อินเดียที่ไม่เหมือนอินเดีย ดูยังไง๊ยังไงก็ไม่อินเดีย
แคชเมียร์ หนึ่งในเมืองที่น่าไปเยือนของอินเดีย ดินแดนในวงล้อมของสองวัฒนธรรม อินเดียและปากีสถาน
ฉันหลงรัก "แคชเมียร์" ตั้งแต่แรกเห็น ... แม้จะเป็นแค่ในรูปถ่าย
ในหัวไม่มีไอเดียอะไรเลยเกี่ยวกับบ้านนี้เมืองนี้ ได้ยินข่าวความไม่สงบบ้างประปราย
และท้ายสุดก็คือข่าวน้ำท่วมที่ดูน่ากลัวมากจากภาพข่าวที่สื่อสารออกไปทั่วโลก
แต่กระนั้นความฝันของฉันก็ไม่ได้หยุดพักเลย!
เดือนเมษายน ปี 2015 ฉันได้มีอากาสไปเยือนประเทศอินเดียอีกครั้งด้วยหน้าที่การงาน
ฉันต้องไปตะลุยอยู่มุมไบ และเดลลีราวหนึ่งสัปดาห์ มีเวลาเหลือก่อนกลับเพราะติดช่วงสงกรานต์พอดี
ก็เลยคิดว่า “เฮ๊ย! อินเดียตั้งกว้าง ยังเห็นไม่ครบเลย ต้องไปเยือนสักหน่อยสิ!"
ค่ะ! วลีเดิมๆ เพิ่มเติมคือความอยากไป 555 ว่าแล้วก็ไม่รอช้า กดตั๋ว Jet Airways มาครอบครอง – มีเวลา 10 วันเลือก 2 เมืองแปลกที่ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในประเทศอินเดีย หนึ่งในนั้นคือ “แคชเมียร์"
*อย่ากลัวสายการบินแขก ... มันไม่ได้แย่อย่างที่คิดค่ะ
ขอเลี่ยงไม่ปูพื้นให้ยาวนานมาเน้นเรื่องเที่ยวกันดีกว่า!
คราวนี้ขอใช้เวลา 5 วันอันแสนคุ้มค่าด้วยงบประมาณราคาไม่แรงตามธรรมเนียมนิยมพนักงานออฟฟิศเบี้ยน้อยหอยแครงอย่างเรา 555
ตารางการเดินทาง
Day 1: 10 APR – ทำงานเสร็จจากมุมไบ – บินเข้าเดลลีมานอนสวยๆ 1 คืนค่ะ (อันนี้ไม่นับเนอะ – ส่วนใหญ่ไฟลท์มาจากบ้านเรา ยังไงก็ต้องมาค้างเดลลี 1 คืนเลือกเวลาดีๆ ไปเที่ยวในเดลลีหรือจะขึ้นไปเที่ยวอักรา ทัชมาฮาลก็เริ่ดค่ะ)
Day 2: 11 APR – Flight 9W 603: 12.05 - City Tour กรุบกริบ – ชมทุ่งทิวลิปอลังการงานสร้าง – ชมป้อม ชมน้ำพุ และสวนสไตล์โมกุล – พักบ้านเรือแสนโรแมนติก! (ใช้บริการของ New Jacquline Houseboats-ของแท้ต้องมี New นำหน้านะคะคุณผู้ชม)
Day 3: 12 APR – Sonamarg – ขี่ม้าชมภูเขาหิมะและธารน้ำแข็งสุดสวย - ใครอยากลองเลื่อนหิมะ มาลองม่ะ! – ชมห้องแสดงผ้าแคชเมียร์แท้ๆและของที่ระลึกราคาดีมากๆ
Day 4: 13 APR – Pahalgam – ขี่ม้าปีนเขา ชมทัศนียภาพราวกับฉากหลังของภาพยนตร์ The Sound of Music (แต่จริงๆเป็นโลเคชั่นหนังแขกดึ่งดึ๋ยที่ฮิตมากๆ)
Day 5: 14 APR – Gulmarg –โอ้แม่เจ้า นี่มันเทือกเขาแอลป์ชัดๆ! – ยามเย็นล่องเรือชิการ่าจิบชาชมทะเลสาบ Nigeen Lake
Day 6: 15 APR – โบกมือลา สุกรียา แคชเมียร์ บินต่อไปเปิดเมืองแปลก ประเทศแขกก็มี Little Tibet! (น่าจะพอเดาได้ว่าไปไหนต่อเนอะ)
ค่าใช้จ่าย/ คน ไปกัน 2 สาว ราคาเบาๆตามนี้ค่ะ
1. ตั๋วเครื่องบิน – ขอตัดราคาที่ไฟลท์ BKK-DEL-SRI NAGAR-DEL-BKK นะคะ = 12,800 บาท (Jet Airways)
2. แพคเกจทัวร์ 5 วัน/ 4 คืน พร้อมที่พักบนบ้านเรือ New Jacquline Houseboats ( http://www.newjacqulinehouseboats.com/ ) รวมอาหารเช้า/เย็น พร้อมพ่อบ้านบริการสุดประทับใจ = 12,200 INR = 6,100 บาท ตอนนั้นคิดง่ายๆเลย 1รูปี = .50ตังค์
3. จิปาถะ – ขนม ของกิน – ทิป = 1,000 บาท
TOTAL: 19,900 บาท / คน
พร้อมแล้ว ไปลุยกันเลยค่ะ!!!
