เรื่องเล่า...จากฮอกไกโด
ตอนที่ 2: ซัปโปโร
ความเดิมตอนที่แล้ว
ผมเดินทางเที่ยวในเมืองฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะออกไกโด เมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ได้กลิ่นอายวัฒนธรรมแบบตะวันตก หากใครต้องการย้อนดูรีวิวท่องเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะ สามารถคลิ๊กดูรีวิวได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ
👉 ฮาโกดาเตะ (Hakodate) ฮอกไกโด👈
วันที่ 3 ฮาโกดาเตะ - ซัปโปโร
วันนี้ผมออกเดินทางจากเมืองฮาโกดาเตะ เดินทางโดยรถไฟ JR จากสถานีฮาโกดาเตะย้อนกลับขึ้นไปทางตอนเหนือ เพื่อที่จะไปเมืองซัปโปโรซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮอกไกโดครับ
รถไฟพาผมออกจากเมืองฮาโกดาเตะเวลา 10:05 (เวลาท้องถิ่น) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
ระหว่างทางมีหิมะปกคลุมขาวโพลนไปทั่วพื้นที่ รถไฟขบวนนี้วิ่งยาวจากฮาโกดาเตะถึงซัปโปโร ไม่ต้องแวะต่อรถไฟที่ไหนเลย
ผมเดินทางถึงซัปโปโรประมาณ 13:45 (เวลาท้องถิ่น) จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่โรงแรม เข้าที่พักพักผ่อนสักพัก หลังจากพักผ่อนได้ที่แล้วก็ตัดสินใจไปเดินเล่นแถวสวนโอโดริ (Odori Park) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร สภาพสวนโอโดริช่วงนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวปุยตลอดแนวทางเดิน
ทางด้านทิศตะวันออกของสวนโอโดริเป็นที่ตั้งของ Sapporo TV Tower ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญอีกหนึ่งแห่งของซัปโปโร
Sapporo TV Tower ตั้งอยู่ใจกลางสวนโอโดริ มีลักษณะคล้ายกับโตเกียวทาวเวอร์ ความสูงประมาณ 150 เมตร เป็นหอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1875 ถือว่าเป็นหอคอยที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ออกแบบโดย Tachu Naito ซึ่งเป็นคนคนเดียวกันที่ออกแบบโตเกียวทาวเวอร์
ด้านบน Sapporo TV Tower จะเป็นจุดชมวิว 360 องศา ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเมืองซัปโปโรที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะทั้งเมือง ซึ่งสามารถมองเห็นสวนโอโดริ และเมืองโดยรอบ จุดชมวิวนี้มีความสูงอยู่ที่ 90 เมตร
สวนโอโดริ มองจากบนจุดชมวิว Sapporo TV Tower
เดินผ่านสวนโอโดริที่กำลังจัดเตรียมงานเทศกาลหิมะของเมืองซัปโปโร ซึ่งเป็นเทศกาลประจำฤดูหนาวอันยิ่งใหญ่ในเมืองซัปโปโรบนเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ โดยในปี 2663 จะจัดในช่วงวันที่ 4-11 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ลานจัดงาน Odori และ ลานจัดงาน Susukino ครับ
ว้าาา...วันนี้มีเวลาเที่ยวแค่ครึ่งวันเองในซัปโปโร แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ยังมีอีก 1 วันกับการเที่ยวที่นี่ แต่ตอนนี้ขอแวะพักกินข้าวกินปลาก่อน หิวมากๆ 5555 และนี่คือแหล่งพลังงานของผมคืนนี้ครับ (จำชื่อร้านไม่ได้ซะแล้ว)
ทุกอย่างอร่อยมากๆ กินจนพุงกางแล้วขี้เกียจเดินกลับโรงแรม 5555
วันที่ 4 หนึ่งวันในซัปโปโร
วันนี้ผมตื่นสาย และมีเวลาเที่ยวในซัปโปโรอีก 1 วัน ผมออกจากโรงแรมช่วงสายๆแล้วครับ อากาศหนาวมากประมาณ -2 องศา ผมไปที่ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดเก่า หรือที่เรียกกันว่า ทำเนียบอิฐแดง
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดเก่า (Former Hokkaido Government Office Building)
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1888 อาคารที่ถูกสร้างตามแบบนีโอ บาโรกของอเมริกา เป็นอาคารที่ก่อสร้างจากอิฐแดงจึงเป็นที่รู้จักดีด้วยชื่อเล่น ‘ทำเนียบอิฐแดง’
