วันนี้พงพาเพลินของเสนอทริป "10 วัน 3 ประเทศ 6 เมือง"
อยากลองเพิ่มความยากในการเดินทางให้ตัวเองดู รวมถึงทำค่าใช้จ่ายให้ต่ำในการท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศดูบ้าง ทริปนี้เลยเกิดขึ้น
“ปลายทางไม่สำคัญเท่า ระหว่างทาง”
เป็นทริปช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา 6-15 เม.ย.2562 เพราะฉะนั้นข้อมูลยังสดใหม่อยู่ (ไม่ได้ดองเหมือนอย่างเคย)
เดินทางโดย : รถยนต์ เรือ รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แท๊กซี่ รถตู้ รถบัส วิ่ง เดิน ช่วงวันท้ายๆ มีคลานด้วยเอ้อ
ทริป 10 วันมีรายละเอียดดังนี้
Day 1 : ขับรถจาก กทม.ไป- ระนอง-ข้ามเรือไป เกาะสอง(พม่า)-นอนระนอง
Day 2 : ระนอง- หาดใหญ่ - นอนหาดใหญ่ - ฝากรถไว้หาดใหญ่
Day 3 : นั่งรถไฟ หาดใหญ่ไป - ปาดังเบซาร์ - ต่อรถไฟไปบัตเตอร์เวอร์ธ - นั่งเฟอรี่ข้ามไปปีนัง - นอนปีนัง
Day 4 : เที่ยวปีนัง
Day 5 : บินจากปีนังไป - กัวลาลัมเปอร์ - ก่อนถึงแวะ ปูตราจายา
Day 6 : เที่ยวกัวลาลัมเปอร์
Day 7 : บินจากกัวลาลัมเปอร์ไป - สิงคโปร์
Day 8 : เที่ยวสิงคโปร์
Day 9 : นั่งรถไฟฟ้าจาก สิงคโปร์ ไปต่อรถบัสข้ามไป - ยะโฮร์บาห์รู (มาเล) - ต่อรถบัสไปสนามบิน เซไน - บินกลับปีนัง - นอนปีนัง
Day 10 : นั่งรถบัสจากปีนังไป - หาดใหญ่ -ขับรถจากหาดใหญ่ยิงยาวกลับกรุงเทพฯ
.
ทั้งหมดนี้ใช้เงินในการเดินทางรวมที่พัก คนละไม่เกิน 10,000 บาท (เดี๋ยวมาดูกันว่าได้ไหม?)
การเดินทางครั้งนี้ ผมได้พาบุพการี ไปด้วย (ไม่น่าเลย)
พงพาเพลิน - พงพาเพลีย
Day 1 : ขับรถจาก กทม.ไป- ระนอง-ข้ามเรือไป เกาะสอง(พม่า)-นอนระนอง
การเดินทางในวันแรก เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ออกเดินทางตอน ตี 4 เพื่อยิงรถยาวไป ท่าเทียบเรือเกาะสอง(พม่า) จังหวัดระนอง
เราแวะเติมน้ำมันเต็มถัง 900 บาท และแวะกินข้าวเช้าที่ปั๊มหมดไปคนละ 60 บาท เราถึงท่าเทียบเรือเกาะสอง(พม่า) ก่อนเวลาเที่ยงวัน
เราเดินเข้าไปที่ท่าเทียบเรือเกาะสอง(พม่า) ด้านซ้ายจะเป็นจุดทำเอกสารการข้ามแดนจาก ฝั่งไทยไป พม่า
สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการทำเอกสารข้ามแดน
1.บัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น
2.หลังจากที่ทำเอกสารข้ามแดนเสร็จต้องนำมาทำสำเนาคนละ 2 ชุด ร้านถ่ายเอกสารอยู่ในปั๊ม ปตท. ใกล้ๆ กัน
3.ค่าธรรมเนียมทำเอกสารข้ามแดนฝั่งไทยคนละ 30 บาท
จุดถ่ายเอกสาร
ร้านถ่ายเอกสาร
ทำเอกสารเสร็จแล้วเราแวะกินก๋วยเตี๋ยว "ร้านเจริญชูกิจ" ขายข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดอร่อยมาก
