เดินเที่ยวหาที่ถ่ายรูปกันจนขาลากจากรีวิวที่แล้ว https://th.readme.me/p/31986 ก็มาหาอะไรทานกันเสียหน่อย สิงคโปร์มีที่กินนับไม่ถ้วน ทั้งร้านอาหารหรูยันร้านตามศูนย์อาหารซึ่งก็อร่อยไม่แพ้กัน เที่ยวนี้ไปทานอะไรมาบ้าง ตามมาครับ
สถานที่: Lau Pa Sat Food Court
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Telok Ayer(DT18) หรือ Downtown(DT17) ก็ได้ Lau Pa Sat อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 สถานี
ที่แรกที่จะไปไม่ใช่ร้านๆเดียว แต่เป็นถนนที่ปิดตอนเย็นเพื่อตั้งเป็นถนนคนกิน เป็นศูนย์รวมคนชอบสะเต๊ะ อยู่ด้านหลังศูนย์อาหาร Lau Pa Sat Food Court นี่เอง ที่นี่ตอนกลางวันจะขายอาหารตามปกติ แต่หลังห้าโมงเย็นไปแล้ว ถนนด้านหลังจะปิดและกลายเป็นตลาดกลางสะเต๊ะ
ยิ่งถ้าเป็นเย็นวันศุกร์แห่งชาติแบบนี้คนมหาศาลมาก แนะนำให้มาตั้งแต่ห้าโมงเย็นเลยครับ ไม่เกินชั่วโมงคนจะเต็มและไม่เกินสองชั่วโมงคนจะแน่นมาก มาดึกอาจจะไม่มีที่นั่ง
ร้านค้ามีเป็นสิบร้านแต่ขายของเหมือนกันคือสะเต๊ะ ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยแกะ เนื้อวัวและกุ้ง ซึ่งจะมีจำนวนให้เลือกว่าเอากี่ไม้และจ่ายเงินตามนั้น เราสั่งไป 1 ชุด 25 ไม้ราคา 25 เหรียญ ตกไม้ละ 1 เหรียญหรือประมาณ 25 บาท...แพงนะเนี้ยะ
ตัวสะเต๊ะหวานมัน ผิวนอกกรอบเพราะย่างบนเตาถ่านไฟแรง เนื้อและแกะไม่เหนียวทานง่าย กุ้งเนื้อค่อนข้างแน่น น้ำจิ้มหวานและมันด้วยถั่ว ส่วนอาจาดจืดสนิทเหมือนเอาแตงกว่าแช่น้ำมาเสริฟ แนะนำให้สั่งให้พอไว้ตั้งแต่รอบแรก อย่าสั่งเพิ่มเพราะจะช้างมาก คนเยอะย่างไม่ทัน
สถานที่: People’s Park Hainanese Chicken Rice (Michelin Guide The Plate)
ที่ตั้ง: People’s Park food court
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Chinatown(DT19/NE4) ทางออก C
ร้านนี้ได้ Michelin Guide The Plate และได้มาหลายปีแล้ว เป็นร้านที่เกือบจะถอดใจไม่ไปแล้วเพราะหมุดที่ปักไว้ใน Google Map มันผิดที่ ปักห่างจากที่จริงไปประมาณกิโลนึง ดังนั้นถ้าจะไปร้านนี้อย่าเปิดหาใน Google Map นะครับหาไม่เจอแน่ๆ ง่ายที่สุดคือสถานีรถไฟฟ้า MRT Chinatown ทางออก C มันจะขึ้นมาที่หน้าศูนย์อาหารเลย
ขึ้นมาปุ๊บก็เจอแบบนี้เลย ร้านจะอยู่ด้านในศูนย์อาหาร เดินไปด้านขวามือหลังๆหน่อยก็จะเจอร้าน
ร้านแบบง่ายๆ มีช่องสั่งอาหารขนาดไม่ใหญ่มีเป็ดไก่หมูกรอบหมูแดงห้องโชว์ไว้เต็มตู้กระจก เป็ดไก่ตัวอ้วนๆน่ากินมาก แล้วก็มีรางวัลต่างๆแสดงเอาไว้ว่าร้านนี้ไม่ธรรมดา
เราสั่งชุดบาบีคิวรวมมา 1 ชุด ชอบเป็ดที่สุด เนื้อนุ่ม หนังกรุบนิดๆมีชั้นมันใต้หนังซึ่งเราชอบมาก หมูกรอบออกจะจืดไปหน่อยแต่หมูนุ่มดี อร่อยและอิ่มเลยสำหรับชุดนี้
สถานที่: Liao Fan Hawker Chan (Michelin Guide Bib Gourmand)
ที่ตั้ง: ถนน Smith st.
