3 วัน 3000 ภาพ โอ้แม่เจ้า เป็นทริปที่ถ่ายรูปกันเยอะจริง ๆ แบบนี้ต้องค่อย ๆ เล่าเรื่องไปทีละวันแล้วหล่ะ
เหมือนเดิม บ้านเราจะเที่ยวแบบค้างคืนยาว ๆ ปีละครั้ง ครั้งนี้ก็เลือกที่ จ.เชียงใหม่ เพราะที่เที่ยวเยอะดี แถมไม่ร้อน อากาศดี และค่าใช้จ่ายไม่แพง
เดิมทีว่าจะไปนอนปาย และบ้านรักไทย แต่ยังเข็ดขยาดกับหนทางที่โค้งชัน และยาวไกล จึงเลือกนอนที่บ้านป่าบงเปียง และที่สวนป่าดอยบ่อหลวงแทนแล้วกัน เพราะทั้ง 2 ที่เรายังไม่เคยไปเลย
เมื่อรู้ล่วงหน้าว่าต้องเที่ยวก็จองตั๋วข้ามปีไว้เลย เพราะค่าใช้จ่ายหนัก ๆ มักจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง วางแผนดี ๆ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งนะ นานแค่ไหนก็รอได้ อิ ๆ
ลืมบอกไปที่สนามบินดอนเมือง ถ้าใครต้องขึ้นเครื่องเช้า ๆ ก็สามารถฝากท้องได้ที่ ร้าน MAGIC อร่อย ชั้น 3 ได้นะราคาย่อมเยา แถมรสชาติอาหารไม่เลว ถือเป็นทางเลือกได้อีกช่องทาง
8.00 โมง ถึงสนามบินเชียงใหม่ รถตู้เจ้าเดิมเจ้าประจำของครอบครัวเรา ก็มารอรับ ทุกทริปที่ไปเชียงใหม่ เราจะใช้บริการของเจ้านี้ตลอดๆ http://www.soupvanclub.com/
เมื่อทานข้าวเช้ามาแล้ว ก็จัดกาแฟต่อเลยแล้วกัน ระยะทางจากสนามบิน ก็แค่ 20 กิโลเอง ไม่ไกลเลย
ทางเข้าแจ้งกับ รปภ.ว่ามาพัก หรือมาคาเฟ่ รปภ.จะให้กระดาษเล็ก ๆ มาห้ามทำหายนะ มาซื้อเครื่องดื่มแล้วอย่าลืมประทับตราด้วยหล่ะ ก่อนออกต้องใช้นะอย่าลืม
แค่ทางเข้าก็น่าจะทราบแล้วว่าคือ cafe โรงบ่ม เก๊าไม้ล้านนา ปัจจุบันเป็นทั้งที่พัก และคาเฟ่ ในอดีตเมื่อ 60 ปีที่แล้วเคยเป็นโรงบ่มใบยาสูบอันรุ่งเรืองของเชียงใหม่
ภายในโรงบ่ม
ไปดื่มกาแฟกัน
สถานที่สวยงาม ร่มรื่นดีนะ มุมถ่ายรูปก็เยอะดี
เขียวจัง
มาเช้า ๆ คนยังไม่เยอะ สบายเค้าหล่ะ
ออกจากคาเฟ่โรงบ่ม ก็ไป ผาช่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง จ่ายค่าธรรมเนียมค่าชมอุทยานคนละ 20 บาท รถยนต์ 30 บาท แล้วไปลุยกัน
ผาช่อ ตั้งอยู่ใน อำเภอดอยหล่อ ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแม่วาง เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของ ลมฝนจนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ซึ่งสังเกตได้จากก้อน กรวดหินกลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ได้ถูก ยกตัวเป็น เนินเขาสูงตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกลายเวลาและถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่าง แปลกตาคล้าย กับที่แพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ หรือละลุในจังหวัด สระแก้ว มีลักษณะที่เตี้ยกว่า ซึ่งต่างกับ ผาช่อ ซึ่งมีลักษณะ เป็นกำแพงและเสาหิน ขนาดใหญ่ลวดลายแปลกตา มีขนาดสูงใหญ่ราว 30 เมตร เป็นบริเวณกว้างนับร้อยเมตร และยังพบรังผึ้ง ขนาดใหญ่อยู่ตามหน้าผา จำนวนมากสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่เข้าไปเที่ยวชม Cr.paiduaykan.com
ระยะทางเดินไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ก็ใช้เวลาเที่ยวจนครบก็ประมาณ 45-60 นาที ... ใครที่จะมาเข้าชม ควรใส่รองเท้าผ้าใบ สวมหมวก หรือมีร่มด้วยก็จะดี เพราะร้อนมากจ้า
ทางเดินสปาอุ้งเท้า เดินไปนวดขาไป ก็สบายดีนะ
ยังชิว ๆ
อุ๊ย ! แก่มาจากไหน พอมาถึงตรงนี้ เราจะสาวขึ้น ๆ ฮึบ ๆ
แต่ก็จะมีที่ให้พักตลอด ใครเหนื่อยง่าย พกน้ำดื่มมาด้วยก็ได้นะ
ถึงแล้วเว้ย
เสาโรมัน
สวยงามอลังการดีนะ หายเหนื่อยทันที แต่มาร้อนแดดแทน แทบสุก 555
ร้อนดีจัง
สวยงาม
เรียกเหงื่อได้หลายหยด กลับแระ ลักษณะทางเดินที่นี่จะเป็นการเดินทางเดียวนะคะ ห้ามฝ่าฝืน ให้ไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ห้ามสวนกัน เพราะอะไรนะหรือ อยากรู้ไปดูกัน
"ฮ่อมกองกีด" เป็นภาษาเหนือ คำว่า ฮ่อม = ร่อง คำว่า กอง = ถนนหนทาง คำว่า กีด = แคบ รวมความหมายถึง "ร่องทางเดินแคบๆ" นั้นเอง ก่อนจะมาควรออกกำลังกาย ลดไซส์ของตัวเองลงด้วยจะได้เดินแบบสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น 55
แคบลง ๆ สาเหตุที่ต้องเดินทางเดียว ก็เพราะทางมันแคบนิ เดินคนเดียวก็จะแย่ ถ้ามีใครสวนมาก็จะหลบกันลำบากนั่นเอง
เอาใจช่วยกันทั้งทีม ว่าจะผ่านไปได้ไหม กลั้นหายใจสิ 555
หลังจากได้เหงื่อ และเสียพลังงานไปเยอะ หิวแล้ว จัดเลย มาเหนือทั้งที ต้องน้ำเงี้ยว และข้าวซอย
อาหารรอไม่นาน ก็ได้ทาน วัสดุทุกอย่างทำจากกะลามะพร้าว เก๋ดี
น่ารัก แต่ก็กินยากนะเวลาหิว ๆ
ใครผ่านมาก็มาทานกันได้นะ ที่ร้านข้าวซอยกะโหล้ง
ท้องอิ่ม เดินทางกันต่อ แวะเที่ยวไปเรื่อย ๆ ไม่ไกลนักจะเป็น น้ำตกวชิรธาร
ปกติจะไม่เคยแวะนะ เวลามาดอยอินทนนท์ วันนี้ลองดูสักหน่อย ว่าเป็นอย่างไร ควรค่าต่อการแวะไหม
ว๊าว สวยงามตามท้องเรื่อง น้ำตกไหลแรงดี สดชื่นมาก ๆ
สวย ๆ บอกเลยว่าควรค่าต่อการเข้ามาชม
ตอนแรกว่าจะไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เพราะชอบมาก ทางเดินสวยงาม เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง แต่เสียดาย ยังไม่เปิดให้เข้าชม (เปิด 1 พ.ย.63) เลยไม่ได้ไป
แวะซื้อผลไม้ที่ตลาดชุมชนชาวไทยม้ง
ผัก ผลไม้สดดี อร่อยด้วย เสียดายซื้อมาน้อยไป รอบหน้า ๆ จะจัดให้มากกว่านี้
ก่อนเข้าที่พัก แวะเที่ยวน้ำตกอีกที่
น้ำตกไม่ได้ใหญ่ อลังเหมือนน้ำตกวชิรธาร แต่ก็สวย สงบดี
และก็มาถึงที่พัก ใครที่จะมาพักบ้านป่าบงเปียง เส้นทางมาที่พัก ควรโทร.ถามทางกับที่พักให้ดี ๆ ก่อน ถ้ามาช่วงฤดูฝน ใครที่เปิด gps นำทาง รถหลายคันโดยเฉพาะรถเก๋งจะพาไปติดหล่ม ให้ศึกษาเส้นทางดี ๆ ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวจะไม่สนุกเอา
จากจุดจอดรถ เราต้องเดินขนกระเป๋า สิ่งของที่เตรียมมาเข้าที่พักเอง
จะผ่านคันนา เล็ก ๆ ดังนั้น ไม่ต้องใส่ส้นสูง หรือขนข้าวของมาเยอะแยะนะ เพราะจะหนักเอา
เดินไป ก็มองวิวไป สวยเหลือเกิน เรามาปลายเดือนตุลาคม ทุ่งข้าวเริ่มท้องแก่ (บางที่เก็บเกี่ยวแล้ว) ใครอยากมาช่วงไหน ก็สอบถาม ที่พักกันก่อนมานะ ไม่ใช่ มาแล้วเหลือแต่ตอข้าว ไม่รู้ด้วยนะเออ
