" ชุมพร " จังหวัดเมืองรองที่เป็นประตูออกสู่ภาคใต้
ถ้าพูดถึงภาคใต้เราก็จะต้องนึกถึงทะเลอันสวยงาม น้ำสีฟ้าสดใส
แต่ช่วงที่พวกเราไปเป็นหน้าหนาวที่หลายคนต่างพากันขึ้นเหนือสัมผัสอากาศหนาว
แต่ทางใต้นั้นเป็นช่วงที่เข้าสู่มรสุม แล้วพวกเราจะไปกันทำไม ?
เที่ยวทะเลก็ไม่ได้ แต่เชื่อเราแม้ว่าจะเที่ยวทะเลไม่ได้ ยังมีที่อื่นๆ ที่เราจะพาเพื่อนๆ ไป
4 วัน 3 คืน ในชุมพรแบบไม่เที่ยวทะเลจะเป็นยังไง ตามไปลุยกันเลย
Day #1
เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตอน 03.00 น. มุ่งหน้าสู่จังหวัดชุมพร ระยะทางรวมๆ ก็ประมาณ 700 Km. ขี่รถไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ง่วงก็นอน ในที่สุดเราก็วาร์ปมาถึง " ชุมพร "
10.00 น. โดยประมาณพวกเราเดินทางเข้าสู่ชุมพร ถามว่าง่วงมั้ยง่วงมาก 555 อยากเข้าไปนอนเต็มแก่แล้ว แต่ก่อนที่เราจะเข้าโรงแรม เราขอแวะไปไหว้พระ เข้าวัดกันก่อน เพราะว่าวัดนี้อยู่ระหว่างทางที่จะไปโรงแรมพอดี
📍Check-in
- วัดพระบรมธาตุสวี
- Tusita Wellness Resort
- ศาลกรมหลวงชุมพร ( หัวเขาถ่าน )
" วัดพระบรมธาตุสวี "
วัดพระบรมธาตุสวี ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอสวี มีอายุมากกว่า 700 ปี มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำสวี ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุเจดีย์หนึ่งในจตุธรรมธาตุ ลักษณะขององค์พระธาตุคล้ายกับพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช แต่มีขนาดย่อมกว่า และภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ อีกด้วย
จอดรถกันเสร็จ ก็เข้าไปดูภายในพิพิธภัณฑ์กันก่อน พิพิธภัณฑ์จะอยู่ด้านหน้าทางซ้ายมือก่อนที่จะเข้าไปยังพระบรมธาตุ
เข้ามาด้านในก็จะมีห้องทั้งหมด 4 ห้อง จัดแสดงประวัติศาสตร์ของวัด ข้าวของเครื่องใช้ที่ขุดพบ และจัดแสดงของพระราชทานและโต๊ะทรงงานของสมเด็จพระเทพฯ อีกด้วย
ตรงกลางพิพิธภัณฑ์มีพระพุทธรูปองค์สีขาวประดิษฐานอยู่
เดินชมครบทุกห้องแล้วเราก็เดินเข้าไปไหว้พระธาตุด้านในกันต่อเลย
ไหว้พระเสร็จแล้วเราก็เดินทางกันต่อ เราจะเข้าไปเก็บของพักผ่อน อาบน้ำอาบท่ากันก่อน เพราะถึงตอนนี้แล้วเรายังไม่ได้แปรงฟันกันเลย 555
" เรือนขนมจีน "
ระหว่างทางที่เรากำลังเข้าไปโรงแรม เจอร้านขนมจีน ข้าวแกงใต้ แล้วกำลังหิวพอดีเลยแวะกินขนมจีนก่อนเข้าโรงแรมซะเลย รสชาติดี อร่อย แถมยังมีของหวานตบท้ายให้ด้วย
อิ่มแล้วก็ไปกันต่อ ... จากร้านขนมจีนเข้าไปอีกไม่ไกลก็จะถึงที่พักของเราแล้ว
" Tusita wellness resort "
ถึงที่พักของเราแล้ว Tusita wellness resort (ทริปนี้เรานอนที่นี่ทั้ง 3 คืนเลย) เข้าไปเช็คอิน ดื่มน้ำอัญชันมะนาวเย็นๆ ให้ชื่นใจ
