ตรุกี ดินแดนในฝันของใครหลายคนที่ต่างก็อยากจะพากันมาดูบอลลูน เราก็หนึ่งในนั้นเช่นกัน ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนสองทวีปคือ ทวีปยุโรปและเอเชีย วันนี้เรามีโอกาสได้มาเยือนที่ประเทศตุรกี เกิดหลงรักประเทศนี้เข้าแล้วหล่ะ มาดูกันว่าตุรกีมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
สิ่งที่รู้ก่อนมา
สภาพอากาศช่วงเดือนธันวา : หนาวถึงหนาวมาก อากาศมีตั้งแต่เลข2ตัวต้นๆ,เลขตัวเดียวจนถึงติดลบ
วีซ่า : ประเทศตุรกีฟรีวีซ่า ไม่ต้องมีก็มาได้แต่มาได้ ไม่เกิน 30 วันนะใครอยากอยู่เกินก็ต้องขอวีซ่าจ้า
สกุลเงิน : ใช้เป็นลีราซึ่ง 1 ลีราประมาณ 5 บาทกว่าๆ ถ้าคิดไม่ยากก็ตีไป 5 บาทเลย แลกเป็นเงินยูโรหรือดอลลาร์มา แล้วมาแลกต่อที่ตุรกีจะถูกกว่า
บอลลูน : ช่วงเดือนธันวาคมมีโอกาสได้ขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
เวลา : ช้ากว่าที่ประเทศไทย 4 ชั่วโมง
การเดินทาง : มีทั้งเครื่องบินภายในประเทศ ,รถบัส, รถไฟ, เช่ารถขับ, ขึ้นเรือเที่ยว
สำหรับเครื่องบินใครเลือกเดินทางต้องดูสนามบินให้ดี เพราะที่อิสตันบูลจะมี 2สนามบิน คือ Istanbul Airport (ฝั่งยุโรป) กับ Sabiha Gökçen International Airport (ฝั่งเอเชีย)
ที่พัก : หาวันต่อวัน ไม่ได้จองล่วงหน้า
ซิมการ์ด : มาซื้อที่สนามบินค่อนข้างแพง ถ้าอยากสะดวกก็แนะนำให้ใช้ Sim2Fly เปิดจากไทยมาดีกว่าราคาไม่แตกต่างเท่าไหร่
การเดินทางคร่าวๆทริปนี้ของเราเริ่มจาก อิสตันบูล -> ปามุคคาเล่ -> คัปปาโดเกีย -> อิสต้นบูล ->คาซัคสถาน
Day 1 : 3/12/2019
เริ่มต้นการเดินทางด้วยสายการบิน Air Astana ได้ตั๋วมาในราคาประมาณ 15,000 บาท เที่ยวบิน BKK - IST 10:05 – 21:05 (15 ชั่วโมง)
วันแรกของการเดินทางไม่มีอะไรมาก กินกับนอนอยู่บนเครื่อง เราใช้เวลาในการเดินทางเยอะพอสมควร 7 ชั่วโมงครึ่งถึงประเทศคาซัคสถานเพื่อแวะต่อเครื่อง
เราแวะต่อเครื่องที่ประเทศคาซัคสถาน ใช้เวลารอ 1 ชั่วโมง เครื่องบินที่ขึ้นที่นี่ลำเล็กกว่าตอนมาจากสุวรรณภูมิ
เราใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 10 นาที ในการนั่งเครื่องจากประเทศคาซัคสถานมาถึง Istanbul Airport
ฝนกำลังตกพอดี
เราเหมารถจากสนามบินมาส่งยังโรงแรม TurguT hotel ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ค่าห้องตกคนละ 200 บาท เป็นห้องรวม 30 ยูโร มีจานชามอุปกรณ์ครัวพร้อม
* ที่อยู่โรงแรม Şehsuvar Bey, Işın Sk. No: 16 D:18, 34126 Fatih/İstanbul, Turkey•+90 532 573 44 99
เนื่องด้วยเราเช็คพยากรณ์อากาศวันถัดไปฝนตก จากแผนเดิมที่เราจะเที่ยวที่อิสตันบูลก่อน เราจึงเปลี่ยนแผนใหม่ โดยการย้ายไปเที่ยวที่ปามุคคาเล่แทน เราเลือกจองเครื่องบินภายในประเทศในคืนวันที่มาถึงอิสตันบูลเลย ซึ่งราคาเครื่องอยู่ที่คนละประมาณ 700 บาท (ราคาการจองตั๋วภายในถือว่าถูกกว่าบ้านเรามาก ปกติถ้าจองกระชั้นชิดแบบนี้ค่าตั๋วจะสูงขึ้นแล้ว แต่ที่นี่คือราคามาตรฐานเลยแหละ)
Day 2 : 4/12/2019
เราตื่นกันตี 5 ใช้เวลาเดินทาง 40 นาทีจากโรงแรมมาถึงสนามบิน SAW-ISTANBUL บินภายในประเทศประมาณ 7 โมงด้วยสายการบิน Turkish airlines มาลงสนามบิน Denizli
ออกจากสนามบินมาต่อบัส 35 ลีราไปปามุคคาเล่ (ขึ้นบัสเวลา 9:30 น. ใช้เวลา 40 นาทีมาถึง “ปามุคคาเล่” (Pamukkale)
