สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมารีวิวทริปIceland
"ประเทศในฝัน....ที่ดูไกลแสนไกล"กันนะคะ
จริงๆแล้วไปตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้วค่ะ แต่สาเหตุที่เอามาลงตอนนี้เพราะเพื่อนๆพี่ๆหลายๆท่านคงวางแผนจะไปช่วงสงกรานต์กัน เลยหวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ ^^ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวท่องเที่ยวกระทู้แรกเลยค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถถามเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
ในกระทู้นี้จะพยายามตอบคำถามหลายๆคำถามนะคะเช่น
-ไปIceland ช่วงเมษาจะมีโอกาสเห็นแสงเหนือมั้ย?
-พักที่ไหน เดินทางยังไง?
จะพยายามเล่าให้ละเอียดเลยนะคะ

ข้อมูลประเทศIceland
ประชากร : 334,252 คน

เมืองหลวง: Reykjavik
ภาษา: ไอซ์แลนดิก

ขนาดประเทศ: 103,000 ตร.กม.

ลักษณะประเทศ: เป็นเกาะอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ถัดลงมาทางใต้เล็กน้อยจากอาร์กติกเซอร์เคิล จัดว่าอยู่ในทวีปยุโรปตอนเหนือนะคะ
สกุลเงิน: ISK แต่ก็รับEuroนะคะ แต่แลกISKไปจะดีที่สุดค่ะ 1 ISK ประมาณ 3-4บาทค่ะ



ทริปนี้เราไปกันเป็นเวลา 8วัน 7คืน เพื่อที่จะเก็บให้รอบประเทศให้ได้มากที่สุดค่ะ โดยทริปนี้เราบินจากไทยไปลงที่ฝรั่งเศสก่อนและที่และประเทศไอซ์แลนด์ไม่มีสถานฑูตไทย เลยขึ้นเครื่องไปไอซ์แลนด์จาก CDG Paris นะคะ เพราะฉะนั้นเราเลยขอวีซ่ากับTLS Contact เป็นวีซ่าฝรั่งเศสค่ะ
โดยสายการบินที่นั่งจากปารีสไปนั้นคือสายการบิน Wow Airค่ะ เป็นสายการบินLow Costของประเทศไอซ์แลนด์ ลงที่Keflavik International Airportค่ะ (แต่ตอนนี้อาจจะต้องบินIcelandairนะคะ)

เพื่อความสะดวกและค่าใช้จ่ายที่นับว่าสูงมากกกกก ถ้าจ้างคนขับรถเราจึงเช่ารถเองค่ะ
เราเช่ารถของบริษัท Orange Car rental ผ่าน www.northbound.is ค่ะ โดยจะเก็บค่ามัดจำผ่านบัตรเครดิตก่อน 15% และที่เหลือจ่ายวันรับรถเลยค่ะ
โดยจองแล้วจะมีConfirmation E-mail มาให้เรา และให้เรานำVoucher นี้ไปในวันรับรถค่ะ ตอนจองเราต้องกรอกไฟลท์และเวลาที่เราจะรับและคืนรถด้วยนะคะ และจะมีคนมารอรับเราที่สนามบินเพื่อพาไปรับรถที่ออฟฟิศค่ะ
ที่ Iceland ลมแรงมากๆ ดังนั้นการเปิดปิดประตูรถต้องระวังกันมากๆเลย ลมแรงมากๆทีรถนี่สั่นกันเลยค่ะ จึงแนะนำให้ทำประกันในส่วนนี้ไว้ด้วยนะคะ
ได้มาแล้ว Ford Transit รถตู้เกียร์ออโต้ ISK 110,600 หรือประมาณ 30,000บาทค่ะ

ออกเดินทางได้!!
วันแรกเราเข้าเมืองหลวง Reykjavikกันก่อนค่ะ ขับจากสนามบินถึงตัวเมืองก็ประมาณ40นาที วิ่งบนถนนสาย41
จุดแรกที่เราจะไปกันคือ Kolaportid Flea Market ตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์ค่ะ แต่ไปถึงช้าไป ตลาดวายแล้ว เราเลยไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนค่ะ
วันแรกเราพักที่ Icelandair Hotel Reykjavik Natura เป็นโรงแรมของสายการบินIcelandair ค่ะ เปิดม่านออกไปเห็นรันเวย์เลยย
ไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักมา ขอยืมรูปจากเว็บไซต์โรงแรมมานะคะ

