อำเภอที่รักที่สุดในจังหวัดที่รักที่สุด... กะเปอร์ ระนอง ไม่ใช่เพียงความรู้สึกคงเดิมทุกครั้งที่ไปเยือน แต่ยังกลับเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดมีความคิดว่าหากมีปัญหาซื้อที่ดินสักผืน ปลูกบ้านสักหลัง ก็อยากลงหลักปักฐานที่กะเปอร์ให้รู้แล้วรู้รอด
และเมื่อได้รับคำเชิญจาก ททท. ถามว่าไปเที่ยวระนอง ไปทดลองท่องเที่ยวชุมชนสนุกๆ ที่ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ กันไหม ผมก็แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรหรือยังไง
จนคลอดโปรแกรมนั่นแหละถึงเห็นว่าทริปซึ่ง ททท. พยายามผลักดันประชาสัมพันธ์ครั้งนี้คือการนั่งเรือ ล่องแพเที่ยวคลองลัดโนด ลำคลองธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากหาดบางเบน อุทยานแห่งชาติแหลมสน อ่านโปรแกรมแล้วนับวันรอทีเดียว
(1)
ทริปนี้ใช้เวลาเพียงสองวันหนึ่งคืน สามารถเที่ยวได้ในเวลาสั้นๆ พวกเราเดินทางจาก กทม. ด้วยนกแอร์ไฟลท์เช้า สนามบินระนองอยู่ที่ราชกรูด นอกตัวเมืองระนอง ห่างจากตัวเมืองยี่สิบกว่ากิโล แต่เพราะระนองเป็นเมืองคนน้อย เงียบสงบ ไม่ต้องห่วงปัญหารถติด ระยะทางแค่นี้สบายๆ ครับ
ถึงที่หมายแล้วต้องหาข้าวเช้าเป็นอันดับแรก เราเลือกกินที่ระนอง โอชา ร้านติ่มซำเจ้าใหญ่ของระนอง ถือว่าโอเคนะครับทั้งรสชาติ ราคา ความหลากหลาย ถึงจะยังเป็นรองแหล่งติ่มซำของภาคใต้อย่างพวก สุราษฎร์ ภูเก็ต ตรัง ก็เถอะ
ร้านอยู่ทางไปสะพานปลา ติดถนนใหญ่ หาไม่ยากครับ ตั้ง GPS นำทางไปโลดได้เลย
อิ่มท้องแล้วค่อยเดินทางต่อไปคลองลัดโนด ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ วิ่งเส้นหลักสาย 4 ถนนเพชรเกษมยาวๆ (ถนนหลักระนองมีเส้นนี้เส้นเดียวผ่าทั้งจังหวัด) ผ่านภูเขาหญ้า น้ำตกหงาว สนามบิน ระยะทางราว 50 กิโลเมตร
ไม่ต้องกลัวหลง ที่นี่อยู่ก่อนถึงหาดบางเบน อุทยานแห่งชาติแหลมสนนิดเดียว วิ่งมาตามถนนเพชรเกษมก็ไปตามป้ายหาดบางเบนได้เลย แต่ก่อนถึงบ้านบางเบนสักพักจะเจอป้ายนำทางเข้าไปเที่ยวคลองลัดโนด ง่ายๆ แค่นี้เอง
การล่องแพเปียกคลองลัดโนดเป็นหนึ่งในกิจกรรมท่องของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลม่วงกลวง ปัจจุบันดูแลและจัดการโดยผู้ใหญ่ทวน หวันร่าหมาน จะมาเที่ยวอะไรยังไงแบบไหนก็ติดต่อผู้ใหญ่นี่แหละครับ
เฉพาะกิจกรรมที่ผู้ใหญ่ดูแลคือล่องเรือชมวิว ปลูกป่าชายเลน กินอาหารซีฟู้ดบนกระชังปลา เล่นน้ำแพเปียก ยังไม่มีการให้บริการที่พักนะครับ แต่ถ้าต้องการที่พักก็ติดต่อเพิ่มเติมตามโฮมสเตย์ใกล้เคียงได้เลย หรือใครอยากจะเข้าไปนอนที่อุทยานแห่งชาติแหลมสนก็ได้เหมือนกัน
