สวัสดีค่าาาาาาาา ห่างหายจากการเขียนรีวิวไปค่อนข้างนาน 5555555
รีวิวครั้งนี้เป็นการเดินทางของเรากับเพื่อนสนิทอีก 1 คนที่อยากเดินทางไปดูวิถีชีวิต วัฒนธรรมของประเทศอินเดีย
เคยไหม ที่เราไม่เชื่อแบบที่คนอื่นพูดว่า อินเดียน่ากลัวนะ อินเดียสกปรกนะ อินเดียมีคดีข่มขืนนะ อินเดียอาหารชวนอ้วกนะ อินเดียน่าไปตรงไหน นั่นแหละ !! ด้วยความอยากรู้ของเรากับเพื่อน จึงเกิดการจองตั๋วเครื่องบินเกิดขึ้น
ขอเล่าก่อน ว่าการจะเดินทางครั้งนี้มีอุปสรรคมากมายตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินทาง เพื่อนเราโดนพี่แขกแฮคบัตรเครดิต โดนพี่แขกตัดบัตรเครดิตค่าตั๋วรถไฟเกิน โดนพี่แขกหลอกลวงเรื่องจะปรับราคาวีซ่าขึ้นลง กว่าจะสมัคร account การรถไฟของอินเดียก็ยากเย็น โดนที่พักที่อักราเทเอาดื้อๆ โดนเครื่องบินส่งเมลมาบอกว่าขอเปลี่ยนเวลาบินขากลับเร็วขึ้น และก่อนจะเดินทาง 1 วัน ยังมีข่าวว่ามีแขกตั้งม็อบประท้วงเรื่องสัญชาติใหม่ในกรุงนิวเดลีไปอีก
แต่ด้วยความที่เราเสียอะไรไปเยอะแล้วเรากับเพื่อนยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรุนแรงก็ยังมั่นใจว่าจะไปต่อ และจะไปแก้สถานการณ์เอาข้างหน้า
เริ่มเข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เขียนยาวเดี๋ยวน่าเบื่อ 55555555
ข้อควรรู้ก่อนไปอินเดีย
ปล. อินเดียต้องใช้วีซ่านะ สมัครวีซ่าออนไลน์ได้เลยสะดวกสบาย ตามเว็บนี้
https://goanywhere.co/2017/11/22/indiaevisa2017/ เรายื่นวีซ่่าอินเดียในราคา 25 USD ประมาณ 750 บาท รออนุมัติวีซ่าประมาณ 2-3 วันก็ได้เมลล์กลับมาว่าวีซ่าเราผ่านการอนุมัติ ยื่นวีซ่าล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์หรือก่อน 4 วันเดินทาง เค้าอนุมัติเร็วไม่ต้องห่วง แล้วปริ้นวีซ่าที่มี grante มีรูปเราในวีซ่าไปยื่น ตม
https://cameteria.com/india-train/ การสมัคร account ตั๋วรถไฟอินเดีย การจองตั๋วรถไฟควรจองล่วงหน้าหลายๆเดือน ถ้าเราสมัครบัญชีได้แล้วการจองตั๋วคือง่ายมาก เพียงแค่มีบัตรเครดิตไว้จ่ายเงิน
เว็บรถไฟอินเดีย IRCTC จะปิดให้เข้าเวลา 11.30 ของทุกวันนะ ช่วงนี้เว็บจะล่มแล้วเข้าไม่ได้ ส่วนช่วงเวลาอื่นเข้าได้จ้า
ถ้าตั๋วรถไฟเราขึ้นสถานะ CNF นั่นแสดงว่า เรามีที่นั่งแล้วจบสิ้นการจอง จะมีเลขขบวน ชื่อสถานี เลขที่นั่งให้มาทั้งหมด ปริ้นท์ใบแล้วขึ้นรถไฟได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วเราบนรถไฟ
DAY 1 : 26/12/2562