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Chinatown(DT19/NE4) ทางออก A
อีกร้านย่าน Chinatown ที่ได้รางวัล Michelin Guide Bib Gourmand เป็นร้านระดับตำนานของที่นี่ ร้านประวัติยาวนาน เราคิดว่าร้านนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับร้าน Liao Fan Hong Kong Soya sauce chicken rice ที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งร้านนั้นได้ Michelin Guide 1 ดาว
ร้านติดแอร์นั่งสบายแต่คนเยอะ ดูจากหน้าร้านเหมือนไม่เยอะแต่เข้ามาแล้วแทบจะไม่มีที่นั่ง อาหารที่นี่ราคาไม่แพงครับ ข้าวไก่อบของที่นี่ราคา 5 เหรียญหรือประมาณ 125 บาทซึ่งถือว่าไม่แพงสำหรับสิงคโปร์ ตอนต่อแถวเห็นผู้ชายตัวเล็กๆใส่เสื้อสีขาวสั่งการอยู่ด้านในเคาท์เตอร์ นั่นเจ้าของร้านครับ
สั่งมา 2 อย่าง ข้าวไก่อบยอดนิยม กับผัดผักอารมณ์ผัดผักน้ำมันหอย ไก่เนื้อนุ่มและมีความเค็มของซอส ซึ่งซอสจะราดไปบนข้าวด้วย แถมด้วยความมันของถั่วทำให้ไม่เลี่ยน ผัดผักรสชาติเค็มๆ แต่ไม่เค็มจัดกินกับข้าวก็พอดี ถ้าเบื่อข้าวมันไก่แล้ว เมนูนี้แก้เบื่อได้ไม่เลวเลย
สถานที่: Singapore Famous Rojak (Michelin Guide The Plate)
ที่ตั้ง: 270 Albert Center ถนน Queen st.
การเดินทาง: สถานีรถไฟ MRT Bugis(DT14/EW12) ทางออก C ข้ามถนน
ร้านนี้ได้รางวัล Michelin Guide The Plate ชื่อร้านแปลว่าโรจักยอดนิยมของสิงคโปร์ เออ...มั่นใจในการตั้งชื่อร้านดี โรจักเป็นเหมือนของทานเล่นที่มีผักผลไม้หั่นเป็นชิ้นแล้วราดน้ำจิ้มลงไป ร้านนี้เขียนไว้บนป้ายร้านเป็นภาษาไทยว่า "ส้มตำสิงคโปร์" ก็คล้ายอยู่นะ
ปกติเราจะเจอคนขายที่สิงคโปร์ออกแนวนิ่งๆไม่ค่อยยิ้ม แต่ลุงเจ้าของร้านคนนี้ยกเว้นให้คนหนึ่ง คุยเก่งไปใหน ชวนคุยถามนู่นถามนี่ตลอด บอกว่ามาเมืองไทยหลายรอบแล้ว วัตถุดิบต่างๆที่สุมอยู่ในจานใต้น้ำจิ้มเวลากินเข้าไปก็แยกแทบไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ซอสจะออกหวานนำ เค็มตาม มีกลิ่นเหมือนกะปินิดหน่อย แล้วก็เผ็ดนิดๆ ซึ่งจะต่างจากร้านอื่นที่เคยกินที่ออกไปทางหวานเลย
สถานที่: Eng Seng Restaurant
ที่ตั้ง: ถนน Joo Chiat Pl
การเดินทาง: รถประจำทางสาย 33 จาก Chinatown นั่งยาวๆ ลงป้าย Flora East (82181) ป้ายรถอยู่หน้าร้านเลย
ร้านนี้ตามไปชิมจากคลิปของ Mark Wiens ซึ่งเป็นนักกินที่เราชื่นชม เราตามไปชิมร้านที่ Mark เคยไปหลายร้าน แล้วก็ไม่เคยผิดหวังเลย ร้านนี้ก็เช่นกันถึงแม้ว่าร้านนี้จะไม่อยู่ใน Michelin Guide ก็เถอะ
ร้านนี้เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์อาหารเล็กๆ ร้านจะเปิดช่วงเย็นเป็นต้นไปซึ่งร้านอื่นปิดหมดแล้วดูจากข้อมูลเป็นร้านที่เป็นที่รู้จักของคนสิงคโปร์พอสมควรเลย เราไปเป็นเจ้าแรก(หรือเปล่าไม่รู้) ไม่มีใครนั่งกินอยู่เลย แน่ล่ะไปตั้งแต่ 4 โมงเย็น ใครจะมากินอาหารเย็นตอนนี้ เราเลือกปูตัวใหญ่ที่สุดในตะกร้าที่เห็นน้ำหนัก 1 กิโลกรัมเศษ
สั่ง Mee Go Reng (หมี่โกเรง) มาอีกจานเป็นหมี่ผัดซอสรสชาติเหมือนซอสมะเขือเทศแล้วเติมความเผ็ดเข้าไป ดูน่าจะมัน...ซึ่งจริงๆก็มันนั่นแหละ แต่ไม่เลี่ยนเลย
สักพักปูก็มา ตัวใหญ่เต็มจาน ตัวปูเคลือบมาด้วยซอสพริกไทยดำ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้แต่ก็มีปูผัดพริกด้วย สั่งได้ตามสะดวก ซอสพริกไทยดำรสชาติหวานนำ ได้ความหอมและเผ็ดของพริกไทย ปูสดมาก(ปูเป็นนี่นะ)เนื้อแน่น หวาน กว่าจะจัดการปูตัวนี้หมด มือเราก็เต็มไปด้วยกลิ่นพริกไทยดำ ล้างมือ 2 รอบกลิ่นยังอยู่เลย
เป็นอีกครั้งที่ได้ร้านใหม่ๆมาอยู่ในรายการโปรดเวลาไปเที่ยวสิงคโปร์ ถ้าได้ไปอีกก็คงหาร้านใหม่ๆอีกสิงคโปร์มีร้านอาหารอีกเยอะมากที่เรายังไม่เคยลอง...ไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่ครับ
Pratuneung
วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 09.37 น.