1. แคชเมียร์ เป็นดินแดนทางตอนเหนือของอินเดีย อยู่ในแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ (คนอินเดียเรียกกัษมีร์) มีเมืองหลวงคือ ศรีนาการ์ (Srinagar) แต่คนแคชเมียร์ไม่นิยมเรียกตัวเองว่าเป็นคนอินเดีย แต่จะเรียกตัวเองว่า Kashmiri มีภาษาเป็นของตัวเองและนับถือศาสนาอิสลาม
2. ความประหลาดของแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ คือมีเมืองหลวงหลักๆ 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ จัมมู (นับถือศาสนาฮินดูพูดภาษาฮินดี) แคชเมียร์ (นับถือศาสนาอิสลามพูดภาษาแคชมีรี) และลาห์ดัค (นับถือศาสนาพุทธมหายานพูดภาษาลาดักกี้)
3. หนาวมากกกกกก 6 เดือน อีก 6 เดือนหนาวนิดหน่อยไปถึงร้อนนิดหน่อย มี 4 ฤดูเหมือนยุโรป เดือนทางท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่ที่น่าเที่ยวที่สุด คือฤดูใบไม้ผลิค่ะ ชวง มีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิประมาณ 20C อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 C และช่วงฤดูร้อน เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม อุณหภูมิสูงสุด 29 C ต่ำสุด 10 C
4. อาหารการกิน – ถ้าไม่มีปัญหากับเครื่องเทศ อาหารแคชเมียร์ก็ไม่ยากเลยสำหรับคุณ – และที่ดีไปกว่านั้น คือพ่อบ้านที่บ้านเรือ พอจะทำกับข้าวไทยง่ายๆอย่างไข่เจียว ผัดผักได้ แถมแกงไก่และซุปผักของเค้าก็อร่อยดีใช้ได้เลยทีเดียว
5. ภาษา – ภาษาอังกฤษใช้สื่อสารกับผู้คนในแคชเมียร์ได้ดี (ขนาดกับคนอินเดีย คนแคชเมียร์ก็พอใจที่จะพูดอังกฤษใส่มากกว่าภาษาฮินดี)
6. ผู้คน – หนุ่มหล่อ สาวสวย นัยน์ตาชวนฝัน (เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่ประเด็นสิ 555) ผู้คนใจดี ส่วนตัวที่เจอมาทั้งคุณพ่อเจ้าของที่พัก คุณลูกชาย และคุณพ่อบ้าน คนขับรถ ผู้คนที่เจอใจดี ไม่โกง เจอนิดๆตอนเดินช๊อปปิ้งในเมือง แต่โดยรวมถือว่า ผู้คนน่ารัก
7. ความปลอดภัย – โคตรปลอดภัย ทหารเดินถือปืนกลเต็มเมือง! รถถังรถทหารเพียบ ด้วยความยังเป็นพื้นที่คุกรุ่นจากปัญหาภายใน (ไปค้น google ดูเนอะ) แต่ส่วนตัวคิดว่า มันไม่ได้ “เป็นพื้นที่สีแดง" หรือเสี่ยงอะไรขนาดนั้น โดยรวมส่วนตัวถือว่า ปลอดภัยค่ะ เที่ยวได้ ก่อนไปก็ดูอัพเดทข่าวสารซะหน่อยก็ดี เหะๆๆ
8. ที่พัก – แนะนำให้จองบ้านเรือ!!! ยังไงก็ขอให้ลองค่ะ โมเมนท์ที่ได้นั่งจิบชาสายตาทอดมองไปเบื้องหน้าสู่ทะเลสาบและยอดเขาอยู่ลิบๆ ... มันสุดยอดมาก!
