" K A M I K O C H I " หนึ่งในสถานที่ที่ผมอยากไปมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ทริปนี้ เป็นทริปที่ผมใช้เป็นทริปเปิดตัว Page "ทุบกระปุก" ของผมนะครับ ซึ่งเริ่มต้นจาก 2 จุดที่ผมอยากไปมาก ๆ นั่นคือ " K a m i k o c h i " และ " N i k k o " ครับ ผมจึงจับทั้ง 2 สถานที่หลักมารวมกันไว้ และอีกที่นึงที่ผมเห็นรูปมานาน และอยากไปเห็นด้วยตา ก็คือ พระพุทธรูปองค์โต ณ เมือง Kamakura จากนั้นก็พยายามเสริมด้วยเมืองอื่น ๆ ที่ควรไปในช่วงนี้ ก็เลยได้ Hitachi Seaside Park และแถมด้วยการที่มีทีมฟุตบอล J-League อย่าง Hokkaido Consadole Sapporo ที่เจ ชนาธิปเป็นนักเตะอยู่ มาเตะที่เมืองใกล้ ๆ พอดี..
แผนเที่ยวทั้งหมดของทริปนี้ เลยออกมาเป็นดังนี้คร้าบ..
14 ต.ค. [Day 0]: Bangkok (Don Mueang) – Tokyo (Narita)
15 ต.ค. [Day 1]: Tokyo – Matsumoto (Premier Hotel Cabin)
16 ต.ค. [Day 2]: Kamikochi – Tokyo (Wing Inter. Select Ueno-Okachimachi)
17 ต.ค. [Day 3]: Tokyo – Nikko (Nikko Station Hotel II)
18 ต.ค. [Day 4]: Nikko – Tokyo (Wing Inter. Select Ueno-Okachimachi)
19 ต.ค. [Day 5]: Karuizawa
20 ต.ค. [Day 6]: Kamakura – Shonan BMW Stadium Hiratsuka
21 ต.ค. [Day 7]: Hitachi Seaside Park
22 ต.ค. [Day 8]: Tsukiji Market – Kawagoe
23 ต.ค. [Day 9]: Tokyo (Narita) – Bangkok (Don Mueang)
ผม.. มักจะเลือกเดินทางแบบที่ออกเดินทางกลางคืน และถึงปลายทางเช้านะครับ และเมื่อเดินทางมาถึง ผมจะเริ่มด้วยการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ไกลที่สุดของทริปก่อน
<..ช่างกล้าเอาหน้าตัวเองขึ้นเบ้อเร่อเท่อ..>
ประมาณ 8.00 น. Air Asia ก็พาเรามาถึงสนามบิน Narita อย่างปลอดภัย และตรงเวลา ตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเรียบร้อย ก็เดินหาที่แลก JR East Pass Nagano, Niigata Area ตัวจริง ซึ่งเราซื้อ Pass มาจาก Klook ในราคาใบละ 4,910 บาท (17,000 เยน ประเภท Flexible 5 Days) เดินออกมาจาก Gate ปุ๊บ ก็มองหา Counter JR เลย แล้วสิ่งที่เห็นคือ "ปิด" งงเป็นไก่ตาแตกเลยจ้า จะไปแลกที่ไหน ทำยังไงดี แล้วก็ตั้งสติใหม่ เปิดหาข้อมูลอีกรอบนึง แล้วก็พบว่า เวลา 8.15 น. - 20.00 น. จะเปิดให้แลกที่ JR East Travel Service Center ที่ชั้น B1F เท่านั้น ก็เลยค่อย ๆ ลากกระเป๋าลงไป (เสียเวลาอยู่พักนึงเลย 555+) จากนั้นก็ต่อคิว จองตั๋ว และจองที่นั่ง เพื่อเดินทางตรงสู่เมือง Matsumoto ในทันที จากเดิมที่ตั้งใจว่า จะขึ้นรถไฟรอบ 9.19 น. แต่ไม่ทันซะละ ก็เลยได้รอบถัดไป คือ 9.48 น. ซึ่งตอนนั้น เราหาซื้ออาหารเช้าที่สนามบินไม่ทันแล้วครับ ลากกระเป๋า หารถไฟขึ้นให้ถูกขบวน และทันรอบก่อน แล้วค่อยไปหาอะไรกินที่สถานี Shinjuku แทนละกันนะ