ราคาตกคนละ 50 บาท
เดินกลับเข้ามาที่ท่าข้ามเรือ เรานั่งเรือจากฝั่งไทยข้ามไปฝั่งพม่า ค่าเรือคนละ 50 บาท หากต้องการเหมาลำ 300 บาท
เรือใช้เวลา จากฝั่งไทยข้ามไปฝั่งพม่าประมาณ 30 นาที
(ไม่ควรเหมาลำเพราะเปลืองคนข้ามเยอะรอไม่นาน แต่ถ้าต้องการความเร็วก็จัดไป)
ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยอีกรอบแล้วเรือจึงจะขับข้ามไปฝั่งพม่า
ข้ามมาถึงฝั่งพม่าจะต้องตรวจคนเข้าเมืองพม่าอีกรอบค่าใช้จ่าย 30 บาทเช่นกัน
หลุดมาแล้วก็เดินเล่นช๊อปปิ้งสินค้าที่ตลาด
หันหน้าให้ตลาด ด้านหลังเป็นทะเล เดินไปทางซ้ายเพื่อไปดูอนุสาวรีย์บุเรงนอง ณ ปลายแหลมสุดเขตแดนพม่า
(แดดร้อนมากควรพกร่มมาด้วย)
เสร็จภาระกิจช๊อปปิ้งสินค้าพม่าแล้วเราก็กลับมานั่งเรือ ณ จุดที่เราลงเรือ ราคาคนละ 50 บาท เหมือนเดิม
(ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมข้ามแดนกลับฝั่งไทย)
วันนี้เราพักกันที่ จิรสินโฮเทลแอนด์อพาร์ทเม้นท์ โรงแรมดีราคาคืนละ 900 บาท พักได้ 3 คน
มีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ ห้องน้ำในตัว
พักผ่อนร่างกายได้ซักพักก็ขับรถไปที่ถนนคนเดินจังหวัดระนอง เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 17.00-21.00 น.
(ใครจะไปเดินหาข้อมูลเพิ่มเติมใน Page ถนนคนเดินระนองก่อนนะ วันและเวลาอาจจะเปลี่ยนแปลงได้)
มีการแสดงโนราให้รับชมฟรี
เรากินข้าวเย็นกันที่ร้าน โกโต ราคาคนละ 50 บาท
ก๋วยเตี๋ยวก็มีนะ
กินเสร็จขับรถกลับที่พัก หมดวันที่ 1 นอนระนอง พรุ่งนี้จะขับรถลงไปหาดใหญ่แหละ
สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก
ค่าน้ำมันรถคนละ 300 บาท
ค่าอาหารคนละ 160 บาท
ค่าที่พักคนละ 300 บาท
ค่าธรรมเนียมข้ามแดนทั้งฝั่งไทย ฝั่งพม่า คนละ 60 บาท
ค่าถ่ายเอกสารคนละ 6 บาท
ค่าข้ามเรือขาไปและขากลับ คนละ 100 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคนวันแรก 926 บาท
พงพาเพลินรายงาน
Day 2 : ระนอง- หาดใหญ่ - นอนหาดใหญ่ - ฝากรถไว้หาดใหญ่
วันนี้เราตื่นเช้าซื้ออาหารเช้าจาก 7 eleven ค่าอาหารเช้าคนละ 40 บาท
เดินทางไปอ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น และ ระนองแคนยอน ก่อนจะเดินทางลงหาดใหญ่
อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น
ระนองแคนยอน
ขับรถยาวมาและแถวปั๊มน้ำมันสุราษฎร์ธานี ก่อนจะเติมน้ำมัน และกินข้าวกลางวันกันที่ปั๊มนี้
ค่าน้ำมัน 600 บาท
ค่าอาหารคนละ 60 บาท