เช็คอินเสร็จเรียบร้อย ก็เข้าไปดูห้องพักของเรากันเลย
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทางรีสอร์ทมีห้องพักมีหลายแบบ และจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก
- Tusita in the Garden : เป็นห้องพักที่อยู่ในสวน แต่ก็ไม่ได้ไกลจากทะเล
- Tusita @ the Beach : เป็นห้องพักที่อยู่ริมทะเล
- Tusita @ Sea : เป็นโฮมสเตย์ที่มีระเบียงยื่นออกไปในทะเล
และที่พวกเราพักกัน คือฝั่งของ Garden เดี๋ยวเอาของไปเก็บในห้อง สำรวจภายในห้องกันก่อน แล้วจะพาไปดูบรรยากาศรอบๆ
และนี่คือภายในห้องพักของเรา ห้องพักทางฝั่ง Garden จะมีการตกแต่งแบบผสมผสานระหว่างอินเดีย กับอังกฤษ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไว้อยู่
ห้องของเราเป็นประเภท Garden suite ภายในห้องกว้างขวาง
ด้านข้างมีระเบียงส่วนตัวยื่นออกไป สามารถออกไปนั่งเล่น นอนเล่นรับลม รอบๆ จะเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มองแล้วก็สบายตาดีเหมือนกัน
ไปต่อกันที่ห้องน้ำกัน ส่วนของห้องน้ำจะถูกกั้นด้วยประตูพับ เปิดมาจะเจอกับอ่างล้างหน้า อีกด้านจะเป็นห้องส้วมเล็กๆน่ารัก
แต่ที่จะนำเสนอต่อไปคือห้องอาบน้ำ เป็น open air ไปเลย อาบน้ำไปดูดาวไปได้เลย 555 กว้างขวางมาก
และนี่ก็คือบรรยากาศของห้องพักของเรา แต่ก่อนที่เราจะออกไปดูบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ต เราขอตัวไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็แอบงีบสักนิดนึงก่อนนะ เหนื่อยล้ามากเลย 555
16.00 น.
ตื่นแล้ว สดชื่นๆ พร้อมจะออกไปสูดอากาศข้างนอกห้องแล้ว เปิดออกมาด้านหน้าห้อง ก็จะเป็นศาลาพักผ่อน
ทางเดินรอบๆ ไปยังห้องต่างๆ
สระว่ายน้ำจะอยู่กลางรีสอร์ตเลย ซึ่งรอบนี้พวกเราก็ไม่ได้ลงไปเล่นอีกเช่นเคย ไม่ใช่เพราะไม่ได้เอาชุดมานะ แต่อากาศมันหนาว และลมแรงมาก เล่นไม่ไหวจริงๆ
บริเวณสระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำดื่มสมุนไพร ซึ่งสามารถเข้ามาดื่มได้ตลอดเลยด้วยนะ จะปิดประมาณ 6 โมงเย็น
เดินไปด้านหลังกันต่อ ทางด้านหลังจะเป็นโซนศาลาอเนกประสงค์และออกกำลังกาย
นี่ก็เย็นแล้วเราออกไปขี่รถเล่นแถวๆ นี้กันดีกว่า จากที่เปิด map ดูจะมีศาลกรมหลวงชุมพร และมีจุดชมวิวอยู่ไม่ไกลมาก
บรรยากาศในส่วนของโรงแรมยังไม่หมดเท่านี้นะ เดี๋ยวเราไปอ่านต่อกันในรีวิวแยก เอาให้จุใจกันเลย
ตามลิ้งค์นี้ไปกันเลย พักผ่อนชิวๆ ในสวน @ " Tusita Wellness Resort " | ชุมพร
" ศาลกรมหลวงชุมพร หัวเขาถ่าน "
ศาลกรมหลวงชุมพรนี้อยู่ที่ อ. สวี เป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้นบนเนินเขา บริเวณที่เรียกว่าหัวเขา และมีจุดชมวิวด้วยนะ แต่เราออกมาช้าไปนิดพอเรามาถึงพี่เจ้าหน้าที่ก็ปิดประตูไปแล้ว เราเลยเดินเล่นรอบๆ แทน
