รั้วไม้สวย ๆ ยาวเหยียดของ ฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาว
ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่นักท่องเที่ยวหลาย ๆ ท่านรู้กันดีว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุดของการขึ้นดอย ล่าสายหมอก ช่วงนี้ได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่เชียงใหม่พอดี จะนอนในเมืองก็รู้สึกมันไม่ค่อยได้เปลี่ยนบรรยากาศ เลยติดต่อหาที่พักบรรยากาศดี ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก จึงได้รับการแนะนำให้มาพักที่ บ้านฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาว ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่แค่ 60 กิโลเท่านั้น
บ้านฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาว เชียงใหม่
ทางเข้ารีสอร์ทร่มรื่นไปด้วยไม้ใหญ่น้อย
โทรหาพี่นัท ผู้จัดการของ ฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาว ที่หมายเลข 081 811 6664 พี่นัทแจ้งว่ามีห้องว่างพอดี เราเลยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องระยะทางและการเดินทาง พี่นัทว่าไม่จำเป็นต้องเช่ารถขับมา นั่งรถประจำทาง เชียงใหม่-ฝาง ที่ขนส่งถนนช้างเผือก บอกคนขับ หรือกระเป๋าว่าจะมาลงที่ด่านตรวจบ้านแก่งปันเต๊า เชียงดาว พอรถถึงแม่ริมแล้วให้โทรมาบอกอีกที ทาง ฮักโฮมฯ มีรถมารับที่ด่าน
ทางเดินลงไปยังบ้านพักแบบบังกะโล
สนนราคาค่ารถจากถนนช้างเผือกไป เชียงดาว ไม่แพงค่ะ ถ้าเป็นรถบัสก็คนละ 44 บาท ถ้าเป็นสองแถวก็ 40 บาท แต่ถ้าเป็นรถตู้ปรับอากาศก็คนละ 150 บาท เพราะเป็นรถตู้ไปฝาง เขาเลยคิดราคาเดียวยันฝางกันไปเลย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเราก็มายืนอยู่ที่ด่านตรวจบ้านแก่งปันเต๊า เชียงดาว เสียแล้ว พี่นัทโทรหาบอกพิกัดปรากฏว่าจอดรถรออยู่ข้างหน้านี่เอง
ดอกไม้สวย ๆ ในรีสอร์ท บานแข่งกัน
บ้านพักแบบบังกะโล
รอบ ๆ บ้านมีแต่ต้นไม้ ร่มรื่นสวยงาม
ขับรถจากด่านตรวจบ้านแก่งปันเต๊า เชียงดาว ขึ้นเขามาที่ฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาวแค่กิโลเมตรเศษ ๆ ถนนซีเมนต์อย่างดี มาสุดสิ้นเส้นทางอยู่หน้ารีสอร์ทพอดี ถามความจากพี่นัทเธอว่า งบประมาณปีนี้มาหมดหน้าบ้านพอดี ปีหน้าคงไปถึงสำนักสงฆ์ที่อยู่ด้านบน
ระเบียงหน้าห้องพักแบบบังกะโล
วิวขุนเขาสุดลูกหูลูกตา
ด้านในห้องพักแบบบังกะโล 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พร้อมระเบียงชมวิวสวย ๆ
ก่อนจะเข้าห้องพัก พี่นัทพาเราเข้าไปในบ้านใหญ่ ซึ่งใช้เป็นห้องลงทะเบียน เราได้พบกับพี่น้อย ซึ่งเป็นเจ้าของ ฮักโฮม วัลเล่ย์แห่งนี้ พี่น้อยเล่าว่า เดิมที่ไม่ได้คิดว่าจะทำ ฮักโฮมฯ เป็นรีสอร์ทให้คนเข้าพัก ด้วยพี่น้อยมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และด้วยความที่เป็นคนเชียงดาวอยู่แล้ว จึงได้ย้ายเข้ามาอยู่่ในที่ดินของที่บ้านและสร้างบ้านหลังใหญ่และสวนส้มโอขึ้นก่อน เพื่อมาพักผ่อนในช่วงท้าย ๆ ของปี เพราะที่นี่อากาศดี
วิวจากหน้าบ้านพักแบบบังกะโล
บังกะโลหลัง 2 และ 3
ต่อมามีเพื่อน ๆ แวะมาเที่ยวพัก ก็เลยยุให้ทำรีสอร์ทให้คนเข้าพัก จะได้มีกิจกรรมอะไรทำในช่วงที่มาพักผ่อนที่นี่ ก็เลยเกิดเป็น ฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาว อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ฮักโฮมฯ มีบ้านพักจำนวนน้อย แต่แต่ละหลังนั้น มีความพิเศษเพราะจะใกล้ชิดธรรมชาติแบบนอนดูวิว ชมหมอกจากระเบียงบ้านได้เลย โดยมีบ้านแบบบังกะโล เพียง 3 หลังเท่านั้น และมีเต้นท์ใหญ่ 1 หลัง รวมทั้งที่พักแบบดอมมิโทรี่ ขนาด 8 เตียงที่ชั้นสองของบ้านใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
ภายในห้องพักของบังกะโลหลังที่ 3