ขับรถต่อจนถึงชุมทางรถไฟหาดใหญ่ ไม่ลืมที่จะซื้อตั๋วล่วงหน้า ชุมทางหาดใหญ่ - ปะดัง ปาซา ราคาคนละ 50 บาท เพื่อใช้ในวันพรุ่งนี้
รถไฟจากหาดใหญ่ ไปปะดัง มีแค่วันละ 2 รอบคือ 7.30 น. และ 12.30น. จองตั๋วล่วงหน้าปลอดภัยสุด
Check-in โรงแรมหาดใหญ่ ห้องเก่ามากถึงมากที่สุด ราคาคืนละ 1,000 นอนได้ 3 คน แต่มีเตียงเดียว
เดินจากโรงแรมไปตลาดกิมหยงช๊อปปิ้งสินค้า ขนม คุ้กกี้ อินทผาลัม ฯลฯ
ขับรถไปฝากบ้านเพื่อน
สำหรับคนที่ไม่มีที่ฝากรถสามารถจอดที่โรงแรมรถไฟได้ฟรี แต่ต้องแจ้งพนักงานไว้ เนื่องจากมีตำรวจตรวจสอบรถที่จอดทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ หรือ สามารถเข้าไปจอดที่ห้าง Robinson ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ ราคาค่าจอดวันละ 100 บาท
กลับมาเดินถนนคนเดินหาดใหญ่ ไก่ทอดหาดใหญ่ คอหมูย่าง ข้าวเหนียวมากิน ราคาคนละ 85 บาท
เดินกลับที่พัก เตรียมตัวนั่งรถไฟไปปีนังพรุ่งนี้
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 2
ค่าน้ำมันรถคนละ 200 บาท
ค่าอาหารคนละ 185 บาท
ค่าที่พักคนละ 334 บาท
ค่าตั๋วรถไฟ หาดใหญ่ - ปะดัง 50 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 769 บาท
Day 3 : นั่งรถไฟ หาดใหญ่ไป - ปาดังเบซาร์ - ต่อรถไฟไปบัตเตอร์เวอร์ธ - นั่งเฟอรี่ข้ามไปปีนัง - นอนปีนัง
เช้าซื้อของ 7 eleven กินเช่นเดิม ราคาคนละ 40 บาท
เดินลงมาจากโรงแรม และ เดินไปสถานีรถไฟ ที่อยู่ติดกัน
นั่งรถไฟ ชุมทางหาดใหญ่ - ปะดังเพื่อข้ามไปฝั่งมาเล
ค่าตั๋วจ่ายไปแล้วเมื่อวาน คนละ 50 บาท
นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงด่านปะดัง ลงมาตรวจคนเข้าเมืองฝั่งมาเล
หลังจากนั้นขึ้นไปซื้อตั๋วรถไฟ KTM จาก ปาดัง ไป บัตเตอร์เวอร์ธ (อย่าลืมว่าเวลาฝั่งมาเลเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
ค่าตั๋วคนละ 11.4 RM ประมาณ 90 บาท
รถไฟดี ได้อารมณ์เหมือนรถไฟฟ้าใน กรุงเทพฯ. บ้านเรา
นั่งประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึง บัตเตอร์เวอร์ธ เดินตามป้าย Ferry เพื่อข้ามเรือไปฝั่งปีนัง
เดินไปเรื่อยๆ มีป้ายบอกตลอดทาง
จนถึงท่าเรือ ซื้อตั๋วเพื่อข้ามไปราคาคนละ 1.2 RM ประมาณ 10 บาท
เรือด้านบนบรรทุกผู้โดยสาร ด้านล่างนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขึ้นได้
มาถึงปีนังแล้ว เราต่อรถเมลล์ ราคา 1.4 RM ประมาณ 11 บาท เพื่อไปยังตึก Komtar ศูนย์กลางของปีนัง
เดินแบกกระเป๋ามาเข้าพักที่โรงแรม Eton Hotel อยู่ห้างจากตึก Komtar ประมาณ 1 กม. ราคาคืนละ 1100 บาท
ห้องดี มีห้องน้ำในตัว แต่ต้องใช้ม่านปิดหน่อยเนื่องจากเป็นกระจกใสมองจากภายนอกได้ 555