ถึงสถานี Shinjuku แล้วคร้าบ รีบลงจาก NEX แล้วหาเสบียงรองท้อง เพื่อเอาไปกินบนรถ Super Azusa 15 มุ่งหน้าสู่เมือง Matsumoto Track #9 เสบียงที่คว้า ๆ มาเป็น Bento อะไรรู้ เหมือนลูกชิ้นหมู 555+ กับผัก มันบด ไข่กวน ราคา 847 ¥.. บอกเลยว่า ไม่ผ่าน 555+❌
✔แต่อันนี้ถือว่าเด็ด ข้าวปั้นหน้าเนื้อ ในราคา 240¥ เกือบไม่ได้กิน.. เมียเก็บไว้ให้... 'คำนึง' คือ '1 คำ' ข้าวปั้นหน้าเนื้อร้านนี้ ราคาไม่ต่างกับในร้านสะดวกซื้อ แต่รสชาติ อร่อยจริง จำยี่ห้อไว้นะ ใครเจอ ซื้อชิมได้ ไม่ผิดหวังจ้า อิ่มแล้ว.. หลับได้ อีก 2 ช.ม. ครึ่ง เจอกัน
ใช้เวลาทั้งหมดจากสนามบิน Narita มาถึงสถานี Matsumoto เกือบ ๆ 4 ช.ม. กันเลย ช่วงแรกที่มาลง Shinjuku ไม่กล้าหลับครับ กลัวเลย 555 แต่ช่วงหลังจาก Shinjuku มา Matsumoto ก็มีหลับแว้บ ๆ บ้าง พอถึงแล้ว ก็เดินข้ามถนนไปครับ เพราะโรงแรมที่เราจองไว้ 1 คืนที่นี่ คือ
Premier Hotel Cabin Matsumoto
ตั้งอยู่ตึกหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามสถานีเลย และติดกับสถานีรถบัสที่จะไป Kamikochi ได้เลย (หากใครต้องการเดินทางด้วยรถบัสนะครับ) Counter Check-in อยู่ที่ชั้น 10 นะครับ ส่วนห้องพักเราได้ที่ชั้น 8 ซึ่งที่ชั้น 10 จะมีมุมให้นั่งกินกาแฟ ชมวิวด้วยนะครับ ถือว่าเป็นโรงแรมที่สะดวกสบายพอสมควรเลย ในราคาที่ไม่แพงมาก 7,200 ¥ (2,100 บาท) ก็จิบกาแฟ เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เตรียมตัวให้พร้อมครับ วันนี้เราจะออกไปเที่ยวสถานที่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก (ว่ากันตรง ๆ จุดสำคัญของเมือง Matsumoto ก็น่าจะมีแค่แถว ๆ นี้แหละครับ)
เตรียมของพร้อมออกเดินกันช่วงบ่ายนี้แล้ว ก็ค่อย ๆ มุ่งหน้า.. เป้าหมายในบ่ายวันนี้ คือ ถนน Nawate และปราสาท Matsumoto เราค่อย ๆ เดินตาม Google Maps พาเรามาถึงถนน Nawate สังเกตง่าย ๆ จะมีกบน้อยตัวเบ้อเร่อ ยืนอยู่เรียงรายเต็มไปหมดเลยครับ
แต่ชะโงกมองเข้าไปในถนนแล้ว ร้านค้าเปิดไม่เยอะมาก และอากาศดูอึมครึม ๆ เราก็เลยตัดสินใจเดินมุ่งหน้าไปยังปราสาท Matsumoto ก่อน เพื่อชมความงามของปราสาท ระหว่างทาง จะพบความงามแอบซ่อนอยู่
M a t s u m o t o C a s t l e
ในที่สุด เราก็มาถึง Matsumoto Castle แล้วครับ ตั้งตระหง่านเผยความงามให้เห็นอยู่กลางน้ำ หากใครชื่นชอบการชมภายในปราสาท ก็สามารถเข้าชมได้นะครับ แต่สำหรับเราแล้ว ขอชื่นชมความงามจากภายนอกก็เพียงพอแล้วครับ ในขณะที่เดินชมความงามนั้น แฟนผมก็ยังต้องเดินชมไป คุยงาน ตามงานไป ซึ่งหลังจากกลับจากทริปนี้ สิ่งที่ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้น ขนาดคนที่ทุ่มเทกับงานขนาดนี้ กลับโดนกลั่นแกล้งอย่างไม่ยุติธรรม แต่ช่างมันครับ คนเราต้องเดินหน้าสู้กันต่อไป..
