สวัสดีครับ วันนี้กลับมาขี่สองล้ออีกแล้ว สลับกันไปแต่ทริปนี้พิเศษกว่านั้นเปลี่ยนแผนใหม่มีกระบะแล้วจะขี่ไกลๆทำไม ทริปนี้เลยยกเจ้าแลลี่ใส่ท้ายไทรทัน ไปจอดเชียงใหม่แล้วขี่มอไซด์เที่ยวครับ ฟินกว่าเดิมเยอะมากเดี่ยวจะเล่าให้ฟัง
ทริปนี้ตัดสินใจอยู่หลายที่หน้าฝนแบบนี้ไปภูเขาไหนดี ก็เลยปักหมุดบ้านห้วยห้อมเคยเล็งไว้นานแล้ว ส่วนอีกคืนนึงตอนแรกจะไปกลอเซโล แต่เช็คแล้วว่าฝนหนักเกินกลัวฟ้าจะปิด
ก็เลยเปลี่ยนแผนนึกอยู่ว่าจะไปไหนดี เลื่อนๆดูในแผนที่ เจอชื่ออุทยานแม่โถ เอ้ยไม่ค่อยได้ยินชื่อนี้เท่าไหร่ ลองหาข้อมูล ก็ยังไม่เยอะมาก ก็เลยเลือกที่นี้เลย บอกเลยว่าประทับใจที่นี้มากๆ เป็นยังไงไปดูเลยครับ
เอาออเดิฟไปดูกันก่อน ไม่ต้องรีบ ยาวแน่ๆรีวิวนี้ รูปคัดมาประมาณ 300รูปได้ ไปแค่ 3วัน2คืนนะเนี้ย ถ่ายไปทั้งหมดพันกว่ารูปครับ555
นาขั้นบันไดบ้านดง แม่ลาน้อยครับ
ทะเลหมอกยามเช้าที่จุดชมวิวดอยขุนคำ
ยอดดอย360องศาอุทยานแม่โถ
วิวระหว่างทางในอุทยานแม่โถ
และจุดกางเตนท์วิวงามๆที่แม่โถครับ
ตารางทริปคร่าวๆ
27-29/7/2562 ทริปนี้ออกแต่บ่ายวันศุกร์ยกแลลี่ใส่ไทรทันมาจอดบ้านเพื่อนที่เชียงใหม่
เช้าวันแรกขี่ผ่าฝนตั้งแต่ตี4 ไปจนถึงอินทนน์ก็ไม่หยุดฟ้าปิดเลยไม่ได้ขึ้นไปบนยอดไปต่อ ลงไปแม่แจ่ม แล้วลัดเข้าแม่ลาน้อย ทางดินผสมทางราดยางสลับกันไปไม่โหดมากไปได้เรื่อยๆ หลงบ้างเลยบ้าง แล้วก็มาถึงบ้านห้วยห้อมขับรถเล่นในห้วยห้อมไปบ้านดงและนาขั้นบันไดโครงการหลวง
เช้าที่สอง ออกไปดอยขุนคำดูหมอกและออกจากแม่ลาน้อยไปต่อที่อุทยานแห่งชาติแม่โถ วันนี้ขี่รถไปเที่ยวที่ยอดดอย360องศาทางวิบากประมาณ 7 โล แล้วเดินเท้าต่ออีก45 นาที วิวโคตรสวยการันตีที่นี้เด็ดมากๆแล้วลงมากางเตนท์ที่อุทยาน
เช้าที่สามออกจากอุทยานไปเที่ยวน้ำตกแม่แอบ และปิดท้ายที่สวนสนบ่อแก้วกลับเมืองเชียงใหม่และยกรถกลับกทม.
Nikon D7200 tokina 11-20 fix35 tamron 70-300 vc และคลิปจาก Gopro4 silver
ดูคลิปกันก่อนได้จ้า
เริ่มออกเดินทางบ่ายโมง ทริปนี้ไป2คนจากกทม เลยเปลี่ยนแผนบ้างปกติจะออกมืดๆขับทั้งคืนวันนี้ลองออกบ่ายให้ฟางลางานครึ่งวันดู ถึงจะได้มีเวลานอนเต็มๆ
เติ่มน้ำมัน B20 ที่บางจากวิภาวดีห้าแยกลาดพร้าวเต็มถังแล้วไปได้ รถก็อยากขับมอไซด์ก็อยากขี่เลือกไม่ได้ก็ต้องไปด้วยกันเลย55
แวะเช็ครถที่ปตท.อยุธยา พึ่งเคยแบกมอไซด์ครั้งแรกยังไม่กล้าขับเร็วช่วงแรก แต่ลองเช็คแล้วแน่นกึ้กไม่มีปัญหา ก็มัดซธเป็นใยแมงมุมขนาดนี้555 แต่จริงๆมัดแค่ 2เส้นก็อยู่แล้วครับขากลับมัดอีกแบบนึง
พอเช็คแล้วว่าหนาแน่นไมมีปัญหา ออกจากปั้มได้ก็เลยขับตามสไตล์เราทำเวลานิดหน่อย 130-140 สบายๆ 150ก็ยังได้ครับขับได้แบบปกติเลย แล้วก็มาถึงเชียงใหม่ 3ทุ่มครึ่ง 8ชั่วโมงกว่าๆตามเวลาที่ตั้งไว้
วันนี้ผมไปนอนบ้านเพื่อน พอดีเพื่อนซี้ที่เรียนมหาลัยด้วยกันย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ ทริปนี้ก็เลยจะไปเที่ยวด้วยกันแต่เพื่อนติดทำงานวันเสาร์เดี่ยวขี่ตามมาหาวันอาทิตย์ที่แม่โถครับ ก็เลยเอารถไปจอดบ้านเพื่อนและนอนกับเพื่อน