แสงเริ่มหมด ฟ้าเริ่มมืดเราขี่รถกลับไปที่โรงแรม มื้อเย็นนี้เราฝากท้องกันที่โรงแรม เสร็จแล้วก็พักผ่อน พรุ่งนี้เรามีแพลนที่จะเข้าไปเที่ยวในเมืองกัน ฝันดีราตรีสวัสดิ์ zzz
Day #2
อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ออกไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร วันนี้อากาศเย็นสบายถึงหนาว มีลมแรง จริงๆ อากาศก็หนาวตั้งแต่วันที่เรามาแล้วแหละ เช้านี้เราทานเป็นเซตอาหารเช้า
จะมีให้เลือก 3 แบบ Asian, Western, Vegeterian [ ในเซตก็จะมีกาแฟ ขนมปัง โยเกิร์ต น้ำสมุนไพร แล้วก็จะมีจานหลักของแต่ละแบบ ]
พวกเราสั่งมากันคนละเซต เพราะคนนึงอยากกินข้าวต้ม อีกคนอยากกินไข่ 555
อิ่มแล้วกลับไปนอนได้ ... ไม่ใช่เส้ ... กลับไปอาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกกันดีกว่า
📍Check-in
- จุดชมวิวเขาดินสอ
- หาดทุ่งวัวแล่น
- สะพานไม้เคี่ยม / สะพานชมกวาง
- หอเจี๊ยะ ติ่มซำ
- จุดชมวิวเขามัทรี
- ศาลกรมหลวงชุมพร
" จุดชมวิวเขาดินสอ "
เขาดินสอ เป็นสถานที่ที่สามารถมาดูเหยี่ยวอพยพ โดยจะมองเห็นฝูงเหยี่ยวบินอพยพได้เป็นจำนวนมาก ในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน แล้วยังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน ชมวิวทิวทัศน์ได้อีกด้้วย แต่วันที่เราไปไม่มีเหยี่ยวให้ดู ก็เราไม่ได้มาในช่วงของเค้าอ่าเนาะ ... น่าเสียดาย แต่เดี๋ยวไว้มาใหม่ตอนที่มีเหยี่ยว
ปล. 1 .. ทางขึ้นมาด้านบนชันพอสมควร ขับขี่กันระมัดระวังด้วยนะ
ปล. 2 .. ถ้าจะตั้ง map ให้ตั้งว่า "จุดชมวิวเขาดินสอ"
https://goo.gl/maps/miHf8poGpeLLRrNi8
พลาดจากเหยี่ยวเราก็ไปกันต่อ
" หาดทุ่งวัวแล่น "
หาดทุ่งวัวแล่น หาดขึ้นชื่อของอำเภอประทิว มีรูปปั้น “วัวป่า” ตั้งเป็นสง่าเด่น จนกลายเป็นจุดเช็คอินว่ามาถึงหาดนี้แล้ว หาดนี้จะมีทรายขาวละเอียดทอดยาวสุดสายตา มีน้ำใส เหมาะกับพักผ่อนและทำกิจกรรมทางน้ำในช่วงซัมเมอร์
แต่ .... ช่วงที่เราไปถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอน้ำใส คลื่นลมสงบ แต่ก็ขอไปแวะถ่ายรูปเช็คอินกันสักหน่อย ให้รู้ว่าเราได้มาถึงแล้วนะ 555
" สะพานไม้เคี่ยม หนองใหญ่ / สะพานชมกวาง "
มาต่อกันที่สะพานไม้เคี่ยม อยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ ข้างในเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานไม้ทอดยาวไปกลางน้ำที่สร้างมาจากไม้เคี่ยม
แต่เราไม่ได้เข้าไปเดินตรงสะพานนะ เรามาดูสะพานจากอีกมุมนึง เป็นมุมจากสะพานชมกวางที่อยู่ใกล้กันนั่นแหละ เป็นทางเดินสะพานไม้ที่ยื่นลงไปในน้ำ