สิบเอ็ดโมง เวลากำลังดีเหมาะกับการเริ่มกิจกรรม ใส่ชูชีพแล้วลุยโลด อันดับแรกคือการนั่งเรือพรีสชมวิว เป็นเรือหางลำเล็กๆ นั่งได้สักสองสามคนเท่านั้นเอง ทำความเร็วได้เยอะ ถามผู้ใหญ่ทวนทำไมถึงเรียกเรือพรีส ผู้ใหญ่บอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่เรียกกันแบบนี้มาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ แล้ว
วิ่งฝ่าสายฝนกันเลยทีเดียว
มาระนองของแท้มันต้องแบบนี้สิ เมืองฝนแปดแดดสี่ (ผมชอบแซวว่าหมายถึงฝนตกแปดชั่วโมง
หยุดสี่ชั่วโมง ตกอีกแปดชั่วโมง ฮา...) ถึงสายฝนจะทำให้เราไม่ได้เห็นวิวแบบที่หวัง
แต่ก็สดชื่นสนุกดีแท้
เราวิ่งผ่านอ่าวกะเปอร์ ปากคลองกะเปอร์
แล้วเลี้ยวเข้าลำคลองชะนูดจนมาถึงสันทรายม้าน้ำซึ่งอยู่อีกฝั่งของแหลมสน
ใครนึกภาพไม่ออกดูแผนที่นะครับ
เห็นภาพของคนอื่นแล้วเป็นสันดอนทรายกว้างขวาง
แต่เราเจอทั้งฝนทั้งน้ำขึ้นเลยได้ภาพแบบฉ่ำๆ แปลกตามาแทน เก๋ดีเหมือนกันนะ (ฮา...)
เป็นจุดปลูกป่าโกงกางครับ
เสร็จแล้วค่อยนั่งเรือพรีสเลี้ยวไปตามคลองลัดโนด
วิวสองข้างทางเขียวสวยมากมาย มีภูเขาสูงใหญ่เป็นแบ็กกราวน์ จนถึงกระชังปลา
หรือเรียกว่าศูนย์เรียนรู้ลอยน้ำ ซึ่งเราจะทานข้าวกลางวันกันที่นี่ครับ
อยู่เมืองทะเลก็ต้องกินทะเล
จัดมาเล่นเต็มที่ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา รสชาติฝีมือแม่ครัวชาวระนองแท้ๆ
รับประกันความสดและความอร่อย
นอกจากกินข้าว พักผ่อน เรายังได้เรียนรู้วิธีการเลี้ยงหอยนางรมตามธรรมชาติอีกด้วย วิธีการคือไปจับหอยนางรมตัวเล็กๆ ตามป่าโกงกางมาติดปูนซีเมนต์ใส่กับเชือกแล้วปล่อยลงน้ำให้มันห้อยแบบนั้นแหละ พอหอยเติบโตได้ขนาดก็ค่อยแคะออกมาขายออกมาทาน
ที่นี่ทำแค่สาธิตและให้ศึกษาเรียนรู้นะครับ ไม่ได้ทำเป็นฟาร์มใหญ่โตอะไร
ฟ้าหลังฝนที่คลองลัดโนดเป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ
หมอกเริ่มลอยปกคลุมภูเขา เป็นฉากที่ทำให้ต้องร้องว้าวสุดๆ
และเป็นเวลาเดียวกับที่เราจะลงแพเปียกเล่นน้ำกันด้วย พร้อมแล้วก็ไปกันเลย
แพเปียกพาเราล่องเล่นน้ำไปเรื่อยๆ
ตามคลองลัดโนด ไฮไลท์สำคัญคือสันหลังปึ้งกือ หรือสันหลังกิ้งกือ เป็นชื่อตั้งล้อกับทะเลแหวกสันหลังมังกรที่สตูล
เพราะที่นี่เป็นสันทรายขนาดเล็กกว่านั่นไง
แม้ว่าวันนี้จะเป็นช่วงน้ำเยอะทำให้สันหลังยังไม่โผล่มาตอนที่เราไปถึง
แต่ก็เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ
ลงไปยืนเดินเล่นกลางลำคลองอยู่แค่ระดับหัวเข่าเท่านั้นเอง ทรายด้านล่างเนียนนุ่มเท้ามากครับ
น่าเสียดายที่รออยู่จนเวลาที่สันทรายโผล่พ้นน้ำไม่ได้ เดี๋ยวจะเย็นย่ำเกินไป
จากสันหลังปึ้งกือ
แพเปียกพาเราล่องผ่านซากเรืออพยพของชาวโรฮิงญา
และชุมชนไร้แผ่นดินของชาวเลเลี้ยงปูนิ่ม เป็นภาพวิถีและธรรมชาติที่สดชื่นมาก
เรากลับขึ้นฝั่ง อาบน้ำอาบท่า
เปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จสิ้นภารกิจนั่งเรือพรีส ล่องแพเปียก เที่ยวคลองลัดโนด
ประมาณสี่โมงเย็น ต้องบอกเลยว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกมาก ธรรมชาติที่นี่ก็สวยมาก
สายฝนไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย หนำซ้ำทำให้เราได้เห็นธรรมชาติในอีกแบบด้วย
มีโอกาสไว้กลับมาซ้ำใหม่แน่นอนครับ เพราะที่นี่ไม่จำเป็นต้องเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่
มากันแค่สองคน ผู้ใหญ่ทวนก็พร้อมรับและดูแลอย่างดี แบบนี้สิเรียกว่าเที่ยวชุมชนน่ารักของจริง
เที่ยวคลองลัดโนด วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลม่วงกลวง
แพ็คเกจวันเดย์ทริปรับตั้งแต่ 2 - 60 คน
เดินทางมาพบที่ชุมชน 1,350 ต่อคน
รับ-ส่ง เมืองระนอง 1,900 ต่อคน
ติดต่อผู้ใหญ่ทวน 0822786099
(2)
ออกจากคลองลัดโนด และอำเภอกะเปอร์ กลับมาทางตัวเมือง ได้ข่าวว่าแถวบ่อน้ำร้อนพรุหลุมพี มีสถานที่อาบน้ำร้อนเปิดใหม่ไม่นานชื่อ ธาริน ระนอง ฮอทสปริง ก็ต้องแวะสักหน่อย เข้าไปแล้วร้องว้าวเลยเพราะเมื่อก่อนพรุหลุมพีเป็นบ่อน้ำร้อนเล็กๆ ชาวบ้านมาตักอาบกัน แต่เดี๋ยวนี้ปรับภูมิทัศน์สวยขึ้นเยอะ ไม่ได้มาหลายปีอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปล่ะนะ
ธาริน ระนอง ฮอทสปริง อยู่เลยจากบ่อน้ำร้อนพรุหลุมพีแค่สองร้อยเมตร จัดสถานที่ไว้สวยงาม มีบ่อน้ำร้อนแช่ตัวสี่บ่อ บ่อน้ำเย็นอีกบ่อ และแยกบ่อแช่เท้าไว้ต่างหาก แถมยังมีพื้นที่สระว่ายน้ำกับร้านอาหารด้วยครับ เป็นบ่อน้ำร้อนเอกชนที่เข้าท่าทีเดียว
ราคามาอาบน้ำแร่ที่นี่คนละ 150
บาท มีชุดอาบน้ำ (กางเกงขาสั้น กับผ้าถุง) และผ้าเช็ดตัวให้ สามารถอาบได้ไม่จำกัดเวลา
โอเคเลยล่ะ
อาบน้ำร้อนน้ำแร่เสร็จแล้วสามารถมาว่ายน้ำเล่นที่สระ
สั่งอาหาร เครื่องดื่ม น้ำสมุนไพร ราคาไม่แพง 50-60 บาท เป็นอีกตัวเลือกดีๆ
ในการมาเที่ยวเชิงสุขภาพที่ระนอง
หรือใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากที่บ่อรักษะวารินในตัวเมือง
กับบ่อพรรั้งของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวที่อยู่ไม่ไกลกัน สอบถามข้อมูล โทร.