ตัดมาที่ตอนเช้าเลย วันนี้ผมตื่นตี 4 กว่า นัดกับ CRF เชียงใหม่เจ้าเดิมจากทริปก่อนทริปนี้ไปด้วยกันนัดเจอที่ ปตท.จอมทองก่อนขึ้นดอนอินทนนท์ เมื่อคืนนี้ฝนตกทั้งคืนครับตั้งแต่เที่ยงคืน ไม่มีอะไรหยุดเราได้ ขี่รถจากตัวเมืองเชียงใหม่ตากฝนตอน ตี4ครึ่ง นึกว่าจะหยุด ก็ไม่หยุดยันมาถึง ปตท.จอมทอง ฉ่ำกันแต่เช้า
กินมาม่ารอดูเผื่อฝนจะหยุด 6โมงหน่อยๆ เริ่มซาๆ เลยขี่ขึ้นยอดอินทนนท์กัน
ขี่มาจนถึงด่านที่สอง ฝนพึ่งจะหยุด แต่ฟ้าขาวโพลนถามเจ้าหน้าที่แล้วบอกว่าวันนี้อากาศข้างบนปิด ก็เลยไม่ขึ้นไปยอดก็ได้เพราะไม่เห็นอะไร จะได้ไม่เสียเงินค่าเข้าด้วย
เลยเลี้ยวซ้ายลงมาแจ่ม ไปแม่ลาน้อยตามแผนเราเลยดีกว่า
ตลอดทางฝนก็ยังไม่หยุดแต่เบาแล้ว เส้นทางก็เลยรายล้อมไปด้วยหมอกยามเช้า สดชื่นมากๆ ข้อดีที่ฝนตกเราต้องใส่เสื้อกันฝนมันช่วยกันลมได้ดี ทำให้เราไม่หนาว อุณหภูมิร่างกายเย็นกำลังดีเลยตอนนี้ถึงแม่จะมีทั้งลมฝนลมหมอก
แวะพักริมทางระหว่างทางลงไปแม่แจ่มเห็นหมอกสวยก็ขอถ่ายหน่อย
ลงมาถึงแม่แจ่มแล้วต่อไปจะเป็นเส้นทางหรรษาของทริปนี้
จากแม่แจ่มเราจะไปบ้านห้วยห้อมแม่ลาน้อยเราจะไปได้สองทาง คือทางหลังเส้นสีเทาถนนดำ อ้อมไป 80 โลแต่ใช้เวลามากกว่าชั่วโมงเดียว แต่วันนี้เราจะเลือกไปเส้นสีฟ้าเห็นว่าลัดได้เยอะ สอบถามคนเขาเคยมาว่ามาได้ไม่ยากไปดูกัน
ออกจากแม่แจ่มก็วิ่งจามเส้นทาง เป็นเส้นทางเลาะไปตามสันเขาครับทางขึ้นลงเขาเรื่อยๆแต่ไม่ชันอะไรทางราดยางสวยงาม แถมยังได้เจอวิวข้างทางแบบนี้ด้วย หลังฝนหยุดแล้ว
เวลา 9 โมงกว่ายังมีหมอกให้ดูเรื่อยๆระหว่างทาง
เซอร์ไพร์แรกของวันนี้ ชอบจริงๆวิวข้างทางเนี้ย มันหาไมไ่ด้แบบในรีวิว มุมที่ไม่เหมือนใครเพราะในทุกๆวันความสวยงามก็ต่างกันออกไป เราเลยต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเองครับ
ไปเรื่อยๆครับอากาศเย็นกำลังดีหนาวนิดๆ
แล้วก็มาถึง 3 แยกอะไรสักอย่าง ป้ายบอกทางเพียบแต่ไม่มีที่เราจะไปเลย
โซนนี้ก็อยู่ในหมอกครับ
ขาวโพลน ถามชาวบ้านแล้วมาถูกทางไปตามทางเรื่อยๆได้เลย
แล้วก็มาเจอวิวข้างทางตรงนี้ขอจอดอีกรอบถ่ายรูปหน่อย
เจอป้ายแม่ลาน้อยแล้ว
แวะทักทายชาวบ้านก่อน วิวสวยมากๆ
สดชื่นมากเขียวขจี
ขับมาเรื่อยๆ เหลืออีกประมาณ 40 โลได้ ก็เริ่มเจอทางดิน มีปลูกกะหล่ำริมถนนด้วย
ไม่ต้องหาที่ภูทับเบิกเลย เอ้ยไปทับเบิกใกล้กว่าเยอะนะ555
เริ่มเป็นทางดินล้วน แต่ก็ไม่ได้โหดมากครับค่อยๆไป รถไรก็มาได้ แต่ล้อเรียบก็ลื่นหน่อย
เจอทางแยกดูแมบสัญญาณเริ่มน้อย เขาบอกว่าไปได้ทั้งสองทาง ขวาเข้าบ้านกอกน้อยก็ไปได้หรือตรงไปตามทาง
เราเลยเลือกตรงเห็นว่าทางใหญ่กว่า เจอสะพานบ่อโคลนนึกว่าจะลึก แต่ไม่ลึกไม่มีอะไร
แล้วก็มาเจอวิวแบบนี้
สุดสวย
งามมาก
หลังจากหมดทางดินแล้วก็เจอทางราดยางอย่างดี ขับไปสักพัก หยิบ GPS มาดู อ้าวเฮ้ย หลงทาง ออกนอก GPS มาไกลเลย ตรงนี้ไม่มีสัญญาณด้วย จอดรถลงมาช่วยกันดูแมบว่าไปผิดตรงไหน ไม่เห็นจะมีแยกอะไรเลย งงมาก
แต่พอหันมาดูอีกฝั่งของถนนต้องร้องว้าวอีกแล้วว นาขั้นบันไดข้างล่างนั้นสวยมากๆ
คือตรงนี้ไม่รู็ว่ามันคือที่ไหน แต่ว่าเราหลงออกนอกทางมา
หรือมันจะเป็นการหลงที่มีความหมายทีีทำให้เราได้มาเจอวิวแบบนี้
เพราะหลังจากจุดนี้ทั้งทริป ไม่เจอนาขั้นบันไดมุมสูงแบบนี้เลย ถือเป็นการหลงทางที่มีค่ามากครั้งนี้555