ตอนแรกเราก็คิดว่าสะพานชมกวาง ไม่เห็นมีกวางเลย พอกำลังจะเดินกลับมีครอบครัวกำลังชี้เข้าไปในพุ่มไม้ ปรากฏว่าเป็นกวาง กวางจริงๆ ไม่ใช่รูปปั้นนะนั่น ก็ว่าเค้าถึงตั้งชื่อว่าสะพานชมกวาง
ถ้าตอนเย็นๆ แดดร่ม น้องๆ คงออกมาหาอาหารกินกัน
อยู่ตรงนี้ได้สักพักก็เที่ยงแล้ว ได้เวลาไปหาอะไรกินแล้ว ไปกินติ่มซำกันดีกว่า
" หอเจี๊ยะ ติ่มซำ "
ร้านนี้เป็นร้านดังของชุมพรเลยนะ ต้องไปลองชิมสักหน่อยแล้ว
ร้านอยู่ในซอยหน่อย เราสามารถวิ่งตาม gps มาได้เลย ถึงร้านก็หาที่จอดรถ แล้วก็ตรงเข้าเลือกของกินกันเลย บรรดาติ่มซำหลากหลายเมนูจะวางเรียงกันอยู่ในตู้หน้าร้าน เราก็เลือกที่จะกินใส่ถาดแล้วก็ส่งให้พนักงาน เค้าก็จะเอาไปนึ่งให้ ส่วนเราก็ไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย
มีติ่มซำแบบต่างๆ ให้เลือกเยอะมาก อยากจะหยิบเอาทุกอย่างเลย แต่กลัวจะเอาใส่ท้องไม่ไหว 555 แต่ที่เราได้มาก็แทบจะเต็มโต๊ะแล้ว
จะเห็นว่าบนโต๊ะมีพวกของทอด และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เราสั่งมาลองกินแต่อร่อยเฉยเลย แนะนำให้สั่งมากินกันนะ แต่ถ้าใครไม่กินต้มยำยังมีเมนูก๋วยเตี๋ยวอื่นๆ อีกนะ
แล้วทุกอย่างก็ ... เรียบ ... ค่าเสียหายทั้งหมดบนโต๊ะนี้ไม่ถึง 300 บาท คุณพระ !! อิ่มตื้อเลย
ของคาวไปแล้ว เราไปต่อด้วยกาแฟเย็นๆ วิวสวยๆ ที่เขามัทรีกันต่อเลย
" จุดชมวิวเขามัทรี "
จากร้านติ่มซำก็วิ่งกลับลงมาแถวปากน้ำชุมพร แล้วก็เลี้ยวขึ้นมาข้างบน เส้นทางจะชันหน่อยนะ ถนนเรียบกริบ ขับขึ้นมาระวังรถสวนกันด้วยนะ ด้านบนมีที่จอดรถเยอะแยะเลย เราจอดรถกันเสร็จก็ขอเข้าไปนั่งหลบแดดกันในร้านกาแฟก่อน รอให้เย็นกว่านี้หน่อยค่อยออกไปดูวิวรอบๆ กัน
แดดแรง แต่อากาศหนาว อยู่ในร่มอากาศดีมาก แต่เราเข้าไปนั่งอยู่ในร้านดีกว่า 555
ลืมบอกไปเลย ร้านนี้ชื่อว่า " ร้านกาแฟสดถ้ำสิงห์ "
ใครที่อยากนั่งด้านนอก จิบกาแฟ ดูทะเล เค้าก็มีที่นั่งจัดไว้ให้ด้วยนะ
นั่งพักอัพเดตโซเชียลกันพอสมควรแล้ว แล้วนี่ก็ 4 โมงเย็นแล้ว ออกไปเดินชมวิวด้านนอกกัน
ทั้ง 2 มุมของจุดชมวิว จะมีรูปปั้นลิง กับนก ตั้งอยู่อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นสัญลักษณ์อะไรพิเศษรึเปล่านะ แต่เราสามารถไปยืนถ่ายรูปได้
เดินไปดูชุมชนปากน้ำกันดีกว่า จากจุดชมวิวจะมองเห็นโค้งน้ำทอดยาวออกไป แล้วจะเป็นบ้านเรือนอยู่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำ แล้วก็จะเห็นเรือประมงของชาวบ้านจอดกันเรียงราย มองตามแม่น้ำออกไปก็จะทะเล เป็นมุมที่สวยงามมาก เราอยู่ถ่ายรูปกันนานพอสมควร
เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางมหาราชลีลาลักษณะคล้ายกับท่านั่งขององค์จตุคามรามเทพมองออกไปทางทะเล สามารถเดินขึ้นไปสักการะกันได้