0966360596
มื้อเย็นนี้พวกเราไปกินกันที่ครัวเจริญ
ร้านอาหารเก่าแก่ตรงถนนระนองพัฒนา ร้านสะอาด นั่งสบาย บริการดี รสชาติอาหารอร่อยทีเดียว
เราสั่งกันง่ายๆ แกงส้ม ไก่ทอด ผัดผักกระเฉด กุ้งผัดพริกแกง หอยลายผัดฉ่า
ราคาไม่แรง
ก่อนจะเข้าที่พัก มีเสียงแนะนำให้ลองไปทานขนมหวานร้านน้ำเต้าหู้อาแปะ
ข้างโรงพยาบาลระนอง ไปถึงแล้วโอ้โหคนเยอะเชียว เมนูหลากหลายดี เต้าหู้ เต้าฮวย
บัวลอย เฉาก๊วย เต้าทึง ราคา 20-40 บาท
แล้วแต่เมนู ใครมานอนในตัวเมืองระนองแวะเวียนมาชิมกันได้ครับ
เราพักที่โรงแรมฟาร์มเฮ้าส์ ระนอง
ได้ยินชื่อมานานเพิ่งได้ใช้บริการก็ครั้งนี้ โรงแรมมีตึกเก่า กับตึกใหม่ที่เป็นห้องดีลักซ์
เราพักห้องดีลักซ์ กว้างขวาง นอนสบายมาก มีสระว่ายน้ำด้วยครับ น่าเสียดายไม่มีเวลาได้ใช้
เข้าไปในห้องแล้วว้าวเลย ไม่ใช่อะไรหรอก
โรงแรมมีไข่ลวกจากทางฟาร์ม (หรือจริงๆ
เรียกว่าโรงแรมนี้เป็นของฟาร์มไก่ไข่จะถูกกว่านะ) ไว้ให้ทานสองฟอง
แถมกาแฟในห้องเป็นกาแฟดริป ก้อง วัลเล่ย์ จัดไปสิครับจะรออะไรล่ะ
คิดถึงรสชาติแบบนี้ใจจะขาด ไม่ต้องกลัวตาค้าง ก่อนนอนผมก็กินได้ (ฮา...)
ที่ผมชอบมากอีกอย่างของโรงแรมฟาร์มเฮ้าส์
คืออาหารเช้า เป็นบุฟเฟ่ต์เน้นอาหารไทยอาหารถิ่นเป็นหลัก โดยเฉพาะขนมจีนอร่อยมาก
น้ำยาให้เลือกครบทั้ง กะทิ ป่า น้ำพริก แกงไตปลา ซาวน้ำ เครื่องเคียงมีเพียบ
ส่วนข้าวสวย ข้าวต้ม ก็มีให้เลือกตามสบาย
(3)
ทริปวันที่สองของเราเป็นซิตี้ทัวร์
วนเที่ยววนกินในตัวเมืองระนองนี่แหละ เพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยการนั่งรถสองแถวไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของระนอง
ใครจะว่าจ้างสองแถวตามคิวต่างๆ แบบเหมาเต็มวัน ครึ่งวัน กี่ชั่วโมงก็ว่ากัน
หรือจะใช้บริการของเอเยนซี่นำเที่ยวก็ตามสะดวก เหมาทั้งวันประมาณ 1,200+
หรือ 200 ต่อชั่วโมง บวกลบว่ากันตามขนาดรถ
(มีรถใหญ่กับรถเล็ก) ระยะทาง พื้นที่ไปเที่ยว ฤดูกาล สถานการณ์ ค่าน้ำมัน และการต่อรองครับ
ได้รถแล้วก็ลุยโลด ฝนจะตกฟ้าจะครึ้มอย่าได้กลัว ที่แรกคือพระราชวังรัตนรังสรรค์จำลอง เป็นแลนด์มาร์คใจกลางเมืองระนอง
พระราชวังรัตนรังสรรค์ดั้งเดิม คอซิมก๊อง หรือพระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนองให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2433 เพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ขณะเสด็จประพาสหัวเมืองภาคใต้ ซึ่งต่อมายังเป็นที่ประทับของ รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 อีกสองพระองค์
พอปี พ.ศ. 2507 มีการรื้อพระราชวังที่ทรุดโทรมสร้างเป็นศาลากลางจังหวัด ถึงปี พ.ศ. 2545 จังหวัดระนองจึงสร้างพระราชวังรัตนรังสรรค์จำลองขึ้นแถวเขานิเวศน์ไม่ไกลจากที่เดิม ภายในจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวและสิ่งของต่างๆ เกี่ยวกับพระราชวัง