รถนัสจะจอดใกล้ๆกับ MUSTAFA HOTEL RESTAURANT เราเดินมายัง Hotel นี้เผื่อฝากกระเป๋า
เข้ามาถึงคุณลุงเจ้าของต้อนรับพวกเราอย่างดีมาก พวกเราไม่ได้ติดต่อมาก่อน เพียงแต่ตั้งใจว่าจะมาแวะฝากกระเป๋าไว้ แล้วไปเที่ยวกันเท่านั้นเอง คุยไปคุยมาคุณลุงเสนอราคาทริปที่คัปปาโดเกียในราคาถูก พวกเราจึงตกลงซื้อทริป ในเย็นวันที่ 5-7 รวมขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกีย ในราคา 230 ยูโร โดยแยกเป็นค่าทริป 130 ยูโรที่จ่ายที่นี่ ค่าขึ้นบอลลูน 100 ยูโร ไปจ่ายที่คัปปาโดเกีย เพราะต้องลุ้นด้วยว่าบอลลูนจะขึ้นไหม ถ้าไม่ขึ้นก็ไม่ต้องจ่าย แถมคุณลุงใจดีให้ห้องพักสำหรับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในวันนี้ฟรี 1 ห้องด้วย
เราฝากกระเป๋าและกินข้าวกันที่นี่เลย
กินข้าวอิ่มก็เปลี่ยนชุดไปปามุคคาเล่ เราสามารถเดินจากโรงแรมนี้ไปถึงเลย เดินไม่ไกล เสียค่าเข้าคนละ 60 ลีรา
เดินเข้าไปพอถึงจุดที่ไม่ใช่พื้นถนน เราต้องถอดรองเท้าและถือเดินกันเข้าไป
เดินไปเรื่อยๆมองเห็นที่ความขาวโผน เหมือนหิมะ แต่จริงๆแล้วมันคือ ภูเขาเกลือ แต่บางข้อมูลก็ว่าชั้นหินปูน
อากาศวันนี้ 12 องศา ช่วงเวลาประมาณ 11 โมง
ปามุคคาเล่ถือเป็น 1 ในที่เที่ยวที่มีชื่อเสียง แปลในภาษาตุรกีแปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย เป็นสถานที่ที่มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์ของธรรมชาติ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ในจังหวัดเดนิซลึ (Denizli) ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 19 กม.
ที่นี่ถือเป็นความมหัศจรรย์พันลึกของธรรมชาติเลยก็ว่าได้เพราะมีเอกลักษณ์ความสวยงามที่โดดเด่น
ที่นี่จะมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำเป็นชั้นๆ เกิดจากธารน้ำแร่ที่มีแร่แคลเซียมคาร์บอเนตผสมอยู่ไหลไปตามพื้นหิน ผลึกกันขึ้นมาจนเป็นภาพที่เราเห็น ภาพนี้เป็นภาพที่คนเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว น้ำในบ่อชั้นๆก็เริ่มแห้ง ฝนตกลงมาแปปนึง ผู้คนหลบหลีกหนีกระเจง (: ก็เลยได้ภาพโล่งๆไร้ผู้คนอย่างที่เห็น
เราอยู่ถ่ายรูปเล่นกันหลายชั่วโมงจนคนเริ่มทยอยเดินกลับ อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนต้องแวะพักเอาเท้าแช่ให้สบายผ่อนคลายกันหน่อย น้ำตรงนี้อุ่นมาก ช่วยผ่อนคลายความหนาวได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราก็กลับมายังโรงแรมเพื่ออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนและกินข้าวกันให้เรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง เมื่อถึงเวลาเราเดินจากโรงแรมไปยังจุดยืนรอขึ้นรถมินิบัสเพื่อไปขึ้นรถอีกทีหนึ่งที่สถานีขนส่ง
เราขึ้นรถบัส METRO เวลา 5 ทุ่มจากสถานีขนส่งไปยังคัปปาโดเกีย ไปถึงคัปปาโดเกียประมาณ 10 โมงเช้า
Day 3 : 5/12/2019
รถบัสจอดส่งเราที่ท่ารถ ณ จุดกลางเมือง ที่คัปปาโดเกีย ท่ารถของที่นี่จะเป็นห้องแถวติดๆกันประมาณ 3-4 ห้องเป็นที่ทำการของบริษัทรถทัวร์ต่างๆ เราลากกระเป๋าเดินมายังที่พัก ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที
ที่พักชื่อว่า NESSA CAVE HOTEL เราเพิ่งจองเมื่อคืนเลยได้ส่วนลด 50 เปอร์เซ็นต์ เหลือห้องละประมาณ 2000 นิดๆ ต่อ 3 คน ตกคนละ 700 กว่าบาทต่อคน มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ กว้างขวางมาก มาถึง 10โมง 5 นาที เข้าเช็คอินได้เลย