เราใช้ Sim2fly ของ ais ราคา 399 บาท เปิดโรมมิ่ง เน็ตใช้ได้ แต่บางครั้งก็แอบสัญญาณหายบางพื้นที่
เราจองตั๋วเครื่องบินขาไปของสายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์ ขึ้นชื่อว่าสิงคโปร์อะไรๆก็ดี เพราะสายการบินระดับโลก เราจองตั๋วล่วงหน้าประมาณ 4 เดือน ในราคา4860 บาท โดยจะไป transit ที่สิงคโปร์ เพราะฉะนั้นจะเป็นการดีที่เราจะได้ไปเดินเล่นในสิงคโปร์ บินจากสุวรรณภูมิ 15.30 ถึงสิงคโปร์ประมาณ 1 ทุ่ม แล้วรีบเขียนใบเข้าผ่าน ตม ให้ไว 555555 เพราะเวลาเหลือน้อย
สุวรรณภูมิ-สิงคโปร์-เดลี
พลาดไม่ได้เลย คือ merlion park เรานั่งรถไฟฟ้าจากสนามบินเข้าตัวเมืองสิงคโปร์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยซื้อบัตร EZ Link ในราคา 12ดอลล่าสิงคโปร์ จะเป็นค่ามัดจำบัตร 5 ดอล และใช้ได้จริงๆ7 ดอล แต่เราเติมเงินเพิ่มอีก 10 ดอลล่าสิง จะเข้าไป merlion park ต้องลงรถไฟฟ้าสถานี Ruffle place แล้วเดินออกทางออก G หันหน้าเข้าจะเห็นธนาคาร UOB เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอโรงแรม one fullerton ข้ามถนนมาจะเจอกับ merlion เลย
เรามีเวลาเดินเล่นสิงคโปร์แค่แป๊บเดียวเพราะเสียเวลา ตม ที่สิงคโปร์ใช้เวลานานพอสมควร เลยได้กินข้าวมันไก่ที่ซื้อในเซเว่น แล้วกลับมานั่งกินที่สนามบิน เพื่อรอเวลาต่อเครื่องไปเดลีตอนตี 2
ตี 2 เราบินออกจากสิงคโปร์ไปเดลีด้วยอาการสลึมสลือหนักหน่วง
DAY 2 : 27/2/2562
Welcome To India จ้าาาาาาา
ถึงอินเดียประมาณ 6 โมงเช้า เข้าแถวเพื่อผ่าน ตม นานมาก ประมาณ 2 ชั่วโมงได้ ประเทศนี้เค้าฮอต แล้วพี่แขก ตม ก็ทำงานกันสบายมากๆ ขนาดนางเห็นว่าคนต่อแถวเพื่อรอเข้าประเทศนางเยอะมาก แต่ลุงแขกสามารถลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินไปเฉยๆต่อหน้าต่อตา แถมเดินล้วงกระเป๋าออกไปอย่างสบายใจ ไม่สนว่าคนจะรอเยอะขนาดไหน 55555555
ผ่านลุง ตม มา เราเดินออกมานอกสนามบิน คือวูบไปเลยกับอากาศเย็นหนาวเหน็บของอินเดีย แบบตั้งตัวไม่ทัน ระหว่างนั้นเราตั้งใจจะเที่ยวในเดลีเพื่อจะต่อรถไฟไปชัยปุระคืนนี้ แต่ด้วยความที่อยากอาบน้ำเลยเรียก UBER เพื่อไปหาห้องพักเพื่อเก็บกระเป๋าและอาบน้ำ ระหว่างนั้นเจอพี่แขกหัวหมอ เรียกค่าห้องแพงกว่าที่บุคกิ้งไป ขนาดเห็นราคาขนาดนี้พี่แกยังไม่สนใจ บอกว่าขึ้นไปก่อนเดี๋ยวค่าห้องค่อยเคลียร์ เอ้าาาา มีงี้ 5555555 แต่โชคดี ขาที่เราเชคเอ้าเหมือนมีเจ้าของหออยู่นางเลยไม่ได้โกงเรา 55555
ตะลุยนิวเดลี