สวยน่าเที่ยวดีครับ โดยเฉพาะสำหรับสายชื่นชอบศึกษาประวัติศาสตร์ แต่บอกนิดหน่อยว่าภายในปิดวันจันทร์ อังคาร อยากเที่ยวก็วางแผนอย่าให้ตรงวันที่เขาหยุดล่ะ ส่วนด้านนอกเปิดทุกวัน
ต่อมาแวะกินกาแฟกันหน่อยที่ เดอะ กาลล่า
คาเฟ่ (The
Galla Café) ชั้นล่างของโรงแรมเดอะ กาลล่า ตรงข้ามร้านโรตี บังกี
ร้านเล็กๆ แต่น่ารักดีครับ เมนูเครื่องดื่มเพียบ มีเมนูใหม่ๆ มานำเสนอตลอด
ผมเคยมาสามครั้ง มีเมนูใหม่ต้องลองทั้งหมดเลย
จากนั้นไปร้านมิกะลา บาบ๋า คาเฟ่เล็กๆ สไตล์บ้านสวนร่มรื่นและน่ารักสุดใจ ผมไม่ได้ตั้งใจมาทานอะไรหรอกครับ (เพราะเพิ่งกินมาเองหมาดๆ) แต่ตั้งใจแวะมาทักทายพี่หนิง เจ้าของร้านลูกครึ่งผู้แสนใจดี ไม่ใช่ลูกครึ่งต่างชาติหรอกนะ ลูกครึ่งแพร่-ระนอง เหนือใต้บ้านเรานี่เอง (ฮา...)
นอกจากเครื่องดื่ม ขนมหวาน อร่อยๆ ราคาเบาๆ ร้านมิงกะลา บาบ๋า ของพี่หนิง ยังมีของฝากของที่ระลึก ของแฮนด์เมด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของระนอง เป็นร้านที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเราจะรู้สึกถึงมิตรภาพซึ่งถ่ายทอดออกมาจากผู้เป็นเจ้าของร้านได้ทันที
เป็นร้านโปรดที่สุดของผมในระนองแล้วล่ะ คิดดูสิว่าขนาดไม่ได้ตั้งใจมากินอะไรก็ยังอุตส่าห์แวะเข้ามา และเพราะไปหาพี่หนิงที่ มิงกะลา บาบ๋า เลยรู้ข่าวที่ทำให้กรี๊ดสลบมาว่าตอนนี้กาแฟ ก้อง วัลเล่ย์ แห่งอำเภอกระบุรี มาเปิดในตัวเมืองระนองแล้วที่ถนนนเจริญราษฎร์ และถึงพี่ก้องจะไม่ได้มาดูแลร้านด้วยตัวเอง แต่คุณภาพกาแฟการันตีแน่นอน
แต่ก่อนจะไปกินกาแฟ (อีกรอบ) หาข้าวเที่ยงกินสักหน่อยจะดีกว่านะ แนะนำเลยร้านโชกุน ถูกใจคนชอบกินเป็ดแน่นอน เมนูเด็ดเป็ดอบบะหมี่ เป็ดอบวุ้นเส้น ต้มแซ่บเป็ด เป็ดผัดพริกไทยดำ ขาเป็ดตุ๋น บอกเลยว่าเด็ดทุกอย่าง หากใครไม่อยากทานแบบอลังการ ข้าวหน้าเป็ด หรือก๋วยเตี๋ยวเป็ด ธรรมดาๆ ก็มีครับ
จุดหมายต่อไปในเมืองระนองคือบ้านร้อยปีเทียนสือ
ถนนผาดาด ข้างศาลจังหวัดระนอง เป็นบ้านจีนเก่าแก่ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติ
(ฝั่งลูกสาว) ของผู้สืบเชื้อสายมาจาก พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) อดีตเจ้าเมืองระนองคนแรก
ทั้งยังเป็นบ้านที่สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยของชาวจีน
ไปชมไปฟังบรรยายที่มาที่ไปแล้วได้ความรู้ดีครับ
แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง บ่ายๆ กำลังเริ่มหนังตาหย่อน ได้เวลาเอาคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายสักที ไปเลยร้านก้อง โกปี้ ถนนเจริญราษฎร์ วันที่เราไปร้านยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ข้าวของหลายอย่างรอการจัดเรียงและตกแต่งเพิ่ม แต่นั่นไม่ทำให้รสชาติของกาแฟก้อง วัลเล่ย์ ลดน้อยลงเลย
