อะๆๆ...ไม่ต้อง..สงสัย...หน้าร้อนแบบนี้ ทำไหม นำเสนอ สถานที่เที่ยวช่วงฤดูหนาว...คือ...ประมาณว่า ศึกษา หาข้อมูลไว้ เนื่องจาก ลมเย็นๆ ดอกไม้สวยๆ ขึ้นช่วงเวลาสั้นๆๆ...พอถึงบุบ ก็แบกกระเป๋าไปได้เลย

ภูหินร่องกล้า VS ภูลมโล สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะเลือกไป...รับว่าที่นี้....ขึ้นชื่อมาก..โดยเฉพาะ ภูลมโล แหล่งท่องเที่ยวใหม่ยอดนิยม สำหรับการชื่นชม ดอกซากุระเมืองไทย (ชื่อดอก คือ ดอกพญาเสือโคร่ง) บาน....เพียงช่วงสั้นๆๆ แล้วมันก็โรยไปสะแล้ว....ดังนั้น มาดูข้อมูลกัน ก่อนไปดีกว่านะ

ทริปนี้...เราวางแผนที่จะไปเที่ยวกัน 2 วัน 1 คืน เราเลือกพัก....กันที่ภูหินร่องกล้า พักในอุทยานภูหินร่องกล้า เที่ยวในอุทยานและอีกวัน เราจะไปต่อ ที่.....ยอดภูลมโล ซากุระเมืองไทย

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า...ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพิษณุโลกก็ว่าได้ และในอุทยานนั้น มีที่พัก ร้านอาหาร เต้นให้เช่า และรถคอย...ให้บริการสำหรับใครที่จะไปชมซากุระเมืองไทย

สำหรับสิ่งที่อำนวยความสะดวก เช่น บ้านพัก แนะว่าใครจะไปก็รีบจองหน่อยนะ เพราะเต็มเร็วมาก มีทั้งหลังเล็ก กลาง ใหญ่ นอนได้ทั้งครอบครัว ส่วนใครนอนเต้น จะนำไปเอง หรือ ไปเช่า ก็ไม่ต้องรีบจอง เพราะไปถึง ก็แค่เลือกที่ว่างแล้วก็กางกันได้เลย ส่วนเรื่องของไฟฟ้า เพียงพอต่อความต้องการแน่นอน และเขาก็มีจุดให้ ชาร์ท กล้อง มือถือ สำหรับกลุ่มนอนเต้นด้วย (ฟรีจ๊ะ)

ส่วนเรื่องของ อาหาร มีเพียงพอ แต่ราคาก็ถือว่าระดับหนึ่ง คือ แพงนั้นเอง ราคาเทียบเท่าราคาภูกระดึง แต่ก็อะนะ คิดว่าต้นทุนเขาสูง เนื่องจากต้องซื้อวัตถุดิบขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้แพงเกินไป แต่เขาก็อนุญาตให้ประกอบอาหารอยู่นะ เตรียมไปเองก็ได้

ปล. สำหรับนอนเต้น เขามีบริการหมอน ผ้ารองนอน ถุงนอน เช่าได้ (เสียอยู่อย่างเดียว เรื่องของห้องน้ำ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความสะอาดนั้น ก็ไม่เท่าไร แต่หากใครไม่ถือสา ก็เอาวะ 1 คืน เดียวเราก็กลับละ)

เอาละ.....ไปกันดีกว่า เรานัดเพื่อที่หมอชิต เพื่อจะขึ้นรถไปจ.พิษณุโลก เราเลือกของ บริษัท 999 ป2 ในราคา 270 บาท เวลาออก 22.00 น. ถึง บขส.พิษณุโลก (ใหม่) 04.00 น. (สำหรับรถไปพิษณุโลก คุณสามารถเลือกสายไหนก็ได้ที่คุณชอบ หรือเคยนั่งแล้วมันดี ก็เลือกเลยไม่ว่ากัน) พอถึง พิษณุโลก เราก็ไปซื้อตั๋วรถ เพื่อที่จะไป อ.นครไทย เดินหาหน่อยนะ ตรงขายตั๋ว...เส้นทางเดินรถ.....ระหว่างอำเภอพิษณุโลก-นครไทย เปิดขายเที่ยวแรก ตอนตี 5 เป็นบัสปรับอากาศ ราคา 66 บาท/คน เพื่อที่จะไปลง อ.นครไทย ลงบุบ ก็ต้องหารถต่อไป อุทยานภูหินร่องกล้า

