ขอรวมวันเที่ยวอื่น ๆ ในเกาะ Hokkaido ไว้ใน blog เรื่องนี้ทีเดียวนะครับ ซึ่งเราตั้งหลักปักกระเป๋านอนในเมือง Sapporo กันครับ


blog วันอื่น ๆ อ่านได้ที่นี่เลยครับ


' A s a h i y a m a Z o o ' เมือง Asahikawa

สำหรับใครที่จะเดินทางช่วงสิ้นปี ระวังพลาดนะครับ เพราะสวนสัตว์จะปิดตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. - 1 ม.ค. ของทุกปีครับ ซึ่งตอนแรกผมกะจะไป 30 ธ.ค. แต่อ่านเจอข้อมูลพอดี (เกือบไปแล้วสิเรา)

การเดินทาง

เราเลือกที่จะเดินทางรอบเช้า ๆ เลยครับ เลือกรอบรถไฟประมาณ 7.30 น. หรือ 7.49 น. เพราะตั้งใจไปเปิดสวนสัตว์เลย (ฤดูหนาว สวนสัตว์เปิด 10.30 น.) เพื่อให้ทันดูพาเหรดเพนกวินรอบแรก 11.00 น. เรามาถึงสถานี Asahikawa ประมาณ 9.00 น. และต้องต่อแถวอย่างยาว เพื่อขึ้นรถบัสเบอร์ 6 ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็จะถึงสวนสัตว์

เมื่อถึงหน้าประตูสวนสัตว์ เจ้าหน้าที่จะตั้งแถวสำหรับคนที่ยังไม่มีตั๋ว ให้ต่อแถวซื้อตั๋วก่อน เมื่อได้ตั๋วแล้ว ก็จะให้ไปต่ออีกแถวที่เป็นแถวเข้าผ่านประตูสวนสัตว์อีกครั้ง (ค่าตั๋ว 820 Yen นะครับ) Official Website

เมื่อประตูเปิด ก็จะทยอยไหลเข้าไปด้านในกัน แต่พอเข้าไปได้นิดนึง ก็จะมีการกั้นแถวอีกชั้นหนึ่งอยู่ดี ไม่รู้เพราะอะไร ทำให้ทุกคนที่เข้าแถวมา กลายเป็นหน้ากระดานกันไปหมด แล้วสักครู่ ก็ทำการปล่อยตัวให้ทุกคนรีบจ้ำลงเนิน และขึ้นเนิน ใครถึงก่อน ก็รีบจับจองตำแหน่งหัวแถวจากถ้ำของเพนกวินกัน ระวังโดนแซงโดนแทรกนะครับ มีแน่นอน ก็พยายามยืนอยู่กับที่กันให้ได้มากที่สุดแหละครับ

จากภาพด้านบน เดินตรงไปแล้วจะเห็นหอนาฬิกา เพนกวินจะอยู่ในบ่อทางด้านขวามือของรูปครับ ซึ่งเป็นหัวขบวนที่จะเดินออกมา เลือกตำแหน่งกันตามอัธยาศัยเลยครับ อ้อ! อย่าลืมปฏิบัติตามคำบอกของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ คือ ให้ยืนแถวเว้นทางเดิน และไม่เข้าไปในทางเดินของขบวนเพนกวินนะครับ

11.00 น. ตรงเป๊ะ! ขบวนพาเหรดเพนกวินน้อยก็ทยอยเดิน ๆ และดัน ๆ กันออกมาครับ น่ารักมากมาย เป็นระเบียบกันเยอะ มีแตกแถวบ้าง มีนักเลงบ้าง โดยเฉพาะเจ้าตัวอ้วน ขนฟู สีน้ำตาลตัวนี้ 555


หากใครมาไม่ทันตอน 11.00 น. ตรง และไม่อยากรอรอบ 2 ตอน 14.30 น. ให้รอดูขากลับของรอบ 11.00 น. ก็ได้นะครับ ประมาณ 11.30 น. เค้าก็จะเดินกลับมาครบรอบพอดีครับ

ครบ 1 รอบแล้วครับ ได้เวลาไปตะลุย พบเจอหน้าสัตว์น้อยประเภทอื่น ๆ บ้างแล้วครับ หิมะก็เริ่มโปรยลงมาเรื่อย ๆ เลยครับ

น้องยีราฟ สูงปรี๊ดดดดเลย

สัตว์หายากครับตัวนี้ บ้านเราอาจโดนกินหมด (ล้อเล่นนะค้าบ..บ) น้องหมูน้อยยย

หน้าดำปี๋เลย 555

เค้าหนาวนะ.. เจ้าตัวน้อยกล่าว ขณะที่ตัวหย่าย ๆ กอดกันกลมเลย อิจฉานะ #ตัวเล็กไม่ได้กล่าว