จากที่คุยกับทางร้าน พอเปิดเป็นทางการนอกจากกาแฟต่างๆ ยังจะมีให้บริการอาหารเช้า อาหารถิ่น อาหารทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วยครับ เป็นอีกที่ปักหมุดไว้เลยกับการมาเที่ยวตัวเมืองระนอง ถ้าใครอยากลองกาแฟโรบัสต้ารสชาติกลมกล่อมของก้อง วัลเล่ย์
เที่ยวธรรมชาติแล้ว กินติ่มซำแล้ว อาบน้ำร้อนแล้ว กินกาแฟพี่ก้องก็แล้ว แต่ถ้าอยากให้ทริประนองสมบูรณ์แบบต้องเพิ่มการนวดตัว นวดไทย ให้ผ่อนคลายสบายสุดๆ เข้าไปด้วย ที่ระนองมีผู้ให้บริการนวดแผนไทยระดับมาตรฐานอยู่พอสมควรเลยล่ะ
พวกเราเลือกไปกันที่ น้ำนอง ฮอต สปา บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน มีคอร์สทั้งนวดแผนไทย และสปาแบบไทยๆ ให้เลือกใช้บริการหลากหลาย ราคาไม่แพง สามารถจับต้องได้ พวกเรานวดน้ำมันแผนไทย 120 นาที ชั่วโมงแรกเป็นการนวดแผนไทย ชั่วโมงหลังเป็นการนวดน้ำมัน คอร์สนี้ 750 บาท บอกเลยว่าเป็นสองชั่วโมงที่สบายสุดๆ
สำหรับคนไม่เคยนวด ขอบอกว่าพนักงานหรือหมอนวดที่นี่มีประสบการณ์ และผ่านการอบรมการนวดแผนไทยอย่างถูกต้องทุกคนครับ ไม่ต้องกังวลเลย จองคิวล่วงหน้าได้ที่ 0816662285 หรือ 0846253444
ก่อนขึ้นเครื่องกลับ เรามาปิดท้ายทริประนองครั้งนี้ที่
168
Café เห็นเป็นคาเฟ่ในปั้มน้ำมันแบบนี้ แต่เข้าไปแล้วไม่ธรรมดา
บรรยากาศดีเลิศ ด้านในตกแต่งสวยมาก เครื่องดื่มมีให้เลือกเยอะ ขนมหวานละลานตา รวมถึงเมนูอาหารทั้งแบบจานเดียว
อาหารไทย สปาเก็ตตี้ สลัดต่างๆ ราคาไม่แพง เครื่องดื่มเย็น 55-65 บาท อาหารจานเดียวเริ่มต้น 79 บาท
ดีงามน่าประทับใจมากครับ
ขึ้นเครื่องกลับนกแอร์ไฟลท์หัวค่ำ บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ผมมาเที่ยวระนองแล้วใช้เวลาเพียงแค่สองวันหนึ่งคืน แต่ก็เป็นเวลาไม่นานที่สนุกและแฮปปี้มากมายเหมือนทุกครั้งที่มาระนอง จากธรรมชาติของคลองลัดโนด สู่กาแฟก้อง วัลเล่ย์ อาบน้ำร้อนน้ำแร่ ตะลอนกินของอร่อย ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์เมืองแร่นอง จัดว่าทริปนี้... เด็ดจริง
มาระนองกี่ครั้งก็หลงรัก ยิ่งครั้งนี้ยิ่งรักเข้าไปอีก โดยเฉพาะคลองลัดโนด เป็นสถานที่ปักหมุด แนะนำสุดๆ ให้ทุกคนต้องลองมาเที่ยวดูครับ
ไม่มาระนอง ไม่รู้หรอกครับว่าเวลาเราตกหลุมรักจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแบบสุดหัวใจแล้ว มันจะรู้สึกพิเศษแค่ไหนในการได้กลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่เลือกหลงรักจังหวัดนี้แบบหมดหัวใจ
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatravelle
นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.32 น.