ที่พักของเรา จะมี 3 หลัง 1 2 3 วันนี้เราได้ หลังที่ 1+3 บอกเลยที่นี่ต้องจองนานเพราะว่าจะเต็มเร็ว
เอ่อ วันที่เข้าพัก มีการจองซ้ำซ้อน หรือสื่อสารไม่เข้าใจกันด้วยนะ แต่โชคดีที่เราจองก่อน จึงได้ห้องพักหลังใหญ่ (หลังที่ 1) แต่ถ้าไม่ได้หลังนี้ ก็คงเซ็งเหมือนกัน เพราะใครมาพักก็มักจะรีวิวห้องนี้ด้วยสิ
ห้องพักหลังที่ 1 ต้องฝ่าดงดอกไม้ก่อนเข้าพัก 55
เดี๋ยวจะพามาดูห้องพักหลังที่ 1 นะ ว่าเป็นอย่างไร
ทางเข้าบ้าน งดงามไหม
ห้องนอน ปกติห้องนอนก็จะนอนได้ 2 คน แต่เราไป 7 คนเลยต้องจอง 2 หลัง + เสริม
และด้านนอกระเบียง สามารถนอนได้อีก 2 คน รับลมกันไป สำหรับคนต้องการสัมผัสอากาศหนาวเย็น
ด้านล่าง เมื่อก่อน เจ้าของบ้านเค้าพัก จะเป็นห้องครัว
และห้องน้ำ เป็นแบบบ้าน ๆ ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ (คิดดูหน้าหนาวจะขนาดไหน 555)
ขอย้ำ !! ที่นี่จะไม่มีไฟฟ้า (เตรียมเพาเวอร์แบงค์ให้เยอะ ๆ) ผ้าขนหนู หรืออุปกรณ์อาบน้ำไม่มีให้ ดังนั้นใครที่จะมาพัก ต้องเตรียมมาเองด้วยหล่ะ
สถานที่แบบนี้เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติ แบบบ้านนา แต่ถ้าคิดว่าฉันนอนไม่ได้ รับไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลัวเพราะคุณสามารถ พักที่อื่น แล้วขับรถมาเที่ยวถ่ายรูปได้เหมือนกันค่ะ
อันนี้วิวหน้าบ้านจะ เห็นวิว 180 องศา แบบไม่มีอะไรมาบัง บอกเลยว่าสวยมากกกกก
หลังจากที่ นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มไป ที่พักจึงว่าง เราเลยไปถ่ายรูป ที่พัก หลังที่ 2 ให้ดูกัน
หลังจะเล็กกว่า นอนได้ 2 คน เสริม 1
หน้าต่างก็จะเห็นวิวสวยงาม
ระเบียงหน้าบ้านเล็ก ๆ สามารถ มองวิวเดียวกับหลัง 1
และมาดูหลังที่ 3 หลังเราเอง เดินเหนื่อยเลย จากหลัง 1 มานอนหลัง 3
และ เราขอตั้งชื่อบ้านหลังนี้ว่า บ้านบันไดสันมีด ก็แล้วกัน 55 ถ้าอยากรู้ต้องลองมานอน (ลืมถ่ายรูปมา)
หลังนี้ จะมีต้นไม้ และบ้านบังวิวภูเขา จะต่างกับหลัง 1 และ 2 ที่ได้เห็นเต็ม ๆ แต่จะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดแทน
จะว่าไปก็สวยดีนะ
ใครที่จะพักที่นี่ ควรมาถึงที่พักสัก 4 โมงเย็น เพราะจะได้รีบอาบน้ำ ให้เรียบร้อย ก่อนจะมึดค่ำ แม้ปัจจุบัน ที่พักจะมีไฟดวง ที่ต่อจากโซล่าเซลส์ติดไว้ แต่ก็ยังไม่สว่างพอ เวลาอาบน้ำ จะได้มองเห็นสว่าง ๆ หน่อย หรืออีกอย่าง ยิ่งมึดก็จะยิ่งหนาวด้วย
สำรวจห้องพักเสร็จ ก็ถ่ายรูปเล่น มุมใครมุมมัน
พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว
รีบอาบน้ำ เกือบไม่ทันพระอาทิตย์ตก
ได้เวลาอาหารเย็น หรืออาหารค่ำ (ค่าที่พัก หัวละ 500 บาท รวมอาหารเย็น+เช้า)
โชคดีที่เราสั่งหมูกระทะ เสริมเอาไว้ ไม่งั้น 7 คน อาหารบนโตก คงไม่พอกินแน่นอน หุ หุ
นั่งคุยกันสักพัก แยกย้ายกันเข้านอน พรุ่งนี้มาลุ้นกันว่าจะเจอทะเลหมอก หน้าที่พักไหม ราตรีสวัสดิ์ Zzzz
ต่อ Day 2 https://th.readme.me/p/35332
แตงโมเนื้อทราย
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 19.47 น.