ปล.รถที่ไปนครไทย อยากจะบอกว่าประสบการณ์ดี และแปลกมาก คือ รถเป็นรถบัสคันใหญ่ นึกว่าจะมีความสะดวกสะบายเมื่อขึ้นไป แต่ปะ..บ้าไปแล้ว ขึ้นไป อย่างกะรถปลากระป๋อง เพราะคนเยอะมาก นั่งอัดกันสิคะ แต่ก็เอาอะนะ เราต้องไปต่อ

เผื่อนึกภาพไม่ออก รถที่นั่งจะมีสองแถว แถวละ 2 ที่นั่ง แต่นี้ไม่ แถวแรก 2 ที่นั่ง แถวที่ 2 4 ที่นั่ง เบาะแคบมาก นั่งทีไหลชนไหล จ้า โทษทีไม่มีภาพ แต่คงนึกออกกันนะ

และเมื่อคุณไปถึง อ.นครไทย มันก็สว่างแล้ว จากที่มืดๆๆ จากนั้น....เราจะหารถเพื่อต่อไปอุทยานภูหินร่องกล้า แนะว่า...ที่นี้ไม่มีรถต่อไปนะ ดังนั้น คุณติดต่อ คนขายตั๋วแถวนั้นเลยว่า จะไปหารถไปภูหินร่องกล้าได้อย่างไร ซึ่งเขาจะแนะนำหารถเหมาไปส่งให้ สรุป.....งานนี้ เราเหมารถกันไป เพื่อไปพักที่ภูหินร่องกล้า (ไปหลายคนคุ้มมาก) พอถึงที่พัก เราก็เที่ยวเลยสิจ๊ะ

เที่ยวในอุทยานนั้นแหละ

ลานหินปุ่ม ภาพบน

ผาชูธง ภาพล่าง


สำหรับ...รถเหมาที่...พี่ๆๆเขาแนะนำ เราได้คุณลุงยุทธ เป็นพลขับ...พาเราไปส่งที่ภูหินร่องกล้า ส่วนราคาประสานกันนะจ๊ะ ขึ้นอยู่กะราคาน้ำมันด้วย แต่เราไปช่วงนั้น เราได้ประสาน และติดต่อ ลุง....นอกจากลุงจะไปส่งแล้ว เราเหมาลุงต่อ...เพื่อพาเที่ยวตลอดทริปที่เราไปกัน สรุปราคาอยู่ที่ 2,500 บาท ซึ่งไปส่ง พาเที่ยว และพากลับมาส่งที่ท่ารถ อ.นครไทย

ปล.ตอนคุณไปอยากได้ลุงแก ก็ได้ หรือบางที พี่ๆๆ...เขาอาจจะแนะนำคนอื่นให้ แล้วแต่จะเจอนะ สำหรับ เบอร์โทรลุงยุทธ 081-3796345 ส่วนเรื่องการบริการ แกก็โอเค แนะนำได้ พาไปได้ บริการดี พูดจาดี

พอไปถึง......เราก็จัดแจง ที่พัก ไปครั้งนี้เราเลือกนอน เต้น เราก็เช่าเต้นที่อุทยาน นั้นแหละ เขากางให้เราเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น เราก็เลือกทำเลตามใจชอบ นอกจากนี้ เราก็เช่า หมอน แผ่นลองนอน ด้วย ส่วนถุงนอน เราเตรียมกันไปเอง ราคาถูกนะ....ค่าเช่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว....หากเป็นของอุทยานถูกหมด อ่อ....ลืม มีค่าเข้าอุทยานด้วยนะ อย่าลืม ที่นี้มีค่าเข้าด้วย ไม่แพงจ๊ะ รับรองคุ้ม พอจัดแจงเสร็จ ก็เที่ยวสะจ๊ะ รออะไรกัน เวลาเรา....ยิ่งน้อยๆอยู่