มากับดวงตลอด หลังจากงงกับทาง ก็เจอชาวบ้านขี่มอไซด์ผ่านมาพอดี เลยถามทาง เขาว่าเลยมาไกลแล้ว
ให้เราลงไปถนนดินแดงทางขวาในรูปล่างนี้ ก็คือจุดที่เราจอดถ่ายพอดีมีทางลงข้างหน้าครับ บร๊ะอะไรจะโชคดีประจวบเหมาะขนาดนี้ เขาบอกวิ่งตัดไปเรื่อยๆเส้นนี้จะทะลุอีกสองหมู่บ้านก็จะถึง
ดีนะมาวิบากทางแบบไหนก็ไม่กลัว
ขี่ลงไปตามทางเริ่มแคบแต่มีนาขั้นบันไดเล็กๆเรื่อยและเป็นทางที่ชาวบ้านใช้ไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอทางคอนกรีตเล็กๆและเจอหมู่บ้าน
ถามทางน้องหน่อยนอกบอกที่นี้ชื่อ บ้านห้วยห้าใหม่ แล้วชี้ทางไปบ้านห้วยห้า ไม่ได้พิมพ์ผิดหรือพิมพ์ตก ชื่อหมู่บ้านทั้งสองหมู่บ้านชื่อ ห้วยห้า กับ ห้วยห้าใหม่
ไปต่อๆตลอดทางเริ่มเจอชาวบ้าน และเป็นนาขั้นบันไดเล็กๆตลอดทางเลย แล้วก็เจอถนนแคบๆ จอดดู GPS เอ้ย กลับเข้ามาใกล้จะเป็นเส้นเดิมที่บ้านห้วยห้อมแล้ว
จนในที่สุดเราขึ้นออกมาจากเนินมืดๆในรูปนี้แหละ ชนกับถนนเส้นหลัก
ฝั่งตรงข้ามมีป้ายห้วยห้อมใหญ่ชัดเจนถึงแล้วว
หลังจากกลับมาบ้านมาพิจาณาว่าหลงตรงไหนก็ยังหาไม่เจอ และในแผนที่ก็มีช่วงที่ Google street ไมไ่ด้วิ่งไปช่วงใหญ่ๆเลยตรงที่เราหลง ก็เลยงงๆ แต่ในแผนที่ขึ้นว่าบ้านห้วยห้าอยู่ตรงจุดแดงๆในรูปครับ
ก็เลยวาดเส้นแดงเดาๆตรงที่หลง น่าจะประมาณนี้มั้ง เพราะวิ่งย้อนแนวเหมือนจะตรงๆเลี้ยวนิดหน่อย เหมือนออกจากเส้นสีฟ้ามาคนละทาง แต่หลงไม่ได้ไกลมาก ประมาณ 45 นาทีได้ที่ผิดเวลาจากที่ควรเป็น
แล้วก็มาถึงบ้านห้วยห้อมประมาณ เที่ยงพอดีครับ
เอาของไปลงที่ห้องก่อนเราได้นอนที่บ้านโปเกม่อนครับ คนละ400บาทมีอาหารให้ 2 มื้อครับ
ที่นี้้ป็นแหล่งปลูกเมล็ดกาแฟด้วยครับ กาแฟหอมมาก แต่ผมไม่ค่อยชอบกินกาแฟใจมันสั่นเลยไม่ได้ลอง เพื่อนอีกคนลองบอกว่าเข้มอร่อยครับ
ขึ้นมานั้งพักกันข้างบนก่อนสั่งข้าวกลางวันกิน และเจอกับนักท่องเที่ยวฝรั่งเศษ 3 คน ที่จริงเธอคนนึงมาอยู่ที่แม่ฮ่องสอนมาเป็นอาสาในแต่ละประเทศครับเพื่ออีกสองคนอาสาอยู่ที่พม่า เธอเลยชวมาเที่ยวไทย คนที่อยู่ไทยอยู่ได้ 8 เดือนแล้ว พูดไทยเก่งรู้เรื่องมากสื่อสารกับเราได้คุยกันเพลินเลย
อาหารอร่อยครับ
กระเพราเด็ดมาก
อยู่ดีดีก็เป็นคนรักแมว น้องแมวที่นี้ขี้อ้อนมาก ขึ้นมานั้งมานอนกันเองเลยทั้งสองตัวไมไ่ด้จับเลย55
กินข้าวอิ่มถ่ายรูปป้ายมหาชน
กลับห้องนอนพักกันหน่อยครับ เดี่ยวบ่ายแก่ๆจะไปเที่ยวบ้านดงใกล้ๆ
สักพักฝนก็ตกอีกแล้วครับ เจอฝนทั้งวันครับวันนี้
บ่าย3ครึ่งแล้วฝนก็ยังไม่หยุด ก็เลยต้องลุยฝนอีกแล้ว เพระาเดี่ยวพรุ่งนี้ออกแต่เช้าต้องเที่ยววันนี้เลย
เราขี่รถมากันที่บ้านดงโครงการหลวงของแม่ลาน้อยครับ ห่างจากบ้านห้วยห้อม 5 โล ใส่เสื้อกันฝนลุยมา
มีนาขั้นบนไดสวยๆให้ดูครับ
ฝนกับหมอกมันของคู่กัน มีฝนก็มีหมอกให้ดู
อย่ากลัวฝนเพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ ขี่มอเไซด์เที่ยวหน้าฝนสำหรับผมไม่มีปัญหาเลยชอบมากครับ ทางเล็กๆตามป่าเขาแบบนี้สบาย แต่ถ้าเป็นทางหลักถนนใหญ่อันนั้นจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่มันจะอันตรายไปหน่อยเพราะมีรถเยอะ
ตอนนี้ฝนหยุดละ
ตอนแรกผ่านหมอกปิดหมด ตอนนี้เปิดแล้ว
