เขาปู่ถ้ำ เป็นเขาหัวโล้นลูกเล็ก ๆ ตั้งอยู่ท้ายบ้านหมู่ที่ 11. ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี หากเดินทางมาจากตัวอำเภอเดิมบาง ฯ มาระยะทางประมาณ 12 กม. ถึงสี่แยก บ้านปากดง ตรงไปทาง อ.ด่านช้าง ด้านขวามือ จากสี่แยก ประมาณ 500 เมตร เป็นทางเข้าสู่สำนักสงฆ์ แล้ววิ่งต่อไปอีก เพื่อไปยังเขาปู่ถ้ำอีก 2 กม.
สำนักสงฆ์เขาปู่ถ้ำ ได้รับตั้งเป็นที่พักสงฆ์ชั่วคราว ครั้งที่ หลวงพ่อ สุชิน ชิตฺจิตโต พระธุดงค์ที่ได้เดินทางรอนแรมมาปักกลด ปฎิบัติธรรมเพื่อปลีกวิเวกหาความสงบ บนเขาปู่ถ้ำนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ได้มีชาวบ้านมาพบเจอท่าน จึงได้นิมนต์ให้ท่านอยู่ที่นี่เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านตลอดไป ซึ่งท่านได้รับปาก อยู่เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านแต่นั้นมา
ทางผู้เขียน ณ วงเดือน บันทึกท่องเที่ยวในความทรงจำ ได้มีโอกาศมาสถานที่ปฎิบัติธรรมแห่งนี้ เมื่อวันเสาร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2563 จึงขอบันทึกเรื่องราวไว้เป็นความทรงจำและเรื่องราวความเป็นมา ได้รับรู้อย่างคร่าว ๆ ยังที่แห่งนี้
สำนักสงฆ์เขาปู่ถ้ำ ในวันนี้ มีพระภิกษุอยู่ปฎิบัติธรรม 5 รูป และแม่ชีขาว อีก6 ท่าน และชีปะขาว 2 ท่าน ซึ่งเป็นการบันทึกเมื่อครั้งที่ทางผู้เขียนได้เดินทางมาร่วมปฎิบัติธรรมในวันเวลาดังกล่าว
เมื่อสมัยก่อนการจะเข้ามายัง สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ยาก พอสมควรจากถนนที่เป็นทางลูกรัง รถราเข้าไปลำบาก แต่ตอนนี้ ปี 2563 มีถนนอย่างดีลาดซีเมนต์เข้าไปเกือบถึงทางขึ้นเขา สดวกสบายพอสมควรแก่ผู้ที่จะมาทำบุญและอยู่ปฎิบัติธรรมเพื่อความสงบทางใจ
จากสำนักสงฆ์เล็ก ๆ ในสมัยนั้น มีเพียงศาลาปฎิบัติธรรมเล็ก ๆ หลวงพ่อได้สร้างพัฒนา เสนาสนะ เพิ่มเติมมาเรื่อยจากจตุปัจจัย ที่ชาวบ้านมาทำบุญถวาย ท่านเก็บเล็กผสมน้อย ทุกบาททุกสตางค์เงินของชาวบ้าน ท่านนำมาสร้างพัฒนา ให้กับสำนักสงฆ์แห่งนี้ โดยไม่ได้ยึดติดกับลาภยศ เงินทอง
ปัจจุบันเสนาสนะ ที่พักห้องน้ำ ห้องสุขาและศาลาหลายหลัง ท่านสร้างมาจากเงินชาวบ้านที่นำมาถวายทั้งหมด โดยไม่ยึดติด มีเท่าไร ก็สร้างเท่านั้น พระพุทธรูปภายในวัด เสนาสนะทุกหลัง
ทั้งพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานในศาลาที่ใช้เป็นหอฉัน และทำกิจสงฆ์ ทำวัตรสวดมนต์ ท่านทำสร้างเองมากับมือ โดยไม่ได้จ้างช่างแรงงานจากที่ใหน ท่านบอกสร้างไปเรื่อย ตามแรงกำลังกาย และกำลังทรัพย์ที่ชาวบ้านมีมาถวาย ทำไปเรื่อย ๆ ถือเป็นการฝึกสติ ทำสมาธิกับงานที่ทำอยู่ ท่านว่ามาแบบนั้น