จากนั้น...เราก็ถาม ลุงว่า.....วันนี้จะไปไหนดี แกก็กางแผนที่....การเที่ยวให้เลย จุดแรกที่เราจะไปคือ ลานหินปุ่ม (ประเด็น แกจะทิ้งเราตรงนี้ และให้เราเดินสำรวจธรรมชาติ ประเด็น คือ...ต้องเดินเที่ยว....จ้า) จากจุดนี้ ก็เดิน ตามแผนที่ เริ่มด้วย ที่ลานหินปุ่ม ต่อด้วย ผาชูธง ที่หลบภัยทางอากาศ สำนักอำนาจรัฐ จบด้วย สุสานนักรบ เดินเป็นวงกลมพอดี

พอ

พอเรา...เดินวน 1 รอบแล้ว....เราก็ออกทางเดิม เพื่อไปหาลุง....เพื่อไปจุดต่อไป และแกก็แนะว่า เราจะไปโรงแรียนการเมืองทหาร (มีใบเมเบิลแดง เขียนถูกไหม ยิ่งตกภาษาไทย โชคดีจะเห็นใบสีแดง..ในบริเวณโดยรอบ โชค....มีน้อยหน่อย ก็เห็นใบสีเขียวว่ากันไป ) กังหันน้ำ อ่อ จุดที่ ลุงจอดให้เราเดินเที่ยว มีของกิน ของฝาก ห้องน้ำให้เข้า เดินเสร็จ หิวก็แวะก่อนไปต่อนะ


ปล.ก่อนจะไปจุดดังกล่าว ลุงแกก็พาไป โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริฯ คือ อยากจะบอกว่า ที่นี้ งานดี สวยงาม และยังเป็นจุดต้องห้ามพลาด วิวสวย และมีทุ่งดอกกระดาษ ย้ำทุ่งดอกกระดาษ สวยมาก พึ่งเคยเห็นครั้งแรก ว่านี้คือ ดอกกระดาษ อ่อ เขามีขาย ด้วยนะ ทำเป็นช่อ และมีเมล็ดพันธ์ุ ด้วยถ้าใครจะเอาไปปลูก

พอชื่มชน....พองาม ก็ไปต่อ ณ จุดที่เราจะไป โรงเรียนการเมืองทหาร กังหันลม

ปล.นอกจาก วิวหน้าผาสวยๆๆ สำหรับถ่ายรูป ดอกกระดาษแล้ว ที่นี้....ยังมี สวนสตอเบอรี่ ไร่กาแฟ ให้เราได้ดู หากไปช่วงผลสตอเบอรี่ ออก เราก็จะได้กิน แต่ช่วงที่เราไป ไม่มี เสียดายนิดๆๆ

จากการชื่นชม...จุดเที่ยว ตามจุดต่างๆ เราก็ไปปิดท้ายที่ ลานหินแตก เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดิน วันนี้....ก็จบไปละหนึ่งวัน ลุงแก ก็มาส่งเราที่จุดนี้ และให้แกกลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ยังมีต่อ...จุดนี้ ไม่ห่างจากที่พักเท่าไร เดินได้ เราก็เลยให้แกกลับ

บอกก่อนเลยว่า จุดนี้ เรามาเร็วมาก เราไปรอนานนนนนนนนนนนนนนนน......กว่าจะได้ดูพระอาทิตย์ นั่งรอ นอนรอ กันเลยทีเดียว สุดท้าย..ก็ได้ภาพสวยๆๆ กลับมา จุดนี้ คนมาดูเยอะมาก โชคดี ที่เราไปก่อน เลยมาร์ค จุดนั่งรอ กันแบบ ยาวๆๆ ไปรอช่วงแรกๆๆ ก็มีคนเดินมาบ้าง กลับบ้าง ซึ่งมีเรา 2 คนกะเพื่อน วังเวงนิดๆๆ แต่รอไปเถอะ ช่วงพระอาทิตย์ตกคนเยอะมาก


จบ....ภาพสวยๆๆของวันนี้

เข้าเช้าวันที่ 2 มุ่งหน้า ภูลมโล ซากุระเมืองไทย

วันนี้....เราตื่นตี 3 มาอาบน้ำ โอ้ว....ไม่อยากบอกเลยว่า การที่ไม่มีน้ำอุ่น และอาบน้ำเย็นมันเป็นเช่นนี้...แล นึกภาพ..เอาว่าเรานำน้ำในตู้เย็นมาอาบ พออาบเสร็จเรานัดลุง ตี 4 เพราะแก แนะว่า ออกเวลานี้ ดีสุด รถไม่ติด และไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ยอดภูลมโล เราก็ว่า...ตามนั้นลุง พอทำภาระกิจเสร็จไป เราก็เดินทางกันเลย ปล.ติดของกินไปด้วยนะ ไม่มีขาย