ในนิวเดลี เราจะเจอคนหลากหลายมาก อาจเพราะเป็นเมืองหลวง เราเจอแม่ลูกขอทานมาขอเงินเราแบบประชิดตัวแล้วน้องเอามือสะกิดขาเราจนเรากลัวสั่นหมดเลย แม่น้องก็มองของที่เราถือ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนะแต่ยืนขอเงินเรานานมาก
ไปนิวเดลีแนะนำ โมโม่ไก่อร่อย กับมันปิ้ง
ขนม Jelebi แป้งทอดเชื่อมน้ำตาล หวานมาก
จบนิวเดลีครึ่งวันเราก็ต้องไปสถานีรถไฟเพื่อต่อรถไฟไปชัยปุระคืนนี้ ที่สถานีรถไฟ delhi sarai rohilla โดยเรียก UBER
ก่อนเราจะไปชานชาลาจะมีเลขขบวนรถไฟให้เราตรวจสอบก่อนว่าเราจะขึ้น platfrom ไหน จะได้ไปรอถูก แล้วข้างๆขบวนรถไฟจะมีตู้บอก ตรงชานชาลาจะมีช่องบอก เช่น A1 A2 ไปยืนรอตรงนั้นได้เลย
เราจองรถไฟ ชั้น AC2 Chair เป็นรถไฟนั่ง2ชั้น วิ่งจากนิวเดลีไปชัยปุระ ประมาณ 4 ชั่วโมง ขบวนนี้มาตรงเวลาออกตรงเวลา ห้องน้ำบนรถไฟก็ไม่ได้แย่นะแก ลืมเรื่องที่เคยเจอในภาพว่าคนอินเดียกระโดดขึ้นรถไฟ นั่งบนหลังคา ไปก่อน เพราะที่เราเจอเรานั่งชั้นรถไฟดีๆ ปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แต่ถ้าจองชั้น Sleeper เจอคนอินเดียเบียดและไม่รับรองความปลอดภัยแน่นอน ฉะนั้น ถ้าอยากขึ้นรถไฟอินเดีย ทำการจองก่อนไปนะจ๊ะ
นั่งบนรถไฟจะมีคนขึ้นมาขายชาอินเดียตลอด จะตะโกนว่า ไจ ไจ ลองชิมดูเราว่าไม่อร่อยอ้ะ มันมีกลิ่นขิง บางคนอาจจะชอบ แต่สำหรับเราไม่เลย
สถานีรถไฟที่อินเดียจะเห็นว่ามีคนไร้บ้านเยอะมาก ทั้งขอทาน ทั้งคนไม่มีที่นอนเค้าก็มานอนกันที่สถานีรถไฟ แล้วตอนที่เราไปอากาศคือหนาวมาก พวกเค้าไม่มีปม้กระทั่งเสื้อกันหนาวดีๆใส่ จะมีก็แต่ผ้าห่มผืนบางๆ ที่คลุมไว้
นั่งๆเมื่อยๆ มา 4 ชั่วโมงเราก็ถึงเมืองสีชมพู เมืองชัยปุระ เราลงสถานี JAIPUR JUNCTION (JP)
ลืมบอกค่ะ ตรงนี้อ่านสักหน่อยน้า เป็นประโยชน์มากๆ
รถไฟอินเดียไม่มีประกาศบอกนะคะ ว่าเราถึงสถานีไหน ตอนไหน ฉะนั้นเราควรรู้ด้วยตัวเราเอง เราต้องมีแอพการรถไฟอินเดีย โหลดติดโทรศัพย์ไว้เลยค่ะ
สำหรับเราใช้แอพ ixigo trains ก่อนไปก็กรอกเลข PNR ที่อยู่ในตั๋วเราไว้ในแอพ แอพจะแจ้งเตือนเราว่าเรามีเดินทางไปไหน แล้วแอพสามารถเช็ค สเตตัสรันนิ่งของรถไฟได้ว่าเราอยู่ที่สถานีไหนแล้ว จะบอกเป็น map เลยค่ะ เราจะรู้ว่าเราควรจะลงสถานีที่เราลงตอนไหน สะดวกสบาย
ฉะนั้นเตรียมพร้อมตัวเองก่อนขึ้นรถไฟอินเดียนะคะ ไม่ยาก รูปที่เรานำมาเป็นตัวอย่างการเดินทางของเราเองค่ะ ถ้ารถไฟดีเลย์หรือมาช้า แอพจะแจ้งเตือนตัวแดงๆว่าดีเลย์กี่ชั่วโมง ส่วนการดีเลย์เราจะเล่าในส่วนต่อไปนะคะ