หลังจากได้สนทนาธรรมกับ หลวงพ่อ สุชิน ชิตฺจิตโต ถึงความเป็นมาของสำนักสงฆ์ปู่เขาถ้ำแห่งนี้แล้ว ในช่วงเย็นของวันเสาร์นั้น ทางผู้เขียนพร้อมท่าน มหากมล มงคลเกตุ เพื่อนสหธรรม ได้ขอถึงซึ่งศีล 8 บวชปฎิบัติธรรมไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิกัมมัฎฐานกับท่านหนึ่งคืน ยังสำนักสงฆ์แห่งนี้ เพื่อเสริมสร้างบารมี
ที่นี่หลวงพ่อแก ต้อนรับผู้คนที่มาเยือนและถือวัตรปฎิบัติธรรม ต่อผู้มีความทุกข์ใจโดยไม่เลือกชั้นวรรณะและแสวงหาความสงบสุข ให้เกิดแก่ตนเอง ตราบเท่าที่ทุกคนผู้มีความทุกข์ได้มาเพื่อสงบจิตใจตัวเองยังสำนักสงฆ์แห่งนี้
ด้านในของศาลา ที่ใช้เป็นที่ทำวัตรสวดมนต์ และทำบุญของผู้คน ตลอดใช้เป็นที่ต้อนรับแขกทุกคน ภายในโอ่โถงจุผู้คนได้ พอสมควร
ลานด้านบนยอดเขา แห่งสำนักสงฆ์ปู่เขาถ้ำแห่งนี้ ที่เป็นลานโล่งกว้าง หลวงพ่อท่านก็ได้สร้างพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ จากเงินชาวบ้านที่นำมาถวายท่าน โดยออกแบบและปั้นแต่งสร้างขึ้นมาเอง ด้วยสองมือของท่านโดยไม่ได้จ้างใครเลยจนสำเร็จอย่างที่เห็น
พื้นที่โดยรอบ ด้านบนของยอดเขาแห่งนี้ เป็นหินกรวดแดงภูเขาสลับดินแข็ง ต้นไม้ใหญ่ที่มีจึงเกิดขึ้นได้ยาก ทั่วบริเวณของสำนักสงฆ์ จึงมีแต่ กอไผ่รวก ซึ่งเป็นไผ่ป่า อยู่กระจายเต็มทั่วทั้งเขา ซึ่งพอให้ความร่มเงาและเป็นที่อยู่อาศัยของนกกา ชนิดต่าง ๆ มากเลยทีเดียว
นอกจาก กระรอก กระแต นกกามากมายที่มีอยู่อาศัยบนยอดเขานี้แล้ว ยังมีไก่แจ้พันธุ์พื้นบ้าน ที่แทบจะกลายพันธุ์เป็นไก่ป่าเข้าไปแล้ว ก็มีอยู่อาศัยไปทั่วทั้งบริเวณเขานี้ด้วยเช่นกัน
หลังได้ทำวัตรสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิฟังธรรมบรรยาย จากหลวงพ่อในยามค่ำคืนที่เงียบสงบและสายลมเย็นที่โชยพัดผ่านตลอดทั้งคืน การมาอยู่สร้างบุญบารมี กับหลวงพ่อในวันและกับหนึ่งคืน ก็ทำให้เราได้มีข้อคิดในชีวิตพอสมควร
ในทุกเย็นและเช้าของทุกวัน ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ มีกฎวัตรปฎิบัติว่า ผู้มาถือศีลวัตรปฎิบัติธรรม เวลาเย็นร่วมทำวัตรสวดมนต์ปฎิบัติธรรม ในเวลา 18.00 น. และตอนเช้าจะต้องตื่นลุกมาทำวัตรสวดมนต์เช้า และนั่งสมาธิตั้งแต่ช่วงเวลา 4 นาฬิกา ไปจนเกือบ ตี 5 ครึ่งในทุกวัน จวบจนตะวันยอแสงโผล่ขึ้นจากแนวเขาเกือบ 6 โมงเช้า พระภิกษุแม่ชีทางวัดก็จะออกบิณฑบาตร ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรตลอดมา
ในเช้าวันนี้ ทางผู้เขียนได้ขออาสา เป็นลูกศิษย์วัดสักวัน ตามหลวงพ่อเข้าไปบิณฑบาตรในหมู่บ้านเพื่อให้การมาถือวัตรปฎิบัติธรรมแบบผู้ทรงศีลธรรมสักวันให้สมบูรณ์แบบตาม แบบฉบับชาวพุทธที่ดีและถือเป็นความทรงจำทีดีไว้ตลอดไป