ระหว่างทาง...ยังมืดอยู่จ้า วิว ทิว ทัศ ไม่ต้องพูดถึง....ไม่เห็นอะไรเลย อ่อ...แม้เราจะอาบน้ำเย็น แต่ระหว่างทางที่เราไปนั้น ไม่ค่อยหนาว...เท่าไร ดังนั้น เสื้อผ้าที่เราใส่ จึงไม่หนามาก (คิดผิดมาก) ระหว่างทางไปอากาศก็ยังพอรับได้ แต่พอเมื่อไปถึงยอดภูลมโล เท่านั้นแหละ หนาววววววววววววววววว....มากกกกกกกกกกก

ชีวิต...นี้ คิดผิดมาก ยอดภู...หนาวมาก หนาวจนเรารอพระอาทิตย์ขึ้นไม่ไหว ขอเข้าไปนอนรอในรถแล้วกันนะ

ตอนที่เราขึ้นไปที่ยอดภูลมโล สมกับที่เป็นภูลมโล เพราะมีลมพัดแรงมาก ตลอดเวลา แต่ช่วงที่เราขึ้นไปนั้น เป็นวันที่หมอกลงหนามาก จนแล้วจนรอด สุดท้ายเราก็ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปจน 8 โมงเช้า พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น สุดท้าย เราทนความหนาวไม่ไหว เลยตัดสินใจไปดูซากุระกันเถอะ

และเราก็ตัดสินใจ..ไปดูซากุระเมืองไทย ซึ่งเราก็เดินจากยอดภู...นั้นแหละ เดินลงมาไม่ไกล เพราะละแวกนั้น เขาปลูกเป็นไร่ เป็นสวนกันเลยทีเดียว ซึ่งดอกก็จะไล่บานตามจุดๆๆ

เราบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า...เราขึ้นมาเป็นช่วงหมอกลง ดังนั้น ซากุระเรา จึงเห็นในระยะ 100 เมตร ระยะไกล เราจะเห็นแต่หมอก เสียดายมาก แต่ก็เอาเหอะ เรามาแล้วก็ต้องชื่นชมให้เต็มที่ โดยเฉพาะการถ่ายรูป

ปล.อยากจะบอกว่า ดีมากที่เรามาแต่เช้า เพราะคนขึ้นมาเยอะมาก ที่จอดรถแถบจะไม่มี ทางก็ลำบากอีกด้วย และคนก็ทยอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเส้นทางไม่ดีเท่าไร รถเก่งแนะว่าอย่าเอาขึ้นไปดีกว่า ลำบาก ซึ่งระหว่างเราเดินทางกลับ คนก็ยังขึ้น และที่จะพลาดอีก คือ หากฝนตก เขาจะไม่ให้ขึ้นเลย เพราะถนนจะลื่นมาก อันตราย

บริเวณยอดภูลมโล มีห้องน้ำอยู่นะจ๊ะ เข้าได้ แต่บอกว่าน้ำเย็นนนนนนนนนน...มาก และเขามีการก่อไฟให้ด้วย โชคดีจัง...เราได้ความอบอุ่นแล้ว คือ ไปตอนนั้น เราก็อาศัย สิ่งนี้แหละ เพราะเสื้อหนาวเราเตรียมมาดีเกินไป...(ประชดตัวเอง) อะๆๆๆ ไม่ใช่เรานะ ยังมีหลายคนที่พลาด เสื้อยืด ตัวเดียว ไม่ต้องบอก...หนาวสิจ๊ะ

ปล.มันเป็นช่วงเวลาจริงๆๆ ยอดภูลมโล บางวันอากาศดีมาก จะเห็นวิว ทิว ทัศ อย่างสวย เพราะวันที่เราขึ้นไป โชคไม่ดี แต่ก่อนที่เราขึ้นหนึ่งวัน อากาศดี มีแสงแดด คนที่ไปก่อนเรา ก็เอารูปสวยๆๆมาให้เราดู สวยมาก (อันนี้ นั่งเม้า ระหว่างชาร์ทแบต กล้องและมือถือ ทุกคนจะรวมตัวกัน และนั่งเล่าว่าเห็นอะไรบ้าง เราก็คาดหวังนะว่าจะเจอบ้าง สุดท้ายเจอหมอก) จบข่าว.....ดังนั้น จึงเห็นว่าบางคน ไม่ได้ใส่เสื้อหนาว เพราะคนก่อนหน้า บอกว่าไม่หนาว เตรียมตัวกันหน่อยนะใครที่ขึ้นไป