ห้องน้ำ
หลังจากเก็บของเสร็จก็เป็นช่วงบ่ายๆ แล้ว จึงเดินลงมากินข้าวใกล้ๆ กับโรงแรม เป็นอาหารพื้นเมืองคนปีนัง
แป้งจิ้มซอลเปรี้ยวหวาน - Chee Cheong Fun
หอยทอดปีนัง - Oyster Omelette
แล้วเดินต่อไปกิน ลอดช่อง Chendul
มื้อกลางวันหมดไปคนละ 14 RM ประมาณ 108 บาท
หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่น ถ่ายรูป Street Art
เรียก Grab Taxi จากจุด Street Art ไป ปีนังฮิวล์ (Lower Station)ค่า Taxi 15 RM ตกคนละ 35 บาท
ซื้อตั๋วขึ้นไปชมความงามเมืองปีนังค่าตั๋ว 30 RM = ประมาณ 231 บาท
ขึ้นรถราง
ปีนังฮิวล์
ลงมาที่จุดเดิม นั่งรถเมลล์กลับที่พักราคาคนละ 2 RM ประมาณ 15 บาท และกินข้าวเย็นแถวโรงแรมเช่นเดิมหมดไปอีกคนละ 8 RM ประมาณ 62 บาท
เดินกลับที่พัก นอนให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้ ยังเที่ยวปีนังอีกวัน
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3
ค่าอาหารคนละ 210 บาท
ค่าที่พักคนละ 367 บาท
ค่าเดินทาง 161 บาท
ค่าตั๋วขึ้น ปีนังฮิลล์ 231 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 969 บาท
Day 4 : เที่ยวปีนัง
วันนี้เราให้ทุกคนได้พักร่างกายโดยการนอนตื่นสายๆ และกินข้าวเช้าที่ 7 eleven เช่นเดิม ราคาคนละ 50 บาท
แล้วจึงเดินทางต่อไปวัดเก็กลกสี (Kek Lok Si) โดยใช้บริการ Grab Taxi เช่นเดิมค่าแท๊กซี่ 12 RM ตกคนละ 31 บาท
ขับไม่นานก็มาถึงวัด
ตัววัดเข้าชมฟรี อุโบสถด้านหลังเสียค่าใช้จ่ายคนละ 2 RM ประมาณ 15 บาท
เป็นวัดที่สวยงามและขึ้นชื่อของ ปีนัง หากไม่ต้องการเสียค่าตั๋วขึ้นปีนังฮิลล์ มาแวะที่วัดนี้ได้มองวิวเมืองปีนังโดยรอบเช่นกัน
อีกซะรูป
เราใช้เวลาอยู่ที่วัดนี้พอสมควรเดินชมจนรอบวัด แล้วจึงเรียกแท๊กซี่ ไปห้าง Queenbay Mall เพราะผู้ร่วมเดินทางไม่ไหวกับสภาพอากาศที่ร้อน
ค่าแท๊กซี่ 16 RM ประมาณคนละ 41 บาท
ไม่วายกินมานั่งกิน Bar B Q Plaza เป็นมื้อกลางวัน
ค่าเสียหายคนละ 20 RM หรือประมาณ 154 บาท
หลังจากนั้นนั่งแท๊กซี่กลับที่พัก 17 RM ตกคนละประมาณ 44 บาท กินข้าวเย็นใกล้ๆที่พักคนละ 54 บาท
วันพรุ่งนี้จะไป ปูตราจายา และ เดินทางเข้า KL กันแล้ว
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 4
ค่าอาหารคนละ 258 บาท
ค่าที่พักคนละ 367 บาท
ค่าเดินทาง 116 บาท
ค่าเข้าชมวัด 15 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 765 บาท
Day 5 : บินจากปีนังไป - กัวลาลัมเปอร์ - แวะปูตราจายา (Putrajaya)
กินข้าวเช้าจาก 7 eleven ที่ซื้อมาเมื่อวาน คนละ 50 บาท