เก็บของกันเสร็จเราก็ออกไปเดินเล่น หาข้าวทานกัน
วันนี้อากาศประมาณ 7-12 องศา มีหิมะตกนิดๆ
เรากินข้าวกันที่ร้านอาหารจีน ราคาไม่แพง แถมอร่อยด้วย ชื่อร้านแพนด้า PANDA'S ASIAN KITCHEN
กินอิ่มแล้วก็เดินเล่นย่อยกัน หิมะกำลังละลายพอดี
ประมาณ 3 โมงครึ่ง รถตู้ก็มารับเราจากโรงแรมไปขี่ ATV ชมพระอาทิตย์ตกดินกัน เป็นทริปที่เราซื้อรวมมาที่ปามุคคาเล่แล้ว สมาชิกในกลุ่มเรามีกัน 5 คน เราก็มากัน 5 คน ค่อนข้างส่วนตัวกันเลยทีเดียว
คนขับรถขับพาเรามายัง T4T Travel agency เพื่อมาติดต่อไกด์ พร้อมจ่ายค่าบอลลูนที่จะขึ้นในวันพรุ่งนี้อีก 100 ยูโร
ไกด์ 2 คนขับรถนำเราไปยังจุดต่างๆ อากาศหนาวมาก ขับรถ ATV ชมวิวกันไปเรื่อยๆ ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้เราจึงไม่เจอพระอาทิตย์ตกดิน
เราจบทริปประมาณ 5 โมงเย็น แนะนำกิจกรรมนี้ค่ะ สนุกดี แล้วก็ได้ชมวิวสวยๆ
หลังจากขับรถเที่ยวเสร็จ รถตู้จะมาส่งเราที่โรงแรม แต่เราให้แวะส่งที่ร้านอาหารกันเลย มื้อนี้เราเลือกกินอาหารเกาหลีกันที่ Urizip Korean Restaurant
Day 4 : 6/12/2019
เช้านี้เราตั้งใจไปขึ้นบอลลูนกัน แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศ ฟ้าไม่เปิด บอลลูนจึงถูกแคนเซิล เรากลับมากินข้าวเช้ายังโรงแรม เพื่อเตรียมตัวไป Red tour ต่อ โดยรถจะมารับเราเวลา 9 โมง 45 นาทีที่โรงแรม
วันนี้เราเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์มีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คน รวมทั้งรถจะมีคนขับ 1 คน ไกด์ 1 คน และลูกทัวร์อีก 7 คน
Love Valley Cappadocia
ที่นี่เป็นหุบเขาแห่งรักที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเนฟเชียร์ (Nevseshir)
เป็นหุบเขาที่มีหินทรงประหลาด ยาวๆตั้งๆวางสลับกันไปมาดูแปลกตา
Göreme Open Air Museum พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
Unesco ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1985 เป็นนครโบราณตั้งแต่ศตวรรษที่ 9
ไกด์จะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา ประวัติศาตร์ของที่นี่ให้เราฟัง พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่นี่มีลักษณะเป็นเนินหุบเขา มองเข้าไปเป็นถ้ำที่ถูกขุดเจาะไว้เพื่อสร้างโบสถ์ของชาวคริสต์ เพราะในศตวรรษนั้นศาสนาคริสต์เพิ่งเกิดและยังไม่เป็นที่ยอมรับจากโรมันหรือศาสนาอิสลาม ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และต้องการเผยแพร่จึงต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในโพรงถ้ำแถบคัปปาโดเกีย เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โบสถ์ วิหาร ห้องสวดมนต์ ห้องครัว สำนักนางชี ฯลฯ เกอเรเม
เราออกจากพิพิธภัณฑ์ประมาณเที่ยงครึง เพื่อไปทานข้าวกลางวันกัน ไกด์พาเรามาร้านนี้ บรรยากาศดีมาก อาหารก็อร่อย กินได้เต็มที่เลยชื่อร้านว่า Aydede Ocakbasi Restaurant-Fasil
อาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเนื้อ แต่ถ้าใครไม่กินเนื้อสามารถบอกพนักงานได้ค่ะ เขาจะทำเมนูพิเศษไก่มาให้เราแทน โดยรวมถือว่ากินได้ ถ้าใครชอบซุปก็ลองกินดูรสชาติแปลกดี กินกับขนมปัง