สนนราคาก็ไม่แพงนักโดยเฉพาะถ้าเทียบกับสิ่งที่จะได้รับ และวิวสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ของ ฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาวแห่งนี้ ราคาบ้านแบบบังกะโล หลังละ 2,500 บาท/คืน แต่ถ้าเป็นแบบดอม คิดเป็นรายคน ๆ ละ 850 บาท/คืน ราคานี้รวมอาหารเช้า และรถขึ้นมาจากด่านตรวจบ้านแก่งปันเต๊า
วิวหน้าบ้านแบบบังกะโล
ต้นส้มโอกำลังออกลูก ทางเดินปูลาดด้วยหญ้านุ่ม ๆ
นอกจากห้องน้ำภายในห้อง และบริเวณที่เต้นท์ใหญ่แล้ว
ยังมีห้องน้ำรวมไว้สำหรับอำนวยความสะดวกอีกด้วย
พันธุ์ไม้ต่าง ๆ หลากหลายอยู่เต็มบริเวณ
ทางเดินลงสวนส้มโอ และธารน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านด้านหลังของรีสอร์ท
(ซ้าย) บ้านใหญ่ ที่ใช้เป็นดอม (ขวาบน) สระบัวใหญ่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ
(ขวาล่าง) ห้องอาหารสำหรับบริการอาหารเช้า
ห้องอาหารสำหรับบริการอาหารเช้า
บริเวณเต้นท์บริการของทางรีสอร์ท ทางฮักโฮมฯ ไม่เปิดพื้นที่ให้บริการกางเต้นท์เล็ก ๆ จากภายนอกเพราะจะเป็นการรบกวนผู้เข้าใช้บริการ จะมีเพียงเต้นท์ใหญ่ของทางฮักโฮมฯ เพียงหลังเดียวเท่านั้น ส่วนด้านข้างนั้นจะทำพื้นที่ไว้ให้ผู้เข้าพักสำหรับพักผ่อน นอนชมวิว
นั่งชมวิวหน้าเต้นท์กันเลยทีเดียว
ด้วยความที่เป็นคนรักต้นไม้ พี่นัทกับพี่น้อย เลยปลูกไม้ดอกไม้ประดับไว้ทั่วบริเวณ ทำให้เราได้เห็นดอกไม้สวย ๆ ต้นไม้ใหญ่ รวมถึงไม้ผลหลากหลายที่ทางฮักโฮมจะนำเอามาบริการให้แก่ผู้เข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ ส้มโอ หรือผลไม้อื่น ๆ ที่ปลูกเองภายในรีสอร์ทนั่นหละ
ทางเดินไปยังบ้านใหญ่
บ้านหลังใหญ่ที่ใช้เป็นดอมิทอรี่นั่นเป็นบ้านสองชั้นที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สวย ๆ แปลกตาเพราะพี่น้อยนำเข้ามาจากอินโดนิเชียเองเลยทีเดียว รวมทั้งประดับตกแต่งด้วยเครื่องตกแต่งพื้นเมืองให้เข้ากับบรรยากาศธรรมชาติของบ้านบนดอย
ชั้นสอง ส่วนที่เป็นดอมิทอรี่
ไม้ดอกต่าง ๆ บริเวณรีสอร์ท กำลังบานสีสรรจัดจ้าน
ช่วงเย็นและช่วงเช้า เป็นช่วงที่ดีที่สุดของ ฮักโฮม วัลเล่ย์ แห่งนี้ก็ว่าได้ เพราะด้วยตัวบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ทำให้เราสามารถชมวิวได้ทั้งตอนพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก
วิวเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะอัสดง
แสงอุ่น ๆ หน้าห้องพัก
บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
ช่วงพระอาทิตย์ตกว่าสวย ด้วยความอบอุ่นของแสงอาทิตย์แล้ว ช่วงเช้ายิ่งสวยและอากาศดีมากมาย เพราะสายหมอกกรุยกรายออกเรื่อยรายปกคลุมไปจนทั่วบริเวณ แถมยังไหลเวียนวนอยู่ในหุบเขาหน้าฮักโฮม วัลเลย์ จนสาย อากาศที่เย็นกำลังดี ไม่ถึงกับหนาวยิ่งทำให้บรรยากาศยามเช้าน่าตื่นมาชื่นชมยิ่งขึ้น
หมอกหนา ๆ ไหลวนไปมาหน้ารีสอร์ท
บรรยากาศแจ่มใส ในยามเช้า
วันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศ ขอมานั่งอาหารเช้าที่ระเบียงของบ้านใหญ่ รับสายหมอกยามเช้า และแสงอุ่น ๆ ของตะวัน อาหารเช้าของที่นี่มีให้เลือกไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับมื้อเช้า ไม่ว่าจะเป็นขนมปังปิ้งกรอบ ๆ ไข่ต่าง ๆ รวมถึงผักผลไม้ตามฤดูกาล กาแฟ โอวิลติน กินหมดไม่อิ่มก็ขอเติมได้อีก แถมย่านนี้ยังเป็นย่านที่ชาวบ้านมีอาชีพทำสวน ผลไม้จึงมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอโวคาโด้สด ๆ เงาะ หรือส้มโอ รับรองว่าสดจากต้นเลยทีเดียว
อาหารเช้าพร้อมแล้ว
ได้เวลาอาหารเช้าเคล้าสายหมอก
กินไปชมหมอกสวย ๆ ไป
บรรยากาศดี ๆ ใกล้ตัวเมืองแบบนี้ หาไม่ได้ง่าย ๆ แต่หาได้ที่ ฮักโฮม วัลเล่ย์ เชียงดาว
สนใจไปนอนท่ามกลางสายหมอกสวย ๆ อากาศดี ๆ และการต้อนรับแบบเป็นกันเองของพี่น้อยและพี่นัท สามารถสำหรับที่พักได้ที่ 081 811 6664 หรือจองผ่านเวป อะโกด้า ได้เลยนะคะ
สายลม ที่ผ่านมา
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.26 น.