เรียก Grab Taxi จากที่พักตั้งแต่ตี 5.45 เพื่อมาสนามบินปีนัง ค่า Taxi 22 RM ประมาณคนละ 55 บาท
บินหางแดง เครื่องออก 8.45 น. ถึง KLIA 2 เวลา 9.40 ค่าตั๋วเครื่องบินคนละ 400 บาท (ค่าเครื่องถูกมาก หากบินภายในประเทศมาเลเซียเอง)
ลงเครื่องเสร็จเดินตามป้าย KLIA Transit ซื้อตั๋วรถไฟ KLIA Transit ไปลง Putrajaya ราคาคนละ 9.4 RM ประมาณ 74 บาท
KLIA Transit จอดทั้งหมด 6 ป้ายตามภาพ เรานั่งไปลงที่สถานี Putrajaya
(KLIA 2 ส่วนใหญ่จะเป็นสายการบินภายในประเทศ KLIA (Main) เป็นสายการบินระหว่างประเทศ)
ถึง Putrajaya เดินตามป้าย BUS ลงไปซื้อตั๋วรถบัสสาย L15 ที่เคาร์เตอร์ Putrajaya Sentral
รถบัส L15 วิ่งจาก Putrajaya Sentral ไปรอบเมือง Putrajaya
ตั๋ววันราคา 10 RM ประมาณ 77 บาท นั่งกี่เที่ยวก็ได้
นั่งไปถึงมัสยิดสีชมพู Putra Mosque เดินเล่นชมมัสยิด ไม่เสียเงิน
ภายในมัสยิดสีชมพู Putra Mosque
เมืองปูตราจายาเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ สะอาดและสวยงาม
นั่งรถสาย L15 กลับมาที่ Putrajaya Sentral เพื่อนั่งรถไฟ KLIA Transit เข้าเมืองไปลงที่ KL Sentral ค่าตั๋ว 14 RM ประมาณ 108 บาท
กินข้าวที่ศูนย์อาหารอยู่ในห้างติดกับสถานี KL Sentral หมดไปคนละ 15 RM ประมาณ 115 บาท
เดินทางจาก KL Sentral ไปสถานี Pasar Seni ค่าตั๋ว 3.4 RM ประมาณ 26 บาท
เข้าพักโรงแรม Simms Garden Hotel เป็นโรงแรมที่ห่วยที่สุดตั้งแต่เดินทางมา ไม่มีอะไรให้เลยแถมอุปกรณ์ในห้องเสียหายหลายอย่างดีแค่ใกล้กับ Central Market และรถไฟฟ้า ค่าห้องคืนละ 800 บาท
ห้องน้ำ
ออกไปเดินเล่น Central Market
อาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด (Sultan Abdul Samad Building)
และ นั่งรถไฟฟ้าไปดูตึกแฝด ลงสถานี KLCC ค่ารถไฟฟ้า 2.1 RM 16 บาท
กินข้าวเย็นที่ศูนย์อาหาร ในตึก Suria ราคา 13 RM ประมาณ 100 บาท
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟกลับที่พัก คนละ 2.1 RM 16 บาท
เป็นอันจบวันที่ 5 ที่แสนยาวนานลง ขอไปพักก่อนนะวันนี้ เหนื่อย เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่าเดินทาง 788 บาท
ค่าอาหาร 265 บาท
ค่าที่พัก 267 บาท
รวม 1320 บาท
Day 6 : เที่ยวกัวลาลัมเปอร์
เช่นเดิม เดินทาง 1 วันพักผ่อนหนึ่งวัน วันนี้ให้ผู้ร่วมเดินทางได้พักตื่นสายๆ
ก่อนจะเดินทางไป KL Sentral ค่ารถไฟฟ้า 2.1 RM ประมาณ 16 บาท ไปนั่งกินข้าวเช้าควบกลางวัน ราคาคนละ 13 RM ประมาณ 100 บาท ที่เดิมห้องอาหาร ในห้างติดสถานี KL Sentral