กินข้าวกันเสร็จก็ไปต่อกันที่ Ürgüp Peribacaları เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นมาดูหินที่รูปร่างคล้ายเห็ด
อากาศหนาวมาก เราลงจากรถกันมาแปปเดียวก็รีบกลับขึ้นรถเลยไปต่อด้วย
Devrent Valley หุบเขาเดฟเรนท์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า หุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Vally) และ หุบเขาสีชมพู (Pink Valley)
บริเวณที่เรามาถ่ายรูปคือหินที่มีลักษณะคล้ายอูฐ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับกัน ระหว่างทางเราเห็นบอลลูนขึ้น เราจึงบอกกับคนขับรถและไกด์ว่า อยากไปชมวิวบอลลูน พวกเขาก็ขับรถพาเราชมวิว
ภาพนี้ถ่ายผ่านกระจกรถออกมา
เมื่อรถจอดให้พวกเราลงไปถ่ายรูป พวกเราก็วิ่งกันไปที่จุดชมวิวทันที กลัวบอลลูนจะลงหมด
และในที่สุดเราก็ได้ถ่ายรูปกับบอลลูน (:
จบแล้วทริปวันนี้ของเรา สบายใจได้ถ่ายรูปกับบอลลูน กลับมายังที่พักแล้วไปหาข้าวเย็นทานกันต่อ
Day 5 : 7/12/2019
เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้าเช่นเคยเพื่อไปขึ้นบอลลูนกัน รถมารับ 6 โมง 15 นาที วันนี้สมาชิกในรถเต็มพิกัด นอกจากจะมีพวกเรา 5 คนแล้วก็ยังมีกรุ๊ปอื่นอีก เรานั่งรถมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงจุดขึ้นบอลลูนแล้ว เช้านี้ฟ้าไม่สดใสเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าโชคดีที่บอลลูนสามารถขึ้นได้
เมื่อบอลลูนพร้อมขึ้นกัปตันก็ประกาศ โดยทุกคนจะมีเข็มขัดรัดที่เอวกันทุกคน เข็มขัดจะล๊อคไม่ให้เดินสลับไปมาบนกระเช้าเพื่อความปลอดภัย
ครั้งแรกที่เราได้ขึ้นบอลลูนก็จะตื่นเต้นนิดๆ
บอลลูนเริ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้เลือกกระเช้าฝั่งริมๆนะค่ะ ได้ถ่ายรูปสวย
มองลงไปดูวิวด้านล่างก็จะเห็นเช่นนี้
เราอยู่กันบนบอลลูนประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ค่อยๆลงมา ตอนลงก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันอีกตามเคย ไกด์พยายามหาทางจะลง แต่ดูเหมือนจะลงยากพอสมควร
เมื่อลงมาจากบอลลูนประมาณ 9 โมงครึ่ง กัปตันเปิดขวดและเทไวน์พร้อมส่งให้พวกเราดื่มคนละแก้วเพื่อฉลองกัน และแจกใบประกาศนียบัตรคนละใบ
หลังจากเราขึ้นบอลลูนเสร็จ เราก็กลับมายังที่พักเพื่อกินข้าวเช้าและเก็บของเช็คเอ้าท์กันเลย พร้อมทั้งเอากระเป๋าขึ้นรถตู้ที่มารับเราประมาณ 10 โมง 20 นาทีไปทริป Green tour ต่อในวันนี้ สมาชิกในทริปเราก็จะมีเพิ่มมาอีก 2 คนเช่นเคย แต่ไม่ใช่คนเดิม รวมพวกเราก็เป็น 7 คนก็ถือว่ายังมีความส่วนตัวอยู่นะ สถานที่หลักๆก็จะมีตามนี้
Pigeon Valley หรือหุบเขานกพิราบ เป็นจุดชมวิวทีมีนกพิราบบินวนไปมา พร้อมเกาะอยู่ตามหน้าผาเป็นจำนวนมาก
จุดชมวิวนี้เราจะสามารถมองเห็นปราสาทอุชิซาร์ (Uchisar Castle) ได้จากระยะไกล
ชาวบ้านเลี้ยงนกพิราบไว้เพื่อนำมูลมาทำปุ๋ยบำรุงต้นไม้ และมีอาหารนกขายสำหรับผู้ที่ต้องการให้อาหารและถ่ายรูปสวยๆกับนกพิราบด้วย
Underground City of Kaymakli อุโมงค์ถ้ำใต้ดิน นครใต้ไคมัคลี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในเมืองใต้ดินที่สำคัญขึ้นชื่อของคัปปาโดเกีย
นครใต้ดินไคมักลึ เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงครามของชาวคัปปาโดเกียในอดีต
เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ
ทางเดินในอุโมงค์ถ้ำค่อนข้างแคบ บางเส้นทางที่เดินรอดอุโมงค์คนตัวใหญ่ยังไม่สามารถเดินผ่านได้เลย
หลังจากเรานั้นเราก็ไปแวะกินข้าวกลางวันกันที่ร้าน Çınar Restaurant / Kahvaltı Mangal Alabalık ซึ่งร้านอาหารอยู่ใกล้กันสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปกันต่อเลยพอดี
กินข้าวเสร็จไกด์ก็พาเรานั่งรถขึ้นไปด้านบนเพื่อไปยัง Ihlara Valley หุบเขาอีห์ลารา แต่ถ้าใครไม่ไปสามารถรอได้ที่ร้านอาหารนี้นะ
เส้นทางที่เดินประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นเส้นที่ที่ผ่านธารน้ำและเทือกเขา
ทางเดินจะเป็นบันไดวนลงไปเจอธารน้ำด้านล่าง แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆเหมือนเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติของที่นี่ ไม่ได้เดินกลับทางที่มานะ
เราเดินลงบันไดมาจะเจอสะพานนี้
เดินเล่นไปเรื่อยๆ
เดินวนไปจนไปโผล่ร้านกาแฟ และเดินต่อไปอีกจนไปโผล่ร้านอาหารมื้อเที่ยงที่เราเพิ่งกินกันมา
Selime monastery อารามเซลิเม
หลังจากเราเที่ยวเสร็จ เราก็ให้รถมาส่งยังที่พักที่เราจองไว้ชื่อว่า The Dorm Cave (By Travellers) ที่นอนคืนนี้พวกเราเลือกนอน Dorm นอนรวมกันหมดเลย เป็นเตียง 2 ชั้น
เช็คอินเข้าที่พักเสร็จ เราก็ออกไปเช่ารถขับสำหรับวันพรุ่งนี้กัน พร้อมทั้งออกไปหาข้าวเย็นกัน ความจริงเราตั้งใจจะไปถ่ายรูปที่ร้านพรหม แต่ค่าถ่ายรูปแพงมาก เราจึงเปลี่ยนใจกลับมาทานข้าวที่ร้าน PANDA'S ASIAN KITCHEN ร้านเดิมที่อร่อย พร้อมทั้งถ่ายรูปเล่นที่ร้านนี้เลย
หลังจากนั้นเราก็ไปเช่ารถเพื่อจะขับพรุ่งนี้เช้า ราค่ารถเช่าอยู่ที่ 250 ลีล่า
Day 6 : 8/12/2019
ตื่นเช้ามารอลุ้นบอลลูนจะขึ้นไหม แต่พอดูท้องฟ้าแล้ว ไม่ขึ้นแน่นอน อดถ่ายรูปบนดาดฟ้ากับบอลลูนกันอีกแล้วจ้า
ฟ้าช่างขาวเหลือเกิน ไปกินข้าวเช้าและเตรียมออกเดินทางกันดีกว่า วันนี้เราจะไปขับรถเล่นกัน
เรา check out และฝากกระเป๋ากันไว้ที่นี่แล้วไปขับรถเล่นกัน แผนวันนี้ก็คือไม่มีแผน อยากแวะไหนก็แวะ
จุดแรกที่เราจอดคือจุดชมวิวริมทาง ซึ่งเห็นว่าสวยดี เราก็จอดรถข้างทางและเดินขึ้นมาชมวิวกัน
จุดที่ 2 จุดชมวิวที่อยู่บริเวณ Uchisar
แล้วเราก็เดินเข้ามาร้านกาแฟที่ชื่อว่า Tipik Turkevi, Uchisar
เรามาถึงร้านไม่ได้เปิด คุณลุงเจ้าของบอกว่าเปิดช่วงที่ไม่ใช่ฤดูหิมะตก แต่คุณลุงใจดีมาก ให้เราขึ้นมาชมวิว ถ่ายรูปเล่น
ที่นี่เปิดเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยนะ
หลังจากนั้นเราก็ไปขับรถเล่นถ่ายรูปกัน เจอตรงไหนสวยเราก็จอดรถแวะถ่ายรูปกันเลยค่ะ
ถ่ายรูปกันจนเหนื่อยแล้ว เราก็กลับมากินข้าวเย็นพร้อมทั้งคืนรถที่เช่ามา และไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ เพื่อขึ้นรถบัสเดินทางไปอิสตันบูลในคืนนี้ ราคาตั๋วรถบัส 140 ลีล่า
Day 7 : 9/12/2019
เรานั่งรถบัสจากคัปปาโดเกียมาถึงอัสตันบูลประมาณ 7 โมงเช้า แล้วเดินจากสถานีรถบัสไปที่ Istanbul Metro Line M1 Yenikapı–Atatürk Airport/Kirazlı
เราเลือกซื้อ Istanbul Card ในการเดินทาง ตอนแรกก็งงๆหน่อย ไปหาข้อมูลการใช้งานบัตรนี้มาคือว่า สามารถซื้อใบเดียวใช้ทุกคนได้ โดยการหยอดเหรียญหรือใส่ธนบัตรเข้าไป จะถูกหักค่าการ์ด 6 ลีล่า ค่าโดยสารทั่วๆไปพวกเมโทร รถราง ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 2.6 ลีล่า ถ้าเงินเหลือในบัตรไม่สามารถเอาคืนได้ เราต้องกะดีๆเวลาเติมเงิน