สถานีรถไฟชัยปุระ สีชมพูสมกับชื่อเมือง เราถึงชัยปุระในคืนวันที่ 2 ประมาณ 4 ทุ่ม เราก็ใช้บริการ UBER เหมือนเดิม ราคาถูกไม่ต้องไปเถียงเรื่องราคาต่อรถกับพี่แขกให้ปวดหัว
เราเช็คอินเข้าที่พักที่ชัยปุระ ที่พักชื่อ Step house hotel ห้องรวมผู้หญิง รวมอาหารเช้า
DAY 3:28/12/2562
ตะลุยชัยปุระ
ที่แรกในชัยุระวันนี้ เรียก UBER จากที่พักเหมือนเดิม ไป Amber fort ค่าเข้า 500 รูปี ยื่นพาสปอร์ตไทยจะได้ส่วนลดนะจ่ะ
ป้อมอาเมร์นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของชัยปุระ โดยที่ตั้งนั้นโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบสร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 ป้อมปราการแห่งนี้มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุตอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถมองเห็นได้จากระยะทางไกลเนื่องจากมีขนาดกำแพงปราการที่ใหญ่และแน่นหนา พร้อมประตูทางเข้าหลายแห่ง ถนนที่ปูด้วยหินหลายสาย ซึ่งเมื่ออยู่บนป้อมแล้วสามารถมองเห็นทะเลสาบเมาตาได้อย่างชัดเจนบริเวณด้านหน้า
เราไปช่วงสิ้นปี บังเอิญว่าเป็นเทศกาลที่คนอินเดียเค้าพาครอบครัวเที่ยวกัน ไม่ว่าจะไปสถานที่ไหนก็จะเจอคนมากมาย หาหลบมุมถ่ายรูปไม่ได้ ก็ถ่ายให้ติดคนนี่แหละ เราอยู่ใน amber fort นานพอสมควรเพราะมันกว้างมาก จะไป stepwell ก็ไม่มีเวลาเหลือเพราะตะวันกำลังจะตกดิน เลยเรียก UBER ขึ้นไปจุดชมวิว Nahargarh Fort เพื่อชมตะวันตกดิน เห็นเมืองชัยปุระทั้งเมือง สวยมาก
มุมฮอตฮิตที่คนยืนต่อแถวถ่ายรูปเยอะมาก
บนจุดชมวิวนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพย์ ขาลงเราจะเรียก UBER ให้มารับไม่ได้ ฉะนั้นเรามีทางเดียวที่จะลงได้ นั่นคือ นั่งตุ๊กๆ แล้วจะโดนพี่แขกฟันราคาบานเบอะ เลี่ยงไม่ได้ต้องจ่ายในราคา 400 รูปี ไม่งั้นไม่ได้ลง พี่แขกจะมาส่งเราที่ water palace หรือพระราชวังกลางน้ำ แต่เราไม่ได้เดินเข้าไปเที่ยวหรอกมันมืดแล้ว บวกกับอากาศหนาวจนตัวสั่น เลยเรียก UBER ไปกินข้าวที่ห้าง เพราะกินอาหารพี่แขกไม่ไหว 555555 จบจากห้าง เรากลับที่พักคืนที่ 2 ที่ชัยปุระ ซึ่งก่อนหน้าที่จะออกมาเที่ยวเราไปเช็คอินเก็บกระเป๋าไว้ก่อนแล้ว
อาหารอินเดียมื้อแรกที่ลองกินที่ Hotel รสชาตไม่ได้แย่ แต่เราไม่ชอบ แผ่นจาปาตีอร่อย คล้ายแป้งขนมจีนหมัก 55555
Gypsy monkey ที่พักรวมห้องผู้หญิง ที่เจอพี่อินเดียไม่ได้อาบน้ำ กลิ่นพี่แกนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ขมคอ