เราใช้เวลาเดินทางลงจากยอดเขาและเดินทางด้วยเท้าเปล่าเข้ามาหมู่บ้าน กว่า 2 กม.เพื่อตามหลวงพ่อพระและชี บิณฑบาตรด้วยหัวใจอันเอิบอิ่มเบิกบานใจ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี อีกแห่งของทางผู้เขียนด้วย
ตามถนน และตรอกซอกซอยของหมู่บ้าน มีชาวบ้านที่ตื่นเช้ามายืนรอใส่บาตร เพื่อสร้างกุศลบารมีให้ตัวเอง ด้วยการลุกแต่เช้ามาหุงหาข้าวปลา ทำอาหารให้ครอบครัวและทำบุญใส่บาตร ถือเป็นชาวพุทธที่ดีเลยทีเดียว
ความเลื่อมใสศรัทธาชาวบ้านตาม ต่างจังหวัดเรายังมีให้เห็นแบบนี้ อยู่เสมอมา
ทางผู้เขียนใช้เวลาตามหลวงพ่อบิณฑบาตร เกือบรอบหมู่บ้าน แล้วได้เดินลัดเลาะออกท้ายหมู่บ้านเพื่อกลับสู่ยอดเขา ดูป่าอ้อย ดูสองข้างทางที่ยังมีป่าอยู่บ้าง ก็ทำให้เราเพลิดเพลินเจริญใจได้อีกแบบเช่นกัน
ที่เนินเชิงเขา ปู่เขาถ้ำนี้ ซึ่งเป็นที่ว่างเปล่า ทางหลวงพ่อ ได้ดำเนินการสร้างองค์พระนอนขนาดใหญ่ 20 เมตร จากเงินทุนแค่ 4 พันบาท ที่ชาวบ้านทำบุญมากับท่าน แล้วได้ต่อยอดสร้างมาเรื่อย ด้วยกำลังของท่านเองกับพระที่อยู่ในสำนักสงฆ์นี้ โดยไม่ได้จ้างช่างที่ใหน คือลงมือทำเองสร้างเอง ออกแบบเอง
ชาวบ้านบางคนที่รู้ข่าว ก็นำอิฐ หินปูนทราย มาถวายให้ท่าน ถึงที่ ในวันที่ผู้เขียนไปถึง คือวันที่ 13 พค.2563. ก็ครบรอบปีเศษมาแล้ว หลังจากวัน ที่หลวงพ่อได้ลงหลักปักเสาเข็มเริ่มสร้าง ตรงกับตอนเที่ยง ของวันวิสาขบูชา ปี 2562 ที่ผ่านมา จะได้เที่ยงแท้แน่นอนท่านว่า
ในทุกวันนี้ ท่านก็ยังทำการก่อสร้างดำเนินการไปเรื่อย ๆ ด้วยแรงกายท่านเอง และพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดท่าน 3-4 องค์เท่านั้น จึงขอบันทึกเรื่องราวของการสร้างพระนอนองค์ใหญ่ ของท่านไว้เป็นเรื่องราวดี ๆ ไว้สืบไป
พระนอน องค์ใหญ่ของหลวงพ่อสุชิน ชิตจิตโต เป็นพระที่สร้างมาด้วยน้ำมือ น้ำพักน้ำแรงบารมีของท่านเอง โดยไม่ได้จ้างใครออกแบบ หรือช่างรับเหมาที่ใหน มีทุนแค่ใหน ก็ทำเท่าที่มีทำเองของท่านไปเรื่อย สักวันคงจะสำเร็จสวยงาม เป็นผลงานที่ท่านได้ฝากไว้ในแผ่นดินตราบเท่านาน
บันทึกท่องเที่ยวในความทรงจำ ของผู้เขียน ณ วงเดือน ขอมีส่วนในการบันทึกเรื่องราวเล็ก ๆ แต่ทว่ายิ่งใหญ่มากมายมหาศาล กับผลงานที่หลวงพ่อได้เป็นผู้สร้างออกแบบเองกับมือ และลงมือทำก่อสร้างด้วยตัวเอง
พระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ขนาด 20 เมตร สักวันคงจะสำเร็จออกมาสวยงาม อย่างที่หลวงพ่อหวังไว้ ขอ กราบขอนุโมทนาสาธุกับหลวงพ่อ สุชิน ชิตฺจิตโต แห่งสำนักสงฆ์ศูนย์ปฎิบัติธรรมเขาปู่ถ้ำ บ้านหมู่ 11 ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี แห่งนี้และบันทึกไว้ตลอดไป..
โดย.ณ วงเดือน
วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.57 น.