เราเลือกสถานีปลายทางคือ YENIKAPI
มาถึง Taksim cumhuriyet anıtı ประมาณ 8 โมงเช้า
เราเดินลากกระเป๋ากันมาที่พักชื่อว่า Sunset Apartment ราคาห้อง 742 บาท หารกันตกคนละ 150 บาท มี 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก กว้างขวางมาก แต่ทางที่เดินมาจะเจอเนินค่อนข้างเยอะ ลำบากหน่อยสำหรับคนที่ต้องลากกระเป๋า
เราอาบน้ำพักผ่อนกันนิดหน่อยแล้วก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก ที่พักเราอยู่ไม่ไกลกับทักซิมสแควร์ (Taksim Square) เดินเพียง 10 นาที
ย่านทักซิมสแควร์ (Taksim Square) เป็นแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังของอิสตันบูล คล้ายๆสยามพารากอนบ้านเรา ที่นี่มีของขายมากมาย เป็นแหล่งช็อปปิ้งสตรีทที่มีทั้งร้านค้าแบรนด์ Local และแบรนด์เนมต่างๆมากมาย แถมไม่ว่าจะเป็น รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า ร้านอาหาร กาแฟ รวมถึงโบสถ์ก็มีอยู่บริเวณนี้
มีรถรางวิ่งผ่านตลอด สามารถขึ้นนั่งได้
ที่นี่ถือเป็นย่านที่คึกคักมากเลยทีเดียว อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
เราเดินมาเรื่อยๆจะเจอโบสถ์ Church of St. Anthony of Padua, Istanbul
เดินต่อไปเรื่อยๆเลย จะเจอ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) เป็นหอคอยหินสไตล์โรมัน ทรงกระบอกขนาดเก้าชั้น มีความสูง 66.90 เมตร
ด้านบนมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งสามารถมองเห็น วิวทิวทัศน์โดยรอบของนครอีสตันบูล
เราเดินเล่นกันมาเรื่อยๆ จนมาโผล่ที่สะพาน Galata Bridge เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่
Day 8 : 10/12/2019
เช้าวันนี้เราก็ยังเดินเล่นกันในอิสตันบูลอยู่ เราเช็คเอ้าท์ที่พักแต่เช้า แล้วลากกระเป๋าไปหาที่รับฝากกระเป๋าไว้ แล้วเดินมายังย่าน Taksim Square เหมือนเดิม
ตอนเช้าผู้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ร้านค้าต่างๆก็ยังไม่ค่อยเปิด
เราเดินไปถ่ายรูปกันไป
แวะทานอาหารเช้ากันบริเวณ Taksim Square นี่แหละ ส่วนใหญ่มีแต่มื้อขนมปัง หลายๆร้านเลยจะไม่ทำเมนูข้าว เพราะคนส่วนใหญ่ที่นี้มื้อเช้าจะกินขนมปังกันซะมากกว่า
เดินผ่านมาที่ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) ก็แวะถ่ายรูปกันอีกรอบ
วันนี้เราเลือกนั่งรถรางกัน ใช้บัตรเดิมที่ซื้อมาเลย คือ Istanbul Card
Kubbe Istanbul คือ ดาดฟ้าของตึกร้างที่มีคนเอามาทำเป็นวิวให้ชมเมือง เป็นสถานที่ยอดฮิตที่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับนก
ทางที่ขึ้นมาเป็นตึกที่เก่า ดูเหมือนตึกร้าง มีคนถามเราตลอดทางว่าจะไปที่ Kubbe ใช่ไหม แม้แต่เด็กที่เดินผ่านยังชี้บอกทาง ตอนแรกเราขึ้นมา เราก็กลัวจะถูกหลอก เพราะว่าขอเข้าไปดูสถานที่ถ่ายรูปก่อน คนที่รอเก็บเงินอยู่ก็ไม่ยอมให้พวกเราดู พวกเราตัดสินใจเดินออกมาตั้งหลักกันก่อน แล้วไปหาผู้คนแถวนั้นอีกว่ามันคือที่นี่ใช่ไหม เขาก็ยืนยันว่าใช่ จนพวกเรากลับมากันอีกรอบ
ค่าเข้าถ่ายรูปคนละ 100 ลีล่า แต่พวกเราต่อเหลือคนละ 70 ลีล่า ในรูปที่เราดูในรีวิวมาเป็นพรหมที่ใหญ่กว่านี้ และมีพร๊อบถ่ายรูปมากกว่านี้อีก แต่คนที่เก็บเงินเราไปก็ยืนยันว่าที่นี่แหละ