กลับมาดูแกะที่หมู่บ้านครับ
ที่มีผลิดภัณฑ์จากขนแกะด้วยจากน้องพวกนี้แหละ
ขึ้นมาดูวิธีทำได้ขนแกะก่อนที่จะเอามาทอเป็นเสื้อขนแกะหรือกระเป๋าครับ
ขั้นแรกหลังจากได้ขนแกะมาจะหยาบๆก่อน เราต้องมาใช้แปลงหวีไปมาจนขนแกะละเอียดบางๆไม่หยาบครับ
แล้วจากนั้นก็เข้าเครื่องเรียงเส้นด้ายแบบนี้ วิธีทำไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายเลย กว่าจะได้เป็นเส้นด้ายไว้ทอใช้เวลามาก
ที่ในรูปต้องเอาขาไปพาดไม่ได้เกเรนะจ๊ะ แต่ฐานมันเบาถ้าไม่เอาขาทับไว้มันจะกระดกครับ อันนี้เขาสอนเลยให้เอาขาวางแบบนี้
จากนั้นก็เอาไปย้อมแบะทอเป็นเสื้อผ้าสวยๆแบบนี้ครับ ตัวนี้ 3500บาท ไม่ได้ซื้อ แค่เอามาลองใส่ถ่ายรูปครับ
เจ้าชะมดน้อย
กลับมานั้งเล่นนอนเล่นที่ห้องต่อรออาหารเย็นครับ หลังฝนหยุด หมอกก็ลอยมาอีกแล้วครับ
เมืองสายหมอกจริงๆ
สดชื่นนน
ซูมไปบ้านอีกหลังที่เพื่อนผมนอนคัรบ
ข้าวเย็นมาแล้วเป็นอาหารพื้นบ้าน 3 อย่าง รสชาติอร่อยสามารถเติมได้ครับ
ที่จริงที่นี้มีไฟฟ้านะครับ แต่วันที่ไปไฟพึ่งดับ แล้วไม่ใช่ดับแค่บ้านเรานะครับ แต่ดับทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียววว สงสัยอยากให้กินใต้แสงเทียน โรแมนติกไปอี้กก นี่น้องแมวมาหาเราอีกแล้ว เลยขอพาเข้ากล้องหน่อย
แล้วคืนนั้นก็ไฟดับทั้งคืนยันเช้าก็ยังไม่ติดครับ555 เมื่อคืนก็อดถ่ายทางช้างเผือกครับเมฆฝนมืดมัวไปหมด ฝนตกเบาๆแทบทั้งคืน เราตื่นแต่เช้าวันนี้กินข้าวตอน 7โมง แล้วออกเลยเพราะจะไปดูทะเลหมอกที่ดอยขุนคำ
เช้านี้ฝนไม่ตกแล้ว ช่วงแรกขี่ออกมาตามในคลืปหมอกหนาจัดมาดขาวไปหมดคิดในใจสงสัยจะฟ้าปิดหรือปาวนะเช้านี้ พอขี่มาได้ ซัก10โล พ้นหมอก ฟ้าใสแจ่ว แสงแดดเริ่มมา
แล้วก็มาเจอหมอกตรงโค้งนี้ขอจอดถ่ายก่อน
ว้าวๆอีกแล้ว
ขี่มาอีกสักพักก็จะเจอจุดชมวิวดอยขุนคำ ดอยขุนคำนี้ถ้าคนมาจากทางหลักแม่ลาน้อยก็จะผ่านอยู่แล้วครับขวามือ ส่วนผมวิ่งย้อนออกไปก็จะอยู่ซ้ายมือ
ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมากๆ
เหมือนยืนอยู่บนขอบฟ้า
เดี่ยวเราจะไปที่ยอดดอยขุนคำ น่าลูกในรุปล่างนี้ลงไปตามทางถนนจะเห็นเลยเป็นเขา
ที่จริงตรงนี้แต่ก่อนขี่รถขึ้นไปได้ครับแต่ตอนนี้ชาวบ้านปลูกข้าวโพดกับถั่วเต็มพื้นที่ก็เลยงดขี่ขึ้นไป จอดไว้ข้างๆแล้วปีนข้ามไม้กั้นเดินขึ้นไปได้ครับถามชาวบ้านแล้ว
อยู่ติดถนนเลยแต่เดินชันเอาเรื่องพอได้หอบแฮกๆ ประมาณ 300 เมตรเดินแปบเดียวก็ถึง
ถนนที่เราขี่มาจากจุดชมวิว
เดินถึงข้างบนหมอกเริ่มฟุ้งไปแล้วครับไม่เป็นทะเลหมอกแบบที่เห็นไกลๆแล้ว
แต่ก็สวยงามมากครับ
กว้างใหญ่จริงๆธรรมชาติ
ลงมาถึงรถแล้วครับเดี่ยวไปต่อ
ขับออกมาเรื่อยๆเจออะไรสวยก็จอดถ่าย
แล้วก็ออกถึงถนนหลัก108 แวะไปกินกาแฟที่เฮินไตรีสอร์ท ร้านประจำเลยมาสองครั้งแล้วต้องแวะกินที่นี้รสชาติอร่อยแต่ยังไม่ได้มานอนที่นี้เลยผ่านอย่างเดียวพี่เจ้าของร้านคุยดีมากให้คำแนะนำเส้นทางที่เที่ยวอย่างดีครับและให้เราชาทแบตมือถือกับกล้องอีกด้วยเพราะเมื่อคืนไฟดับไมไ่ด้ชาร์จอะไรเลย
จากนั้นก็ไปต่ออุทยานแม่โถ ตอนนี้วิ่งเส้นหลักแล้วแม่เสรียง-ฮอดแล้วก็มาถึงทางเข้าตรงบ้านกองลอย กำลังจะเลี้ยวเข้าพอดี เพื่อนที่ผมไปจอดรถด้วยขี้เจ้า เวอซีส650จากเชียงใหม่ ขี่มาถึงพร้อมกันแบบเป๊ะเวอร์ กำลังจอดไม่ทันดับเครื่องว่าจะยกโทรศัพท์ดูเพราะพึ่งแชทจากร้านกาแฟว่า กำลังออกจะพิมดูว่าเพื่อนเลยเข้าไปหรือยัง 555
