay แวะชิมน้ำมะม่วงปั่นร้าน Hui Lua Shan แพงหน่อย แต่อร่อยมากๆ พอเข้าไปในห้าง คนแน่นแทบทะลักออกมาจากห้าง เราสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น คนถึงได้เยอะกันขนาดนี้ ปรากฏว่ามีเทศกาลลดราคาทั้งห้าง สินค้าแบรนด์ดังราคาถูกมากๆ เรียวกว่าแทบจะถูกกว่าเมืองไทยครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
----- ใช้พลังงานในการควบคุมภรรยาในการช๊อปปิ้งไปมาก ท้องก็เริ่มหิว เราออกมาที่ร้าน Lucky Star แถวๆย่าน Cause Way Bay หลังห้าง Sogo นั่นแหละ หน้าตาเหมือนร้านอาหารจานด่วนธรรมดาๆ แต่พอสั่งอาหารมาแล้ว อร่อยมากๆ เมนูยอดฮิตของเค้าคือ พายแอปเปิ้ลบัน และทาร์ตไข่ ไม่น่าเชื่อว่ามันอร่อยมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่คนเต็มร้านและยังต่อคิวกันซื้อ แอปเปิ้ลบันกลับบ้านกันอีก จัดว่าเป็นร้านเด็ดอีกร้านนึงของเราในทริปนี้ อิ่มแล้วสาวๆก็ช๊อปปิ้งกันต่อ เลยเถิดไปจนถึง Mong Kok กันอีกครั้งแล้วกลับเข้าพักผ่อนที่โรงแรม การซื้อของที่ฮ่องกง แคชเชียร์จะถามแทบทุกร้านเลยว่าเราจะรับถุงพลาสติกมั๊ย ถ้ารับก็ต้องเสียเพิ่มอีก 0.50 HKD ยังไงถ้าใครจะไปช๊อปปิ้งแนะนำให้เอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ๆติดไม้ติดมือไปด้วยนะครับ
DAY4
----- วันนี้เราต้องเดินทางกลับประเทศไทยกันแล้ว ขามาเรามาด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บินตรงจากเชียงใหม่ ถึงฮ่องกงประมาณ 9 โมงครึ่ง ขากลับของแอร์เอเชียต้องกลับแต่เช้า คือบินออกจากฮ่องกงประมาณ 8 โมงเช้า ทำให้เราไม่ได้เที่ยวเลยในวันสุดท้าย แต่เราก็รอเวลาจนได้ตั๋วของ Hong Kong Express ลดราคา ในวันสุดท้ายพอดี บินกลับจากฮ่องกงเวลา เกือบๆ 5 โมงเย็น ซึ่งจะทำให้เราได้เที่ยววันสุดท้ายอย่างเต็มที่อีกวันนึง เที่ยวทั้งทีมันก็ต้องเอาให้คุ้ม สำหรับผมแล้ว เวลาบินลงและเวลาบินกลับสำคัญมากๆ สำหรับการเดินทุกๆทริป ลองเลือกกันดีๆให้เหมาะสมกับแต่ละทริปของคุณนะครับ
----- เอาละ วันนี้เราตื่นกันสายๆหน่อย เก็บของ จัดกระเป๋า ทำการเชคเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน วันนี้มีภารกิจอีกอย่างที่เราไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฮ่องกง นั่นคือ เรายังไม่ได้กินติ่มซำฮ่องกงแท้ๆกันเลย ว่าแล้ววันนี้เราเดินทางไปที่ สถานี Prince Edwerd Exit A เพื่อไปทานติ่มซำรางวัลมิชลินไกด์ ร้าน One Dim Sum เราไปถึงก็ประมาณ เที่ยงพอดีปรากฏว่าคนเต็มร้าน ทะลักออกมานอกร้าน รอคิวกันยาวเหยียด เราลองสั่งอาหารแล้วรอซักพัก ไม่ได้การละถ้ารอไปเรื่อยๆ เราอาจจะไปยังจุดหมายต่อไปไม่ทัน เผลอๆอาจจะตกเครื่องกันได้ เราเลยตัดสินใจยกเลิกคิว และเดินไปร้านติ่มซำใกล้ๆกันนั้นแทน
----- ว่ากันว่า ร้านอาหารที่ฮ่องกง อร่อยแทบจะทุกร้าน ไม่อร่อยจริงร้านอยู่ไม่ได้ เข้าร้านไหนก็อร่อยหมดทุกร้านแหละ เราตัดใจจาก ร้านติ่มซำรางวัลมิชลินไกด์ ไปร้านใกล้ๆกัน ชื่อร้าน Famous Dim Sum อยู่ห่างกันไม่เกิน 200 เมตรแหละ ลองเข้าไปสั่งอาหาร แล้วเราก็ไม่ผิดหวัง ประทับใจกับร้านนี้จริงๆ ติ่มซำอร่อยมาก ชิ้นใหญ่ๆ ได้ปริมาณเยอะสะใจ ราคาอาจจะถูกกว่าร้านมิชลินไกด์นิดหน่อย นั่งสบาย ไม่ต้องต่อคิว เชื่อแล้วว่า ร้านอาหารในฮ่องกงนั้นอร่อยทุกร้านจริงๆ
----- เรายังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย เราไป Chi Lin Nunnery and Nan Lian Garden วัดนางชีฉีหลินและสวนหนานเหลียน ลงที่สถานี Diamond Hill Exit C ตรงห้าง Holly Wood Plaza เดินต่อไปอีกนิหน่อย ก็จะเจอ สวนสวยใจกลางเมือง สถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง ให้เดินเล่นถ่ายรูปกันเพลินๆ สวนสวยมากท่ามกลางตึกสูงเสียดฟ้า เดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเจอกับสำนักชี ชี่หลิน สวยงามมากจริงๆ ไม่นึกเลยว่ากลางเมืองฮ่องกงที่วุ่นวายเต็มไปด้วยการแข่งขันแบบนี้ จะมีสวนสวยๆ กับสถาปัตยกรรมโบราณแบบนี้อยู่ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ
----- ถือว่าเที่ยวกันอย่างเต็มที่แล้ว เวลาประมาณ บ่ายโมง เรารีบกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม ค่าซ่าโฮเทล เยามาไต แล้วเดินไปขึ้นรถบัสสาย A21 ที่ป้ายหน้าโรงแรมนั่นแหละ มุ่งหน้าสู่สนามบิน เราเผื่อเวลาไว้ค่อนข้างเยอะ เพราะกลัวว่าจะเจออุปสรรคระหว่างทาง หรืออาจจะแวะช๊อปปิ้งที่สนามบินอีกนิดหน่อย แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว สนามบินนานาชาติฮ่องกงกว้างใหญ่เป็นบ้า เราเข้าไปเช็คอินเรียบร้อย เอาบัตร Octopus ไปแลกคืน แล้วก็เดินทางเข้าสู่เกททันที ซึ่งเกทอยู่ไกลมากๆ ต้องนั่งรถไฟในสนามบินไปอีก 2 สถานี คิดเอาละกันครับว่าสนามบินใหญ่ขนาดไหน
----- ก่อนที่จะไปนั่งรอที่เกท แวะทานอาหารในสนามบิน ซึ่งถ้าก่อนเราเข้าเกทจะมีร้านอาหารเยอะมากๆ พอเข้าเกทไปแล้วจะเหลือร้านอาหารแค่ 2 ร้าน ซื่งก็อร่อยดีและก็ราคาไม่แพง คือราคาเท่ากับนอกสนามบินเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็ยังมีร้านขายของฝาก ขนมฮ่องกง อีกนิดหน่อยให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้าน สรุปว่า ด้วยความกว้างของสนามบินฮ่องกงแนะนำให้เผื่อเวลาไว้เยอะๆครับ มาก่อนไว้เยอะๆยิ่งดี เราเผื่อเวลากันไว้ 2 ชั่วโมง เอาเข้าจริงๆมาถึงเกทก็เกือบถึงเวลาเครื่องขึ้นพอดี
------ ทริปนี้สนุกมากจริงๆ แม้จะไปฮ่องกงหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งก็มีความสนุก ตื่นตาตื่นใจแตกต่างกันไป การเดินทางมันทำให้เรากล้าหาญ อดทน รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และรู้จักการแบ่งปันครับ สุดท้านนี้ต้องขอขอบคุณที่แวะเข้ามาชมกระทู้ของเรา หากใครมีข้อสงสัยตรงไหนสามารถสอบถามได้ที่คอมเมนท์เลยครับ ถ้าเราตอบได้ก็ยินดีตอบทันที แต่ถ้าตอบไมได้ก็จะไปหาคำตอบมาตอบให้คุณจนได้ครับ
ติดตามการท่องเที่ยวกับครอบครัวเล็กๆของเราได้ที่เพจเฟสบุ๊ค "คุณนายตื่นสาย"
https://www.facebook.com/happylazylady/
ช่องทาง YouTube คุณนายตื่นสาย happylazylady
https://www.youtube.com/channel/UCbH9FK3FGnS4zb2Ncw61R5w
สุดท้ายนี้ ขอให้ท่องเที่ยวกันให้สนุก มีความสุขกับคนที่คุณรักครับ
คุณนายตื่นสาย happylazylady
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.37 น.