หลังจากเราถ่ายรูปกันได้คนละไม่ถึง 5 นาที ตำรวจก็บุกมา พวกเราก็ยืนกันงงๆ ตำรวจมาจับใคร? มาทำไม? มาถึงก็ไล่พวกเราลง ซึ่งพวกเราก็บอกว่า เนี่ยยังถ่ายรูปไม่เสร็จเลย บางคนยังไม่ได้ถ่ายรูปเลยด้วยซ้ำ เราพยายามถามเหตุผลตำรวจ เขาบอกว่าเรา ที่นี่อันตราย เป็นตึกสูง ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป พร้อมทั้งตำรวจยังถ่ายรูปพวกเราไปอีก พร้อมกับพรหม หลักฐานต่างๆ พวกเราได้แต่มองหน้ากันแล้วจำใจเดินกันออกมา ฮ่าๆ
รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม ระหว่างเดินไปถ่ายรูปกับนก
เราเดินกันออกมาเรื่อยๆจนถึง วิหารเซนต์โซเฟีย (The Hagia Sophia Museum and Church) ภาพนี้เป็นภาพที่คนตุรกีถ่ายให้เรา และส่งรูปมาให้ คนที่นี่น่ารักและใจดีมาก
สุเหร่าเอยุพ (Eyup Camii)
เราเดินเล่นถ่ายรูปกันไปเรื่อยแล้วกลับไปล่องเรือยามเย็นกันต่อ
เที่ยวกันเสร็จแล้วเราก็กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ และเหมารถตู้ไปยังสนามบิน วันนี้เราจะบินกลับกันแล้ว
Day 9 : 11/12/2019
วันนี้เราแวะต่อเครื่องกันที่ประเทศคาซัคสถาน เราจึงออกเที่ยวกันที่นี่ one day trip เหมารถเที่ยวในราคา 45000 KZT (3540 บาทไทย) เรทเงินคาซัคสถาน 12.72 ตอนแรกเราตั้งใจไปเที่ยวที่ Big Almaty Lake พอไปถึง ปิดค่ะ เพราะว่าหิมะตกหนัก พวกเราจึงอดเข้าเลย ซึ่งมันถือว่าเป็นไฮไลท์ของการแวะเที่ยวคาซัคสถานเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไปต่อกันที่ ชิมบูลัก สกีรีสอร์ท (Shymbulak Ski Resort)
ชิมบูลัก สกีรีสอร์ท (Shymbulak Ski Resort) เป็นสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอัลมาตี้ประมาณ 25 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ของ Medeu Valley สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,200-3,200 เมตร
เราซื้อตั๋วขึ้นกอนโดล่าในราคา 3800 KZT (300 บาทไทย) มี 3 สถานีที่เราสามารถนั่งกอนโดล่าขึ้นไปได้ เราใช้บาร์โค้ดที่ตั๋วในการแสกนผ่านประตูเข้าไปขึ้นกอนโดล่า ถ้าใครจะเล่นสกี ให้ซื้อตั๋วไปเลยนะ แต่เราไม่ได้เล่น
ขึ้นมาถึงอากาศติดลบ 5 องศา
เราขึ้นมาสถานีสุดท้ายเลยที่บรรดาเหล่านักสกีต่างพากันมาเล่นสกีกัน
เดินเล่นถ่ายรูปกัน แต่ต้องระวังนักเล่นสกีด้วยเดี๋ยวจะชนกันเข้า
ที่นี่มีร้านอาหารหลายร้านให้เราเลือกนั่ง เมื่อเราถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วเราก็มานั่งชิวๆหาอะไรกินกันระหว่างรอเพื่อนไปเล่นสกี
เป็นเมนูอาหารที่อร่อยและถูกมากกับเสต็กเนื้อแกะ ราคาประมาณ 570 บาทไทย
ส่วนขนมชิ้นนี้ก็ 170 บาทไทย
จากนั้นเราก็ไป อนุสาวรีย์แห่งอิสรภาพ (Monument of independence ) ตั้งอยู่ที่ Republic Square หนึ่งในจัตุรัสหลักของอัลมาตี
และที่พลาดไม่ได้เลยคือการกินเนื้อม้า ที่อัลมาตี้ขึ้นชื่อมากเรื่องเนื้อม้าต้องลองไปกินกันดูนะค่ะ หาได้ไม่ยากเลย
สำหรับทริปนี้จบการรีวิวค่ะทุกคน เขียนไว้นานแต่เพิ่งมีเวลามาสรุปทริปให้ รวมแล้วทริป 10 วัน 9 คืนกับงบไม่เกิน 2 หมื่นบาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน) แวะเที่ยวประเทศคาซัคสถาน one day trip
Day 1 : 3/12/2019
บินสายการบิน Air Astana, BKK - IST 10:05 – 21:05 (15 ชั่วโมง) มีแวะต่อเครื่อง Almaty ที่ประเทศคาซัคสถาน 1 ชม.