ตัวเล็กหายไปแล้ว ใครหาเจอบ้างป่ะคร้าบ

แรคคูนป่ะนะ.. เดินไปเดินมาวนกันไปวนกันมาอยู่นี่แหละ

น้องหมีขาว เหมือนกดปุ่ม ไขลานไว้ เดินวน ๆๆๆ อยู่ตลอดเวลา

ดูออกไหมครับ รูปนี้มีตัวอะไรอยู่..555+

ปิดท้ายสวนสัตว์ด้วยแมวน้ำตัวอ้วนกลมเต็มบ่อเลยครับ.. บ่าย ๆ ก็กลับแล้วครับ เราไม่ได้อยู่รอดูเพนกวินรอบ 2 เพราะเดินครบรอบสวนสัตว์แล้ว และก็หนาวมากครับ เพราะหิมะโหมกระหน่ำมากเลย

ภารกิจวันนี้ ยังมีอีกสิ่งนึงที่เราตั้งใจไว้ เพราะเราจองไว้แล้วเมื่อวันก่อน นั่นคือ "บุฟเฟ่ต์ปู" เอาภาพมายั่วน้ำลายตัวเองขณะพิมพ์อยู่นี่แหละ 555+ บอกเลยว่า ร้านนี้ไปแล้วอยากไปซ้ำเลยครับ แต่เสียดาย เพราะหลังจากเรากินแล้ว วันอื่น ๆ เค้าปิดยาวจนถึงวันที่เราเดินทางกลับเลยครับ เสียดายมาก ๆๆๆๆ

ผมสรุปให้ประมาณนี้นะครับ..

สำหรับใครที่รักสัตว์ หรือมีเด็กน้อย อยากเห็นขบวนพาเหรดน่ารัก ๆ ของเพนกวิน และมีโปรแกรมเที่ยวที่ยาวพอสมควร แนะนำให้แวะมาสวนสัตว์ Asahiyama Zoo ได้นะครับ แต่หากใครที่มีโปรแกรมเที่ยวไม่ยาวนัก อาจแวะสวนสัตว์ที่อื่นแทน เช่น Otaru Aquarium หรือ Noboribetsu Marine Park Nixe ก็ได้นะครับ เพราะการเดินทางจาก Sapporo ถึงสวนสัตว์ ประมาณ 2 ช.ม. กว่าได้ครับ (ไปกลับก็เกือบ ๆ 5 ช.ม. แล้วครับ) และอย่าลืม สำหรับใครที่มาช่วงสิ้นปี ตรวจสอบวันปิดทำการให้ดี ๆ นะครับ


นั่งกระเช้า สั่นระฆัง ที่ ' K i r o r o S k i R e s o r t '

Official Website Kiroro สามารถจองตั๋วรถบัสได้ใน website นะครับ

สำหรับเรา การได้สัมผัสหิมะฟูฟู ขาวขาว ได้รับลมหนาวปะทะหน้า มือ แค่นั้นก็สนุกแล้ว เราจึงเลือกสถานที่ที่เดินทางสะดวก เพียงจองรถบัสไว้ก่อน และไปชำระเงิน ณ ป้ายรถบัสที่สะดวก ซึ่งเราจองที่สถานี JR Sapporo ไว้ครับ

**ให้จองบัสไว้ก่อนผ่าน Website Kiroro นะครับ**

วันที่เราเลือกเดินทางไป Kiroro นั้น ตรงกับวันที่ 2 ม.ค. ซึ่งคนส่วนใหญ่ ทั้งชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยว มักจะไปต่อแถวรอซื้อ Lucky Bag ตามร้านที่ชื่นชอบ ซึ่งเราก็ต้องใช้ความใจแข็งเดินแบบไม่มอง #ยุบหนอพองหนอ ท่องไว้ แล้วไปเข้าแถวรอขึ้นรถบัสกันครับ (แอบมีลังเลด้วยนะ เอาไงดีน้อ.. เพราะค่าตั๋วรถบัสไปกลับก็ 3,080 เยน ณ วันที่เราไปนะครับ)

จ่ายตังก์ แล้วก้าวขึ้นรถบัสครับ ออกเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. ก็ขึ้นมาถึง Kiroro ซึ่งบนนี้ จะมี 2 ป้ายรถบัสครับ คือ

  1. Tribute Portfolio Hotel - เป็นโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และโบสถ์
  2. Kiroro Mountain Center - เป็นสถานที่เล่นสกี นั่งกระเช้า และกิจกรรมอื่น ๆ