เดินทางต่อด้วยรถไฟ Kmuter สายสีฟ้าจาก KL Sentral ไปลง Batu Caves ตั๋วรถไฟราคาคนละ 2.6 RM ประมาณ 20 บาท
เดินเล่น Batu Caves
เดินขึ้นบันได หลายร้อยขั้น
มาพบกับข้างบนที่ไม่ค่อยจะมีอะไร
เป็นแค่วัดแขกอยู่ในถ้ำ
ขากลับมาที่ KL Sentral เช่นเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือค่าตั๋ว ทำไมมันคิดคนละ 4.3 RM ก็ไม่รู้ เห้อ (ประมาณ 33 บาท)
นั่งรถ Monorail ไปลง Bukit Bintang ค่าตั๋วคนละ 2.4 RM ประมาณ 19 บาท
ไปเดินเล่นต่อที่ห้าง Pavillion ห้างดังของที่นี้ และ เดินไปกินข้าวเย็น "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ" ที่ห้าง Berjaya Time Square หมดไป 52 RM ตกคนละ 17 RM ประมาณ 130 บาท
นั่ง Grab Taxi กลับที่พัก 8 RM คนละ 3 RM ประมาณ 23 บาท
กลับมานอนพรุ่งนี้ต้องตื่นตี 4 บินไป Singapore ค่าห้อง 800 บาทเช่นเดิม
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าอาหาร 230 บาท
ค่าเดินทาง 101 บาท
ค่าที่พัก 267 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 598 บาท
Day 7 : บินจากกัวลาลัมเปอร์ไป - สิงคโปร์
เดินทางตั้งแต่ตี 4.30 ด้วย Grab Taxi จากที่พักมาถึงสนามบิน KLIA Main ค่า Taxi 70 RM ตกคนละประมาณ 180 บาท
(นั่งรถไฟ KLIA Transit หรือ KLIA Express จาก KL Sentral ก็คนละ 55 RM นั่งแท๊กซี่ถูกกว่าถ้าไม่ได้ไปคนเดียว)
กินข้าวเช้าที่ Airport 60 RM ตกคนละประมาณ 155 บาท
บินจาก KL มา Changi Airport ด้วยสายการบิน malindo air ค่าเครื่อง 700 บาทต่อคน (บินออกนอกประเทศราคาจะแพงกว่า แม้จะใกล้กันก็ตาม)
ซื้อบัตร. EZlink ราคาคนละ 12 เหรียญ ประมาณ 282 บาท (ค่าบัตร 5 เหรียญ, ใช้ได้ 7 เหรียญ บัตรใช้งานได้ 5 ปี)
นั่งรถไฟเข้าเมืองลงสถานี EXPO เดินช๊อปปิ้ง และ เดินทางต่อด้วยรถบัส เพื่อไปที่พักย่าน เกลัง (Kallang)
มาที่โรงแรม K Hotel 12 ค่าที่พัก 3,600 บาท/2 คืน ตกคืนละ 600 บาทต่อคน โรงแรมไม่ดีตั้งแต่ พนักงานต้อนรับเลย ไม่มีอะไรให้เลย มีห้องน้ำในตัวเท่านั้น
นั่งกินข้าวกลางวันใกล้โรงแรมร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง 18 เหรียญ ตกคนละประมาณ 141 บาท
นั่งรถเมลล์ต่อไป Suntec ไปดูน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth) ถ้าไปตอน 14.00 น. จะได้ลงไปสัมผัสกับน้ำพุ เดินวน 3 รอบพร้อมอธิษฐาน คำอธิษฐานจะเป็นจริง เหรอออ
เดินต่อไปห้าง Marina Bay กินขนมหมดไป 15 เหรียญ ตกคนละประมาณ 120 บาท
ไปต่อ Garden By The Bay รอดู การแสดง Tree of life ฟรี (มี 2 รอบการแสดงคือ 19.45 น. และ 20.45 น.)