9. ของฝาก – ผ้าแคชเมียร์! –ของแท้ไม่ใช่แค่ลอดแหวนได้ ของแท้ก็คือของแท้ แนะนำซื้อกับร้านที่มีการรับรอง ได้ลองจับของปลอมแล้ว โห นี่ขนาดปลอมนะ มันนุ่มมาก แต่พอได้จับของแท้ ก็เหอ... มันต่างกันอยู่นะเธอ!-ซื้อฝากเพื่อนฝากฝูง ซื้อเป็นผ้าวูลหรือฝ้ายลายสวยๆก็เริ่ดค่ะ เสื้อแบบแคชมีรีปักลายละเอียดยิบ ก็ดีงาม พวกน้ำมันแอพริคอท แอพริคอทแห้ง ก็ดี ไม่แพงด้วย แอลมอนด์สด/แห้ง หรือแบบน้ำมันก็เริ่ดค่ะ ถ้าใครชอบทำอาหาร ทำขนม หญ้าฝรั่น (Saffron) ของแคชเมียร์ก็ถือว่าคุณภาพดีระดับโลกเลยทีเดียว (ไม่แพงด้วย)
10. *ทิป* อันนี้สำคัญ! ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถ คนจูงม้า คนพายเรือ หรือพ่อบ้าน จะไม่เขินอายเลยเวลาเอ่ยปากขอทิป – ส่วนตัวนี่ยินดีให้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจด้วยเพราะบริการดี ทำงานด้วยใจมากๆค่ะ แต่ใครไม่รู้อาจจะรู้สึกแปลกๆเวลาโดนทวงถามถึงทิป นี่ไม่รู้สึกแปลก รู้สึกดีที่เขาถามด้วยค่ะ 555 เพราะไม่แน่ใจ ทิปดีไหม๊ว๊า เค้าจะรับไหม๊ 555 (ทิปมาตรฐาน ประมาณ 100-200 รูปี หรือแล้วแต่เห็นสมควรค่ะ อย่างพ่อบ้านที่บ้านเรือ ทิปไปวันละ 100รูปี (50บาท) / คน ก็คนละ 500 /2 คนพ่อบ้านได้ไป 1 พันรูปียิ้มไม่หุบเลย)
Day 2: 11 APR – ออกเดินทางจากเดลลีสู่ศรีนาการ์-ชมทุ่งทิวลิปอลังการงานสร้าง – ชมสวนสไตล์โมกุล – พักบ้านเรือแสนโรแมนติก!
ใช้บริการ Jet Airways เป็นครั้งแรก (บินจาก กทม. มาส่วนตัวคิดว่าดีนะ) ถามว่า เต็ม 10 นี่ให้ Jet 8 คะแนนเลย บริการ / เครื่อง / ความสะอาด / อาหาร ดีงามนะไม่แย่เลย ผู้โดยฯแขกก็ดี แอร์ฯแขกก็ดี แถมโชคดีไม่เจอ “อาวุธชีวภาพทางกลิ่น" เลยตลอดการเดินทาง (หรือชินก้ไม่รู้) 555
นั่งสวยๆ 1 ชั่วโมง40นาที ก็จะเข้าสู่เขต Jammu Kashmir เริ่มเห็นภูเขาหิมะ สวยมากๆ และกัปตันก็บินต่ำมากพอควร เหมือนอยากจะให้ผู้โดยฯได้สัมผัสความงามของภูเขาหิมะ – เวลา 12:05 น. เราก็แลนดิ้งอย่างสวยงาม ณ สนามบิน ศรีนาการ์, แคชเมียร์
ชมทุ่งดอกทิวลิปอลังการงานสร้าง Indira Gandhi Memorial Tulip Garden
ในเดือนเมษายนของทุกปี แคชเมียร์จะมีการจัดงานเทศกาลดอกทิวลิปบาน สวนทิวลิปขนาดใหญ่ของแคชเมียร์ได้ชื่อว่าใหญ่ติดอันดับ 1 ของเอเชียแปซิฟิค และเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของแคชเมียร์อีกด้วยค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ในสวนทิวลิปประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ยังเดินได้ไม่ทั่วทุกส่วนเลยค่ะ 555 หมดแรงซะก่อน!
ขอแนะนำ New Jacquline Houseboats ( http://www.newjacqulinehouseboats.com/ ) ไปเจอโรงแรมนี้เข้าด้วยความบังเอิญของโลก
คือตั้งใจว่าจะจอง Jacqueline Houseboats ที่ Dal Lake ตามที่มีคนแนะนำมา
ทีนี้ Google ดู เอ้า ไปเจอเจ้านี้เข้า ส่งเมลล์ไปถามดู ปรากฏว่าถูกใจในความเร็วและคำตอบที่ครบถ้วนไม่งอแง
ก็เลยตัดสินใจทันทีจองกับที่นี่ทั้ง 5 วันและก็ไม่ผิดหวังค่ะ!