แล้วก็ได้เวลาออกจากเขามัทรีไปยังจุดหมายสุดท้ายของแพลนวันนี้แล้ว ก่อนที่เราจะกลับโรงแรมก็แวะไปไหว้กรมหลวงชุมพรตรงหาดทรายรีก่อน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิว
ปล. จุดชมวิวเขามัทรีนี้สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ด้วยนะ ถ้าใครมีเวลาอย่าลืมอยู่รอดูพระอาทิตย์ตกนะ
" ศาลกรมหลวงชุมพร หาดทรายรี "
ประวัติเล่าว่าหาดทรายรีเป็นสถานที่สิ้นพระชนม์ของพระองค์ ศาลแห่งนี้จึงมีขนาดใหญ่ที่สุด ตัวศาลสร้างอยู่ขึ้นบนเนินเขา สามารถมองเห็นหาดทรายรีได้ชัดเจน
ไหนๆ ก็มาแล้วเราเข้าไปไหว้ท่านก่อน
เสร็จแล้วสำหรับแพลน check-in ตามจุดต่างๆ ของเรา หลังจากนี้ก็ขี่รถกลับไปที่โรงแรม เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อน เพราะแพลนของพรุ่งนี้เริ่มกันแต่เช้ามืดเลย
Day #3
เช้าวันที่ 3 แล้วจ้า เราตื่นเช้ากันมาก .. ก.ไก่ ล้านตัว เพราะว่าเช้านี้เราจะไปขึ้นดอยตาปัง เราตื่นกันตอน ตี 4 ล้างหน้าแปรงกันเสร็จแล้วก็สตาร์ทรถออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่ดอยตาปังกันเลย ที่ออกกันเช้าขนาดนี้เพราะเราอยากขึ้นไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น
📍Check-in
- ดอยตาปัง
- Malila coffee
" ดอยตาปัง "
จากโรงแรมไปดอยตาปัง ประมาณ 40 km. ถนนราดยาง ระหว่างทางมืดมาก แต่บางจุดก็ยังพอมีไฟทางอยู่ การขึ้นดอยตาปังถ้าไม่เอารถขึ้นเอง ก็จะมีให้เหมารถ 4wd ของชาวบ้านขึ้น แต่แนะนำให้เป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะทางข้างหน้าชันมาก
แต่เราขี่รถขึ้นมากันเอง แต่มาได้แค่จุดชมวิวแรก ต่อจากนั้นเราต้องขออาศัยรถ 4wd ขึ้นไปต่อ มาถึงด้านบนคนก็เริ่มจะเยอะแล้ว แต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เราเลยหาที่ทางเหมาะๆ ตั้งขาตั้งกล้องรอพระอาทิตย์
ถ่ายรูป นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นไปเรื่อยๆ คนก็ทยอยขึ้นมาเหมือนกัน พอพระอาทิตย์เริ่มส่องแสง คนก็ทยอยผลัดเปลี่ยนกันไปเก็บภาพ
น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีทะเลหมอกให้เราดู แต่ไม่เป็นไรเพราะเราต้องมาซ้ำแน่นอน
ได้เวลากลับแล้ว พวกเราก็กระโดดขึ้นรถไปกับพี่ๆ กลุ่มเดิมกลับลงไปเอารถที่เราจอดไว้
ถึงรถแล้วก็เก็บของแต่งตัว ระหว่างนั้นก็ได้มีการคุยกับพี่คนขับ 4wd คุยไปคุยมาพี่เค้าก็แนะนำคุณลุงคนนึง เค้าชื่อ "ตาปัง" เดี๋ยวนะทำไมชื่อเหมือนดอย ก็ตั้งตามชื่อลุงเนี่ยแหละ 555 พวกเราเลยขอถ่ายรูปกับตาปังเป็นที่ระลึกซะหน่อย
แถมด้วยวิวที่มองจากจุดนี้ด้วย