ชมความงานกันโดยรอบดีกว่าครับ อย่าดราม่า ๆ 555+
เดินชมความงามกันอิ่มหนำแล้ว เราก็ค่อย ๆ เดินย้อนกลับไปยังถนน Nawate และถนน Nakamachi กันอีกรอบนึง ซึ่งขณะนั้น ร้านค้าเริ่มเก็บร้านกันแล้วครับ แต่เรามีเป้าหมายอยู่ที่ Soft Cream แห่งร้าน Cafe SENRI นี่เอง *บอกเลยว่า ห้ามพลาดนะครับ
c a f e S E N R I
หน้าตาร้าน cafe SENRI เป็นแบบนี้นะครับ เปิดถึงประมาณ 18.00 น. ในช่วงฤดูหนาว มากันให้ทันนะครับ
กินไอติมเสร็จ เหมือนเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยยังไงไม่รู้ ท้องร้องละครับ เอาล่ะสิ เราจะหาอะไรกินกันดี.. เปิด tripadvisor สิครับ (ท่าไม้ตายของผมเลย เวลาหาร้านอะไรไม่เจอ ใช้ tripadvisor ช่วยหา) แล้วเราก็เจอร้านโซบะลึกลับแห่งนี้ ซึ่งน่าจะเป็นร้านที่ดังเลยล่ะครับ ชื่อร้านที่อ่านเจอ คือ Kobayashi Soba นะครับ เดินเข้าไปตรงถนน ๆ ใกล้ ๆ กับกบนะครับ ด้านหลังลานโล่ง ๆ ริมถนนเลยครับ
หน้าตาทางเข้าร้าน มีป้ายประมาณนี้ครับ ส่วนเมนูด้านในนั้น จิ้มสิครับ อยากกินอะไร เลือกกันตามอัธยาศัยเลย เพราะไม่รู้เลยครับว่าอันไหนอร่อย 555+
มาดูกันครับว่าเราสั่งอะไรมากินเป็นอาหารเย็นวันนี้
เป็นไงครับ หน้าตาน่ากินดีใช่ไหมล่ะ อร่อยนะครับ อากาศเย็น ๆ ซดโซบะร้อน ๆ อร่อยดี.. คืนนี้ก็ลากันไปด้วยโซบะร้อน ๆ 2 ชามนี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า กับการเดินทางสู่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดแห่งนึงของทริปนี้เลยครับ.. Kamikochi
อรุณสวัสดิ์ เช้าอันสดชื่น สดใส
วันนี้เรารีบตื่นแต่เช้า และรีบออกเดินทาง เพราะเราตั้งใจจะขึ้นรถไฟให้ทันรอบแรก เรารีบ Check-out และฝากกระเป๋าไว้ก่อน และรีบเดินไปกดซื้อตั๋ว Kamikochi Round Trip ซึ่งตู้กดตั๋ว อยู่ที่สถานี Matsumoto นี้เลยครับ ขึ้นบันไดเลื่อนไป จะมีตู้กดตั๋วอยู่ทางซ้ายมือ แยกชัดออกมาเลยว่า Kamikochi Line
วิธีกดตั๋ว ไม่ยากครับ..
1. ให้เปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เราอ่านออกก่อน
2. กดที่แถบซ้ายมือ เลือกปุ่มสีเขียว Matsuden Train and Bus Ticket Set
3. ให้เลือกแถวล่าง จะเป็น Kamikochi Round Trip ราคา 4,550 ¥
ได้ตั๋วแล้ว เดินตามป้ายหมายเลข 7 Kamikochi Line เลยครับ (ที่ต้องซื้อ Kamikochi Round Trip เพิ่ม เพราะตั้งแต่สถานี Matsumoto ไปยังสถานี Shinshimashima ตัว JR Pass จะไม่ครอบคลุมนะ)
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถไฟก็พาเรามาถึงสถานี Shinshimashima พอลงรถไฟปุ๊บ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือ มองไปข้างหน้า จะมีรถ Bus จอดรอเราอยู่ครับ ให้รีบเดินไปขึ้นเลยครับ หากช้า.. ที่นั่งหน้า ๆ อาจเต็มนะครับ อิอิ แต่เราก็ดันไม่นั่งหน้าสุดซะนี่ พลาดแล้วเรา แต่ไม่เป็นไรครับ ยังไงความงามก็มีให้ชมตลอดทางอยู่ดี
7.15 น. รถ Bus ก็พาเราออกเดินทางสู่ปลายทางด้วยเวลาเกือบ ๆ 1 ช.ม. รถ Bus จะจอดส่งเราที่ป้าย TaishouIke (Taisho-Ike Pond) เราเลือกลงที่ป้ายนี้ครับ แล้วค่อย ๆ เดินขึ้นไป
ถึงแล้ว ก็ค่อย ๆ เดินลงไปที่ Taisho-Ike Pond ด้านล่าง
ชมความงามของธรรมชาติกันไปยาว ๆ เลยครับ เดินมาได้สักพัก ก็จะเจอทางแยก แต่ให้เราเลี้ยวเข้าไปทางขวามือก่อนนะครับ เพราะเราจะไปชมความงามของ Tashiro Pond ซึ่งน้ำ จะเป็นอีกสีนึงครับ สวยดีครับ
จากนั้นค่อยเดินย้อนกลับมา เพื่อไปทางซ้ายมือ
อิอิ ในภาพนี้ เห็นเพื่อนร่วมเดินทางไหมครับ ใครทายออกบ้างว่าคือใคร?