เจ้าของคือคุณพ่อ ชื่อ Mr. Maqsood Madari ตอนนี้ให้ลูกชายคนโตช่วยดูแลกิจการอยู่ ชื่อ คุณสามี! (555) หนุ่มแว่นสูงหล่อ หน้าตาดี ภาษาอังกฤษดีมากและมีภรรยาแล้ว วะฮ่ะๆๆๆ
แพคเกจที่เราเลือก คือแพคเกจทัวร์ 5 วันค่ะ แบบรวมอาหารเช้าและเย็น ไม่มีไกด์ คนขับรถพูดอังกฤษได้ และคอยช่วยเหลือดี รถที่ใช้ก็ดีเป็น Toyota Camry นั่งกันสองคน สบายสุดๆ!
*Tips* Nigeen Lake กับ Dal Lake มีบ้านเรือเป็นโรงแรมให้บริการอยู่หลายเจ้าค่ะ ใครชอบคึกคัก ใกล้ร้านค้า ร้านอาหาร เลือก Dal Lake นะคะ แต่ใครชอบเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เลือก Nigeen Lake ค่ะ
เฮ้อ.................ขออยู่อย่างนี้ทั้งวันก็ได้นะ
ตื่นเช้า อากาศเย็นๆ เย็นจนหนาวนะ ... คว้าเสื้อแจ๊กเก็ตได้ออกมาก็เจอลุงอัคบาร์ยืนรอยิ้มเผล่ถาม “What would you like for breakfast, mam?" อะฮือ นึกว่าอยู่โรงแรมเชอราตัน 555
เช้านี้ได้กินชานมกับขนปังอบแบบแคชมีรี ก็อร่อยดีนะ มีไข่เจียวด้วย อัคบาร์บอกว่าเย็นนี้จะทำอาหารไทยให้ลองชิม (เมื่อคืนแรกโดนอาหารแขกไปแล้ว 555) นั่งจิบชานม ดมอากาศยามเช้าได้สักพัก ก็ต้องออกเดินทางเพราะอะแจซมารับตอน 9โมงเช้า
ระหว่างทางไปSonamarg วิวทิวทัศน์สองข้างทางสวยสดงดงาม แต่ที่พลาดไม่ได้ก็เจ้าทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองสดนี่ล่ะค่ะ!
เดชะพระเจ้าทรงโปรดค่ะ มีชายหนุ่มวิ่งตามมา คงเห็นสองป้า ทำท่าทางจะปีนเขาเอาจริงๆ เลยวิ่งมาเสนอราคาที่ 2 คน 1,000 รูปี พี่นี่รีบตกลงเลย 555 ไม่ต้องเดินละเว้ย!!
พี่ม้าพร้อมคนจูง พาเดินไต่ระดับถนนลาดชันผ่านสองข้างทางที่เป็นลำธารน้ำและภูเขาหิมะสวยงาม ...
อันนี้คุณพ่อ ภูมิใจนำเสนอ - Pashmina 100% with hand embroidery ปักมือละเอียดยิบ ราคา $12,000!!! (ประมาณ สามแสนบาทฝ่าๆ) เข้าใจความรู้สึกของ "ไม่ได้กินดมกลิ่นก็ยังดี" มากๆณ จุดนี้! 555
วันนี้เรานั่งรถออกไปไกลนิดหน่อยค่ะ ราวๆเกือบ 2 ชั่วโมง วันนี้เราจะไป Pahalgam พาฮาลแกม แปลว่า หมู่บ้านคนเลี้ยงแกะ ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 2,740 เมตร เป็นโลเคชั่นยอดนิยมสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ของชาวอินเดีย
ประเภทนางเอกพระเอกร้องเพลงดึ๋งดึ๋ย วิ่งจากเขาลูกนั้นไปเขาลูกนู้น ... นั่นล่ะ พาฮาลแกม! 555
ระหว่างทางเราได้แวะ 2 จุด จุดแรกคือทุ่งดอกแซฟฟรอน หรือหญ้าฝรั่น วัตถุที่แพงที่สุดในโลก เมื่อเทียบตามน้ำหนัก แซฟฟรอนอย่างดีชนิดเกรดมหาราชาแค่ไม่กี่กรัม มีราคาสูงกว่าทองคำเสียอีก!