เราเลือกจะไปลงที่ Kiroro Mountain Center ก่อนครับ เพราะตอนจอดที่ป้ายแรก มองไปแล้วมีแค่ตึกโรงแรม กับโบสถ์ และคนส่วนใหญ่จะไม่ลงครับ (สามารถนั่งบัสขึ้นลงป้าย 1 และ 2 ได้ฟรีนะครับ จะมีรถรับส่งไปกลับอยู่เรื่อย ๆ เลย)

ลงรถแล้ว ก็ขึ้นไปยืนงงด้านบน มองหาว่า เราต้องซื้อตั๋วแบบไหน ถึงจะได้ขึ้นกระเช้าไปสั่นระฆังเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง Fan Day และตั๋วที่เราเลือก ก็คือ Sightseeing Kiroro Gondola Return ในราคา 2,000 เยน (ปัจจุบันขึ้นราคาเป็น 2,100 เยน แล้ว)

ซึ้อตั๋วเสร็จแล้วก็ค่อย ๆ เดินฝ่าหิมะไปที่ทางขึ้นกระเช้า Gondola ซึ่งนักท่องเที่ยวกว่า 90% ก็จะแต่งชุดเล่นสกีกัน มีเพียงส่วนน้อยอย่างเรา ที่ไม่ได้เล่นสกี นั่งกระเช้าขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีได้ครับ ถือว่านานพอสมควรเลย ซึ่งผ่านจุดเล่นสกีหลายจุดอยู่ครับ แต่นักท่องเที่ยวก็มักจะขึ้นไปที่สถานีสุดท้ายบนสุดเลยครับ ชมภาพวิวภายนอก จากกระเช้าได้ครับ (จากภาพ เค้าว่า ด้านบนแค่ -12 เองครับ.. คงไม่หนาวเท่าไหร่หรอกเนอะ เรามาเตรียมตัว มีทริปหนาวกว่านี้รออยู่..)

ถึงแล้วคร้าบ บนสุดของ Gondola เกือบ 100% จะเดินถืออุปกรณ์สกีออกไป แล้วก็เตรียมตัวเล่นกันหมดเลย เหลือแค่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็คนไทยนี่แหละ ที่รอออกไปถ่ายรูปตามที่ตั้งใจไว้ แต่จังหวะที่กำลังจะเดินออกไป ก็ถึงกับ " ผ ง ะ ! ! " มันหนาวมากกกกกก.. ลมงี้ สะท้านมากครับ ไหนว่าแค่ -12 ไงล่ะ.. รีบเดินออกไปทำภารกิจที่ตั้งใจไว้ก่อน นั่นคือ กระดิ่งแบบในภาพยนตร์เรื่อง Fan Day

ได้ภาพมาหน่อยนึงละ ไม่ไหวล้าวววว.. มือจะแข็งล้าวววว นี่เราใส่ถุงมืออยู่จริงหรอ? กลับเข้ามาตั้งหลักหน้าร้านอาหารแป๊บ ขอยืนหลบไอหนาวหน่อยนะค้าบ แต่ก็แอบเกรงใจ เพราะเค้าเป็นร้านอาหาร ก็พยายามยืนหลบ ๆ ไม่ให้เกะกะเค้า หรือถ้าใครหิว อยากชมวิวไปทานอาหารไป ด้านบนนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านนึงนะคร้าบ แต่เรานั้น ยังไม่ใช่เวลาหิว ก็เลยรอพี่คนไทยครอบครัวนึงเค้าออกไปถ่ายรูปกันเองเสร็จ เราก็วิ่งตามออกไป และรบกวนให้พี่เค้าถ่ายรูปคู่ให้เราหน่อย #ขอบพระคุณครับ ถ้าพี่ ๆ ผ่านมาเจอเรา ขอบคุณอีกครั้งนะคร้าบ

ภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว

ลงข้างล่างดีกว่า เราว่าจะแวะลงไปเดินเล่นที่ Tribute Portfolio Hotel บ้าง แต่ลงกลับมาแล้ว ท้องร้องซะงั้น แวะหาอะไรทานสักหน่อยประทังชีวิตดีกว่า ก็เลยแวะเข้าไปซื้อราเมนชามยักษ์ 1 ชาม แย่งกันกินละกัน เป็นราเมนที่แปลก ๆ เหมือนพยายามให้คล้าย ๆ ก๊วยเตี๋ยวในประเทศไทย เพราะมีใส่ถั่วป่นด้วย ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ ต้มยำ ก็แปลก ๆ แต่ก็อร่อยดีนะครับ

อิ่มแล้ว ลงไปเดินเล่นด้านล่างกันดีกว่า ยังมีที่ให้เราสำรวจอีกที่นึง ว่าแล้วก็ออกไปยืนรอรถบัสที่เราสามารถขึ้นได้ฟรีนะครับ

เอ๊ะ เฮ้ย! อะไรกัน ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีอะไรให้ทำ แต่ไหงแป๊บเดียว ใกล้เวลากลับเข้าเมืองละ บ๊ะบายหิมะฟูฟูนุ่มนุ่ม ไว้มีโอกาสจะแวะมาใหม่นะ แล้วเราก็ขึ้นรถกลับขึ้นไปด้านบน เพื่อรอเวลารถกลับเข้าสู่เมือง Sapporo ต่อไป..