ทางเข้าที่พักเจอร้านขนมน่ารักๆ
เจอป้าๆมานั่งตากแดดคุยกันแก้หนาว ป้าน่ารักมากๆถามว่ามาจากไหน พร้อมกับให้เราถ่ายรูปด้วย
DAY 4 : 29/12/2562
ชัยปุระวันที่ 2 พร้อมกับวันนี้ต้องนั่งรถไฟไปอักรา
เช้าวันนี้เราเรียก UBER อีกตามเคยเพื่อไปพระราชวังสายลม พระราชวังสีชมพู ที่ใครไปเยี่ยมเมืองชัยปุระแล้วไม่ไปสถานที่นี้ถือว่าผิดมากๆ นั่นก็คือ Hawa mahal ค่าเช้า 200 รูปี ยื่นพาสปอร์ตไทย
ห้องน้ำที่ Hawa mahal
ถ้าอยากได้วิวสวยๆต้องข้ามมาข้างหลังนะคะ แล้วขึ้นไปบนคาเฟ่ tattoo cafe สั่งน้ำสักแก้วแล้วถ่ายรูปสวยๆได้เลยจ้า
เราชอบวิถีชีวิตของเมืองนี้ข้างพระราชวังสายลมมาก ระหว่างทางเราจะเจอลุงนั่งตัดผมข้างทาง นั่งโกนหนวดข้างทาง การขายอาหาร การเห็นคนนั่งขอทานเต็มไปหมด
เดินเที่ยวจนบ่ายๆก็เรียก UBER กลับไปเอากระเป๋าที่ที่พักเพื่อขึ้นรถไฟไปเมืองอักราต่อ
เราเคยดูลุงคนนี้ในคลิปยูทูบของใครหลายๆคนเวลาไปเที่ยวชัยปุระ แล้วเราก็ได้เจอลุงจริงๆ
เราจองรถไฟชั้น 2A เป็นรถไฟนอน จากชัยปุระไปเมืองอักราอีกประมาณ 4-5 ชั่วโมง ขบวนนี้ก็ไม่ดีเลย์ มาตรงเวลา ลงสถานี Agra cantt
ถึงอักราเกือบเที่ยงคืน นั่งแท็กซี่เข้ามาที่พัก ระหว่างนั้นเจอพี่แขกมาถามว่าเที่ยวอักราพรุ่งนี้เหมารถเที่ยวไหม ราคา1000รูปี ด้วยความเหนื่อยและขี้เกลียดแบกกระเป๋าเลยตกลงว่าจะเหมารถเที่ยว แล้วให้มารับที่ hotel ตอนเช้า 8 โมง แต่ระหว่างนั้นด้วยความหนาวจนไม่อยากจะตื่น เลยสายไปหน่อย ที่แรกที่ไป Agra fort
DAY 5 : 30/12/2562
welcome to Agra
Agra fort เราไปเที่ยวที่แรก พอไปถึง อื้อหืออออ คือใหญ่มาก สวยมาก หาทางออกแทบไม่เจอ เดินวนจนหลง ค่าเข้าชม คนละ40 รูปี ยื่นพาสปอตไทยอีกเช่นเคย
ป้อมนี้มีความพิเศษตรงพระเจ้าชาห์ จาฮาน ถูกกักขังจนสิ้นพระชนม์ และยังเป็นจุดที่พระองค์ยังมองเห็นทัชมาฮาลรอดทางหน้าต่างผลงานที่พระองค์ทรงสร้างไว้ให้กับพระนางมุมตัส
ต่อด้วย Baby taj ทัชมาฮาลจำลองย่อยๆ ค่าเข้าชมคนละ 40 รูปี ยื่นพาสปอร์ตไทยไปเลยจ่ะ
เที่ยวๆไประหว่างทางเจอลุงขับรถหัวหมอ พาเข้าร้านที่เราไม่อยากไปเพื่อจะได้ค่าหัวคิว พาเข้าร้านขนม พาเข้าร้านขายของฝาก เป็นวิธีหาเงินของแขกที่นี่ ที่ทำให้เราหัวร้อนกันได้ แล้วอิที่นางพาไปพวกเราก็ใจง่าย ซื้อแม่งทุกร้าน ซื้อทิ้งซื้อขว้างด้วยความรำคาญ 55555
พักความหัวร้อนแล้วไปต่อจุดไฮไลค์
ทัชมาฮาล
ค่าเข้าชมทัชมาฮาล ยื่นพาสปอตไทย คนละ 700 รูปี จะได้น้ำดื่ม 1 ขวด กับถุงคลุมรองเท้า แต่ก่อนจะได้เข้าชมทัชมฮาล จะเล่าให้ฟังถึงความยากเย็นนะ
