ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการเริ่มต้นเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ของไทย ที่ตั้งใจมอบความสนุกสุขใจ แบบครบรสทั้งเที่ยวชม เที่ยวชิม เที่ยวช้อป ครบในงานเดียว ณ ใจกลางกรุงเทพฯ โดยปีนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ศูนย์กลางของการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ ทั้งด้านศิลปะ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์เหนือระดับร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “A Sense of Thai 2021 Presented by Tourism Authority of Thailand” (อะเซ้นส์ ออฟ ไทย 2021 พรีเซนเต็ด บาย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
จากซ้ายไปขวา สุวดี บุญตานนท์,สาริน รณเกียรติ,บรม พิจารณ์จิตร,ฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์,ณัฐพล กนกวลีวงศ์,ธัญชิตา อัตถากรโกวิท
ในคอนเซ็ปต์ ‘เที่ยวกลางเมือง รุ่งเรืองทั่วไทย’ Amazing ยิ่งกว่าเดิม ระหว่างวันที่ 1-18 เม.ย. 64 เพื่อเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวและพักผ่อนในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยนี้ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ระดับโลกของทุกคนในครอบครัว พร้อมร่วมใจกันฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นและผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยมที่ไม่ใช่แค่เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น
แต่นักท่องเที่ยวคนไทยสามารถสัมผัสกับการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์นี้ได้เช่นกันภายใต้มาตรการการป้องกันตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขอย่างรัดกุม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เล็งเห็นโอกาสที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์ และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาพลิกพื้นอีกครั้ง พร้อมส่งเสริมกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพชาวไทยให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วยเชื่อมั่นในทำเลที่ตั้งของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย และเล็งเห็นถึงศักยภาพความพร้อมในทุกด้าน จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมไทย รวมทั้งสินค้าและบริการระดับพรีเมี่ยม ตลอดจนกิจกรรมพิเศษมากมาย รวมไปถึงดีลสุดคุ้มจากผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวที่นำมารวบรวมไว้มากมายเฉพาะงานนี้ เรามั่นใจว่างานครั้งนี้จะสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพชาวไทย รวมไปถึงกลุ่มผู้นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศให้หันกลับมาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น
บรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เผยว่า “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี มีความตั้งใจที่จะจัดงานฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปีนี้ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดงาน “A Sense of Thai 2021 Presented by Tourism Authority of Thailand” ครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของไทย พร้อมสัมผัสกับความสมบูรณ์พร้อมด้านสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบรับความต้องการทุกรูปแบบการใช้ชีวิตทั้งช้อปปิ้ง วัฒนธรรม และการกินดื่ม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อีกทั้งมอบความสุข สนุกสนาน และความประทับใจกับกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้กลับมาคึกคัก ตลอดจนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้”
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนจะได้สัมผัสกลิ่นอายมนต์เสน่ห์แห่งเมืองเหนืออันเป็นรากฐานทางประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงามและมีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าภาคอื่นของไทยเริ่มกันที่ความสวยงามตระการตาของ Umbrella Forest ร่มพื้นเมืองนับร้อยอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ มีสีสันสวยงามและลวดลายต่างๆที่นำมาตกแต่งวางเรียงรายที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าฯ จากนั้นเมื่อเข้ามาภายในศูนย์การค้าฯ ที่บริเวณ Atrium Space ชั้น G ได้ถูกเนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็น Lanna Land ผ่านพื้นที่ 6 โซนมหัศจรรย์ดินแดนล้านนา