ป่ะเราลงไปข้างล่างกันดีกว่า ขาลงนี่ก็เกร็งไม่แพ้ขาขึ้นเลย แถมยังมีรถสวนมาเป็นระยะๆ แต่สุดท้ายก็ลงมาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนรายระเอียดของดอยตาปังนี้ เดี๋ยวเราทำรีวิวแยกให้ต่างหากเลย
ด้านล่างตรงจุดขึ้นรถ 4wd มีพวกอาหารขายด้วยนะ เราขอหาอะไรกินกันก่อน เพราะนี่ก็สายแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย ก็จะมีข้าวเหนียวหมูปิ้ง ก๋วยเตี๋ยว เลือกกินได้ตามใจชอบเลย
อิ่มกันแล้วก็ไปต่อที่ร้านกาแฟกันเลย ร้านก็อยู่ไม่ไกลหรอก เดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว
" Malila coffee "
Malila coffee เป็นร้านกาแฟที่อยู่ตรงทางขึ้นดอยตาปัง เป็นร้านเล็กๆ น่ารักๆ ที่มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก เจ้าของร้านอัธยาศัยดี พูดคุยสนุกสนาน
และที่นี่ยังมีเต็นท์และลานกางเต็นท์ไว้บริการด้วยนะ เป็นเต็นท์กระโจมตอนนี้มีอยู่ 3 หลัง บรรยากาศและวิวหน้าเต็นท์บอกได้เลยว่าดีมาก ใครจะมาพักก็โทรมาจองกันก่อนนะ
ส่วนใครที่มีเต็นท์มาเอง ก็สามารถเอาเต็นท์มากางได้ที่ลานกางเต็นท์
เดินถ่ายรูปจนทั่วร้านเลย ก็ถึงเวลากลับโรงแรมกันแล้ว แพลนขอวันนี้มีเท่านี้เลย เพราะพรุ่งนี้จะต้องกลับกรุงเทพฯ เลยให้วันนี้เป็นวันสบายๆ กลับไปนอนต่อที่โรงแรมกันเถอะเรา 555
แล้วก็วาร์ปไปมื้อเย็นเลย วาร์ปเก่งมั้ย ก็มันตื่นเช้านี่นา 555 มื้อเย็นเราก็ฝากท้องไว้ที่โรงแรมอีกเช่นเคย
หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ เราขี่รถออกไปดูกิจกรรมยามค่ำคืนของชาวบ้านที่นี่กันต่อ จริงๆ เราขี่รถผ่านเมื่อวานแล้วเห็นคนถือไฟฉายก้มๆ เงยๆ หาอะไรสักอย่างริมชายหาด เลยมีความอยากรู้ว่าหาอะไรกัน 555
เค้ามาหาหอยกัน เค้าเรียกว่าหอย .......... เป็นหอยที่เปลือกบางมาก มีเยอะมากบางตัวถูกน้ำซัดขึ้นมากองอยู่บนพื้นทราย
เราก็เลยไปก้มๆ เงยๆ ช่วยเค้าเก็บ ไม่รู้ช่วยหรือไปเกะกะเค้าก็ไม่รู้ 555 เสร็จจากนี่ก็กลับไปอาบน้ำ เก็บของ นอนพัก เพราะพรุ่งนี้เราว่าจะออกจากที่นี่กันเช้าตรู่
Day #4
ได้เวลากลับกรุงเทพแล้ว เราออกจากโรงแรมกันตอนประมาณ ตี 5 ทางโรงแรมน่ารักมาก จัดเชตอาหารเช้าแพ็คใส่กล่องเตรียมไว้ให้เราไปกินระหว่างทางด้วย แล้วเราก็เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
4 วันที่ชุมพร ถึงแม้ว่าจะมาผิดฤดูแต่เอาจริงๆ ชุมพรมีอะไรให้เที่ยวเยอะมาก อยากให้เพื่อนๆ แวะมาเที่ยวันเยอะๆ ส่วนเรานั้นจะกลับมาซ้ำอีกแน่ๆ จะมาเก็บตกทะเล อยากมาเห็นด้วยตัวเองว่าทะเลชุมพรสวยแค่ไหน
เราต้องลาทริปนี้กันแล้ว แล้วเจอกันทริปต่อไปนะ
bye
เที่ยวแบบเรา : Once-a-month
วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.40 น.