เราคนไทยควรจำไว้
ประตู West gate จะเปิดตอน บ่าย 3 พอเข้าประตูไปแล้ว ยังไม่ถึงทัชมาฮาลนะ ต้องเดินเข้าไปอีกเกือบ 1 กิโล เพื่อจะเจอช่องขายบัตร ช่องขายบัตรคนจะเยอะมหาศาล ระหว่างนั้นถ้าเรายืนเอ๋อ จะมีคนใจดีมาบอกเราว่า ช่องขายตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ตรงนี้นะ ไม่ได้ซื้อตั๋วรวมกับคนอินเดีย ซื้อตั๋วเสร็จเดินไปรับน้ำอีกฝั่งฝ่าคนเยอะๆไป เสร็จแล้วเดินกลับมาเข้าช่องจะมีเหรียญเป็นชิปกับตั๋ว แตะเหรียญเข้าไป ผ่านการแสกนร่างกาย แล้วเดินต่อไปอีก 555555555 จะเจอทัชมาฮาลยากเย็นนะบอกเลยยิ่งเจอคนอินเดียเยอะๆนะ อยากสลบ ขาออกเก็บเหรียญไว้หยอดออกด้วยนะเหมือน mrt บ้านเรา ขาออกก็แยกกับช่องคนอินเดียเหมือนเคย อย่าไปเผลอรวมช่องกับเค้านะ เดี๋ยวจะพาลไม่ได้ออกนะคะ 55555
ออกจากทัชมาฮาล แล้วต้องไปขึ้นรถไฟเพื่อไปพาราณสีพรุ่งนี้ ให้ลุงคนขับไปส่งที่สถานี Agra fort
แต่ความพีคมันอยู่ตรงนี้ของรถไฟอินเดียที่เค้าเล่าขานกันเรื่องความดีเลย์ เราเจอมาแล้ว ตั้งใจฟังนะ ฮืออออ
การดีเลย์รถไฟที่เราเจอคือ เราต้องขึ้นรถไฟไปพาราณสีตามเวลา คือ 20.15 ของวันนี้ แต่พอไปถึงสถานี ตรวจบนบอร์ดแล้วมันขึ้นคำว่า Divert ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร ได้ความว่ามา มันคือการเปลี่ยนสถานี อิรถตุ๊กๆก็มาตามตื๊อว่า เราต้องไปขึ้นที่สถานี Achnera นะ รถไฟจะผ่านสถานีนั้น ด้วยความงุนงงว่าจะตกรถไฟเลยต้องยอมนั่งรถตุ๊กๆไปด้วยระยะทาง 45 กิโลเมตร กับทางเปลี่ยวๆกับความหนาวเหน็บ กับคนขับรถตุ๊กๆน่ากลัวแบบนางกรอกผงอะไรเข้าปากแล้วดีดตัวเองตลอดเวลา แต่พอไปถึงสถานีนี้คือสถานีเปลี่ยวมากเหมือนสถานีร้างเลยถามเจ้าหน้าที่ ก็บอกว่ารถไฟช้านะ ทำไมคุณไม่กลับไปที่อักราแล้วไปดักรอที่อีกสถานี ด้วยตอนนั้นกลัวกันมากไม่รู้จะเอายังไงต่อ โชคดีเจอพี่ญี่ปุ่นกับครอบครัว เค้าเรียกแท็กซี่เพื่อจะกลับอักราเลยหารค่ารถกับเค้า แล้วต้องเสียค่าที่พักที่อิแขกชาร์ตราคาแพงเวอร์ กลับไปถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าให้ไปดักรอที่สถานี Mathura junction นะรถไฟไปพาราณสีจะผ่านสถานีนี้แน่ เลยต้องเหมาแท็กซี่ให้มารับที่ที่พักในเวลาตี 3.30 เพื่อไปดักรอรถไฟ ค่าแท็กซี่ก็แพงแถมอิแขกยังขอทริปอีก เห้อ พอไปถึงสถานี ที่คาดว่ารถไฟจะมา ผลปรากฏว่า ในแอพไม่อัพเดตอะไรเลย เลยโชคดีเจอเจ้าหน้าที่บอกว่า ประมาณ 9.00 ให้มาถามอีกทีนะรถไฟจะมาถึง 9 