ไม่ว่าจะเป็น โซน ‘Bathing Buddha’ เชิญร่วมสรงน้ำพระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ได้อัญเชิญองค์พระมหามุนีศรีหริภุญชัย (องค์จำลอง) จากวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน ให้พุทธศาสนิกชนสักการะและสรงน้ำ ทั้งยังมีการจำลองประเพณี “ใส่ขันดอกอินทขิล” ที่สืบทอดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยเชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองพ้นภัยพิบัติ เกิดความร่มเย็นเป็นสุข และมีความเจริญรุ่งเรือง โดยภายในงานมีการเตรียมข้าวตอกดอกไม้ให้ผู้ร่วมงานนำไปกราบไหว้อีกด้วย
โซน ‘Long Flag Landmark’ จำลองประเพณี “แห่ไม้ค้ำโพธิ์จอมทอง” ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นเอกที่มีมานานกว่า 100 ปี ของชาวอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ตามความเชื่อว่า ไม้ค้ำเป็นส่วนหนึ่งในพิธีสืบชะตาราศี เป็นการค้ำชีวิตของตนเองให้ยั่งยืนนาน ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
และยังเป็นการค้ำจุลพระบวรพุทธศาสนา ดังนั้นในเทศกาลสงกรานต์หรือประเพณีปี๋ใหม่เมืองของคนล้านนา
ทุกคนจะต้องทำบุญสืบชะตาราศีของตน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่ตนเองได้มีชีวิตอย่างสงบสุข
โซน ‘Pavilion of the North’ เป็นการจำลองหมู่บ้านสันติชลอีกหนึ่งชุมชนท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะการโล้ชิงช้าม้ง ซึ่งนอกจากการเดินเยี่ยมชมบรรยากาศแล้ว ยังมีการจำลองชิงช้าม้งให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปแชร์ลงโซเชียลกันแบบรัวๆ รวมถึงการจำลองประเพณี “ตานตุง”
ซึ่ง “ตุง" หมายถึง “ธง” ในภาษาไทยกลาง ทำขึ้นเพื่อใช้ในงานพิธีทางพุทธศาสนาและงานมงคลต่างๆ ของชาวเหนือ ด้วยความเชื่อว่า ชายตุงจะพาขึ้นสวรรค์ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งล้านนา อีกทั้งในโซนนี้ยังมีการจำลองพระเจดีย์ทราย โดยลูกค้าสามารถนำตุงมาปักเพื่อเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย
โซน ‘Peace Mountain’ มีการจำลองภูเขา อีกหนึ่งจุดเด่นของบรรยากาศและธรรมชาติทางภาคเหนือที่โอบล้อมด้วยขุนเขา โดยลูกค้าสามารถสร้างสรรค์งานแฮนด์เมดดีๆ อย่างต้นไม้ จากโซนเวิร์กช็อปแล้วนำมาปัก เสมือนจำลองการปลูกป่า เติมพื้นที่สีเขียว สร้างความอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โซน ‘Thai Dessert Café by Sane Café’ พบกับคาเฟ่ขนมไทยที่มาเสิร์ฟความหอมหวานให้กับทุกท่านทั้งเมนูของหวานทั้งขนมสดและขนมแห้งและเครื่องดื่มแบบไทยๆ พร้อม Kids workshop ทำขนมลูกชุบ
ตั้งแต่การปั้นขึ้นรูปเป็นลายต่างๆและการทาสีสันให้กับลูกชุบ เพียงร่วมบริจาค 100 บาท เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทำลูกชุบ ระหว่างวันที่ 1-18 เม.ย. 64 เวลา 12.00 – 18.00 น. (จำกัดจำนวน 30 ชุดต่อวัน) โดยรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะนำไปบริจาคโครงการ Thai Fight COVID-19 ผ่านทางมูลนิธิ เตียง จิราธิวัฒน์
รวมถึงโซน ”Workshop” ที่จะจัดขึ้นตลอดการจัดงานของทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00–19.00 น. ที่ชั้น G เพียงร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา เพื่อเข้าโครงการ Thai Fight COVID-19 ผ่านทางมูลนิธิ เตียง จิราธิวัฒน์ สามารถร่วมทำตุงกระดาษ หรือต้นไม้กระดาษ เพื่อนำไปปักในโซนจำ ลองพระเจดีย์ทราย หรือในโซนจำลองภูเขา ส่วนในวันที่ 13–18 เม.ย. พบกับเวิร์กช็อป ‘Make your own Songkran Bath Bombs’ ภายใต้การจำลองบรรยากาศของเทศกาล
โดยในช่วงนี้ของทุกปีชาวล้านนาจะมีการขนทรายเข้าวัดในเทศกาลที่เรียกว่า วันสังขานต์ล่อง วันเนาว์ และวันเถลิงศก หรือที่เรียกว่า วันพญาวัน งานนี้จึงได้นำผง Bath bomb ที่มีสีเหมือนทรายมาให้ลูกค้าปั้นเป็นก้อนทรงกลม พร้อมใส่กลิ่นดอกไม้ไทย และปักตุงหรือธงลงไป หรือจะนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษจากร้านค้าภายในศูนย์ฯ วันที่ 1-18 เม.ย. ‘Songkran Collection Early Preview at Sretsis Store’
ครั้งแรกของการเปิดตัวคอลเลคชั่นสงกรานต์ประจำปี 2564 จากร้าน Sretsis ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ ‘Special Promotion and How-to Scarf Styling Demonstration by Jim Thompson’ รับส่วนลด 10% เมื่อช้อปผ้าพันคอ ผ้าไหมไทย ครบ 3,000 บาท จากร้าน Jim Thompson พร้อมร่วมชมการสาธิตวิธีการสไตลิ่ง และมิกซ์แอนด์แมทช์ผ้าพันคอกับลุคต่างๆ อีกทั้งตลอด
อีกทั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล ในวันที่ 11-12 เม.ย. การแสดงฟ้อนรำผสานศิลปะการเต้นแนวคอนเทมโพรารี่แดนซ์ ในชื่อชุด มนต์เสน่ห์ล้านนา พร้อมเติมความรื่นรมย์ด้วยการแสงดนตรีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ซึ่งมีสะล้อ ซอ ซึง ในทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตลอดจนช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 3-4, 10-11,13-18 เม.ย. 64 เวลา 12.00 -13.00 น./ 15.00-16.00 น./ 18.00-19.00 น.
นอกจากกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นนี้เพื่อเพิ่มสีสันให้ทุกคนได้สนุกกับการแต่งตัวช่วงหน้าร้อนนี้ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ได้ร่วมมือกับแฟชั่นแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายอย่าง Leisure Projects ในสไตล์ Modern luxury casual wears ที่ครั้งนี้นำเทรนด์เสื้อผ้ามัดย้อมมาสร้างสรรค์เสื้อยืดคอลเลกชั่นพิเศษ ‘Tie Dye Shirt by Leisure Projects’ ที่ออกแบบขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ด้วยเทคนิคการมัดย้อมจริง บนโทนสีที่หลากหลาย มีทั้งหมด 4 ลาย ซึ่งแต่ละลายได้นำไอเดียที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแต่ละภาคมาใส่ในการออกแบบ ได้แก่ ภาคเหนือ เน้นสีเขียว สื่อถึง ภูเขาเเละป่าที่อุดมสมบูรณ์ของภาคเหนือ, ภาคใต้ เน้นสีฟ้า สื่อถึงความสดใสของทะเลของภาคใต้,
ภาคอีสาน สื่อถึงภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำฝ้ายหรือผ้าไหม ไปย้อมกับ ดินภูเขาไฟให้ผ้ามีสีดินน้ำตาลอ่อนกับน้ำตาลแดง และภาคกลาง เน้นสีครามสื่อถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวง มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน โดยวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1-18 เม.ย. ที่ Pop up shop ชั้น G ราคา 990 บาท ทั้งนี้ ยังมีเหล่านักแสดงคู่จิ้นสุดฮอต จะมาร่วมทำกิจกรรมการกุศลประมูลเสื้อยืดกับเหล่าแฟนคลับ ในวันเสาร์ที่ 3 เม.ย. เวลา 15.00-17.00 น. พบกับ กร กรณรัสย์, เต้ ชยพัทธ์, มิวซ์ ณัฐวิทย์ และวันเสาร์ที่ 10 เม.ย. พบกับ คูเปอร์ ภัทรพสิษฐ์ และปอย กฤษณพงศ์ จากซีรี่ส์ "My Engineer มีช็อป มีเกียร์ มีเมียรึยังวะ" โดยรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายจะนำสมทบทุนโครงการ Help Thai Fight COVID-19 ผ่านทางมูลนิธิ เตียง จิราธิวัฒน์
ขึ้นมาที่ OPEN HOUSE ชั้น 6 พบกับงาน Thai Coffee Bean Community เอาใจคนรักกาแฟสด ด้วยการจัดนิทรรศการรวบรวมความรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์กาแฟ 4 ภาคจากทั่วประเทศไทย ทั้งวิธีปลูกและรสชาติที่แตกต่าง รวมถึงวิธีการทำกาแฟตั้งแต่เริ่มเก็บเมล็ดจนมาถึงการเป็นเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็น ภาคเหนือจากจังหวัดน่าน ภาคตะวันตกจากจังหวัดตาก ภาคตะวันออกจากจังหวัดเลย ภาคใต้จากจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งจัดให้มีสเตชั่นสำหรับให้ลูกค้าเข้าไปทดลองชิมจากไร่กาแฟทั้ง 4 ภาค ราคา 350 บาท และยังมีเมล็ดกาแฟจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านได้อีกด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรม Coffee bean Talk นำโดย คุณฟาน อัครินทร์ ศิวพรพิทักษ์ บาริสต้าหนุ่มผู้หลงใหลในศาสตร์กาแฟและหนึ่งในหุ้นส่วนร้าน Coffeeology พร้อมทั้ง คุณทอมมี่ ธนบัตร กายเยอร์ บาริสต้าหนุ่มมาดเท่ลูกครึ่งไทย-อเมริกันชื่อดัง ที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์กาแฟ 4 ภาคจากทั่วประเทศไทยและการปลูกกาแฟให้กับลูกค้า พร้อมร่วมทำเวิร์กช็อป Cold brew Workshop และ Drip coffee Workshop ในวันที่ 4, 11, 18 เม.ย. 64 เวลา 14.00–16.00 น. จำนวน 8 คนต่อวัน ราคา 2,500 บาทต่อท่าน อีกทั้งภายในบริเวณ OPEN HOUSE นี้ ยังถูกเนรมิตพื้นที่ให้เป็นสวนดอกไม้กลางกรุง โดย Sunset Flowers by TAT x Boonta Flower and Cafe พร้อมจุดถ่ายรูปมากมาย และสามารถเลือกซื้อดอกไม้สวยๆ ติดไม้ติดมือไปฝากคนที่คุณรักกันอีกด้วย
อกจากนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการท่องเที่ยว, โรงแรม และสปา ภายในงานยังได้จัด ‘Songkran Marketplace by Tourism Authority of Thailand’ โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-18 เม.ย. ที่บริเวณชั้น 2–3 ชวนให้ทุกคนมาช้อปแพจเกจทัวร์โรงแรม และสปาระดับพรีเมี่ยมทั่วประเทศ จากเหล่าผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว และเติมเต็มอรรธรสการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
ขอบคุณที่รับชม
นามสมมุติ
วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 19.28 น.