หลายๆคนคงจะได้ดูหนังเรื่องสุขสันต์วันโสดกันมาบ้าง แล้วหลายๆคนก็ยังคงมูฟออนจากหนังเรื่องนี้ไม่ได้ เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อยากไป โลเคชั่นที่ถ่ายในหนังมากๆ ที่นั่นก็คือบ้านดูเลเล
ดูเลเล เป็นภาษาปะกาเกอะญอว่า บ้านแห่งความคิดถึง ก่อนจะไปพักที่บ้านหลังนี้
ข้อควรรู้ คือทำการจองยากมาก เพราะที่นี่จะรับคนที่เข้าพักไม่เกิน 15 คน ดูเลเลเป็นบ้าน บ้านคน ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวบ้านที่เปิดพื้นที่เพื่อให้เพื่อนๆที่มาพัก ได้เรียนรู้กัน และใช้ชีวิตร่วมกัน โดยแขกที่เข้าพักในวันเดียวกัน ต้องร่วมกินอยู่ใช้ชีวิตแบ่งพื้นที่ในบ้านร่วมกัน ใต้หลังคาเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกันนั่นหมายความว่าเรา ต้องทานข้าวกับคนแปลกหน้า ทำกิจกรรมร่วมกันกับคนแปลกหน้าเราแบ่งปันกัน เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
- เราอาจต้องช่วยกันล้างจาน ทำกับข้าว ปลูกผัก ถอนหญ้านั่นเป็นกิจกรรมหนึ่งที่แขกหลายๆท่าน มีส่วนร่วมกันระหว่างใช้ชีวิตที่นี่
-ข้อความที่กล่าวไปข้างต้น เป็นข้อความจากเพจ Doolaylay ถึงกฏกติกาที่เมื่อเราไปพักแล้ว เราจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้า
เราเดินทางไปที่ดูเลเลคนเดียวโดยนั่งรถไฟขบวนใหม่ ไปลงเชียงใหม่ รายละเอียดการนั่งรถไฟจะไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะข้อมูลในเว็บเยอะมาก ขอเล่าไปก่อนจะไปดูเลเลเลยนะคะ
- จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปอำเภอกัลยานิวัฒนาจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง โดยเราเหมารถแดงกับเพื่อนๆที่ไม่รู้จักกันขึ้นไป หารกัน 7 คน ระหว่างทางที่ขึ้นไปคือ โค้งเยอะมาก นั่งไปก็แบบท้อ เมื่อไหร่จะถึงสักทีโว้ย ฮ่าๆ
- เราขึ้นไปถึงบ้านดูเลเลเกือบบ่ายสอง ขึ้นไปจะเจอกับเพื่อนๆคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันขึ้นมาถึงก่อนแล้ว แล้วก็ต้อนรับด้วยกับข้าวมื้อแรกของแม่พี่โอมเจ้าของบ้าน
คนนี้คือแม่พี่โอม แม่คือคนที่ทำกับข้าวให้พวกเรากินทุกมื้อ ใครไปที่นั่นก็มูฟออนจากกับข้าวฝีมือแม่ไม่ได้ อร่อยทุกอย่าง ทุกเมนู
ต้อนรับพวกเราด้วยข้าวมื้อแรก กับน้ำซุปโคตรอร่อย เราอ่านของคนอื่นเยอะมากก่อนจะขึ้นไปว่า พริกน้ำปลาของแม่เด็ดดวงมาก คือแม่ทำทีไรก็หมด คือมันเป็นเรื่องจริง คือใครๆก็ถามหาแต่พริกน้ำปลา โต๊ะกินข้าวตรงนี้เราต้องกินข้าวกับคนแปลกหน้า ไม่ว่าใครจะทำอะไรอยู่เราก็ต้องรอกินข้าวพร้อมกันตรงนี้