ก็เลยขี่มาหาอะไรกินก่อนเข้า เห็มุมหมู๋บ้านนี้สวยขอถ่ายหน่อย
เติมพลังกันด้วย ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกองลอย รสชาติเด็ดดวง พริกเผ็ดถึงทรวงครับใส่เบาๆ อร่อยๆครับแวะกินกันได้ริมถนนหลักเลย
จากถนนเลี้ยวเข้ามาอีก16โลก็ถึงอุทยานครับ ระหว่างเส้นนี้ก็เป็นถนนอีกเส้นที่สวยมากๆ
ให้เรียกว่าถนนลอยฟ้าอีกเส้นก็ได้นะครับเส้นนี้สวยจริง
วันนี้เรานัดไกด์ท้องถิิ่น พี่สุวรรณ เบอร์ติดต่อ 0931709631 สุดยอดไกด์ เดี่ยวจะเล่าว่าสุดยอดยังไง นัดแกไว โทรปุ้บไม่ถึงนาทีแกก็ขี่เวฟมาหา แกบอกมารอตั้งแต่ 10โมงแล้วว
แผนแรกเราจะเอาของไปลงที่กางเตนท์ในอุทยานก่อน ตอนแรกตามแผนว่าจะไปนอนข้างบนดอย360 พี่สุวรรณเห็นเวอซิสแล้วกลัวว่าจะไม่ไหว ก็เลยเปลี่ยนแผนมานอนที่ในอุทยาน
พี่สุวรรณมีให้เราหลายแผนมาก อย่างวันนี้ เขาว่าจะให้เลือกเที่ยวในอุทยานก่อนแล้วขึ้นดอย360พรุ่งนี้ แล้วก็น้ำตก หรือจะขึ้นวันนี้พรุ่งนี้ขึ้นอีกก็ได้
แต่วันนี้เราดูอากาศและฟ้าใสไร้ฝนต่างกับเมื่อวานลิบรับแดดอออก เราเลยตัดสินใจ ขึ้นวันนี้แหละ ดีกว่าลุ้นตอนเช้าเผื่อฟ้าปิด แล้วเดี่ยวพรุ่งนี้ดูเหตุการณ์อีกทีว่าจะขึ้นอีกไหม
ก็เลยขี่เข้ามาในอุทยานแค่ทางเข้าประมาณ โลหน่อยๆ เวอซิส650ก็แทบแย่แล้วครับ 55รถเพื่อนหนักไม่ค่อยได้ขี่ทางลุยด้วย ดีแล้วที่จอดไว้ที่นี้
มาถึงต้องโอ้วมันสวยมาก ไม่ได้ดูว่าที่กางเตนท์จะวิวแจ่มแบบนี้
เด่ี่ยวค่อยมากางเตนท์เอาของลงก่อนให้รถเบาๆแล้วไปขึ้นดอย 360 กัน
เพื่อนทิ้งเวอซีสไว้มาซ้อนเวฟพี่สุวรรณไปแทน
เส้นทางลุยจากตัวโครงการหลวงไปดอย360 ประมาณ 7 โล เป็นทางลุย ไม่ได้โหดมาก แต่ก็มีเนินชันเอียง เอาเรื่องอยู่ถ้ารถเล็กๆไม่มีปัญหามาได้หมดครับ แต่ถ้ารถบิ็กไบค์ เอาเป็นทรงทัวริ่งที่มีประสบการณ์ลุยๆบ้างแล้วมาได้สบายครับ มียากแค่เนินเดียวครับ ส่วนรถกระบะ ขับ4มาได้ครับ แต่จริงดอย360ยังไงก็ต้องจ้างไกด์ครับเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าคนเคยมารู้ทางแล้วรอบหน้าอยากจะมาเองพี่เขาก็บอกว่าได้ไม่มีปัญหาครับ
ช่วงแรกเพื่อนไปนั้งวิบากอีกคัน แต่พอเจอเนินชันๆรถมันสูงเสียวไปหน่อยเลยย้ายไปนั้งเวฟพี่สุวรรณแทนครับ
เนินนี้แหละที่ว่ายากสุดเพราะเป็นดินลื่นๆ เอียงด้วย ยังดีฝนไม่ตกถ้าฝนตกบันเทิงแน่ ส่วนวิบากขึ้นได้สบาย
จริงๆแค่ขึ้นมาตรงนี้ก็สวยแล้วทุ่งสะวันน่าแต่เดี่ยวค่อยมาถ่ายรูปขากลับไปต่อก่อนครับ
ไกดืเรานำไปนู้นเลยชิวเลยเวฟ
เส้นทางต่อจากนี้ก็เป็นทางวิบากหินลอยทางเนินชันไม่ค่อยมีแล้วครับ ไปเรื่อยสบายๆไม่มีอะไรครับ
เจอต้นไม้ล้มนิดหน่อย
เนื่องจากเป็นรถวิบากพี่เขาเลยพาขี่มาถึงสุดทางเลยครับ ปกติจะต้องจอดไว้ที่ลานกางเตนท์ของดอยเราเดินเข้ามาเพราะทางแคบแต่รถเรามาได้เลยไม่ต้องเดินเยอะ
สุดทางรถก็เดินเท้าต่อ คราวนี้ก็ขึ้นเนินยาวๆๆ หอบแดกอยู่เหมือนกันคัรบไม่ได้วอมเลย มาถึงก็เนินตรงเด่
อันนี้คือหินแต่แสงสะท้อนอย่างกับเพชรครับ