เดินกลับมาที่ห้าง Marina Bay กินข้าวเย็น หมดไป 35 เหรียญ ตกคนละประมาณ 275 บาท
เดินออกไปดู Symphony of life ตอน 3 ทุ่มฟรี
เดินเล่นรอบๆ อ่าว Marina Bay
ใครจะไปสิงคโปร์ แล้วหวังว่าจะถ่ายกับ Merlion ให้ไปหลังวันที่ 6 พ.ค. นะจ๊ะ เนื่องจากปิดปรับปรุงมาตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ปีนี้
นั่งรถเมลล์กลับที่พักจบวันที่ 7
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเดินทาง 1162 บาท
ค่าอาหาร 691 บาท
ค่าที่พัก ต่อคืน ต่อคน 600 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 2,453 บาท
*ค่ารถไม่ได้คำนวนเนื่องจากใช้บัตร Ez-link แต่นั่งรถเมลล์ถูกกว่านั่งรถไฟใต้ดินแน่นอน และได้เห็นวิวเมืองสิงคโปร์ด้วย แนะนำครับ
**ค่าครองชีพสิงคโปร์ พอคิดจริงจังแล้ว แพงแบบจริงใจ จริงๆ
พรุ่งนี้ยังอยู่สิงคโปร์ และจะเที่ยวไปทั่วๆ เกาะ โดยใช้รถเมลล์เป็นหลักเช่นเดิม
Day 8 วันสุดท้ายในสิงคโปร์
นั่งรถเมลล์จากที่พักไป little India ไหว้พระวัดเจ้าแม่กวนอิม และ กินข้าวเช้าควบกลางวันร้าน Choo Chiang หมดไป 11.5 เหรียญ ตกคนละประมาณ 94 บาท ใครมาให้สั่งหมูแดงนะครับ อร่อยลืม
ข้าวหมูแดง
บะหมี่หมูแดง
กิน Icecream อีก 1.2 เหรียญ ประมาณ 28 บาท
เดินไป Haji Lane เดินถ่ายรูปเล่น
นั่งรถเมลล์ไป ดูอุโมงค์ต้นไม้ที่ Fort Canning Park
แล้วเดินต่อไป Orchard Road นั่งกินกาแฟ 14 เหรียญ คนละประมาณ 110 บาท
เดินเที่ยวเล่น Orchard ตกเย็นนั่งรถบัสไปที่ China Town นั่งกินข้าวเย็น ที่ Maxwell Food Center หมดไป 20 เหรียญ ตกคนละประมาณ 165 บาท และเดินไปวัดเจ้าแม่กวนอิม
ภายใน
ก่อนกลับ
เติมเงินลงบัตร Ezlink ไปคนละ 10 เหรียญ ประมาณ 235 บาท
นั่งรถบัสกลับที่พัก เก็บของพรุ่งนี้เดินทางกลับไป ยะโฮร์บาห์รู นั่งเครื่องกลับ ปีนัง
จบวันที่ 8
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเดินทาง 232 บาท
ค่าอาหาร 405 บาท
ค่าที่พัก 600 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,237 บาท
วันที่ 9 นั่งรถไฟฟ้าจาก สิงคโปร์ ไปต่อรถบัสข้ามไป - ยะโฮร์บาห์รู (มาเล) - ต่อรถบัสไปสนามบิน เซไน - บินกลับปีนัง - นอนปีนัง
เป็นวันที่แสนยาวนานอีกวัน เนื่องจากบินจากสิงคโปร์กลับปีนัง ราคาประมาณ 3,000 บาท เราเลยเลือกวิธีลำบาก บินจาก ยะโฮร์บาร์รู ไป ปีนังแค่ 400 บาท การเดินทางในวันนี้จึงเกิดขึ้น
เช้า นั่งรถไฟจาก Kallang ไป Kranji (ใช้บัตร Ez-link) แวะซื้อขนมปังและเครื่องดื่มที่สถานี Kranji ตกคนละ 130 บาท
กินข้าวเช้าเสร็จเดินไปต่อแถวนั่งรถบัสสาย 170X (สังเกตุจากคนต่อคิวยาวๆ) มาที่ด่านสิงคโปร์ รถใช้เวลาวิ่งประมาณ ครึ่งชั่วโมง (ใช้ บัตร Ezlink ได้นะจ๊ะ ถ้าไม่มีบัตรค่ารถ 1.5 เหรียญสิงคโปร์)
ต่อคิวด่านตรวจคนออกเมืองสิงคโปร์ แล้วเดินลงมาด้านล่าง เพื่อนั่งรถบัสสายเดิม (จริงๆ แล้วไปได้ทุกสาย) ไปที่ JB Sentral (ใช้ บัตร Ezlink เหมือนเดิม ถ้าไม่มีบัตรค่ารถ 1.5 เหรียญสิงคโปร์)
ถึง JB Central ต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เสร็จแล้วเดินตามป้าย Express Bus ลงมาด้านล่าง จะเจอกับจุดขายตั๋ว ตู้สีเหลือง ของบริษัท "Causeway Link" ซื้อตั๋วรถบัส จาก JB Sentral ไปสนามบินเซนไน ออกทุกครึ่งชั่วโมง ราคา 8 RM ต่อคน (ประมาณ 63 บาท)
มารอขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1
รถบัสขับประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงสนามบิน ในสนามบินมี KFC เราแวะกินอาหารกลางวัน ที่นี้ หมดไปคนละ 17.5 RM ประมาณ 140 บาท
นั่งเครื่องบินจาก ยะโฮร์บาห์รู กลับมาปีนัง ตั๋วราคา 400 บาท ต่อคน
ใช้บริการ Grab Taxi เหมือนเดิมคนละ 56 บาท
เข้าพักที่โรงแรม Red Inn Cabana อยู่ด้านหลังพื้นที่เดียวกับ Chocolate Museum เลย สภาพห้องไม่ได้ดีอะไร เป็นพื้นไม้ และเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ มีห้องน้ำในตัว ดีแค่อยู่ติดกับศูนย์อาหารและ Street Art ปีนัง มีข้าวเช้าให้กิน แต่เริ่มกินได้ตอน 8 โมงเช้า
คืนละ 1,050 บาทนอนได้ 3 คน ตกคนละ 350 บาท
เก็บของเสร็จแล้วเดินไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารที่อยู่ติดกับที่พัก ค่าอาหารคนละ 20 RM ประมาณ 154 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 9
ค่าอาหาร 424 บาท
ค่าเดินทาง 519 บาท
ค่าที่พัก 350 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 1,293 บาท
แถมท้ายข้อมูลสำหรับการนั่งรถตู้จาก Red Inn Cabana กลับมาหาดใหญ่ และกลับได้ถึงกรุงเทพฯ เลย ราคาตามรูป (ราคาเป็นริงกิต -RM นะ)
Day 10 : นั่งรถบัสจากปีนังไป - หาดใหญ่ -ขับรถจากหาดใหญ่ยิงยาวกลับกรุงเทพฯ
วันสุดท้ายของการเดินทาง
แวะ 7 eleven เพื่อซื้อข้าวเช้า ราคา 60 บาทต่อคน เดินจากที่พักไป ตึก Komtra
เราจองตั๋วรถบัสไว้แล้ว ที่ Web "12go.asia" ค่าตั๋วคนละ 400 บาทเพื่อกลับจากปีนังไปหาดใหญ่
เรามาขึ้นรถแถวตึก Komtra บริษัท New Asian ออกจากปีนัง ตอน 8.30 น. ถึงหาดใหญ่ ประมาณ 11.30 น.
ผ่านด่านออกเมืองมาเล และผ่านด่านเข้าประเทศไทย ระหว่างผ่านด่านมีป้ายแจ้งเรื่องเทศกาลบอลลูนที่หาดใหญ่ด้วยนะ วันที่ 10-12 พ.ค.นี้ ใครสนใจไปดูได้น้า
รถบัสมาส่งที่เราฝากรถไว้เลย เรารับรถและขับรถยิงยาว จากหาดใหญ่ถึงบ้าน(กทม.) โดยแวะปั๊มกินข้าว ในมื้อกลางวันและมื้อเย็น ค่าอาหารคนละ 150 บาท และเติมน้ำมันจากหาดใหญ่มาถึงบ้าน 900 บาท (คนละ 300 บาท)
เป็นอันจบทริป 10 วัน 3 ประเทศ 6 สถานที่ลงไปด้วยดี
สรุปค่าใช้จ่ายประจำวันที่ 10
ค่าอาหาร 210 บาท
ค่าเดินทาง 700 บาท
นอนบ้านไม่เสียตังค์น้า
สรุปค่าใช้จ่าย 910 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด 10 วัน
Day 1 = 926 บาท
Day 2 = 796 บาท
Day 3 = 969 บาท
Day 4 = 765 บาท
Day 5 = 1,320 บาท
Day 6 = 598 บาท
Day 7 = 2,453 บาท
Day 8 = 1,237 บาท
Day 9 = 1,293 บาท
Day 10 = 910 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 11,267 บาท ไม่พองบที่ตั้งไว้ 10,000 บาท แต่ประสบการณ์มากกว่าจำนวนเงินที่เสียไป "เยอะ" พูดเลย
ติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวแบบโหด มัน ฮาแบบนี้ได้เรื่อยๆ ที่เพจ "พงพาเพลิน"ตาม Link ไปเลยนะจ๊ะ
https://www.facebook.com/Pongpaplearn/
Pongpaplearn
วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 17.02 น.