หลังจากเรากินข้าวมื้อเที่ยงเสร็จเราก็เก็บจานของตัวเองไปล้าง แล้วเดินสำรวจบ้านกัน
ลานกิจกรรมตรงนี้คือที่พักผ่อนที่เดอะเบสที่สุด
ตรงนี้คือถังใส่น้ำดื่มจะมีสติ๊กเกอร์ศิลปินในดวงใจของใครหลายๆคนแปะไว้
ครัวของแม่พี่โอม ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ
มุมนี้คือมุมที่เราชอบที่สุดของบ้าน เหมือนเป็นที่ระลึกว่าถ้าใครขึ้นมาบนนี้แล้วก็เอารูปมาแปะได้เลย ได้ยืนอ่านข้อความของคนอื่นๆก็ยืนขำ แต่ละคนคือสร้างวีรกรรมกันเด็ดดวงมาก
เหล้าบ๊วยก็ยังคงเป็นซิกเนอเจอร์อีกหนึ่งสิ่งของที่นี่
พาไปดูห้องนอนของเราบ้าง กลางคืนไม่หนาวมาก ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเราเมา ฮ่าๆ
กลับมาตรงระเบียงหน้าบ้านบรรยากาศดีมากกก
เจ้ามอมแมมเป็นหมาที่แสบสุด กัดเก่งมาก ขยี้เก่งมาก
เดินสำรวจบ้านกันสักพัก พอตอนเย็นๆพี่สตาฟที่ดูแลพวกเรา คือพี่น็อตโตะกับพี่ออม ก็พาพวกเรานั่งรถไปชมนาขั้นบันไดกับชมวิวพระอาทิตย์ตก
นี่ไม่ใช่บ้านพี่กะเลน้า
สวัสดีเพื่อนใหม่ คนแปลกหน้า ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ
พอกลับจากไปทัวร์กลับมาพวกเราก็กลับมากินข้าวเย็นพร้อมกัน แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วมารวมกันอีกทีตรงระเบียง
ได้เวลาพูดคุยกับคนแปลกหน้า พี่น็อตโตะกับพี่ออมจะคอยบรรเลงกีต้าร์ร้องเพลงให้ฟัง ใครใคร่เมาก็เมา ข้างบนมีเครื่องดิ่มขาย หรือพกไปเองก็ได้จ้า
เราเมาตั้งแต่ สี่ทุ่มเข้าไปนอนก่อน ฮ่าๆ ส่วนคนอื่นๆก็เล่นเกมส์เปิดใจกันไป เราไม่รู้เรื่องเลย
เช้ามาพี่ออมก็มาดิฟกาแฟ กว่าพี่แกจะดิฟได้ หาอุปกรณ์ไปสองชั่วโมง ฮ่าๆ
ตอนเช้าแม่ทำข้าวต้มไว้ให้ เราเป็นคนไม่กินข้าวต้มเลย แต่ข้าวต้มแม่ คือทำน้ำซุปแยกกับข้าวไว้ เราลองตักมากิน เออ อร่อยยยย
เราลงจากบ้านตอนประมาณ สิบโมงก็ถ่ายรูปกับแม่สักหน่อย
ลุงสองแถวก็ซัพพอร์ตทุกอย่าง ถอยรถลงมาให้ถ่ายรูป ฮ่าๆ
การไปดูเลเลครั้งนี้เราประทับใจมาก ทุกๆอย่างที่นั่นมันคือเดอะเบสไปหมด อ่านรีวิวไหนๆก็ไม่เท่ากับไปสัมผัสเอง
ถ้ามีบุญที่จะได้ขึ้นไปอีก จะกลับไปกินกับข้าวฝีมือแม่อีก ติดใจมากๆ
ค่าที่พักดูเลเล 1000 บาท
ค่าเหมารถลุงสองแถวจากเชียงใหม่ 4000/7 = 572 บาท
ส่วนอื่นๆก็ค่าเดินทางจาก กทม เชียงใหม่
รถไฟชั้น 2 = 1041
รถบัสสมบัติทัวร์ Vip เวียงพิงค์บัส 823 บาท
#Doolaylay
#low season
#สุขสันต์วันโสด
#แม่แดดน้อย
#กัลยานิวัฒนา
#เชียงใหม่
กาลครั้งหนึ่ง
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.35 น.