พี่สุวรรณบอกเราเป็นกรุ็บแรกเลยหลังจากหมดหน้าหนาวครับพี่เขาไม่ได้ขึ้นมาหลายเดือนละ ที่นี้คนไม่ค่อยมาเท่าไหร่ยังไม่ค่อยดังคัรบ อย่างที่ผมบอกแตกแรกว่าผมก็พึ่งเคยได้ยินเห็นชื่ออุทยานใน mab ตอนดูเส้นทางบ้านห้วยห้อม แต่ที่จริงเขาก็มีนานแล้วครับดอยนี้
ระหว่างทางพี่สุวรรณแกก็จะชี้นุ้นนี้ให้ดูและอธิบายเยอะมากครับ
เดินกันจนลิ้นห้อย
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็มาถึงครับ ประมาณ น่าจะโลกว่าๆ
ด้านบนเป็นพื้นที่ไม่กว้างมาก เป็นหน้าผาโดยรอบครับ สวยแค่ไหนไปดูกันเลย
สดชื่นน ลมเย็นมาก
นอนพักเหนื่อย
ลืมบอกที่นี้มีทากด้วยระวังให้ดี แต่ฟางกับเพื่อนผมเจอคนละตัวสองตัว แต่ผมรอดครับ
กว้างไกลสุดสายตา ยามฟ้าเปิดจัดๆจะมองเห็นดอยอินทนนท์ด้วยครับ
เช็คอินท่าคู่หน่อยมาถึงแล้วดอย360
ตรงที่เพื่อนไปยืนคนเดียวนี้เป็นหน้าผาครับ น่ากลัวมากผมไม่กล้าลงไป เป็นผาเลยถ้าลื่นตกนี้ไม่รู้จะตามหาที่ไหน555
ซูมลงไปดูข้างล่าง
เราอยู่กันนานพอสมควรนานจนจาดแดดแรงๆกลายเป็นหมอกพัดปะทะเข้ามา
เหมือนจะมีฝนเราเลยลงดีกว่า ขาลงแปบเดียวครับ
แล้วก็ออกมาถึงตรงนี้จะเป็นจุดที่จะกางเตนท์สำหรับคนที่จะมากางบนนี้ครับ เป็นลานกว้างๆมีวิวให้ดู แต่ดูแล้วเราคิดถูกแล้วครับที่กางที่อุทยาน วิวตรงอุทยานสวยแจ่มกว่าอีกครับผมว่า
พี่สุวรรณขอลองคร่อมหน่อยบอกว่าชอบมากให้ลองขี่ชอบสุดๆครับ กำลังทำเรื่องขออนุมัติจากเมียซื้อ CRF มือสองซักคันครับ ไม่รู้ป่านนี้แกอาจจะขี่ CRF แล้วก็ได้ใครไปเจอแกก็เอามาบอกด้วยครับ555
ลงมาถึงทุ่งสะวันนาจอดถ่ายรูปหน่อย
วิวมันสวยงามมากๆครับ
ดูรูปไปยาวๆเลย
แอคหน่อยย
ตะเบ๊ะยกแก๊ง
รุ่งกินน้ำ
ป่ะลงเนินที่ว่ายากสุดกัน
ทำใจแปบเป็นคนกลัวความสูงมากครับ เวลาดันเนินชันแค่ไหนก็ไม่กลัวเพราะมองขึ้นบไม่เคยกลัวเลยบิดสู้ขึ้นได้ตลอด แต่เนินเดียวกันพอเป็นขาลง ทุกครั้งเลย มันเสียวมาก555 การขี่วิบากมันช่วยปลอดล็อคความกลัวได้ระดับนึงเลยนะ นี่ผมหายกลัวขึ้นเยอะตั้งแต่ขี่วิบากครับ แต่ก็ยังกลัวอยู่อิอิ
ดูในรุปเหมือนไม่ชัน แต่มันก็ชันเอาเรื่องนะครับ
โอ้ยย ทั้งสวยทั้งเสียว
ลงมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเข้าที่พัก พี่สุวรรณภูมิใจนำเสนอพาไปดูบ้านแกครับ ไม่ใช่รายการตีท้ายครัวเปิดบ้านดารานะ แต่แกจะพาเราไปดู พืชผักผลผลิตต่างๆของแก ที่บ้านพี่สุวรรณ มีแทบทุกอย่าง เลี้ยงไก่ก็มี
ไก่ไข่ พาไปดูตอนบ่ม ตอนมันฟัก
พอมันโตระดับอนุบาลก็แยกมาอีกที่นึง
หรือตะเป็นการเลี้ยงหมูหลุมที่กลิ้นไม่เหม็นแบบหมูที่เราเคยเห็นครับ
และพืชผักต่างๆ บ้านแกปลูกหมด เหมือนในโครงการหลวง และเป็นผักปลอดสารพิษ ที่ส่งออกให้กับ Sizzler เลยเชียวนะ และพี่สุวรรณก็เลยเก็บผักมาเป็นกระสอบ กระสอบจริงๆครับเยอะมากเอาไปให้เรากินคืนนี้
ที่เห็นทั้งหมดนี้เป็นของแกทำกะเมียแกทั้งหมดเลยครับ โอ้วไม่ธรรมดาจริงๆพอรู้แบบนี้ รถกระบะ 3 คัน
นี้พี่เขาแค่ทำงานที่บ้านก็เหนื่อยแล้วแถมรายได้ยังอยู่สบายๆเลย จะมาเป็นไกด์อีกทำไม พอถามแก ก็บอกว่าเป็นสิ่งที่เขารัก และมันทำให้คนได้รู้จักที่แม่โถมากขึ้นด้วย แกเลยชอบเป็นไกด์ อย่างวันนี้พี่สุวรรณบอกแกรีบทำงานที่บ้านให้เสร็จ เพื่อจะไปรอพวกเรามาครับ 555 ประทับใจจริงๆ
อันนี้วิวจากบ้านเขาเลยนะ วิวงามไหมละ
ชมบ้านพี่สุวรณเสร็จก็แวะร้านหมู จำไมไ่ด้ว่ากี่โล แต่น่าจะ2โลกว่า แล้วก็ซื้อของกินเข้าไปครับ
มาที่จุดกางเตนท์ วันนี้พวกเราเหมาอุทยานกันอีกแล้ว วิวงามมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยวันนี้ พี่เขาว่าส่วนใหญ่จะมีแต่หน้าหนาวที่คนมาเที่ยวกันครับ
จัดการเตรียมทำอาารเย็น
อีกหนึ่งตำแหน่งของพี่สุวรรณคือเป็นพ่อครัว แกเล่าให้ฟังอีกว่าแกชอบทำอาหารแกอยากเป็นเชฟครับ แกเลยรับหน้าที่หมักหมูให้เรากิน จริงๆแกอยากทำหลายเมนูให้กินนะแต่เราเอาง่ายๆแกจะได้ไม่เหนื่อย ชาบูปกติแล้วก็ย่างหมูแค่นี้แหละ
พอหมดแสงเราก็กินกันดื่มด่ำกับค่ำคืนแสนพิเศษ มีเจ้าหน้าที่ขี่รถเข้ามาตรวจเช็คตามปกติ เราก็เชิญพี่เขามานั้งกินกับเรา เปิดเพลงฟังกัน พี่สุวรรณบอกแกรู้จักเจ้าหน้าที่ทุกคน คืนนั้นนี้ความรู้สึกเหมือนพี่สุวรรณมาเป็นแขกรับเชิญ แกมีเรื่องเล่าเรื่องคุยเยอะมากๆ แรกเปลี่ยนคุยกัน ที่สำคัญพี่เขาชอบบอยสเก๊าท์มาก โดยเฉพาะเพลง อย่าจากฉันไป ไม่เชื่อใครไปลองถามดูได้เลย วันนนั้นขอเปิดอยู่ 5 รอบ 555 คุยกันมันอยู่จน 5 ทุ่มกว่าจะได้นอนกันครับ
หลังจากที่ตอนกลางวันฟ้าใส วันนี้เลยว่าจะถ่ายดาว รอเวลาช่วงที่ช้างขึ้น สักพัก เห็นชัดเจนเลย ตั้งกล้องถ่ายได้ 3 ใบกำลังหามุมเหมาะ สรุปได้รูปนี้ดีสุดใบเดียว ไม่ถึง 10 นาที ฟ้าปิดเมฆบัง อดเลยยังไม่ทันได้หามุมสวยๆ เลยได้แค่นี้แล้วเมฆก็ปิดตลอด อดถ่ายเลยคืนนั้น
คืนนั้นนอนหลับสบายมากลมเย็นกำลังดี ฝนเหมือนจะตกแต่ไม่ตกครับ
เช้าวันนี้เมฆหมอกหนาเหมือนเมฆฝนอากาศแบบนี้บนดอย360ฟ้าปิดแน่ๆ คิดถูกมากๆที่ขึ้นไปแต่เมื่อวาน วันนี้เราจะไม่ขึ้นแล้วอากาศแบบนี้
ถ่ายรูปกับเตนท์หน่อยวิวสวยๆ
มื้อเช้าวันนี้เปลี่ยนเป็นโจ๊กบ้าง
ทำเป็นหวานฟันก็ยังไม่แปรงง
มีหมูกินไม่หมด มาอุ่นราดน้ำจิ้มห่อด้วยผักอร่อยมาก
ดูชิ้นผักสวยมากและกรอบสุดๆ ปกติผมจะไม่ค่อยกินผัก แต่วันนั้นเป้นวันที่ผมกินผักเยอะที่สุดเลย กินผักไปเยอะมาก เรากินผักกันจนเกือบหมดที่เอามาครับ
เอากินข้าวเช้าแล้ว ก็เก็บของเตรียมกลับ ขอถ่ายรูปคู่พี่สวรรณหน่อย แต่ยังไม่จบยังมีอีกจุดที่พี่เขาจะพาไปที่ น้ำตกแม่แอบ
อ้อลืมบอกราคาที่ตกลงกันสำหรับเราขี่มอไซด์ไปเองพี่เขาขอ 1000 บาท ที่จริงต่อได้พี่เขาถามแต่แรกเลยว่าไหวหรือป่าวสะดวกไหม แต่เราหารคนละ250เองเลยไม่ต่อครับ ได้กินผักแบบนี้คุ้มละ555 พี่เขาดูแลดีตลอดทริปคอนเฟิมร์ครับประทับใจแน่นอน ส่วนถ้าใครไม่มีรถพี่เขาก็มีกระบะ 4WD พาขึ้นไปราคาก็ลองโทรไปคุยสอบได้เลยครับ พี่สุวรรณ 0931709631
หลังจากขี่ออกอุทยานมาหน่อยฝนก็ตกพรำๆครับ แหะมถ้าขี่ขึ้นเช้านี้บันเทิงแน่นอน บันเทิงไม่ว่ากลัวฟ้าจะปิด เป็นแผนที่ลงตัวมากครับทริปนี้
น้ำตกแม่แอบเราต้องขับย้อนเข้าไปประมาณ 8 โลได้ครับใกล้ๆ เจอหมู่บ้าน ทางมันจะเริ่มเละเลยจอดเวอซิสไว้ก่อนครับ
ขับเช้ามาจาหมู่บ้านอีกโลกว่าก็ถึงจอดรถ เดินเท้าเข้าไปอีก 15นาทีได้ครับ
เส้นทางป่ารถเลยแหละ ถ้าไม่มีไกด์ไม่รู้จะเดินถูกไหม
เดินผ่านน้ำตัดไปมาสามสี่รอบครับ
ไม่ไกลเท่าไหร่เราก็มาถึงครับ น้ำตกแม่แอบบ
เธอแอบอยู่ในป่าจริงๆ
สูงใหญ่ไม่เบาเลยครับเทียบจากตัวคนแล้ว