เดินต่อมาอีกหน่อยครับ เราจะมองเห็นโรงแรมเพียงแห่งเดียว ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรแห่งนี้ นั่นคือ โรงแรม Kamikochi Lemeiesta ซึ่งทำให้วิวป่าเขานี้ สวยงามไปอีกแบบนึงครับ
เดินเลยโรงแรมมาอีกนิดนึง ใครที่อั้นทุกข์เบาทุกข์หนักมา ก็จะได้พบสวรรค์กันละคร้าบ 555+ เพราะตรงนี้มีห้องน้ำรอให้พวกเราได้ปล่อยภาระกันบ้าง ก่อนที่จะเดินต่ออีกนิดหน่อยครับ
ขนาดวิวหน้าห้องน้ำ ยังงามขนาดนี้เลย 555+ ยืนชมวิวกันตรงนี้ล่ะคร้าบ.. ไม่ใช่ละ ไปกันต่อดีกว่า ค่อย ๆ เดินกันอีกนิดนะครับ ใกล้ถึงแล้วครับ
ถึงละคร้าบ ปลายทางของเราในเช้าวันนี้..
Kappabashi หรือสะพาน Kappa
พักเหนื่อยกันสักพัก เดินชมร้านค้าต่าง ๆ หาอะไรกินรองท้องสาย ๆ วันนี้กันนิดหน่อยครับ เราเลือกที่จะรองท้องกันก่อน แล้วค่อยกลับไปหาอะไรกินกันต่อในเมือง Matsumoto แทนน่ะครับ
ถึงเวลาแล้ว เราก็ค่อย ๆ เดินกลับไปยังจุดขึ้นรถ Bus และมองหาที่จองคิวขึ้นรถ Bus ครับ ย้ำนะครับว่า เราต้องมาจองรถเที่ยวกลับด้วย ใครมาก่อน ได้จองคิวก่อนนะครับ รับบัตรคิว แล้วรอเที่ยวรถที่จอง ใกล้ ๆ เวลาจะมีพนักงานมาเรียกให้ขึ้นรถครับ แสดงบัตรคิว และขึ้นรถกลับกันได้คร้าบ
กลับมาถึง Matsumoto แล้วครับ เราก็กลับไปเดินที่ถนน Nawate และถนน Nakamachi กันอีกรอบครับ เพราะเมื่อวานเราเดินไม่ทัน ร้านค้าปิดไปเยอะแล้ว และเมื่อมาถึงนี่ ก็ต้องซ้ำกับ cafe SENRI สิครับ
และคืนนี้ เราจะกลับเข้าไปนอนในเมือง Tokyo กันครับ แต่ก่อนกลับ มีขนมนึงที่ไม่อยากให้พลาดกันครับ นั่นคือขนมนี้นี่เอง..
ก็ขอจบทริป Matsumoto และ Kamikochi ไว้ด้วยไอติมอร่อย และขนมอร่อย ๆ ของเมือง Matsumoto นะครับ ตามไปเที่ยว Nikko กับเราได้ที่นี่นะคร้าบ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม อ่านจนจบนะครับ แวะไปชมภาพเพิ่มเติม ทริปอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ facebook: ทุบกระปุก
ปล. สงสัยข้อมูลตรงไหนในทริปนี้ พอช่วยเหลือให้ข้อมูลได้ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งนะครับ ถามเร็ว ๆ นะ ก่อนที่จะลืม เพราะแก่แว้ว 555+
ทุบกระปุก
วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 00.33 น.