เช็คอินแล้ว เราก็ออกไปยังโบสถ์Hallgrímskirkjaกันค่ะ โดยโบสถ์นี้เป็นแลนด์มาร์คของไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ เป็นโบสถ์ที่มีอายุยาวนานมากๆ ถ้าเทียบกับเมืองไทยเราก็สมัยยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั่นเองค่ะ หน้าโบสถ์มีอนุสาวรีย์ของLeifr Eirikssonที่เป็นชนชาติยุโรปคนแรกที่ไปเหยียบดินแดนแถบอเมริกาเหนือซึ่งรวมถึงกรีนแลนด์ด้วยค่ะ
โบสถ์นี้มีความสูงถึง 74.5 เมตรค่ะ บ้านเรือนและร้านค้าแถวนั้นก็น่ารักมากๆค่ะ จะสัมผัสได้เลยว่าเป็นประเทศที่สงบและไม่มีอันตรายจริงๆ ทุกคนยิ้มแย้ม บ้านเรือนไม่มีรั้วกั้น อากาศตอนกลางวันว่าหนาวแล้ว กลางคืนหนาวกว่ามากกก จบวันแรก วันที่2 ไปKirkjufellภูเขาหมวกแม่มดกันค่ะ

ตื่นเช้าทานอาหารเช้ากัน โรงแรมนี้ด้วยความที่เป็นโรงแรมใหญ่ทำให้ไลน์บุฟเฟ่ต์มีให้เลือกมากมายค่ะ หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วก็เช็คเอาท์ออกเดินทางกันต่อค่ะ


จุดแรกที่เราไปชมคือน้ำตก Barnafossค่ะ ทางเข้าค่อนข้างลำบาก แต่พอไปถึงแล้วมันเป็นอะไรที่เหมือนสวรรค์มากๆ เหมือนหลุดไปคนละโลกจากที่เคยอยู่ น้ำตกใสๆ สีฟ้าสวย คือตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ หลงรักน้ำตกนี้มากที่สุดเลย


น้ำตกนี้มีอีกชื่อว่า Children's Waterfall ประวัติค่อนข้างน่าเศร้าค่ะ เล่ากันมาว่ามีเด็กสองคนที่อยู่ในระแวกHraunsás คาดว่าน่าจะเบื่อและหนีออกไปเล่นตอนที่คุณแม่ไปโบสถ์วันคริสตมาส แต่เมื่อแม่ของเด็กๆกลับมาก็พบว่าลูกได้หายออกจากบ้านไป เลยตัดสินใจเดินตามรอยเท้าของลูกไปจนสุดทางที่สะพานหินธรรมชาติ คุณแม่จึงคาดว่าลูกได้ตกลงไปในน้ำและอาจจะจมหายไป

จากนั้นเราก็ไปต่อที่น้ำพุร้อน Geysir เป็นน้ำพุธรรมชาติ ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ โดยน้ำพุจะพุ่งออกมาเป็นระยะๆ เหมือนดูโชว์อยู่เลยค่ะ

ไปต่อกันที่Grundarfjörður เพื่อที่จะไปKirkjufellกันค่ะ โดยคืนนี้เราพักกันที่ Hotel Framnes ตั้งอยู่ริมทะเลเลยค่ะ เป็นโรงแรมเล็กๆแบบครอบครัวบริหารกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่โรงแรมที่นี่จะเป็นสไตล์นี้ค่ะ แต่เข้าห้องพักไปแล้วห้องยังไม่ได้ทำความสะอาดทางโรงแรมจึงอัพเกรดให้เป็นห้องใหญ่เลยค่ะ

ไปถึงก็มืดแล้ว เราเลยเลื่อนไปดูKirkjufellชัดๆในวันรุ่งขึ้นค่ะ


มื้อเช้าที่นี่จะเป็นอาหารทานง่ายๆเช่นซาลามี่ ไส้กรอก ขนมปัง กาแฟ และผลไม้ค่ะ มีอีกอย่างคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ด้วยความอยากลองจึงลองชิมดู รสออกทางจืดๆ ไม่จัดจ้านค่ะ หลังจากนั้นเราก็ออกไป Kirkjufellกันเลยย

ขับรถไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ วันนี้ที่นี่ลมแรงมาก หมวกปลิว รถโยกกันเลยทีเดียวค่ะ เข้าใจความหมายของคำว่าปลิวลมก็วันนี้^^

ออกเดินทางต่อค่ะ เราจะเริ่มขึ้นไปทางเหนือกัน โดยแวะที่Hvitsurker โดยขับจากKirkjufellประมาณ3ชั่วโมงกว่าๆค่ะ

จากนั้นเราก็เข้าที่พักกัน คืนนี้พักที่Guesthouse Storu-Laugar ลักษณะเป็นบ้านฝรั่งน่ารักๆ ดูCozy มี2ชั้นค่ะ

พอเริ่มขึ้นมาเหนือหน่อย และที่นี่ก็เป็นที่ที่ทำให้เราได้เจอกับสิ่งที่เราคิดว่าจะไม่ได้เจอแล้ว เพราะมาช่วงหน้าร้อน นั่นก็คือแสงเหนือนั่นเองค่ะ