น่าเสียดายตอนนั้นฝนตกครับพรำๆจนเกือบแรง กล้องเราจะเปียกก็เลยอยู่ถ่ายได้แปบเดียว
ละอองน้ำแรงจนกล้องเปียกเยอะเลย ยังดีที่ D7200 มีซีลกันน้ำครับทำให้ลุยฝนแบบนี้ได้ดีระดับนึง
ถ่ายเสร็จแล้วก็เดินกลับครับ
ระหว่างทางออกจากหมู่บ้าน
รูปสุดท้ายที่แม่โถบอกลาพี่สุวรรณและแม่โถมีโอกาศจะกลับมาอีกแน่ชอบมากๆครับที่นี้ สวยดีจริงๆ ข้างหลังนั้นฝนกำลังตกอยู่นะรูปนี้
ออกจากอุทยานมาถึงถนน 108 ฝนหยุดแล้วจ้า อากาศปกติ เลยมากินข้าวที่หน้าสวนสนบ่อแก้ว
และปิดทริปด้วยสวนสนบ่อแก้วเลย
ยังสวยงงามเหมือนเดิม
หลังจากนั้นก็ยิงยาวเข้าเชียงใหม่ พอพ้นเขตภูเขา เข้าเส้นจอมทองถนนหลัก อากาศโคตรเปลี่ยนครับ ต่างจากสองวันที่ผ่านมามาก ร้อนแบบร้อนสุดๆแสบไปหมด ร้อนกว่า กทม.อีกมั้งเนี้ยผมว่า นี่ขี่แค่ 50 โลจากจอมทองมาเข้าเมืองนี้เล่นเอาเพลียแดดไปเลยวันนี้ 55
ถึงบ้านเพื่อนเอารถขึ้น อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ออกจากเชียงใหม่ 14.30 น.
ฟ้าใสไร้ฝน
วิธีใหม่นี้ฟินดีมากครับ ยกมอไซด์ใส่กระบะ ตรงทางยาวๆ 6-700โล ไม่ต้องขี่ให้เหนื่อยครับตากแอร์เย็น แฟนเราก็สบายไม่เพลีย ทางหลักทั่วไปไม่มีอะไรให้เราต้องเสพอยู่แล้ว ไว้ค่อยขี่เฉพาะทางเที่ยวจริงๆ ทริปนี้ขี่มอไซด์ไป 500กว่าโลคัรบ น้ำมัน 600 ยังเหลือ ยังไงมอไซต์ยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ารถยนต์ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถเพราะตามป่าเขาทางจะแคบมอไซด์จอดถ่ายรูปง่ายยกว่า เพิ่มความฟินอีกระดับให้การเดินทางครับ แฮปปี้มากๆ
ขากลับลองมัดวิธีใหม่พี่เขาแนะนำมา ดูแน่นกว่าเดิมรถไม่โยก เพระาเอาขาตั้งขึ้น ตั้งรถตรง จริงๆมัดแค่แฮนสองข้างให้ตึงก็อยู่แล้ว แต่กันพลาดเลยมัดล้อหลังอีกเส้น สบายยัน กทม.
ส่วนเจ้าไทรทันทริปนี้วิ่งไป ประมาณ 1400 โล เติม B20ทั้งหมด 3200 บาท แต่ใช้ไม่หมดเหลือ2ขีด แต่ไม่ได้จดลิตรเป้ะๆไว้ทริปนี้ ตกโลละประมาณ 2.1บาทกว่าๆ ประมาณ 10.5โลลิตรได้ทริปนี้ขับเร็วทั้งไปกลับครับเลยจะกินหน่อย ถึงบ้าน 5ทุ่ม ปกติ B20 ที่ขับกทม หรือไม่เร็ว จะตกโลละ1.7-1.9 บาท 11-12โลลิตรประมารณนี้ครับ อัตราเร่งปกติดีทุกอย่าง ตอนนี้มิตซูพึ่งมาบอกว่ารองรับคงจะใช้ยาวๆประหยัดตังดี แต่สิ้นเดือนนี้เขาจะขึ้นราคาแล้ว แต่ก็ยังถูกกว่า B7 ครับ
ถึงบ้านอย่างปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจมากๆ ถูกใจสุดๆ แนะนำเลยแม่โถ ต้องไปกันให้ได้นะครับ
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆทริปนี้ไม่ได้จดจริงจัง เพราะไป2คนยังไงฉันก็จ่าย555 ไม่ได้หาร
น้ำมันรถยนต์3200
มอไซด์ 600
ค่าที่พักห้วยห้อม คนละ 400+400 =800
ค่าไกด์พี่สุวรรณ 1000 บาทอันนี้หาร4 สองคนเรา 500
ที่เหลือค่ากินมื้อทั่วไป40-50 มีมื้อเย็นแม่โถ ซื้อหมูกะเครื่องดื่มเยอะหน่อย คนละประมาณ 300
สรุปทริปนี้ผมสองคนหมดไปประมาณ 6000 ได้ ถ้าหาร 2 ก็คนละ 3000 เองครับประมาณนี้
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าจะไปรถยนต์หรือมอไซด์หรือยกไปทั้งคู่เดี่ยวค่อยว่ากันครับวันนี้สวัสดีจ้า
เหลี่ยมพาเที่ยว
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.12 น.