- เหมารถไปส่งที่พักอิสตันบูลโรงแรม TurguT hotel ค่าห้องตกคนละ200 บาท ห้องรวม30 ยูโร
Day 2 : 4/12/2019
- เหมารถตู้จากโรงแรม TurguT hotel มาส่งสนามบินแต่เช้ามืดราคา 1700 บาทไทย แล้วซื้อตั๋วบินภายในประเทศสายการบิน
Turkish airlines 700 บาท จากสนามบิน SAW-ISTANBUL มาลงสนามบิน Denizli ถึงประมาณเวลา 09:10 นาที
- ออกจากสนามบินมาต่อบัส 35 ลีล่าไปปามุคคาเล่
- ฝากกระเป๋าที่ Mustafa Hotel
- ซื้อทริปเที่ยวคัปปาโดเกียในวันที่ 5-7 รวมขึ้นบอลลูนในราคา 230 ยูโร ถือว่าถูกเลยทีเดียวโดยแยกเป็นค่าทริป 130 ยูโรที่จ่ายที่นี่ ค่าขึ้นบอลลูน 100 ยูโร ไปจ่ายที่คัปปาโดเกีย เพราะต้องลุ้นด้วยว่าบอลลูนจะขึ้นไหม
- ซื้อซิม 185 ลีล่า
- ไปถ่ายรูปเล่นปามุกคาเล่ จ่ายค่าเข้า 60 ลีล่า
- เดินเล่นถ่ายรูปเต็มวัน
- เดินทางต่อไปคัปปาโดเกีย ขึ้นรถตู้จาก bus station 4.5 ลีล่า เพื่อไปส่งยังสถานีขนส่ง
- ขึ้นรถนอนตอน 5 ทุ่มครี่งจากปามุคคาเล่มาคัปปาโดเกีย 110 ลีล่า
Day 3 : 5/12/2019
- เข้าที่พัก NESSA CAVE HOTEL แต่เช้า เราจองห้อง Deluxe King Suite ไว้สำหรับนอน 3 คน 2 คืน เป็นห้องนอนแบบถ้ำ ได้มาในราคาลด 50% เหลือคืนละ 2000 กว่าบาท ต่อคืน หาร 3 คนก็ตก 700 กว่าบาทเองต่อคืน ราคาดีงามมาก มีห้องนั่งเล่น เตียงโซฟา ห้องนอนห้องใหญ่ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว
- เดินเที่ยวเล่น
- รถมารับประมาณ 4 โมงเย็น ไปขี่ ATV ชมพระอาทิตย์ตกที่คัปปาโดเกีย
Day 4 : 6/12/2019
- แผนวันนี้ตั้งใจจะไปขึ้นบอลลูนแต่แคนเซิล ฟ้าไม่เปิด ไม่เป็นไรกลับมาที่พัก แล้วรอลุ้นพรุ่งนี้อีกวัน
- เที่ยว Red tour (also called North Cappadocia Tour) รถมารับ 9 โมง 45 ตามโปรแกรมคร่าวๆ
- Love Valley Cappadocia
- Göreme Open Air Museum
- กินข้าวกลางวัน
- Urgup Fairy Chimneys
- Devrent Valley
- BEZIRHANE RESTORANT VE SERAMIK
- ตอนเย็นถ่ายรูปกับบอลลูน
- พักที่เดิม
Day 5 : 7/12/2019
- ขึ้นบอลลูน
- กลับมา check out เอาเป๋าขึ้นรถเที่ยว Green tour (South Cappadocia Tour) ต่อ
- Pigeon Valley ให้อาหารนกถ่ายรูป
- Derinkuyu underground city อุโมงค์ถ้ำใต้ดิน
- กินข้าว CINAR RESTAURANT
- Ihrala Valley
- Selime monastery (IHLARA VADISIZ AKSARAY)
- รถส่งถึงที่พัก นอน The Dorm Cave (By Travellers) 35ยูโร 5คน ตกคนละ 240 บาท
Day 6 : 8/12/2019
- ฝากเป๋าไว้ที่ดอมก่อน
- เช่ารถขับ 1 วัน ค่าเช่า 250ลีล่า เติมน้ำมัน 250 ลีล่า เจอที่ไหนสวยก็จอดแวะถ่ายรูปกัน
- กลับมาเอากระเป๋า
- ขึ้นนอนรถจากคัปปาโดเกียมาอิสตันบู 140 ลีล่า
- นอนบนรถ
Day 7 : 9/12/2019
- มาถึงเช้าที่อิสตันบูล นั่ง term มา เดินลากเป๋ามาที่พัก Sunset apartment 742 บาท ตกคนละ 150 บาท
- เดินเที่ยวเล่นฟรีสไตล์
Day 8: 10/12/2019
- ฝากกระเป๋า 80 ลีล่า (ของทุกคน)
- เดินเที่ยวเล่นฟรีสไตล์
- ถ่ายรูปกับนก 70 ลีล่า
- ไปล่องเรือชมวิว
- รถตู้มารับไปสนามบิน
- บินมาลง คาซัคสถาน
- นอนเครื่อง
Day 9 : 11/12/2019
- เดินทางมาถึงคาซัคสถาน
- เหมารถเที่ยวคาซัคสถาน 45000 KZT
- ค่าเข้าสกี 3800 KZT
Day 10 : 12/12/2019
- ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ
G-jee Jiraprapa
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.45 น.