ผมสรุปให้ประมาณนี้นะครับ..

สำหรับใครที่อยากได้สัมผัสหิมะในสกีรีสอร์ท ที่นี่ก็เป็นการเดินทางที่ไม่ยากอะไรเลย เพียงแค่จองรถบัสมาก่อน พอถึงวันเดินทางก็มารอบัสตามจุดที่เราได้จองไว้ จ่ายเงินซื้อบัตรก่อนขึ้นรถ (ตอนจอง ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรมาก่อนเลย) บนนี้ใครที่เล่นสกีก็คงจุใจมีที่ให้เล่นหลายจุดเลย ส่วนใครที่ไม่เล่น ก็มีของเล่นหลากหลายให้เลือกเล่น ดูรายละเอียดได้ใน Official Website ของ Kiroro เลยครับ

แต่ข้อเสียของที่นี่คือ ถ้าใครอยากมาสักครึ่งวัน จะไม่สามารถทำได้ถ้ามาด้วยรถบัส เพราะรถที่มาจะออกเช้า และกลับเย็นเลยครับ ไม่มีรอบเที่ยง หรือบ่ายให้เรากลับก่อนนะครับ


สถานที่อื่น ๆ ใน Sapporo ที่เราได้มีโอกาสแวะไปมา ก็จะมี..

1. อาคารที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Government Office Building)

สามารถเดินจาก JR Sapporo Station ไปได้นะครับ ไม่ไกลมาก แต่ ณ วันที่เขียน blog นี้อยู่ ได้รับข่าวมาว่า ตั้งแต่ ต.ค. 62 อาคารนี้จะปิดบูรณะด้านใน น่าจะจนถึงปี 2022 เลย แต่ด้านนอกยังเปิด สามารถถ่ายรูป ชมความงามได้เหมือนเดิมนะครับ

2. สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park)

อยู่ละแวกเดียวกับอาคารที่ทำการรัฐบาลฯ เก่าครับ เดินถึงกันได้ และเดินไป TV Tower ได้เช่นกันครับ

3. ถนนช้อปปิ้งทานุกิโคจิ (Tanuki Koji)

คิดอะไรไม่ออก โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน มาเดินเล่น ช้อปปิ้ง หาอะไรทานแถวนี้ได้เพียบ สามารถเดินเล่นได้ทั้งด้านบน และด้านล่างที่เป็นทางเดินใต้ดินได้ด้วยนะครับ จาก JR Sapporo Station มาได้ถึง Tanuki Koji เลยครับ ระยะทางก็ยาวอยู่นะครับ เราชอบมาก ถึงกับต้องมากินราเมนร้าน Ippudo ซ้ำกันเลย ซึ่งต่างจากร้านที่เมืองไทยตรงที่ มีผักเครื่องเคียงให้กินด้วย แม้จะไม่ใช่อะไรที่มากมาย แค่ถั่วงอกเราก็ชอบแล้วครับ

4. Sapporo TV Tower

ไม่ว่าจะวิวยามเย็น ขณะแสงก่อนมืด หรือจะช่วงมืดแล้ว ที่นี่ก็คงความงดงาม ใครมาเยือน Sapporo ก็ต้องห้ามพลาดที่นี่นะครับ มาแล้ว ยังไงก็ต้องขึ้นครับ วิวด้านล่างเป็น Odori Park สวย งดงาม
* เรามาที่นี่ 2 วัน เพราะวันแรกที่เดินมาถึง ด้านบนเค้าปิดครับ ก็เลยต้องมาซ่อมวันอื่นแทนน่ะครับ


5. โรงงานช็อคโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ -- Ishiya (Shiroi Koibito Park)

สำหรับใครที่ชื่นชอบ อยากชิม อยากหาช็อคโกแลตกลับบ้าน เป็นของฝากตัวเอง และญาติสนิท แวะมาได้เลยครับ Ishiya ที่ทุกคนชื่นชอบ รอทุกท่านอยู่ครับ


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม อ่านจนจบทั้งทริป แวะไปชมภาพเพิ่มเติม ทริปอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่
facebook: ทุบกระปุก

ปล. สงสัยข้อมูลตรงไหนในทริปนี้ พอช่วยเหลือให้ข้อมูลได้ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งนะครับ ถามเร็ว ๆ นะ ก่อนที่จะลืม เพราะแก่แว้ว 555+
ความคิดเห็น