เป็นเวลากว่า 80 ปีที่ศาลาว่าการเมืองหลังเก่าทำหน้าที่รับใช้บ้านเมือง ก่อนที่ศาลาว่าการหลังใหม่ที่ใช้ในปัจจุบันจะแล้วเสร็จ ภายในอาคารเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และมีการจัดแสดงข้อมูลสิ่งของที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด หากมีเวลามากพออยากแนะนำให้รับฟังการบรรยายจากไกด์ท่องเที่ยวอาสาสมัครที่ประจำการอยู่ เพื่อสัมผัสถึงความลึกซึ้งของอาคารหลังนี้
เดินออกจากศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดฯเจอเจ้านกพิราบเกาะรั้วอยู่ 555 ไม่รู้มันหนาวไหมนะ ผมกำลังเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่สถานีซูซูกิโนะ แล้วต่อรถรางเพื่อเดินทางต่อไปภูเขาโมอิวะ
สำหรับการเดินทางมาภูเขาโมอิวะ ผมใช้บริการรถราง (Street Car) มาลงที่สถานี Ropeway Iriguchi
ลงที่สถานี Ropeway Iriguchi แล้วให้เลี้ยวซ้ายเดินต่อไปตามทางเพื่อไปขึ้นรถ Shuttle Bus ซึ่งบริการฟรีไปส่งที่สถานีกระเช้าไฟฟ้าขึ้นเขาโมอิวะ
เดินมาเรื่อยๆจะเจอกับป้ายบอกทาง แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆนาๆ
หน้าตาสถานีรถ Shuttle Bus ก็จะประมาณนี้ครับ โดยรถบัสที่ให้บริการฟรีจะออกทุกๆ 15 นาที และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 นาทีเท่านั้นครับ
เมื่อมาถึงสถานีกระเช้า (Ropeway) ให้ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นจุดขายตั๋ว ซึ่งตั๋วมีลักษณะเป็นแบบนี้ครับ ราคาอยู่ที่ 1,700 เยน
บนชั้นขายตั๋วสามารถมองเห็นวิวเมืองซัปโปโรได้ด้วยเช่นกันครับ ระหว่างรอกระเช้าก็สามารถชมวิวไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถรับทราบถึงสภาพอากาศบนยอดเขา และยังมีการถ่ายทอดสดบรรยากาศวิวของเมืองซัปโปโรจากยอดเขาโมอิวะให้รับชมอีกด้วย
บรรยากาศระหว่างทางขึ้นภูเขาโมอิวะ ซึ่งจะผ่านเจดีย์สีขาวที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งเรียกว่า เจดีย์แห่งสันติสุข (Peace Pagoda)
ในการเดินทางขึ้นเขาโมอิวะ จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก จะเป็นกระเช้าขึ้นจากยอดเขาไปกว่าครึ่งทาง ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีจะมีสถานีต้องเปลี่ยนกระเช้าที่นั่น ซึ่งสถานีที่เปลี่ยนกระเช้าจะมีร้านค้าขายของที่ระลึกให้เลือกชมกัน
ช่วงที่สอง รถกระเช้าจะเล็กกว่าช่วงแรก และวิ่งบนรางเอียงๆ ใช้เวลา 2 นาทีก็จะถึงยอดเขา วันนี้สภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก มีลมแรงตลอดและหิมะก็ตกหนักด้วย
บนยอดเขาลมแรงมากๆครับ ตัวเหมือนจะปลิว เมื่อมาถึงบนยอดเขาโมอิวะแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ การมาตีระฆังแห่งความรัก ที่คู่รักหลายๆคนมักมาลั่นระฆังนี้กัน
บนยอดเขาโมอิวะสามารถมองเห็นเมืองซัปโปโรได้ทั้งเมือง ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนทั่วทั้งเมือง
กุญแจที่คล้องไว้เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคง ตอนแรกผมตั้งใจจะอยู่บนยอดเขาโมอิวะจนถึงพลบค่ำ เพราะตั้งใจจะถ่ายรูปวิวเมืองซัปโปโรตอนกลางคืน แต่เป็นที่น่าเสียดายมากๆ เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังมีพายุหิมะเข้า ให้รีบลงจากภูเขาโดยด่วน มิฉะนั้นจะติดอยู่บนยอดเขา
ว้าาาา เสียดายจัง แต่เพื่อความปลอดภัย เราก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ครับ
ปลอบใจด้วยอันนี้ละกัน 555
พรุ่งนี้ผมจะออกเดินทางไปที่เมืองโอตารุครับ เมืองที่สามารถไปเช้า-เย็นกลับได้จากซัปโปโร จะเป็นยังไง สามารถรับชมได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
go see write เล่าเรื่องเที่ยว
วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.09 น.