โมงก็แล้วก็ยังไม่มา 11 โมงก็แล้ว จนเจ้าหน้าที่เดินมาบอกเป็นระยะว่ารถไฟจะมาจอด platfrom ไหน จวบจนเทียง รถไฟมาเว้ยยยย แต่เลขขบวนมันไม่ใช่ คือเรางงมาก วิ่งถือตั๋วถามคนนั้นคนนี้ เค้าก็บอกว่าขบวนนี้แน่นอน วิ่งขึ้นไปด้วยความงุนงง หาตู้ตัวเองไม่เจอด้วย หลอนเลยตอนนั้น เพื่อนก็ขำความรนของเรา สุดท้ายก็ได้ขึ้นมา แล้วถึงพาราณสี เกือบ 8 โมงเช้า แล้วต้องต่อเครื่องกลับบ้านเลย ไม่มีโอกาสได้เห็นแม่น้ำคงคา ฮือออ
แต่พอมาถึงสนามบิน สรุปเครื่องดีเลย์ไปอี้กกกกก เอาแน่นอนอะไรกับประเทศนี้ได้บ้าง แงงงงงงงง
สุดท้ายท้ายสุด ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ใจดีสู้เสือด้วยกันมาตลอด 7 วัน เพื่อนเตย ผ่านเหตุการณ์หลายๆอย่างมาด้วยกัน แต่เราก็ผ่านมาได้ นางเป็นไกด์ เป็นล่ามภาษา ไปเถียงกับแขกเก่ง 55555
เห็นไหมว่าชะนีสองคนก็แบกเป้แบคแพคไปเที่ยวประเทศที่คนคิดว่าอันตรายมากๆกันมาได้ เชื่อเราเถอะ อินเดียไม่ได้น่ากลัวเสมอไปหรอก
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบินไปกลับ 8715บาท
ขาไปสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ 4860 บาท
ขากลับสายการบิน goindigo 3855 บาท ดีเลย์ไป 2 ชั่วโมงเพราะหมอกลงเยอะมาก
ค่าวีซ่า 25 USD =795.94 รวมค่าธรรมเนียมบัตร
ค่ารถไฟอินเดีย 1267 บาท รวม 3 รอบ
ประกันเดินทาง กรุงไทยแอ็กซ่า 590 บาท ควรซื้อประกันไว้เพราะพี่อินเดียไม่มีอะไรแน่นอน
sim2fly 399 บาท
แลกตังค์ไป 7000บาท = 16870รูปี เหลือตังค์กลับมา 2860 รูปี ฮ่าๆ = 5813 รวมของฝาก
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆประมาณ 17543 บาท
ปล. เราไม่ได้จ่ายทีเดียวนะคะ ในส่วนนี้ ทยอยจ่ายทีละอย่าง
ยิ่นพาสปอร์ตไทย ใช้ลดค่าเข้าชมอะไรได้บ้าง
Amber fort ชัยปุระ
Nahagarh fort ชัยปุระ
Hawa Mahal ชัยปุระ
Agra fort อักรา
ทัชมาฮาล อักรา
Baby Taj อักรา
ถ้าไม่ไปเองก็ไม่รู้ อย่าไปฟังหรือเชื่อที่เค้าพูดมาทั้งหมด
1. คนอินเดียไม่มีกลิ่นนะ ยืนยันว่าไปที่นั่นไม่ได้กลิ่นเลย
2.คนอินเดียต่างชนชั้นวรรณะกันจริงๆเห็นได้ชัด
3.ขอทานมีให้เห็นเรื่อยๆทุกเมืองทุกมุมถนน
4.วัวคือพระเจ้าสำหรับคนอินเดียอันนี้จริง นางจะเดินตามถนน นวยนาด ไม่ขยับหนี รถต้องขยับหนีนาง
5.you happy i'm happy จริง อิแขกนางชอบตื๊อ แต่ถ้าเราทำเป็นไม่สนใจแล้วทำหน้าตึงไม่เสวนานางจะเดินหนีเราไปเอง
6.อย่าไปสัญญาหรือตกลงกับนางว่าจะกลับมาซื้อของ ถ้านางพูดขึ้นว่า you remember me นั่นคือเตรียมควักเงินให้นางเลย ตื๊อไม่เลิกแน่ ที่สำคัญนางจำเราได้แม่น หนีไม่รอด