มาที่ไอซ์แลนด์ ส่วนตัวชอบทางตอนเหนือมากที่สุดค่ะ มันสวยมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะได้มาเห็นกับตาตัวเอง สองข้างทางที่มีหิมะขาวโพลน ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใส ภูเขาสูงเสียดฟ้า รู้สึกว่าท้องฟ้าอยู่ใกล้เรามากๆเลย

ออกจากโรงแรมแล้ว ไปต่อที่น้ำตก Godafossกันค่ะ
น้ำตกนี้เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ Skjálfandafljótค่ะ มีความสูง12 เมตร กว้าง30เมตร

วันนี้ไม่ได้แวะที่ไหนมากค่ะ เพราะต้องรีบทำเวลาเนื่องจากอยู่ไกลและเวลาจำกัด เราจึงมุ่งหน้าเข้าโรงแรมเลย ใช้เวลา3 ชั่วโมงกว่าๆ คืนนี้เราพักที่โรงแรม Hótel Snæfell ค่ะ


วันที่5 เราจะไปเมืองVikกันค่ะ โดยระหว่างทางเจอกรุปสาวหมวยเล่นกับน้องม้าอยู่เลยขอลงไปแจมด้วย
น้องม้าน่ารักมากนะคะ เชื่องมากเล่นได้

จากนั้นเราก็ไปต่อที่ Jökulsárlónกันค่ะ กับGlacier ที่เราจะได้สัมผัสอีกหนึ่งอย่างของขั้วโลกเหนือแล้วค่ะ
ธารน้ำแข็ง กระทบกับแสงแดด ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้
ออกไปอีกนิดนึงเราก็จะพบกับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ประเทศนี้เรียกว่ามีครบค่ะ ดิน น้ำ ลม ไฟ

จากนั้นเราก็ไปโบสถ์ Reyniskirkja โบสถ์สีแดงเด่นเป็นสง่าประจำเมืองVik
วันนี้ฝนตกค่ะ ทั้งลมทั้งฝน

คืนนี้พักที่ Hotel Katla Hofdabrekka ค่ะ


วันนี้เราออกเดินทางไป Laugarvatn ค่ะ แต่ระหว่างทางขอแวะช้อปก่อน โดยที่ที่เราแวะคือ ICEWEAR เป็นร้านที่มีสินค้าขนแกะมากมาย พร้อมผลิตกันให้เห็นเลย
ไปได้ลิปมันมาตลับนึง แค่250บาท แต่ดีเกินราคามากๆค่ะ
ห้างใหญ่มีทุกอย่างเลยค่ะ เสื้อผ้า, ของที่ระลึกจะเป็นพวกไวกิ้งต่างๆ รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีนะคะ อาหารก็อร่อยค่ะถูกปากคนไทยอย่างพวกเรา มีน้ำจิ้มไก่ด้วย 5555
ช้อปทั้งวันแล้ว แวะเข้าโรงแรมกันค่ะ คืนนี้เราพักที่ Laugarvatn Hostelค่ะ


วันที่7 วันนี้เป็นวันเที่ยววันสุดท้ายของเราแล้ว และเป็นสิ่งที่เรารอคอยกันก็คือ Blue Lagoonนั่นเองค่ะ เป็นไฮไลท์อีกอย่างนึงที่ห้ามพลาดเลยนะคะ
กว่าเราจะถึงก็เย็นแล้ว อากาศหนาวสะท้านมากค่ะ และยังต้องเดินจากที่จอดรถเข้าไปในตัวอาคารค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมานะคะ แต่บอกเลยว่าต้องไปนะคะ สบายตัวหลับสบายเลยค่ะ โดยคืนนี้เราพักที่ Bergás Guesthouse ที่อยู่ในเขตสนามบินค่ะ คุณป้าเจ้าของน่ารักมากๆ มีรูปช้างไทยติดอยู่ตรงหน้าฟร้อนท์ด้วยค่ะ

ขอบคุณภาพจาก Booking.comค่ะ

โดยเรามีไฟลท์เช้าประมาณ7โมงกลับปารีส เพราะฉะนั้นเราต้องรีบไปคืนรถค่ะจึงนัดเวลาคืนไว้ตอนตี5 น้ำมันต้องเต็มถังนะคะ สภาพรถทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพเดิม แนะนำว่าวันรับรถควรถ่ายรูปรถไว้ทุกซอกทุกมุมนะคะ หากเกิดอะไรที่ไม่ใช่เพราะเราขึ้นมาจะได้แสดงหลักฐานได้ค่ะ หลังจากคืนรถเสร็จเราก็เช็คอินและขึ้นเครื่องกลับปารีส


เป็นอันจบสิ้นทริปไอซ์แลนด์ดินแดนที่มหัศจรรย์มากจริงๆค่ะ

ความคิดเห็น