เมื่อคุณขึ้นชื่อว่าเป็นนักเดินทางคนหนึ่ง ที่สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ที่อยากไป
เก็บทุกบรรยากาศ ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าหนาว หน้าฝน
แล้ววันนึง ความรู้สึกที่อยากเดินทางของคุณมันหายไปล่ะ!!!! คุณจะทำยังไงต่อไป
เอาจริงๆมันหมดไปแล้วแหละ ไอ้ความตื่นเต้นที่ได้เห็นธรรมชาติ ภูเขาใหญ่ ทะเลสวยๆ ท้องฟ้าใสๆ
แต่วันนี้เราจะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์ ที่เรามันใจเลยว่า
คุณต้องไม่เคยเจอะเคยเจอที่ไหนๆมาก่อนแน่ๆ
.
.
.
.
.
ถ้าอ่านแล้วถูกใจ กดLikeเพจให้ด้วยนะครับ :- )))
PageFacebook : https://www.facebook.com/Workingdaysareover
.
.
.
.
.
...................................................
ที่นี่มีชื่อว่า “บ้านมาชิว” ถามว่าเป็นยังไงอะหรอ!!! คือมันก็ชิวสมชื่อเลยแหละ
แต่ที่มันต่างออกไปนั้น คือ ที่นี่เป็นฟาร์มสเตย์แบบไม่สร้างขยะ แล้วมันยังไงล่ะ !!!!
ดูนามธรรม จับต้องไม่ได้ ยังไงบอกไม่ถูก แต่หลังจากเราได้สัมผัสดูแล
ที่นี่เหมือนเป็นหนังสือเล่มนึงเลยนะ ที่มีตัวละครเอกชื่อ คุณเกล้า กับ คุณกุ้ง
ทั้งคู่เป็นเหมือนตัวแทน ความมีจิตสำนึกต่อโลกใบนี้ผ่านคอนเซ็บที่ว่า “zero waste”
ภายในบ้านมาชิวเอง มีพื้นที่เล็กๆน่ารักๆครับ
คุณกุ้งบอกว่า แกทำทุกอย่างเองหมด ตั้งแต่ถอนหญ้า ขุดดิน แบกหาบ
.
.
.
.
.
โดยทั้งคู่ต้องการให้ที่นี่ เป็นสถานที่ที่ใช้ทิ้งขยะที่อยู่ในสมอง
มานั่งฟังเสียงลมพัด อยู่กับธรรมชาติ และมานั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน
เหมือนได้เจอเพื่อนสนิท ที่รู้จักกันมานาน มาแนะนำห้องพักกันดีกว่า
ห้องแรก Bird House เป็นห้องที่ใช้ประโยชน์จากหน้าต่างวงกลมวงใหญ่ ให้เป็นจุดเด่น
บ้านหลังนี้ราคา 2,000 บาท สำหรับ 2 ท่านรวมอาหารเช้า หากไม่ทิ้งขยะใดๆ
ยกเว้นกระดาษ/กระดาษชำระ ที่สามารถย่อยสลายได้
ทางบ้านมาชิวยินดีโอนเงินค่าทำความสะอาดคืนให้ 500- บาทครับ
.
.
.
.
.
อีกหลัง มีชื่อว่า Mud House ก็ตามชื่อเคยครับ หลังนี้ทำจากดิน!!!
ใช่ครับดิน แถมยังเป็นฝีมือของทั้งคู่ ที่ร่วมกันทำกับทีมอาสาไม่กี่ชีวิต
ราคา 4,000 บาท สำหรับ 4 ท่านรวมอาหารเช้า
แต่เป็นบ้านหลังใหญ่ สามารถนอนได้เป็นสิบคนเลยแหละ
แต่เนื่องด้วยบ้านดิน จะคายความร้อนเวลากลางคืน เพราะฉะนั้น เปิดแอร์หลัง 2 ทุ่ม นะจ๊ะ
ทั้งสองหลังจะต้องเก็บค่ามัดจำค่าทำความสะอาด คืน 500- แล้วทางมาชิวจะคืนให้ภายหลังครับ
.
.
.
.
.