แต่อยากจะบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้ขี่ม้าปีนเขา!
ใช่แล้วค่ะ ปีนเขา ปีนจริงๆ ปีนแบบมุมเกือบ 90องศา รู้สึกเลยว่า “ม้าโคตรเทพ!" ฉลาดมากๆ มือไม้นี่เกาะบังเหียนแน่นเลย 555 รูปเริปไม่ได้ถ่ายเลยค่ะ กลัวหงายหลัง 555
(วิ่งไปมโนไปว่าตัวเองอยู่ในหนังเรื่อง Sound of Music 555)
Day 5: 14 APR – Gulmarg –โอ้แม่เจ้า นี่มันเทือกเขาแอลป์ชัดๆ! – ยามเย็นล่องเรือชิการ่าจิบชาชมทะเลสาบ Nigeen Lake
เช้านี้ด้วยความขี้เกียจอย่างไม่น่าให้อภัย เราตื่นสายจนอดไปดุตลาดเช้า ... ไม่เป็นไรเราจะกลับมาอีก 555
อินเดียก็มีสกีรีสอร์ท! ต่อไปนี้ถ้าเจอคนอินเดียได้เป็นแชมป์โลกสกีก็อย่าตกใจ! สำนักข่าว CNN ถึงกับยกย่องให้กุลมาร์คเป็นสุดยอดแห่ง Winter Sports Of India เลยทีเดียว แถมยังรั้งตำแหน่งอันดับ 7 ของสุดยอดสกีรีสอร์ทในเอเชีย กุลมาร์คไม่ใช่เล่นๆ จริงจังมาก ณ จุดนี้ (คู่แข่ง ญี่ปุ่นและเกาหลีเชียวนะ)
Gulmarg Gondola มีสองสถานีด้วยกัน เวลาซื้อตั๋ว จะมีเฟรส 1 และเฟรส 2 – เฟรส 1 คือจาก Gulmarg ถึง Kungdoor (ไป-กลับ 700รูปี) และ เฟรส 2 คือ จาก Kungdoor ถึงยอด Aparwath (ไป-กลับ 900 รูปี) เบ็ดเสร็จ 2 สถานีอยู่ที่ 1600 รูปี (800บาท)
สถานีสอง- Kungdoor ถึงยอด Aparwath ที่ความสูง 3,979 เมตร กระเช้าก็พาเรามาถึงจุดเกือบสูงสุดของยอดเขา Aparwath มองขึ้นไปอีกนิดจะเห็นจุดสูงสุดของยอดเขาที่ความสูง 4,200 เมตร (13,780 ft)
(รูปเหลืองเพราะกระจกกระเช้ามันเหลืองนะเออ...ของจริงมันช่างเจิดจ้ามาก เอาแว่นกันแดดดีดีติดไปด้วยนะจ๊ะ)
อีกอย่างคือการเช่ารองเท้าบูทยาง (200 รูปี-100บาท)เพราะการย่ำหิมะด้วยรองเท้าธรรมดาอาจจะไม่น่าโสภาสักเท่าไหร่ (ส่วนตัวมีรองเท้าเทรคกิ้งสะเทินน้ำสะเทินบกลุยหิมะได้เลยปลอดภัยจากการลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า 555)
กลับลงมาจากยอดเขาแอลป์ *ไม่ใช่*555 เราก็เดินทางกลับมาบ้านเรือของเราค่ะ
เย็นวันนี้เรามีนัดกับเรือล่องทะเลสาบยามเย็นกัน
เป็น 1 ชั่วโมงที่คิดว่า "คุ้มเกิน" แล้วสำหรับการมาเยือนแคชเมียร์ในครั้งนี้
วันเดินทางกลับคุณพ่อเจ้าของบ้านเรือยังทำซึ้ง เอากำไลไม้สีฟ้าวาดลวดลายสวยกับน้ำมันหอมในขวดจิ๋วมาให้ พร้อมกอดอีกหนึ่งที
"Don't forget your family is here" - โอ้โฮ! น้ำตาจะไหล...
*อยู่ต่อเลยได้ไหม๊ 555*
หวังไว้ว่าจะมาเยือนอีกคราในหน้าร้อน ... “Insha Allah" - แล้วแต่ประสงค์ของพระเป็นเจ้า
สุกรียา (ขอบคุณ) "แคชเมียร์"
*The End* and to be continue in next journey!
ฝากเพจนิด ติดตามกันได้ค่ะ : https://www.facebook.com/ww4travel/
กดไลค์เหอะ ... อยากเจอ 555
Will Work For Travel
วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.11 น.