สรุปสุดท้าย...แม้มีหมอกเราก็ยังได้ภาพ พอได้รูป..พอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเพลาที่เราจะกลับแล้ว ก็กลับทางเดิม โดยลุง พากลับ บอกว่ารถติดมากกว่าจะถึง ก่อนไปขึ้นรถที่อ.นครไทย เราก็แวะเติมพลังกันก่อน ออกจาก อ.นครไทย ก็ไป บขส.พิษณุโลก เพื่อหารถกลับ กทม.


รอบนี้ได้ จาก อ.นครไทย ไป บขส.พิษณุโลก เรานั่งรถบัสพัดลม ราคาตั๋ว 44 บาท/คน (ขามาเรานั่งรถแอ ความจุยังคงเหมือนเดิม) เราถึง บขส.พิษณุโลก ตอนบ่ายกว่า และได้ตั๋วกลับ กทม ของบริษัทวินท์ทัวร์ ตอนบ่าย 14.20 น. เป็นรถปรับอากาศ ป1. มันดีมาก มีไวไฟฟรีตลอดการเดินทาง ระหว่างนี้ก็อัพรูปสิจ๊ะ

ไม่ พอ....รถคันนี้ มีปลั๊กสำหรับชาร์ทโทรศัพท์ให้ทุกที่นั่ง ด้วยนะ อ่อ....รถบริษัทนี้ ไม่ได้วิ่งทุกวันนะ เช็คให้ดี แต่...ก็มีรถคันอื่นไว้คอย บริการอยู่ คุณกลับ กทม. ได้แน่นอน

ปล.เส้นทางที่เราไปนั้น บางท่านอาจจะไป...อีกเส้นทางก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่เนื่องจากว่าเรา ศึกษามาก่อนแล้ว เลยเลือกเส้นทางนี้ ซึ่งคิดว่าสะดวกแล้ว

อีกอย่าง ซากุระเมืองไทย บานช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี โดยบานเต็มที่แล้ว ภายใน 1-2 อาทิตย์จะร่วงทันที วางแผนให้ดีกันนะ

เอามาฝาก....การเดินทาง มี 2 เส้นทาง

เส้นทางที่ 1: สามารถใช้เส้นทางจากจังหวัดพิษณุโลก ผ่านที่ทำการอุทยานภูหินร่องกล้า ไปยังหมู่บ้านร่องกล้า ระยะทางประมาณ 150 กม. หรือจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านไปทางภูทับเบิก อ.หล่มเก่า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า รวมระยะทางประมาณ 120 กม. และจากภูหินร่องกล้า-ยอดภูลมโล ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตรเส้นทางค่อนข้างสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเก๋งหรือกระบะขึ้นไปได้ หรือหากใช้บริการของอุทยานฯ มีบริการรถนำเที่ยวชมภูลมโลทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-16.00 น. ค่าบริการคันละ 800 บาท นั่งได้ 10 คน แต่หากต้องการเข้าไปชมถึงภูขี้เถ้า ราคาคันละ 1,200 บาท

เส้นทางที่ 2: หรือจากจังหวัดเลย ไปทางอำเภอด่านซ้าย เข้าสู่หมู่บ้านกกสะทอน 110 กม.และจากที่ทำการตำบลกกสะทอน ผ่านบ้านตูบค้อ-ยอดภูลมโล ระยะทางประมาณ 27 กม. โดยจะคิดค่าบริการเหมารถคันละ 1,500 บาท สำหรับ 1-5 ท่าน และคันละ 2,000 บาท สำหรับ 6-10 ท่าน (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง) เนื่องจากเส้นทางค่อนทางลำบาก หากไม่ชินทางอาจเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายได้ เพราะฉะนั้นหากนำรถไปเองควรระมัดระวังอย่างมาก

ความคิดเห็น