นั่งเล่น นอนเล่นฟังเสียงนกเสียงกาไปสักพัก
ก็เกือบจะเย็นแล้ว เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เห็นคุณกุ้งกับคุณเกล้า กำลังเตรียมอาหาร
ได้โอกาสหยิบนู่นหยิบนี่สักหน่อย ไม่รู้ว่าจะกวนมากกว่าช่วยรึเปล่า
แต่บอกได้เลยว่า เป็นบรรยากาศที่กันเองเอามากๆ
.
.
.
.
.
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นครับ ว่าที่นี่เป็นฟาร์มสเตย์
พืชผักต่างๆที่จะทำอาหาร ก็จะมาจากรอบๆฟาร์มแห่งนี้นี่แหละ
เอื้อมมือเก็บเอาหน่อย แต่รับรองว่าปลอดภัยแน่ๆ
คุณกุ้งกับคุณเกล้าบอกว่า ไม่ต้องกลัวเรื่อง สารพิษหรือยาฆ่าแมลงเรา
เราเป็นเจ้าของ กินแบบไหน ลูดค้าที่เข้ามาเยี่ยมเราก็กินแบบนั้น
ยิ่งได้ยินแบบนี้แล้ว ยิ่งหลงรักที่นี่เข้าไปทุกที
.
.
.
.
.
หลังจากเตรียมอาหาร จัดโต๊ะเสร็จ เราก็มานั่งทานพร้อมกัน
ต้องบอกว่าบรรยากาศนี่แบบ เหมือนไม่ได้อยู่ในจังหวัดใกล้กรุงเทพเลยสักนิด
ระหว่างทานอาหาร เราก็พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกัน
เราได้ข้อคิดจากทั้งคู่เยอะมากๆ จากแค่ทานอาหารร่วมกันมื้อเดียว
.
.
.
.
.
โดยระหว่างที่เราอยู่ที่บ้านมาชิว คุณเกล้ากับคุณกุ้ง
ก็สอดแทรกเรื่องราวต่างๆ ที่จะช่วยลดขยะที่จะเกิดขึ้น เช่น การแยกขยะ ทำอย่างไร วิธีการจัดเก็บเป็นอย่าง
ขยะเปียก ขยะแห้ง หรือแม้งกระทั่งขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ ต้องทำอย่าง
คุณกุ้งแนะนำเรื่อง บวบล้างจาน
เราคงเคยเห็นบวบแบบนี้ในห้องน้ำของคุณผู้หญิงอยู่บ่อยๆ แต่คุณกุ้ง
บอกว่า ที่นี่เราใช้บวบล้างจาน
มันแข็งแรง สะอาด แถมยังมีอายุการใช้งานที่นานอีกด้วย
.
.
.
.
.
ปิดท้ายก่อนเดินทางกลับ ด้วยอาหารเช้าน่ารักๆแบบสไตล์ฟาร์มสเตย์
เป็นอาหารเช้าที่เรียบบง่ายมาก แต่หน้าตาดูดีโครต
ต้องบอกว่าคุณกุ้ง แกเก่งเรื่องทำอาหารเลยแหละ อาหารทั้งหน้าตาดี แถมยังอร่อยอีกด้วย
1 คืนที่เราคิดเพียงว่า ได้มาเที่ยว
แต่เรากลับได้อะไรกลับไปมากมาย
เคยคิดว่าเราเป็น 1 คนบนโลก จะไปทำอะไรได้
มันจะดีขึ้นได้สักเท่าไหร่กัน แต่เอาจริงๆแล้ว แรงผลักจากคนกลุ่มนี้นี่แหละ
ที่มันพอจะมีกำลัง ที่จะขับเคลื่อนให้คนกลุ่มใหญ่มากขึ้น ตระหนักถึงจิตสึกนึกต่อโลกใบนี้
เพียงแค่คุณลงมือทำ และเข้าใจมันจริงๆเท่านั้นเอง
ต้องขอขอบคุณคุณกุ้งคุณเกล้า ที่เราเหมือนได้เพื่อนสนิท
ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่กลับนั่งคุยกันได้นานหลายๆชั่วโมง
ขอบคุณมากๆครับ
.
.
.
.
.
Hexagon169
วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 18.47 น.