7.คนอินเดียไม่ได้ขายโรตีไม่มีให่เห็นที่นั่นแม้แต่คนเดียว ส่วนขายถั่วมีนะตามข้างถนนจ่ะ
8.อย่าหวังเงินทอนจากที่นั่นเป็นเด็ดขาด เช่นขาดไป 5รูปี นางจะทำเนียนไม่ทอน
9.ถ้าได้เหมารถเที่ยวทั้งวัน พี่แขกจะพาเราไปร้านขายของที่เราเลี่ยงยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ แล้วร้านของนางจะปิดประตูไม่ให้เราออกเลย เหมือนขังเราไว้ 5555 แล้วถ้าเป็นร้านขนมบนตู้โชว์กับที่ซื้อมาไม่เหมือนกัน โดนอิแขกหลอก 55555
10.เรื่องรถไฟดีเลย์เจอจริงๆดีเลย์เป็นวัน หลายชั่วโมง ส่วนชั้นที่คนอินเดียนั่งทั่วไปคืออึดอัดจริงๆแต่ไม่เห็นการปีนหลังคานะ
11. ชานชาลา เวลารอรถไฟอย่าไปยืนใกล้มาก จะเจอเสลด น้ำหมาก น้ำลาย บ้วนกันเป็นเรื่องธรรมชาติ
12.อาหาร ลองร้านดีๆหรือกินที่ที่พัก ถ้าอยากลองสตรีทฟู้ด เลือกร้านสะอาดๆนะ เรายืนยันเราไม่ท้องเสีย
13.ที่นิวเดลีมีร้านแมคโดนัล ที่อักรามี KFC นะ
14.คนไร้บ้านที่อินเดียมีอยู่ทุกมุมถนน ทุกสถานีรถไฟ และอินเดียมีคนอยุ่ทุกมุมถนนจริงๆเป็นเมืองแออัดที่ผู้คนไม่เคยหลับไหล
15.ถ้าไม่อยากต่อรองราคาเรื่องค่ารถกับแขกหัวหมอ ใช้ UBER สะดวกมาก สุภาพทุกคัน ไม่โกง
16.ทัชมาฮาลสวยจริงๆแต่ข้างในไม่มีอะไรเลย มีแค่โลงศพ 2อันตั้งอยุ่ตรงกลาง
17.ชาอินเดียที่ใครก็ว่าอร่อย สำหรับเราไม่อร่อยนะ แอบมีกลิ่นขิง บางคนอาจชอบ แต่สำหรับเราไม่ใช่
18.เรื่องแขกหัวหมอ เจอได้ทุกอย่างแม้กระทั่งเห็นราคาที่พักเท่านี้ แต่นางก็ยังยืนยันว่าจะบวกเพิ่ม
19.อย่าหวังเรื่องที่พักที่อินเดียมาก ยิ่งถ้าเป็น hotel ผ้าห่มอาจจะไม่มีการซัก
20.บนรถไฟมีผ้าห่มกับผ้าปูเตียงนะ แต่ต้องปูเอง
21.คนอินเดียขอทิปเก่งมาก nice service นะ แล้วขอทีไม่ใช่น้อยๆนะ 300 รูปี ไม่ว่าจะรถแท็กซี่ ร้านอาหารเจอหมด
22.คนอินเดียจะส่ายหัวนะ แบบยักคอเอียงไปข้าง นั่นหมายความว่า ใช่,ได้,โอเค
23.กิโลที่ใช้ชั่งของที่อินเดีย ยังเป็นแบบโบราณ
24.ร้านขนมที่เห็นถุงขนมแขวนสวยๆส่วนมากจะเป็นถุงถั่ว จะซื้ออย่าไปดึงของเค้านะ ให้บอกเค้าว่าจะเอาอะไร เค้าจะหยิบให้ เพื่อนเราไปดึง นางหน้าตึงใส่เลย 555555
25.การแซงคิวของคนอินเดียเป็นเรื่องปกติมาก เราเจอพี่แขกแซงคิวต่อหน้าต่อหน้าทุกครั้ง ถึงแม้กระทั่งเราทำหน้าไม่พอใจนางไม่สนใจนะ นางยืนยันว่าจะแซง แล้วสั่งต่อหน้าต่อตา
กาลครั้งหนึ่ง
วันพฤหัสที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 22.33 น.